กบฏหัวใจ - ตอนที่ 2 เพื่อนรักกลับประเทศแล้ว
เมื่อเห็นตานอวี๋เวยพูดแบบนั้น คิ้วที่ขมวดแน่นของลู่เจ๋อเฉิงก็ค่อยๆคลายลง เขาหยิบแก้วกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาและจิบมัน
หลังจากส่งลู่เจ๋อเฉิงที่ทานอาหารเช้าเสร็จออกไปด้านนอกแล้ว ตานอวี๋เวยจึงเริ่มทำความสะอาดคอนโด เธอฉีดสเปรย์ปรับอากาศเพื่อกลบกลิ่นน้ำหอมของตนเอง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าภายในคอนโดไม่หลงเหลือร่องรอยของตัวเอง เธอจึงลากกระเป๋าเดินทางออกจากคอนโด
ตานอวี๋เวยเดินออกจากคอนโด เธอลากกระเป๋าเดินไปตามเส้นทาง เธอเดินผ่านเขตป่าไผ่จากนั้นเธอก็ถึงคอนโดอีกแห่งหนึ่ง
หนึ่งปีก่อน เธอรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งและมันมากพอที่จะซื้อคอนโดในเขตชุมชนนี้ และคอนโดนี้ห่างจากคอนโดของลู่เจ๋อเฉิงเพียงสองอาคารกั้นกลาง บางทีเธออาจเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเช่นนี้ และคงเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของเธอดังนั้นเธอจึงเลือกซื้อคอนโดแห่งนี้ที่อยู่ข้างๆเขา
เมื่อเธอถึงคอนโดแล้ว ตานอวี๋เวยหยิบเสื้อผ้าของเธอออกมาแขวนในตู้เสื้อผ้า หลังจากที่จัดของเสร็จสรรพ เธอเดินไปยังห้องอาบน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา จ้องมองภาพสะท้อนของตนเองอยู่หน้ากระจกและพูดว่า "มันผ่านมาสี่ปีแล้ว ตานอวี๋เวย เธอควรจะพอได้แล้ว"
ถึงเวลาแล้วที่จะเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง
……
ตานอวี๋เวยทำงานอยู่ร้านขายรองเท้าแบรนด์เนมแห่งหนึ่ง เมื่อต้นปีนี้เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าเขตของเขตนี้ เว้นแต่ช่วงสองเดือนที่เป็นช่วงไฮซีซั่นที่เธอต้องการคนมาช่วยเหลือเพิ่มเติม ส่วนช่วงเวลาอื่นๆก็ไม่มีอะไรให้เป็นกังวล โดยปกติแล้วเธอก็พักอาศัยอยู่ที่คอนโดนั้นกับลู่เจ๋อเฉิง
ในตอนนี้เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าเธอจะไม่ไปพบหน้ากับลู่เจ๋อเฉิงและจะไม่คิดถึงเขาอีก จะทุ่มเทและใส่ใจกับงานของเธอ ส่วนลู่เจ๋อเฉิงเองก็กำลังยุ่งอยู่กับคดี เขาไม่โทรศัพท์หาเธอเลยด้วยซ้ำ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว ใกล้ถึงเวลาที่การจัดโปรโมชั่นสินค้าครั้งใหญ่ของตานอวี๋เวยจะสิ้นสุดลง
"เสี่ยวหลิน เธอไปโกดังแล้วนำแบบสินค้าเหล่านี้ออกมาหน่อย ด้านล่างของชั้นวางด้านบน…" ช่วงเช้าตรู่ ตานอวี๋เวยยังคงวุ่นวายอยู่ในร้านเช่นเคย เมื่อเสียงคำสั่งเพิ่งจะพูดออกไปเพียงสองประโยค สายโทรศัพท์ของจิ่งชือก็โทรเข้ามา
"เวยเวย ฉันมาถึงแล้ว เธอมารับฉันได้หรือเปล่า?"
