WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2031
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2031
ตอนที่ 2,031 : ต้วนหลิงเทียนก่อเรื่องอีกแล้ว?!
หลังจากที่ต่งหลินเดินจากไป วังชินหั่วที่อื้ออึงปานตลาดสดก่อนหน้าก็ตกอยู่ในความเงียบงันราวคนตายอีกครั้ง
อาวุโสคุมกฏต่งหลิน ก้มหัวขอขมาต้วนหลิงเทียน?
ประกาศยกเลิกการจำกัดสิทธิ์ต้วนหลิงเทียนที่ไม่อนุญาตให้เข้าทำงานที่หอคุมกฏออกมาอย่างเป็นทางการ?
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จักไม่น่ากลัวไปหน่อยหรือ”
“ถึงแม้ข้าจะพอเดาได้แล้วว่าหลังจากความจริงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีรากวิญญาณสีน้ำเงินเปิดเผยออกมา ขออ้างในการจำกัดสิทธิ์ต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าของอาวุโสต่งหลิงจะกลายเป็นไร้ประโยชน์…แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าอาวุโสต่งหลินไม่เพียงแต่จะประกาศยกเลิกออกมาเท่านั้น ยังถึงกับก้มหัวขอขมาต้วนหลิงเทียนแบบนี้ได้!?”
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…ในบรรดาศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 170 คน ข้ายกให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่น่าเกรงขามที่สุดในใจข้าเลย!!”
“มิผิด…กระทั่งศิษย์ที่แท้จริงที่ได้อันดับ 1 ในทำเนียบยอดฝีมือ เกรงว่ายังไม่กล้าปฏิบัติกับอาวุโสต่งหลินอย่างก้าวร้าวไม่กริ่งเกรงได้ถึงขนาดนี้!”
…
เหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้งอาวุโสเพลิงทองแดงในวังชินหั่วในที่สุดก็ฟื้นความรู้สึก ใบหน้าทุกคนยังคงความตกใจไม่น้อย ขณะที่กล่าวออกมาอย่างทอดถอน
หลายคนถึงกับเรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าศิษย์พี่ด้วยน้ำเสียงเคารพยามเอ่ยถึงเขาอีกครั้ง
ในโลกที่ผู้อ่อนแอทำได้แค่ตกเป็นเหยื่อของผู้เข้มแข็ง ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมได้รับการนับถือ
และสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกระทำในวันนี้ ก็คือนิยามความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เรื่องนี้พาลให้เหล่าศิษย์ชั้นยอดในวังชินหั่วอดไม่ได้ที่จะเลื่อมไส
ในขณะที่เหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายกำลังกระซิบกระซาบกันนั้น
“นั่นเจ้าคิดไปจะไปไหน…ข้าให้เจ้าไปได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เสียงไร้แยแสของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้น และมันก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์ชั้นยอดให้หันกลับมองที่เขาทันที
และตอนนี้เองทุกคนก็ได้แลเห็นว่า
เฉินเผิง ซึ่งแต่เดิมคอยตามอยู่ด้านหลังต่งหลินต้อยๆ หลังจากที่ต่งหลินจากไปแล้ว มันกลับตีเนียนหมายเดินออกจากวังชินหั่วไปด้วยใบหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก
อย่างไรก็ตามก่อนที่มันจะทันได้เดินออกไปไหน กลับถูกต้วนหลิงเทียนหยุดขวางไว้เสียก่อน
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง!
ฉากขวางทาง!!
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าคิดจะทำอะไรอีก…เจ้ามีปัญหาอะไรกับข้า? ไม่ใช่อาวุโสต่งหลินก็ยกเลิกการจำกัดสิทธิ์เข้าทำงานที่หอคุมกฏของเจ้าไปแล้วหรือไง เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ!”
