Yusha ni naritai shojo to, yusha ni narubeki kanojo [ฉันคือคนที่อยากจะเป็นผู้กล้าและเธอผู้ที่ควรจะเป็นผู้กล้า] - ตอนที่ 5 บทท้ายเล่ม 1
บทส่งท้าย
หลังจากการทดสอบวัดผลที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย โรงเรียนผู้กล้าก็อยู่ในความสับสนวุ่นวายไปพักใหญ่ เรื่องเริ่มต้นจากการที่เอลิซ่าและดานิต้าแม่ลูก ถูกลงโทษเพราะนำความขัดแย้งส่วนตัวมาเกี่ยวกับการทดสอบ รุจิกะและเลโอนี่ ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์นี้ ถูกเรียกตัวไปให้ข้อมูลในที่ประชุมเพื่อตัดสินบทลงโทษของทั้งสอง
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว! ฉันแค่พยายามรักษาระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น!”
เอลิซ่าปฏิเสธความผิดและไม่ยอมรับว่าเธอทำผิด ส่วนดานิต้าลูกสาว กลับสารภาพทุกอย่างและยอมรับความผิด ทำให้เอลิซ่ายิ่งหมดหนทางที่จะปฏิเสธ แต่เธอยังคงประท้วงการตัดสินอย่างหนักหน่วง ทุกคนในที่ประชุม รวมถึงรุจิกะและเลโอนี่ ต่างเหนื่อยหน่ายกับการโต้เถียงจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ดานิต้า ลุกขึ้นและตบหน้าของเอลิซ่า
“หยุดทำตัวน่าสมเพชสักที! แม่จะไปสู้หน้าพ่อได้ยังไงถ้ายังเป็นแบบนี้!”
เสียงอ้อนวอนที่เต็มไปด้วยน้ำตาของดานิต้า ทำให้เอลิซ่ายอมสงบลง หลังจากนั้นไม่นาน เอลิซ่าก็ลาออกจากโรงเรียนด้วยตัวเอง
สำหรับดานิต้า แม้ว่าเธอจะถูกลงโทษให้กักบริเวณ แต่ความผิดของเธอถูกพิจารณาว่าเป็นผลมาจากการถูกบีบบังคับโดยเอลิซ่า หลังเหตุการณ์นี้ เธอเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองและแสดงออกถึงความอ่อนโยนมากขึ้น
มีเรื่องเล่าขานถึงเหตุการณ์หนึ่งในช่วงกักบริเวณของดานิต้า มีคนเห็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอเดินวนเวียนอยู่หน้าห้อง
“มีอะไรก็พูดมาเลย”
“…ขอโทษค่ะ ฉันไม่ขอให้เธออภัย แต่ฉัน…”
“ฉันไม่ให้อภัยหรอก”
“…ฮึก”
“แต่ถ้ากักบริเวณเสร็จแล้ว เธอต้องเลี้ยงข้าวฉัน”
“เอ๊ะ! ดานิต้า…”
“เลี้ยงเซตอาหารพิเศษแบบจานใหญ่ด้วยนะ”
“ค่ะ…ค่ะ! ได้เลย!”
ในส่วนของเลโอนี่ เธอได้รับคำชมอย่างมากจากโรงเรียนและผู้ปกครองของนักเรียนคนอื่นๆ เพราะการใช้เวทมนตร์เพื่อเอาชีวิตรอดในเกาะร้างเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยชีวิตเพื่อนร่วมชั้นไว้ได้ โรงเรียนเสนอข้อตกลงให้เธอรักษาความลับเกี่ยวกับเอลิซ่า โดยแลกเปลี่ยนกับการสนับสนุนอนาคตของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน…
รุจิกะยืนพิงผนังรอเลโอนี่ที่หน้าอาคารครูและเจ้าหน้าที่ เลโอนี่เดินออกมาด้วยสีหน้าสงบ
“เลโอนี่”
“รุจิกะ…รอฉันอยู่เหรอ”
“ใช่ แล้วเรื่องที่คุยล่ะ จบแล้วเหรอ”
“จบแล้ว โรงเรียนเสนอให้ฉันปรับเกียร์เพื่อมุ่งศึกษาเวทมนตร์ชีวิตประจำวันด้วยนะ”
ทางโรงเรียนฝึกฝนวีรบุรุษบอกว่า ตามที่อุปกรณ์ตรวจสอบความสามารถบ่งชี้ เลโอนีมีความสามารถด้านการใช้ดาบสูงสุด และโรงเรียนก็ยังคงยึดมั่นในหลักการที่ว่าอุปกรณ์นี้มีความถูกต้องแม่นยำ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็บอกด้วยว่าสามารถปรับแต่งอุปกรณ์นี้ได้ เพื่อส่งเสริมให้เลโอนีพัฒนาความสามารถทางเวทมนตร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปพร้อมกัน
“งั้นตอนนี้ เธอก็สามารถทำอะไรตามใจชอบแล้วสินะ ยินดีด้วยนะเลโอนี่
ฉันพูดเรื่องนี้ไปอย่างไม่ใส่ใจอะไร แต่ลีโอนี่กลับพูดอะไรบางอย่างที่ไม่คาดคิด
“แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว”
“เอ๊ะ?
