World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 28 เก็บเกี่ยว
ตอนที่ 28 เก็บเกี่ยว
ห้อง 201
ห้องนั่งเล่น
เมื่อเห็นหวงปินถูกมัดอย่างแน่นหนา ฟางผิงก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาตำหนิตัวเองที่หุนหันพลันแล่นเกินไปหน่อย
เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าชายคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้
เมืองหยางเฉิงเป็นแค่หินให้ก้าวข้ามในสายตาของฟางผิง
แม้ว่าหวังจินหยางจะเป็นนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ แต่เขาก็ได้รับความเคารพอย่างสูง ท้ายที่สุดแล้วผู้ฝึกยุทธก็หาได้ยาก
ดังนั้นฟางผิงจึงสรุปว่า แม้ชายชั้นบนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ แต่ก็คงไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น
ผู้ฝึกยุทธขั้นต่ำที่พึ่งพัฒนามาจากคนธรรมดาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเชียว?
ยาปริมาณสิบเท่าของปกติทำให้อีกฝ่ายเป็นอัมพาตได้อย่างง่ายดาย นี่คือสิ่งที่เขาคิด
แต่ผลลัพธ์ทำให้เขาคาดไม่ถึงอย่างมาก
ฟางผิงรู้สึกว่าเขาโชคดีที่เลือกที่จะไม่อยู่ต่อและไปรออยู่ข้างนอกแทน
ไม่งั้นเขาคงเละแน่ เพราะยาออกฤทธิ์ตอนแรก หวงปินยังมีแรงเหลือ
ฟางผิงนั่งบนพื้น เขานึกถึงปัญหา เขาเริ่มมองไปรอบๆห้องเพื่อค้นหาสิ่งที่เขาต้องการ
เพราะอีกฝ่ายพึ่งย้ายเข้ามา เขาจึงไม่มั่นใจว่าเขาจะหาหลักฐานพิสูจน์ความผิดของอีกฝ่ายได้ไหม แต่เขาต้องหาวิธีถอนตัวจากเรื่องนี้
เขากำลังคิดกุเรื่องมาใส่ร้ายอีกฝ่ายในกรณีที่หาหลักฐานเอาผิดไม่ได้
สังคมสมัยใหม่ต่างจากสมัยโบราณ สมัยโบราณไม่มีใครสนใจหรอกถ้าเขาฆ่าคนและโยนศพลงหุบเขาที่เต็มไปด้วยซากศพ
ส่วนสมัยนี้ กรณีมีคนตายต้องมีการสืบสวน
ส่วนเขาจะหนีจากข้อกล่าวหาได้อย่างไร…ฟางผิงคิดจะใช้อุบายเรียกน้ำตา
แต่คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาจะเอาชนะผู้ฝึกยุทธได้อย่างง่ายดาย แถมนักเรียนมัธยมปลายวางอุบายกับผู้ฝึกยุทธ พวกเขาคงสงสัยมากกว่าเชื่อ เขาไม่มีอะไรต้องทำแล้วรึไง?
ฟางผิงปิดความคิดเหล่านี้ทิ้งแล้วเริ่มค้นหาต่อ
…..
สิบนาทีต่อมา ฟางผิงเดินเข้ามาห้องนั่งเล่นพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ในมือ
ตอนที่หวงปินย้ายเข้ามา เขาไม่ได้เอาของอะไรมาเป็นพิเศษ เขาเอามาแค่เสื้อผ้าที่อยู่ข้างอุปกรณ์อาบน้ำ
สุดท้าย ฟางผิงก็เจอกระเป๋าข้างระเบียง
ดูเหมือนมันจะเป็นสมบัติทั้งหมดของหวงปิน
หลังจ้องมองสักพัก ครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายฟางผิงก็เปิดกระเป๋า
เมื่อเห็นของข้างใน ลูกตาดำของฟางผิงก็ขยายตัว
มีดปลายปืนที่ใช้ในกองทัพยาวเกือบ 40 ซม. เป็นสิ่งแรกที่เขาเห็น
“เขามาจากกองทัพงั้นเหรอ?”
ฟางผิงกลืนน้ำลาย แต่จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าทันทีและปัดความคิดนี้ทิ้งไป แม้ว่ามีดปลายปืนจะเป็นอาวุธที่ใช้ในกองทัพ แต่เมื่อมันล้าสมัยก็มีคนจำนวนมากนำออกมาขาย
ทหารที่พกอาวุธชนิดนี้หาได้ยากมาก
ฟางผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาหยิบอาวุธมาไว้ในมือแล้วพิจารณาอย่างละเอียด
เขาสังเกตเห็นว่ามีมันมีคราบเลือดที่ยังไม่แห้ง เขาอดเหลียวไปมองหวงปินที่ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างไม่ได้
ชายคนนี้อาจเคยฆ่าคนมาก่อน!