เฉินเผิงที่ถูกขวางทาง สีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาว แต่สุดท้ายมันก็เลือกจะเชิดหน้าขึ้นมากล่าวออกเสียงดัง ด้วยท่าทางถือดี
ในสายตาของมัน
ถึงแม้มันจะหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนออกมาจากก้นบึ้งของใจ แต่มันก็ไม่อาจเผยทีท่าอ่อนแออะไรกับอีแค่คำไม่กี่คำของต้วนหลิงเทียนได้ หาไม่แล้วหลังจากวันนี้มันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
“พอใจ? ฮ่าๆๆๆ…!!”
ได้ยินคำของเฉินเผิง อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ราวกับเขาพึ่งได้ฟังเรื่องขำขันที่สุดในใต้หล้า เสียงหัวเราะดังกังวานก้องไปทั่ววังชินหั่ว
ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อเสียงหัวเราะของต้วนหลิงเทียนหยุดลง เขาก็มองเฉินเผิงอีกครั้งด้วยสายตาเยียบเย็น “เจ้า…ล้อข้าเล่นหรือ!?”
“เจ้า…จะทำบ้าอะไร!”
เมื่อเห็นว่าสายตาของต้วนหลิงเทียนที่มองจ้องมากลับฉาบไปด้วยจิตสังหาร เฉินเผิงไม่กล้าเชิดหน้าวางตัวหยิ่งยโสใดๆอีก สีหน้ากลายเป็นหวาดผวาขวาดกลัว ขวัญหนีดีฝ่อ!
เรียกว่าหากเทียบกับการวางท่าถือดีอยู่เหนือของมันก่อนหน้าดั่งราชสีห์ตอนนี้มันก็เสมือนแมวเซา ต่างกันราวกับคนละคน!
“ในอีก 3 ลมหายใจหลังจากนี้หากเจ้ากล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว…ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าอยู่ไม่สู้ตายเป็นยังไง!”
ในขณะที่สีหน้าเฉินเผิงเปลี่ยนสีกลับกลาย ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สืบเท้าก้าวออก ย่นระยะถึงเบื้องหน้าเฉินเผิงในชั่วพริบตา
ครู่ต่อมาท่ามกลางสายตาของทุกผู้คนในวังชินหั่ว มือต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดออกไปปานสายฟ้าฟาด
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
…
ต้วนหลิงเทียนตบซ้ายทีขวาทีสลับไปมาอย่างรวดเร็ว! แต่ละฝ่ามือที่กระแทกฟาดตบ หน้าเฉินเผิงสะบัดหันไปหันมาทั้งส่งเสียงดังแสบปานประทัด!!
มือต้วนหลิงเทียนเคลื่อนไหวฉับไวยิ่ง ฉับไวจนทุกผู้คนเห็นเป็นภาพติดตาราวกับมีหลายมือ! เพียงชั่วพริบตาก็ตบจนหน้าเฉินเผิงปูดบวมปานหัวหมู!!
เห็นฉากตบหน้ารัวๆเช่นนี้ เหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้งอาวุโสเพลิงทองแดงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!
บางคนยังอดยกมือขึ้นมาลูบแก้มเสียไม่ได้
จังหวะนี้ต่อให้มือที่ฟาดตบของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ฟาดลงบนใบหน้าของพวกมัน แต่พวกมันยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาอย่างหวาดเสียว พวกมันยังจินตนาการออกได้ไม่ยาก…ว่าตอนนี้เฉินเผิงจะแสบหน้าถึงเพียงใด!
อย่างไรก็ตามแม้จะถูกตบจนหน้าบวมเหมือนหัวหมู แต่เฉินเผิงก็ไม่กล้าตอบโต้อะไร!
นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้า
หากในสามลมหายใจนี้มันกล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว มันจะได้รับทราบว่าอยู่ไม่สู้ตายเป็นเช่นไร!
มันไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำของต้วนหลิงเทียน
ดังนั้นแม้สองแก้มของมันจะถูกต้วนหลิงเทียนตบจนบวมช้ำเลือดเหมือนหัวหมู กระทั่งบัดนี้ยังชาไปจนรู้สึกราวกับใบหน้าของมันไม่ใช่ใบหน้าของมันอีกต่อไป เฉินเผิงก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่ตอบโต้
ทว่าลึกลงไปในแววตากลับเผยโทสะแค้นอันล้นปรี่ดั่งเพลิงไฟ!
