"แล้วฉันจะทำไงได้?" จิ่งชือเริ่มใส่อารมณ์ เธอวางตะเกียบลงอย่างรุนแรง "พ่อแม่ของฉันเป็นข้าราชการระดับสูงทั้งคู่ เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม หรือจะให้ฉันพาลูกสาวกลับมาให้คนอื่นซุบซิบนินทากันเล่นๆงั้นเหรอ?"
"เวยเวย พวกเราเป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดของกันและกัน" จิ่งชือดึงมือของตานอวี๋เวยมาจับไว้ เธอทำตัวออดอ้อนราวกับเด็กสาวมหาลัยกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสาว "เรื่องนี้จะให้พ่อกับแม่ของฉันรู้ไม่ได้เด็ดขาดรวมถึงอาเฉิงด้วย ได้ไหม?"
“ฉันรู้ ในตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะว่าเลิกกับอาเฉิง ฉันเองก็คงไม่เอาแต่อารมณ์ของตัวเองและหนีไปต่างประเทศและก่อเรื่องมากมายแบบนี้ แต่ฉันชอบเขามากจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่หย่าเพื่อเขาและกลับมาหรอก เวยเวยขอร้องล่ะ พวกเรารู้ใจกันมากที่สุด ตอนมหาลัยเธอคอยช่วยฉันในทุกๆเรื่อง ครั้งนี้ก็ยังจะเป็นแบบนั้นใช่ไหม?”
ตานอวี๋เวยเงยหน้าขึ้น เธอมองแววตาที่เอ่อล้นไปด้วยความหวังของจิ่งชือ เช่นเดียวกับช่วงมหาวิทยาลัย
ตอนที่เพิ่งขึ้นปีสอง จิ่งชือกล่าว หลังจากนี้จะพาตานอวี๋เวยไปเที่ยวประเทศแถบเอเชียตะวันออกทั้งหมดให้ทุกสถานที่เต็มไปด้วยความทรงจำของพวกเธอ ยินยอมที่จะแบ่งทุกสิ่งทุกอย่างให้กับตานอวี๋เวย แต่ไม่ได้รวมถึงลู่เจ๋อเฉิง
"ฉันชอบผู้ชายคนนี้มาก แบบมากที่สุด!" เมื่อกล่าวถึงแฟนหนุ่มของเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ่งชือนั้นดูเจิดจ้าและสดใส "ดังนั้นฉันไม่สามารถแบ่งอาเฉิงให้กับเธอได้ เวยเวย เธอคงจะไม่แอบขโมยเขาไปหรอกใช่ไหม?"
ชั่ววินาทีนั้นตานอวี๋เวยชะงักไปในทันที จากนั้นเธอยกมือขึ้นสาบานและพูดอย่างรีบร้อน "เธอวางใจได้ หากฉันแย่งหรือขโมยคนของเธอให้ฟ้าดินลงโทษฉันได้เลย หากว่าเธอแต่งงาน ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวคนแรกของเธอเลย!"
จิ่งชือชำเลืองมองตานอวี๋เวย เธอยิ้มอย่างมีความสุข "เธอจะมาสาบานอะไรกัน ซีเรียสอะไรขนาดนั้น ฉันก็แค่พูดเล่นเอง ฉันรู้ดีว่าเวยเวยจะไม่มีทางทำอย่างนั้น ฉันรู้จักและเข้าใจเธอดี!"