ต่อให้ไม่ได้ฆ่าก็คงแทงจนมีเลือด
เขาวางอาวุธไปไว้ให้ไกลจากหวงปิน เขาย่อมไม่กล้าปล่อยให้หวงปินมีโอกาสได้สัมผัสอาวุธ
หลังจากนั้นฟางผิงก็เห็นธนบัตรสีแดงอยู่ส่วนลึกของกระเป๋า
มีธนบัตรอยู่หลายกอง ดูๆแล้วบางกองก็ถูกยัดใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ บางกองก็ดูหลวม บางกองก็ไม่ได้มัดไว้
ฟางผิงหยิบออกมานับ มันมีทั้งหมดยี่สิบกอง รวมเป็นเงินสองแสน
แถมยังมีเงินที่กระจัดกระจายที่ฟางผิงไม่ได้นับ รวมๆแล้วคงไม่น้อยกว่าหมื่นหยวน
คนที่พกเงินสดมากขนาดนี้หาได้ยากมาก
ยกเว้นนักธุรกิจ คนทั่วไปไม่ค่อยพกเงินสดจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เช่าอย่างหวงปิน
ฟางผิงทิ้งความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายมาจากกองทัพ หรือมาจากรัฐบาล
ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนหรอกที่นำเงินสดจำนวนมากมาสังเกตการณ์ด้วย
“เขาเป็นนักเดินทาง? นักโทษหลบหนี?”
นี่เป็นการคาดการณ์แรกของฟางผิง
เขาอนุมานจากเงินสดมากมายที่หวงปินพก รวมกับพฤติกรรมรายวันของอีกฝ่าย
ฟางผิงรู้สึกว่าในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายได้ เพราะเขารู้แล้วว่าหวงปินไม่ควรเป็นคนบริสุทธิ์
…..
ไม่กี่นาทีต่อมา ของทุกอย่างในกระเป๋าก็ถูกวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าฟางผิง
มีดปลายปืนที่ใช้ในกองทัพ
เงินสดประมาณ 210,000 หยวน
เสื้อผ้า
มีทั้งขวดโหลรวมหกขวด
มีสามขวดที่มีโลโก้ของบริษัทติดอยู่ มันดูไม่ต่างจากยาทั่วๆไปที่มีชื่อติดอยู่มากนัก
สองขวดเป็นเม็ดยาบำรุงเลือดลม ส่วนอีกขวดเป็นเม็ดยาปราณและเลือด
มันเป็นขวดที่มีวันที่ผลิต บริษัทที่ผลิต และสถานที่ผลิต ดูเหมือนจะเป็นยาถูกกฏหมาย
ฟางผิงนับเม็ดยาบำรุงเลือดลม สองขวดรวมกัน 18 เม็ด
เม็ดยาถูกขายขวดละสิบเม็ด หมายความว่าหวงปินทานไปแล้วสองเม็ด
มีเม็ดยาปราณและเลือดเหลืออยู่ในขวด 8 เม็ด ซึ่งหมายความว่าหวงปินทานไป 2 เม็ดเช่นกัน
ฟางผิงแทบหยุดหายใจ เขาเคยได้ยินชื่อยาทั้งสองจากอู๋จื้อเห่า
ร้านขายยาถูกกฏหมายขายในราคาสามหมื่นหยวนและแสนหยวนตามลำดับ
สำหรับอู๋จื้อเห่าและคนอื่นๆ การซื้อเม็ดยาปราณและเลือดก่อนเกาเข่าเป็นส่วนช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา
เงินแสนหยวนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แม้แต่ครอบครัวของอู๋จื้อเห่าก็ต้องกัดฟันซื้อยาชนิดนี้
ตอนนี้ล่ะ?
มีเม็ดยาบำรุงเลือดลม 18 เม็ดและเม็ดยาปราณและเลือด 8 เม็ดอยู่ตรงหน้าเขา!
รวมเม็ดยากับเงินสดเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านหยวน!