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่มันต้องพบพานกับความอับอายถึงขนาดนี้!
เผียะ! เผียะ! เผียะ! เผียะ! เผียะ! เผียะ!
…
เสียงตบถนัดถนี่ยิ่งมายิ่งฟังหนักหน่วง และยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
พึ่งจะผ่านไปได้ 2 ลมหายใจทว่าฟันหน้าของเฉินเผิงยามนี้กลับร่วงหล่นหมดปาก กระทั่งฟันกรามก็สั่นคลอนจนแทบจะหลุดอยู่รอมร่อ!
หลังจากผ่านไปครบ 3 ลมหายใจ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็หยุดมือ
จังหวะนี้ไม่เพียงหน้าเฉินเผิงจะปูดบวมเหมือนหัวหมูช้ำเลือด ทว่าเลือดยังกบปาก เบื้องล่างปรากฏฟันนับยี่สิบกว่าซี่ร่วงตกอยู่บนพื้นวังชินหั่วอย่างสยดสยอง…
“หากเจ้ากล้าทำอะไรแบบนี้อีก ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าอยู่ไม่สู้ตายมันเป็นยังไง!”
หลังหยุดมือแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มองเฉินเผิงด้วยสายตาอำมหิตเยียบเย็น ค่อยตะคอกขับไล่มันราวหมูหมา “ไสหัวไป!!”
ไสหัวไป!!
เสียงตวาดขับไล่ของต้วนหลิงเทียนทำให้เฉินเผิงถึงกับหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ มันรีบกุลีกุจอวิ่งหนีไปทันที
หลังเฉินเผิงวิ่งออกจากวังชินหั่วไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันหลังกลับมา เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็เร่งรุดเปิดทางให้ต้วนหลิงเทียนได้เดินสะดวก ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึงโต๊ะรับรองโต๊ะเดิม กล่าวถามออกไปเสียงเรียบ “อาวุโส ตอนนี้ข้าสมัครทำงานที่หอคุมกฏได้รึยัง?”
“ได้! ย่อมได้!!”
อาวุโสเพลิงทองแดงประจำโต๊ะรับรองไหนเลยจะกล้าตอบว่าไม่! ทันทีที่มันรู้สึกตัวมันก็เร่งดำเนินการสมัครเข้าทำงานที่หอคุมกฏให้ต้วนหลิงเทียนทันที
กระทั่ง ต่งหลิน ที่เป็นคนจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ต้วนหลิงเทียนเข้าทำงาน สุดท้ายยังโดนต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไล่ต้อนจนสิ้นทาง ถึงขั้นต้องยอมก้มหัวขอขมา มันที่เป็นแค่อาวุโสเพลิงทองแดงตัวเล็กๆไหนเลยจะกล้าชักช้าจนทำให้ต้วนหลิงเทียนขัดใจ!
ในแง่พลังฝีมือมันไม่อาจเทียบต่งหลิน
กระทั่งในแง่ภูมิหลังมันก็ไม่มีอะไรจะเทียบต่งหลิน
หากมันยังเลือกตอบ ‘ไม่’ ให้เป็นที่ขัดใจต้วนหลิงเทียน มันไม่ใช่รนหาที่ตายหรือไร!
เช่นนั้นเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมากล่าวถามเรื่องสมัครงาน มันก็รีบดำเนินการทั้งหมดให้เสร็จสรรพด้วยความเร็ว
ด้านเฉินเผิงหลังจากที่ออกมาจากวังชินหั่วแล้ว มันก็ลูบปากไร้ฟันด้วยสองตาแดงฉาน ความเคียดแค้นชิงชังแทบจะพุ่งยิงออกมาเป็นลำแสง
‘ต้วนหลิงเทียน…ต้วนหลิงเทียน…ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไป! ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!’
