คําพูดนี้ไม่รู้ว่ามีเจตนาหรือไม่ เห็นเพียงชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเม้มริมฝีปากบางแน่นขึ้น ราวกับเส้นสองเส้นที่ถูกแช่แข็ง แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย
จิ่งซือร้องออกมาด้วยความอิจฉา เธอมองไปที่ลู่เจ๋อเฉิงอย่างเศร้าโศก " แม้ว่าฉันจะทําอาหารไม่เป็น แต่ฉันสามารถให้ความอบอุ่นแก่คุณได้ อาเฉิง ไม่อย่างนั้นฉันจะย้ายไปอยู่กับคุณ โอเคไหม? ”
" แค่ก แค่ก! " ตานอวี๋เวยสําลักชาข้าวบาร์เลย์จนหน้าแดง
เหอจิ่นเหยียนตบหลังเธอเบาๆ แล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า " เวยเวย ไม่เป็นไรใช่ไหม? "
ตานอวี๋เวยส่ายหัวและกัดริมฝีปากของเธอ " ไม่เป็นไร ”
" อาเฉิง " เมื่อเห็นว่าลู่เจ๋อเฉิงไม่ตอบจิ่งซือก็ดึงแขนเขาแล้วส่ายไปมา " ได้ไหม! "
ลู่เจ๋อเฉิงพูดอย่างเฉยเมย " อืม อีกไม่กี่วันค่อยว่ากัน ”
จิ่งซือเบ้ปาก ทําท่าไม่พอใจมาก เกรงว่าลู่เจ๋อเฉิงจะบอกไม่กี่วัน อีกไม่กี่วันก็จะลืมไปแล้ว
แม้ว่าปูจะอร่อย แต่ตานอวี๋เวยกลับนั่งไม่ติดราวมีเข็มทิ่มแทงจริงๆ รู้สึกไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อเลย
ถ้าหากรู้แต่แรกว่าจะเจอลู่เจ๋อเฉิงกับจิ่งซือ เธอคงไม่มาหรอก
ต่อมาเหอจิ่นเหยียนไปจ่ายเงิน บอกว่าจิ่งซือเพิ่งกลับมา เขาในฐานะแฟนของตานอวี๋เลี้ยงข้าวก็สมควรแล้ว จิ่งซือแค่นเสียงแล้วกลอกตาใส่เขา " งั้นอาหารมื้อนี้ของนายยังไม่พอหรอก! "
เหอจิ่นเหยียนยิ้ม " ถ้าไม่พอ ก็จะเชิญมาเลี้ยงอีกกี่ครั้ง "
" ต้องประมาณนั้นแหละ! "
ตอนที่ออกไป จิ่งซือจูงตัวตานอวี๋เวยเดินนําหน้า
หลังจากมองไปด้านหลังก็พบว่าชายสองคนนั้นอยู่ไกลจากกันอยู่บ้าง จิ่งซือถึงได้กระซิบข้างหูของตานอวี๋เวย " เวยเวย เธอมีเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนร่วมชั้นเก่าคนนั้นของอาเฉิงไหม? "
ตานอวี๋เวยถามด้วยความสงสัย " ไม่มี มีอะไรหรือเปล่า "
" ไม่ใช่เพราะอาเฉิงหรอกหรือ! " จิ่งซือหุบปากแล้วพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า " ฉันรู้มาว่าเขาเคยอยู่กับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน "
เมื่อตานอวี๋เวยได้ยินเธอพูดแบบนี้ ในใจก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ รองเท้าส้นสูงเตะหินจนเกือบจะล้มลงไป จิ่งซือประคองเธอไว้อย่างมั่นคง " เวยเวย เธอเดินดูหน่อยสิ ทางนี้เล็กเป็นหินเดินลำบาก ”
" ฉัน ฉันไม่มีจริงๆ " ตานอวี๋เวยพยายามไม่ทำให้ตัวเองตื่นตระหนก ทำน้ำเสียงให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ " เขามักจะพาภรรยาของเขามาซื้อรองเท้าที่ร้านของฉันเท่านั้น พวกเราไม่สนิทกันขนาดนั้น "
พอเหลือบมองจิ่งซือแวบหนึ่ง ตานอวี๋เวยก็พูดต่อว่า " หรือว่าเธอจะเป็นห่วงมากเกินไป สื่อยังจับเขาไม่ได้เลยว่าหลายปีมานี้เขาอยู่กับผู้หญิงคนไหน แล้วเธอจะรู้ได้ยังไง "
" บนเตียงของเขามีหมอนสองใบ หนึ่งในนั้นมีกลิ่นน้ำหอมกุชชี่ แค่นี้ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกเหรอ? "
จิ่งซือกลอกตาแล้วพ่นลมออกจมูก " อีกอย่างน้ำหอมกุชชี่แบบนั้นฉันเคยใช้ตอนเรียนมหาวิทยาลัยคุ้นเคยมาก ”
ในใจของตานอวี๋เวยยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
เพราะลู่เจ๋อเฉิงบอกว่ากลิ่นของกุชชี่ฟลอร่านั้นไม่เลว เธอฉีดเป็นครั้งคราวตอนไปหาเขา ตอนแรกคิดว่า ก่อนกลับก็ทําความสะอาดทุกอย่างแล้ว แต่กลับลืมผ้าห่มและหมอนบนเตียงไปเลย
จิ่งซือยังคงบ่นพึมพําว่า " สื่อจับไม่ได้นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าทั้งคู่มีเจตนาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ถูกเปิดเผย ปกติต้องระวังตัวมาก โธ่เอ๋ย เวยเวย ถึงเวลานั้นถ้าเจอเพื่อนร่วมชั้นเก่าคนนั้นอีกครั้งเธอช่วยถามเบอร์โทรศัพท์ให้ฉันหน่อย โอเคไหม? ”
ตานอวี๋เวยไม่เคยเห็นจิ่งซือเป็นแบบนี้มาก่อน เขากังวลและระแวดระวัง ราวกับกลัวว่าผู้ชายของเขาจะถูกคนอื่นแย่งไป " เธอก็รู้ ฉันอยู่กับอาเฉิงอย่างยากลําบาก ไม่อยากให้ความรู้สึกนี้ถูกทําลายจริงๆ "
" จิ่งซือ ถ้า " ตานอวี๋เวยกัดริมฝีปากเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถามจิ่งซือว่า " ถ้าลู่เจ๋อเฉิงมีผู้หญิงคนอื่นจริงๆ แถมยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเราอีก เธอจะทําอย่างไร? ”
" ขอเพียงเขาไม่พัวพันกับอาเฉิงอีก เรื่องในอดีตฉันจะทำเป็นไม่เคยเห็น " จิ่งซือพูดพลางจูงตัวตานอวี๋เวยเดินไปข้างหน้า " พูดตามจริง ฉันหวังว่าฉันไปต่างประเทศตอนนั้น เวยเวย เธอกับอาเฉิงอยู่ด้วยกัน…"
MANGA DISCUSSION