ฉันอดไม่ได้ที่จะกระพริบตา
”ทำไมล่ะ? ทั้งที่เพิ่งจะมีโอกาสให้เลโอนีได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้วแท้ๆ
”อ่อ ขอโทษนะคะ ที่พูดไปแบบนั้น ความจริงแล้ว ฉันขออะไรที่มันออกจะโลภไปหน่อยน่ะค่ะ”
”โลภหรอ?”
”ใช่ค่ะ ฉันขอให้ได้ศึกษาทั้งการใช้ดาบและเวทมนตร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปด้วยน่ะค่ะ”
เลโอนีอธิบายต่อมาให้ฉันที่กำลังตกใจ
”ฉันชอบเวทมนตร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงนะ แต่ฉันก็ไม่อยากจะเลิกฝึกฝนการใช้ดาบที่เครื่องมือบอกว่าฉันมีพรสวรรค์ด้วยค่ะ”
เมื่อฉันถามว่าทำไม เลโอนีก็ตอบมาว่า
”ฉันอยากทำทั้งในสิ่งที่อยากทำและสิ่งที่ควรทำค่ะ ตั้งแต่ที่อยู่กับรุจิกะ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าการทำในสิ่งที่อยากทำมันสำคัญแค่ไหน แต่ฉันก็เป็นลูกสาวของผู้กล้าด้วย”
ดูเหมือนว่าเลโอนีจะยอมรับในคุณค่าของการทำในสิ่งที่อยากทำแบบที่ฉันทำ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ละเลยในสิ่งที่ควรทำด้วย เลโอนีบอกว่าการที่ทุกคนบนเกาะร้างขอบคุณเธออย่างเขินอายนั้นก็เป็นผลมาจากการที่เธอทำในสิ่งที่ “ควรทำ” นั่นเอง
”งั้นเหรอ ถ้าเลโอนีตัดสินใจแบบนั้นแล้วก็ดีแล้วล่ะ”
”รุจอกะเข้าใจความรู้สึกของฉันเสมอเลยนะคะ”
”ก็เพราะเป็นที่รักนี่นา”
”จ้าๆ”
”เชอะ น่าเบื่อจัง”
เลโอนีหัวเราะแห้งๆเมื่อเห็นฉันทำหน้าบึ้ง
“นี่ รุจิกะ เธอควรจะมาใช้เวลาอยู่กับพวกเราบ้างนะ”
“ขอโทษนะ วันนี้ฉันไม่สะดวกจริง ๆ ไว้วันหลังชวนอีกนะ”
ตั้งแต่เหตุการณ์ในช่วงสอบ ฉันเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อย่างที่เห็นชัดคือ เพื่อนเพิ่มขึ้น เด็กสาวผมทองทรงทวินเทลตรงหน้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้จะยังมีคนที่กลัวฉันอยู่มาก แต่ก็มีบางคนที่เริ่มสนใจฉัน อย่างเธอคนนี้
“พูดแบบนี้ หมายความว่าเกี่ยวกับเลโอนี่อีกแล้วล่ะสิ”
“ใช่แล้วล่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะละเลยพวกเธอนะ แค่ลำดับความสำคัญของเลโอนี่มันสูงมากก็เท่านั้น”
“เฮ้อ… เข้าใจแล้ว ถึงฉันจะเข้าใจว่าเธอหลงใหลเลโอนี่มาก แต่ถ้าเธอเกาะติดเธอเกินไป มันอาจจะได้ผลตรงข้ามนะ”
“หมายความว่าไง?”
“ถ้าดันแล้วไม่เวิร์กก็ต้องลองถอยดูบ้าง นี่เป็นสุภาษิตของมนุษย์นะ จำไว้ล่ะ”
“แต่สำหรับมุมมองของเผ่ามารล่ะก็ การดันอย่างเดียวคือวิธีที่ดีที่สุด… แต่ก็ขอบคุณนะ ฉันจะจำไว้”
“แล้วเจอกัน” ฉันกล่าวลาพร้อมกับเดินแยกออกมา
แม้ในโรงเรียนผู้กล้า ฉันยังถูกมองว่าเป็น “คนอันตราย” แต่ก็เริ่มมีคำเสริมว่า “แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่” มาเพิ่ม เดิมทีฉันคิดว่านี่มันเสียมารยาท แต่เมื่อเพื่อนเริ่มเพิ่มขึ้น ฉันก็เลือกที่จะไม่บ่นอะไร
ฉันมุ่งหน้าไปยังอาคารวิจัย เมื่อไปถึงห้องวิจัยที่ได้ข้อมูลมาก่อน ก็พบเลโอนี่กับนักเรียนอีกสองสามคนกำลังคุยกัน
“ตรงส่วนของวงเวทย์นี้ คิดว่าควรปรับเป็นแบบหลายชั้นไหมคะ?”