และอย่าลืมว่ายังมีขวดยาอีกสามขวดที่ฟางผิงไม่รู้จัก
ฟางผิงเปิดมาดู มันมีรูปร่างกลมๆคล้ายเม็ดยา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเม็ดยาที่มีไว้ให้ผู้ฝึกยุทธเช่นกัน
ฟางผิงเดาไม่ออกว่ามันเป็นเม็ดยาชนิดไหน
ไม่ว่ายังไง มันก็คงไม่ใช่ราคาถูกๆ
เม็ดยาที่ผู้ฝึกยุทธต้องการย่อมมีราคาแพง
เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากราคาขายเม็ดยาปราณและเลือด เม็ดยาเหล่านี้มีความสำคัญต่อสอบไฟนอลของนักศึกษา ชายที่นอนแผ่หลาอยู่ตรงหน้าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ยาคุณภาพสูงราคาสูง
เนื่องจากขาดความรู้และประสบการณ์ ฟางผิงจึงประเมิณมูลค่ายาพวกนี้ไม่ได้
นอกจากของพวกนี้แล้ว ของที่เหลืออยู่ในกระเป๋าเป็นพวกอาหารและน้ำแร่เป็นขวด
เม็ดยาหกขวด เงินสดกว่าสองแสนหยวน มีดปลายปืนที่ใช้ในกองทัพ…
นี่เป็นของทั้งหมดที่ฟางผิงพบ
ฟางผิงอดใจไม่ไหวเหลือบมองหวงปินอีกครั้ง
เขาลืมค้นตัวก่อนมัด จากของในกระเป๋าซึ่งมีน้ำอาหารรวมอยู่ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเตรียมหลบหนี
คนอย่างเขาย่อมไม่ใส่ของที่มีมูลค่าสูงที่สุดในกระเป๋า
การเสียกระเป๋ามีความเป็นไปได้เสมอ และนั่นเป็นเหตุผลว่าถ้าของไม่ใหญ่ เราควรเก็บของมีค่าไว้กับตัวเสมอ
ฟางผิงสงสัยว่าชายคนนี้เก็บซ่อนของไว้กับตัว
แต่อีกฝ่ายถูกพันหลายชั้น และฟางผิงก็ไม่กล้าปล่อยเขาเพื่อค้นตัว
เขาหันมามองของที่กองอยู่ตรงหน้า ฟางผิงขมวดคิ้ว เขามีเงินสดในมือ แต่ค่าทรัพย์สินไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม
จากเหตุผลปกติ เม็ดยาควรมีค่าเช่นกัน แต่ค่าทรัพย์สินก็ไม่ขึ้นเหมือนกัน
นี่หมายความว่า ตามการประเมิณของระบบ ของเหล่านี้ยังไม่ใช่ของเขา
หลังคิดสักพักฟางผิงก็ได้ข้อสรุป ของพวกนี้ยังเป็นของหวงปิน
หวงปินยังไม่ตาย และไม่ได้บอกมอบทรัพย์สินให้กับฟางผิง ดังนั้นมันย่อมยังเป็นของอีกฝ่าย ทรัพย์สินของฟางผิงไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้ว่ามันจะอยู่ในมือเขาแล้วก็ตาม
ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวฟางผิง หวงปินอยู่ในการควบคุมเขา ถ้าเขากินเม็ดยาลงไป งั้นมันก็จะถือเป็นของเขา
แต่ระบบไม่ได้เพิ่มทรัพย์สินให้เขา มันหมายความว่าเงินไม่ได้เทียบเท่ากับทรัพย์สินเสมอไป
หรือมันอาจเป็นไปได้ว่าระบบไม่สนับสนุนพฤติกรรมแบบนี้งั้นเหรอ?
ฟางผิงยังอนุมานเรื่องนี้ไม่ได้ เขาส่ายหน้าแล้วปัดปัญหาเหล่านี้ทิ้งไปก่อน
สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องทรัพย์สิน แต่เป็นเรื่องหวงปิน
เขาพบแค่ทรัพย์สินเหล่านี้ แม้ว่าอาวุธกับเงินน่าจะพิสูจน์ได้ว่าหวงปินไม่ใช่คนไม่ดี แต่มันก็ไม่มีหลักฐานอาชญากรรม
นอกจากนี้ เขาควรจัดการกับทรัพย์สินมูลค่ากว่าล้านหยวนยังไง?
เขาควรส่งมอบไปพร้อมกับเจ้าของตอนตำรวจมาถึงงั้นเหรอ?
ฟางผิงค่อนข้างลังเลที่จะทำแบบนั้น เขากำลังพิจารณาเอาของพวกนี้มาเป็นของตัวเอง เพราะยังไงเสียเขาก็อุส่าเสี่ยงชีวิตกับความพยายามครั้งนี้
แม้ว่าความจริงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขานอกจากบาดเจ็บผิวเผินตรงง่ามนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ก็ตาม
…..