ตานอวี๋เวยชะงักไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งชือจะกลับมาไวขนาดนี้ เธอตอบรับเพื่อนรักของเธอ จากนั้นเธอออกคำสั่งแก่ลูกน้องและขับรถไปยังสนามบิน
ประมาณหนึ่งชั่วโมงถัดมา รถก็มาถึงสนามบิน
ตานอวี๋เวยมองเห็นร่างผอมเพรียวจากระยะไกล เธอลงจากรถและตะโกนเรียก จิ่งชือที่ยืนอยู่รีบลากกระเป๋าและวิ่งเข้ามาหาเธอ กอดตานอวี๋เวยไว้แน่น
หลังจากที่จิ่งชือกอดแล้ว เธอจับตานอวี๋เวยไว้และขยับตัวเพื่อนรักเพื่อมองซ้ายมองขวา เธอพูดอย่างปวดใจว่า "เพียงแค่ไม่กี่ปี จากความงดงามที่ยิ่งใหญ่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมเธอผอมจนแทบไม่มีเนื้อขนาดนี้! คงไม่ใช่เพราะมีแฟนแล้วถูกแฟนทารุณหรอกใช่ไหม?"
ตานอวี๋เวยหลบสายตา เธอยิ้มอย่างเก้ๆกังๆ "ที่ไหนกันล่ะ คงเป็นเพราะงานฉันมีความกดดันมากไป"
เธอกลัวสายตาที่จับผิดของจิ่งชือ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยสีหน้าสงบนิ่งและผละออกจากเธอ เมื่อตานอวี๋เวยขับรถเข้ามาในเขตเมืองก็เป็นเวลาประมาณเที่ยงแล้ว ตานอวี๋เวยจึงหาร้านอาหารเสฉวนเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเธอ
รสเผ็ดและความอร่อยของอาหารเสฉวนดึงดูดจิ่งชือในทันที เธอคีบตะเกียบและทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่เธอทานเธอก็บ่นว่าอาหารในเมลเบิร์นนั้นไม่อร่อยเลย มันทรมานคนทานเผ็ดอย่างเธอ
ตานอวี๋เวยรับฟังอย่างสงบนิ่ง เธอตอบกลับบ้างเป็นครั้งคราวและคอยช่วยเพื่อนรักของเธอแกะก้างปลา
หลังจากนั้น จิ่งชือนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เธอพูดต่ออีกว่า "ฉันกับจานมู่ซือแม้ว่าจะหย่ากันแล้ว แต่ศาลตัดสินยกลูกสาวให้กับเขา จานมู่ซือสัญญาว่าในหนึ่งปีเขาจะให้เงินสามล้านดอลลาร์กับฉันและไม่ให้ฉันไปเจอหน้าลูกสาว"
"อะไรนะ?" ตะเกียบของตานอวี๋เวยหยุดนิ่งอยู่บนจานอาหาร เธอหันไปมองจิ่งชือ "แล้ว เธอตอบไปว่าอะไร?"
“ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ แน่นอนว่าฉันตกลง!” จิ่งชือยักไหล่ สีหน้าของเธอดูเฉยเมย "เดิมทีฉันเองก็ไม่ได้ชอบจานมู่ซืออยู่แล้ว มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการพลาดท้องในคืนวันไนท์สแตนด์ ทำแท้งก็กลัวจะทำร้ายร่างกายตัวเอง ดังนั้นฉันเลยปรึกษาและพูดคุยกับเขาแล้วก็แต่งงานกันที่นั่น"
"ลูกสาวคนนั้นแม้ว่าฉันจะให้กำเนิด แต่ฉันก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ จะพากลับมาก็คงไม่ดี ปล่อยให้จานมู่ซือเลี้ยงนั่นแหละดีแล้ว ฉันยังได้เงินอีกสามล้านดอลลาร์ในทุกๆปี มันมีอะไรแย่ตรงไหน?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตานอวี๋เวยขมวดคิ้วแน่นและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ถึงอย่างไรก็เหอะเด็กคนนั้นเป็นลูกในไส้ของเธอ เธอทำแบบนี้…."