เวยเวยคิดอย่างขมขื่น จิ่งชือเข้าใจเธอ แต่ไม่เข้าใจว่าเธอรักลู่เจ๋อเฉิงมากมายขนาดไหน
ในคาบเรียน จิ่งชือแอบส่งภาพถ่ายให้กับตานอวี๋เวยดู เธอบอกว่านี่คือคนที่เธอต้องการจะจีบ ในภาพนั้นเป็นชายรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารับกับทรงคิ้วซึ่งดูหล่อเหลา ภาพถ่ายนั้นทำให้หัวใจของตานอวี๋เวยเต้นรัวอย่างไม่อาจต้านทาน
จิ่งชือเป็นเด็กคณะวิทย์ เธอมีผลการเรียนที่เยี่ยมยอด เป็นนักศึกษาชั้นแนวหน้าของจังหวัด เด็กผู้ชายครึ่งโรงเรียนไล่ตามจีบเธอทุกวัน แต่ความสามารถทางภาษานั้นไม่ค่อยดีนักที่จะใช้สมองและเขียนจดหมายรัก ท้ายที่สุดแล้วก็เข้าหาตานอวี๋เวยเพื่อขอความช่วยเหลือ
"เวยเวยไม่ใช่ว่าปกติแล้วเธอจะเขียนงานบทกวีหรอกหรือไง? ภาษาและวรรณกรรมของเธอจะต้องดีมากแน่ๆ เธอช่วยฉันหน่อยสิ!"
สำหรับคำร้องขอจากเพื่อนรัก แน่นอนว่าตานอวี๋เวยไม่สามารถปฏิเสธได้ ในชั่วข้ามคืนเธอก็ช่วยเพื่อนรักของเธอเขียนจดหมายรัก ถึงจะบอกว่าช่วยจิ่งชือ แต่จริงๆแล้วในจดหมายรักนั้นมีความรู้สึกของเธอแอบซ่อนอยู่ในนั้นเช่นกัน แต่ไม่มีใครรับรู้
นอกจากจดหมายรักแล้ว ตานอวี๋เวยยังให้จิ่งชือคิดกลยุทธ์และวิธีการรับมือต่างๆอีกด้วย แต่ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน จิ่งชือก็ได้ควงแขนของลู่เจ๋อเฉิงเดินมาหาและยืนตรงหน้าตานอวี๋เวยด้วยรอยยิ้มที่สดใส "เวยเวย ฉันจะแนะนำ นี่คือแฟนของฉัน ลู่เจ๋อเฉิง"
"เวยเวย เวยเวย?"
จิ่งชือโบกไม้โบกมือไปมาด้านหน้าของตานอวี๋เวย เธอบ่นพึมพำอย่างไม่ค่อยพอใจ "ฉันให้เธอช่วยออกความเห็น แต่เธอกลับนึกถึงเรื่องอื่น มันไม่น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?"
“มะ เมื่อกี้ฉันแค่กำลังนึกถึงเรื่องที่ร้าน” สติสัมปชัญญะของตานอวี๋เวยฟื้นคืน เธอยิ้มให้กับจิ่งชือเบาๆ "ได้สิ!"
“จริงเหรอ?” จิ่งชือดีใจมากและจุ๊บแก้มของตานอวี๋เวย "เวยเวย ฉันรักเธอ! ใช่แล้ว สำนักงานของอาเฉิงอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า ช่วงหลายปีมานี้พวกเธอได้ติดต่อกันบ้างไหม?"
"ฉันยุ่งขนาดนั้น จะมีเวลาที่ไหนไปติดต่อกับเขา" ตานอวี๋เวยกล่าวพลางคีบเนื้อปลาวางลงในจานของจิ่งชือ "และตอนนี้เขาเองก็มีชื่อเสียงโด่งดัง คดีที่รับมาก็คงจะยาก ฉันคิดว่าเขาเองก็คงไม่มีเวลาเหมือนกัน"
"ฉันคิดว่าพวกเธอยังติดต่อกันเสียอีก จะขอเบอร์เขาจากเธอเสียหน่อย!" จิ่งชือทำปากมุ่ย "ช่างเถอะ ฉันยังติดต่อกับเพื่อนมหาลัยอยู่บ้าง เดี๋ยวค่อยขอจากพวกเขาก็แล้วกัน"
ตานอวี๋เวยส่งเสียงอืมเป็นการตอบรับ
หลังจากนั้นจิ่งชือและตานอวี๋เวยก็พูดคุยกันในเรื่องต่างๆ
MANGA DISCUSSION