ใจเฉินเผิงตะโกนกู่ร้องด้วยความอาฆาตแค้นไม่หยุดปานพายุกระหน่ำ
จังหวะนี้คล้ายมันลืมเลือนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ว่าไม่ใช่แค่มันทะลึ่งมาหาเรื่องต้วนหลิงเทียนก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นพลังฝึกปรือ ไหวพริบปฏิภาณ มันก็ไม่อาจเทียบต้วนหลิงเทียนได้เลย น่ากลัวว่าตลอดชั่วชีวิตนี้…มันไม่มีวันไล่ตามต้วนหลิงเทียนได้ทันอีกแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียนพรุ่งนี้เจ้านำเอกสารนี่ไปรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลของหอคุมกฏ สมควรมีศิษย์ที่แท้จริงทำงานรับเรื่องอยู่ที่นั่น…และตลอด 1 เดือนหลังจากที่เจ้าเข้าทำงานที่หอคุมกฏแล้ว เจ้าจำต้องพักอาศัยอยู่ในที่พักที่หอคุมกฏจัดให้ หากมิได้รับอนุญาตเจ้าไม่อาจออกจากหอคุมกฏได้โดยพลการ…”
อาวุโสเพลิงทองแดงเมื่อจัดการเอกสารเสร็จแล้ว ก็กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนออกมาในเวลาที่เหมาะสม
ขณะเดียวกันมันยังยื่นส่งม้วนเอกสารในมือให้ต้วนหลิงเทียน
“ขอบคุณอาวุโส”
หลังรับเอกสารและกล่าวคำขอบคุณแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันหลังเดินออกจากวังชินหั่วไปโดยไม่หันกลับมามองผู้ใด
หลังต้วนหลิงเทียนเดินออกจากวังชินหั่วไปได้ไม่ทันไร วังชินหั่วที่เงียบงันพลันกลับมาส่งเสียงอื้ออึงอีกครั้ง
ในวาจาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดคราวนี้ล้วนเต็มไปด้วยความยำเกรงต่อความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน
เรียกว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนออกจากวังชินหั่ว ทุกเรื่องราวที่บังเกิดขึ้นในวังชินหั่วก็ได้แพร่กระจายออกไปดั่งไฟลามทุ่ง เป็นเหล่าศิษย์ชั้นยอดในวังชินหั่วเร่งไปกระจายข่าวกับเหล่าสหายกันอย่างสนุกสนาน
“อะไรนะ!? ต้วนหลิงเทียนก่อเรื่องอีกแล้วเรอะ!!”
“ใช่! ข้ายังได้ยินมาว่า…ครั้งนี้ถึงกับมีเรื่องกับอาวุโสของหอคุมกฏอย่างอาวุโสต่งหลิน!”
“ว่าไงนะ อาวุโสต่งหลินงั้นเรอะ! มิใช่อาวุโสต่งหลินผู้นั้นมีความเป็นมาใหญ่โตหรือไร บิดาของมันเห็นว่าเป็นถึงรองจ้าวหอคุมกฏเลยนี่? เจ้าใช่กล่าวถึงอาวุโสต่งหลินคนเดียวกับข้าหรือไม่!?”
“มิผิด อาวุโสต่งหลินคนนั้นล่ะ”
“แต่ดูเหมือนคราวนี้ผู้ที่เป็นต้นเหตุจะมิใช่ต้วนหลิงเทียนนะ…ทว่าเป็นอาวุโสต่งหลินเองที่คิดจำกัดสิทธิ์ต้วนหลิงเทียนไม่ให้เข้าทำงานที่หอคุมกฏเพราะว่าต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณแค่สีเหลือง…”
“ใช่ ข้ายังได้ยินมาว่า…ต้วนหลิงเทียนถึงกับเปิดเผยพรสวรรค์รากวิญญาณที่แท้จริงออกมาต่อหน้าผู้คน! เจ้ารู้หรือไม่ว่ารากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่แท้เป็นสีอะไร…มันเป็นสีน้ำเงิน! นับว่าคราวนี้อาวุโสต่งหลินเสมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง ยังถึงขั้นต้องก้มหัวขอโทษต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!!”