“ถ้าทำแบบนั้น ประสิทธิภาพเวทมนตร์จะลดลงมากนะ ถ้าจะเป็นของเล่นวิจัยก็พอได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องมือเวทมนตร์ ควรเน้นการใช้งานจริงมากกว่า”
“ก็จริง แต่ถ้าออกแบบโดยไม่มีความยืดหยุ่นตั้งแต่แรก มันจะไม่มีโอกาสพัฒนาต่อเลยนะ”
“ก็มีเหตุผล แต่…”
อืม พวกเขาพูดอะไรกัน ฉันฟังไม่เข้าใจเลย ถึงแม้เสียงระฆังบอกเวลาเลิกเรียนจะดังไปนานแล้ว แต่เลโอนี่กับพวกยังคงสนทนากันอย่างเข้มข้น คิดว่าอีกไม่นานเจ้าหน้าที่คงมาบอกให้หยุด ฉันจึงเลือกออกมารอข้างนอก
ถึงแม้เลโอนี่ยังคงถูกมองว่าอ่อนแอเกินไปสำหรับลูกสาวของผู้กล้า แต่ก็เริ่มมีคนยอมรับในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ในชีวิตประจำวัน” เธอเริ่มได้รับคำเชิญให้ร่วมงานวิจัย ซึ่งทำให้เวลาที่เราอยู่ด้วยกันน้อยลง ฉันแอบรู้สึกเศร้านิดหน่อย แต่ฉันเข้าใจและพยายามไม่ทำตัวเป็นคนผูกมัด
── ไม่คิดจะเข้าไปพูดกับเธอหน่อยเหรอคะ?
“เธอกำลังตั้งใจ ฉันไม่อยากไปรบกวน”
── อ้อ ทำตัวเหมือนเป็นคนรักที่เข้าใจจริง ๆ นะคะ
“โปรโต พูดจาแปลก ๆ อีกแล้วนะ… เอาเถอะ ว่าแต่เธอน่ะ จริง ๆ แล้ว…”
── อะไรเหรอคะ?
“…ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร”
ถึงจะสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับโปรโต แต่ฉันคิดว่าถ้าถามไป เธอก็คงไม่ตอบ เลยเลือกที่จะเงียบไว้
── อย่าบอกนะว่าจะสารภาพรัก?
“ไม่ใช่สักหน่อย!”
ฉันปล่อยให้ความสงสัยเรื่องโปรโตเป็นเรื่องของอนาคต
“รุจิกะ เดี๋ยวก่อน!”
“หือ? เลโอนี่?”
ฉันหันกลับไปตามเสียงเรียก เห็นเลโอนี่วิ่งตรงมาหา
“เห็นเธอเดินออกไปเลยตามมาน่ะค่ะ ถ้ามาถึงแล้วก็ต้องบอกฉันสิคะ”
“ก็เห็นพวกเธอยังคุยกันอยู่เลยไม่อยากขัด”
ฉันไม่คิดว่าเธอจะตัดบทสนทนาแล้วตามมาหาฉัน รู้สึกดีใจเล็ก ๆ
“เราตกลงกันว่าจะเอาไปคิดต่อแล้วคุยกันใหม่พรุ่งนี้ เพราะเวลาก็เย็นมากแล้ว”
“งั้นเหรอ”
เลโอนี่ดูสดใสมากขึ้น ความกระตือรือร้นในชีวิตก็ดูจะเพิ่มขึ้น ถึงแม้เธอยังมีปัญหากับวิชาดาบ แต่เธอก็สนุกกับการวิจัยเวทมนตร์ในชีวิตประจำวัน การฝึกดาบนั้นฉันเองก็ได้มีส่วนช่วยฝึกบ้าง ทำให้ฉันรู้สึกสนุกที่ได้เห็นเธอพัฒนา
นอกจากนั้น ฉันกับเธอยังได้รับอนุญาตให้เป็นคู่หูอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์นี้จะไม่สอดคล้องกับระบบการเลือกคู่ตามคำชี้นำของ “เกียร์” และยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่พอใจ แต่ฉันกับเลโอนี่ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้คนที่อยากพูดก็พูดไป
“แบบนี้แปลว่า เราจะเป็นคู่ชีวืตกันได้อย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหม?”
“ไม่มีทางอยู่แล้วค่ะ”
“อ้าว?”
ถึงจะหวังว่าเลโอนี่จะใจอ่อน แต่เธอยังคงเย็นชาและเล่นกับหัวใจฉันเหมือนเดิม
“เลโอนี่ เธอไม่ชอบฉันหรอ?”
“ถ้าไม่บอก นี่ก็ไม่รู้เลยหรอเธอน่ะ?”
“อะ ช่างเถอะ”
สายตาเย็นชาของเธอทำให้ฉันหงอย
“แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดเธอหรอกนะคะ รุจิกะ”
“งั้นเหรอ…เธอไม่ได้ชอบฉันอยู่ดีใช่ไหม…เอ๊ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก รุจิกะคนบ้า”
“โธ่”
นี่คือเรื่องราวในช่วงเริ่มต้น ที่เรายังไม่ได้มองกันและกันว่าเป็นคู่แห่งโชคชะตา เป็นเรื่องราวจุดเริ่มต้นทั้งหมดของเรา