ไม่กี่นาทีต่อมา ฟางผิงก็ยัดของใส่กระเป๋าแล้วหันไปมองหวงปิน
หลังจ้องมองเขาสักครู่ จู่ๆฟางผิงก็กล่าว “ผู้ฝึกยุทธน่ากลัวของจริง! ขนาดคุณกินยาไปมากขนาดนั้นและถูกฟาดจนอยู่สภาพนี้ คุณก็ยังได้สติกลับมาในเวลาสั้นๆ”
หวงปินไม่ขยับ
ฟางผิงเยาะเย้ย เขากล่าว “คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ? ตอนที่คุณหมดสติ ลมหายใจคุณขาดช่วง แถมร่างกายยังกระตุกอีก”
“ตอนนี้คุณไม่ขยับเลยเหมือนคนตาย”
“ไม่คุณตายคุณก็ตื่น”
“คุณรู้ไหมว่าสำนวน’ปิดหูขโมยกระดิ่ง’หมายความว่ายังไง?”
“ถ้าคุณไม่ควบคุมลมหายใจ ฉันคงไม่สังเกตเห็น เมื่อกี้ลมหายใจของคุณดังมาก แต่ตอนนี้เงียบสงบ คุณคิดว่าฉันหูหนวกเหรอ?”
ในห้องนั่งเล่นเล็กๆแห่งนี้ มีเพียงทั้งสองคนเท่านั้น
ในห้องเงียบๆแห่งนี้ ลมหายใจของหวงปิน โดยเฉพาะเมื่อเขาถูกปิดปากไว้
แต่จู่ๆเสียงก็หายไป ฟางผิงย่อมสัมผัสได้ทันที เขาไม่ได้หูหนวก
หวงปินอาจไม่รู้สภาพตัวเองตอนหมดสติ เขาเลยควบคุมลมหายใจ แต่มันกลายเป็นข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุด
หลังฟางผิงพูดจบ หวงปินก็ลืมตา
เขากวาดสายตามองรอบๆ เมื่อเห็นว่ามีฟางผิงคนเดียว เขาก็โล่งอก
มันดีกว่าที่เขาคาดไว้ซะอีก!
เขาคาดการณ์ว่าเขาจะตื่นขึ้นมาในกรมสืบสวนและคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเจ้าอ้วนจากกรม
ฟางผิงเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงหน้าเขา นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เขาคาดการณ์ไว้
ถ้าเขาถูกพาตัวไปกรมสืบสวน ต่อให้เขาอยู่สภาพสมบูรณ์ เขาก็หนีไม่รอด
ตอนนี้มันเป็นไปได้
เขายังปวดหัวอยู่ แถมยังถูกมัดหลายชั้นจนแม้แต่เขาก็ดิ้นไม่หลุด
มีความคิดแวบขึ้นมาในหัว หวงปินชำเลืองมองฟางผิง สายตาเขาขยับอย่างรวดเร็ว
เขาเปิดปากพูดในสภาพนี้ไม่ได้
ฟางผิงรู้สึกสงสัย เขาหยิบมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วเอ่ยถามด้วยระยะห่างจากหวงปินมาก “คุณอยากพูดเหรอ?”
“…”
“ฉันไม่อยากให้โอกาสคุณ ฉันคิดว่า อาชญากรอันตรายอย่างคุณควรถูกส่งให้ตำรวจ”
“อู้อี้อู้อี้…”
หวงปินดิ้นรน หัวเขาขยับไปมา คางเขาชี้ไปทางกระเป๋าตรงหน้าฟางผิง
เมื่อเห็นว่ามันยังไม่ถูกแตะต้อง เขาจึงเดาว่ามันยังไม่ถูกเปิด
ในกระเป๋ามีเงินสดจำนวนมากและยังมีเม็ดยาที่เจ้าหนูนี่ใช้ได้ หวงปินคิดว่าเด็กครอบครัวธรรมดาอย่างฟางผิงจะถูกของเหล่านี้ล่อลวงแน่นอน
เขามั่นใจว่าหลบหนีได้ ถ้าเขามีโอกาสได้พูด
แม้ว่าเจ้าเด็กบัดซบตรงหน้าเขาจะเจ้าเล่ห์ แต่มันก็ยังเด็ก เขาตกหลุมพรางเพราะเขาไม่ได้ระวัง ตอนนี้เขาระวังขึ้นแล้ว เขาไม่คิดว่าเด็กน้อยไร้ประสบการณ์จะต่อกรกับเขาได้