“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆที่แท้ต้วนหลิงเทียนกลับมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน! ถ้างั้นเรื่องรากวิญญาณสีเหลืองในอดีตก็ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ!!”
“ให้ตายเถอะ ในแง่ไหวพริบปฏิภาณ ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงได้ถึง 4 สาย กระทั่งในแง่พรสวรรค์รากวิญญาณ ยังมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน! อนาคตของต้วนหลิงเทียนนั้นไร้สิ้นุสดนัก น่ากลัวจะทะยานขึ้นฟ้าได้มิยาก!!”
……
เพียงเวลาแค่สั้นๆ คนในลัทธิบูชาไฟก็ได้รับทราบเรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีน้ำเงิน ไม่ใช่สีเหลือง!
จังหววะนี้ทั้งลัทธิบูชาไฟแทบจะสะท้านสะเทือน!
ต้องทราบด้วยว่าในอดีตทุกคนรู้สึกว่าไหวพริบปฏิภาณต้วนหลิงเทียนเลิศล้ำเกินไป ถึงขั้นสามารถสำเร็จเวทย์พลังชั้นสูงได้ถึง 4 สาย พาลให้พวกมันอิจฉาต้วนหลิงเทียนกันไม่น้อย แต่ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนเสมือนอัจฉริยะที่ถูกฟ้าริษยา จึงมีเพียงรากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น
ทว่าว่ามาวันนี้พวกมันได้ตระหนักแล้ว ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองของต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นแค่ข่าวลือ!
เพราะพรสวรรค์รากวิญญาณที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนเป็นสีน้ำเงิน!
เรื่องนี้ทุกคนก็ตระหนักได้ไม่ยาก และเห็นได้ชัดจากตอนที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าพี่น้องสกุลหยวนโดยเฉพาะหยวนค่วงที่แท่นบูชานกไฟ ทว่าอาวุโสคุมกฏเพียงตัดสินให้เป็นการป้องกันตัว และโทษทัณฑ์ที่ได้รับก็บางเบาดุจขนนก
เพียงถูกส่งไปใช้แรงงานที่เขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 เป็นเวลาแค่ 10 ปีเท่านั้น
แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนไปใช้แรงงานอยู่ที่เขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 คนก็อยู่รับโทษได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ดันสำเร็จเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬอันเป็นเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬเสียแล้ว!!
เพราะเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงมีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และกลายเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เรื่องพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีน้ำเงิน แน่นอนว่าเพียงเวลาแค่ไม่นานก็แพร่กระจายมาถึงแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ทำให้คนของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ฮือฮากันครั้งใหญ่
“ว่าไงนะ พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่แท้เป็นสีน้ำเงินรึ!? เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์จำนวนมากล้วนมีอาการดุจเดียวกันหลังได้ยินเรื่องราวนี้ครั้งแรกทั้งสิ้น ต่างไม่เชื่อ!
เพราะเรื่องรากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีเหลืองมันถูกยืนยันจากเหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณที่แท่นบูชาจตุรลักษณ์ ทั้งกล่าวกันมานานทำให้ค่อนข้างฝังใจผู้คน
“ดูเหมือนว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะมีทักษะปกปิดพรสวรรค์รากวิญญาณไม่ผิดแน่…หาไม่แล้วไฉนผลการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณทั้ง 2 ครั้งวันนั้นของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนถึงมีผลออกมาเป็นรากวิญญาณสีเหลืองได้?”
เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์หลายคนกล่าวออกมาทำนองเดียวกัน
บทสนทนาของพวกมันยิ่งมาก็ยิ่งยำเกรงทั้งนับถือต้วนหลิงเทียนมากขึ้น!