World domination system - ตอนที่ 71 เวลาทำความเข้าใจรูปแบบ
WDS Chapter 71 เวลาทำความเข้าใจรูปแบบ
ใต้บ้านที่ทรุดโทรมใกล้ประตูตะวันออกของเมืองชั้นนอก
ซ่อนตัวเองโดยไม่ทำการเคลื่อนไหวใดๆเป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง แดนีลรู้สึกว่า ความอดทนของเขาเริ่มจะลดลงเรื่อยๆ บางครั้ง เขาก็สงสัยว่า เขามาถูกสถานที่แล้วหรือไม่
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แดนีลได้วางคนสอดแนมไว้ใกล้ทางเข้านิกายไตรคอบร้า ที่เขาเคยเข้าไปก่อนหน้านี้ นี่เป็นเพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะติดตามตำแหน่งของผู้เชี่ยวชาญ
ข้อได้เปรียบของแดนีลก็คือ ฝ่ายของเขาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรวมเอานักเรียนจากทั้งสถานศึกษานักสู้และสถานศึกษาจอมเวทย์ รวมกับความจริงที่ว่า คนชั้นสูงอย่างลาราเวล ได้ถอนตัวออกไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ในความเป็นจริง นับตั้งแต่การประเมินปีหนึ่ง ลาราเวลก็สร้างปัญหาให้กับแดนีลน้อยมาก จนเขาเกือบจะลืมองค์ชายผู้หยิ่งผยองคนนั้นไปแล้ว
ในฝ่ายของแดนีล หนึ่งในสมาชิกที่สาบานตน เป็นลูกชายของเกษตรกรที่จัดหาเสบียงไปให้บ้าน(ทางเข้านิกายไตรคอบร้า)ที่แดนีลเคยเข้าไป ไม่นานมานี้ แดนีลได้รับข่าวจากพ่อของนักเรียนคนนั้นว่า เขาได้รับคำสั่งให้ขนส่งเสบียงไปที่ใหม่ในเมือง และคนเช่นเดียวกับเขา ก็ได้รับคำสั่งให้ส่งเสบียงไปที่นั่นด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ ลำดับความสำคัญของเขาก็คือ การดูความเคลื่อนไหวต่อไปของกองกำลังต่างๆในราชอาณาจักร เมื่อมีคำสั่งขนย้ายเสบียงครั้งใหญ่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ราชาแสดงในขบวน มันได้กระตุ้นให้แดนีลทำตามที่เขาสังหรณ์ โดยการลอบมาดักฟังข้อมูลสำคัญต่างๆที่อาจจะเป็นประโยชน์กับเขา
แน่นอนว่า สิ่งนี้เป็นไปได้ด้วยความช่วยเหลือของระบบ แดนีลรู้ว่า ระบบสามารถจะใช้การสั่นสะเทือนวิเคราะห์คลื่นเสียงได้ ดังนั้น เขาจึงได้พัฒนาคาถาใหม่ขึ้นมาตามแนวคิดนี้ สิ่งอีกขวางอาจจะถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ใครได้ยินสิ่งที่อยู่ภายใน แต่แดนีลมั่นใจว่า ไม่มีใครออกแบบคาถาหยุดการสั่นสะเทือนที่เล็ดลอดผ่านวัสดุต่างๆออกมาอย่างแน่นอน ในระดับปัจจุบันของเขา เขาสามารถจะฟังสิ่งที่คนพูดคุยกันห่างออกไปได้สูงสุด 2 ห้อง
อีกหนึ่งคาถาที่ระบบออกแบบและเป็นประโยชน์กับเขาก็คือ การเทเลพอร์ตแบบกำหนดเป้าหมาย โดยปกติแล้ว ในการที่จอมเวทย์จะเทเลพอร์ตไปยังสถานที่ต่างๆ พวกเขาเพียงแค่บังคับอนุภาคมูลฐานมิติอย่างง่ายๆ เพื่อสร้างประตูไปยังสถานที่ที่พวกเขาเคยไปมาก่อน แม้จะมีคาถาเช่นเดียวกับจอมเวทย์มิติของเสนาบดี ซึ่งคาถาที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดในหมู่จอมเวทย์ที่ใช้การเทเลพอร์ต แต่คาถานี้สามารถหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนได้มากกว่ามาก
แนวคิดที่แดนีลใช้ก็คือ การใช้ให้ระบบทำหน้าที่ในส่วนการตัดสินใจตำแหน่งการเทเลพอร์ตผ่านความทรงจำของเขา ระบบมักจะแสกนสภาพแวดล้อมรอบเขาเสมอ โดยเฉพาะหลังจากที่เขาติดตั้งเครื่องมือเฝ้าระวัง ด้วยสิ่งนี้ หลังจากที่ร่ายคาถา มันจะล่าช้าอยู่ชั่วครู่ จากนั้นคาถาจะทำการเทเลพอร์ตเขาไปในตำแหน่งที่เขาต้องการในระยะ 100 ฟุตอย่างปลอดภัย ความล่าช้านี้จะค่อยๆจางหายไปจากพลังที่เพิ่มขึ้นของเขา
โดยใช้คาถานี้ แดนีลเทเลพอร์ตไปครึ่งทางระหว่างพื้นกับห้องใต้ดินของนิกายไตรคอบร้า ตามที่ระบบกล่าว นี่เป็นระยะทางที่ต่ำที่สุดที่จะไม่ก่อให้เกิดการแจ้งเตือนและยังคงสามารถดักฟังได้
พื้นดินตรงนี้ถูกแทนที่ด้วยร่างของแดนีล และมีพื้นที่เล็กๆใกล้จมูกสำหรับใช้หายใจ สำหรับเรื่องนี้ เขาสามารถจะร่ายคาถาบอลน้ำใส่ปากได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ
ปัญหาหลักก็คือ เขาถูกบดอัดด้วยดินที่อยู่ด้านบนร่างของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้ขุดพื้นที่รอบๆร่างของเขา เพื่อไม่ให้มั่นแน่นมากเกินไป
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว เขาก็ตัดสินใจรอ และเขาหวังว่า เขาจะไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ในครั้งนี้
กระนั้น หลังจากผ่านมา 4 ชั่วโมง เขากลับได้ยินแต่เสียงการพูดคุยที่ไร้สาระของพวกทหารยามที่น่าสงสัยว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่
หลังจากผ่านมาอีก 2 ชั่วโมง แดนีลก็เริ่มคิดที่จะออกไป การพยายามจดจ่อกับการฟังโดยร่างกายแทบจะขยับไม่ได้เป็นเวลานานนั้น มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก
ในที่สุด หลังจากผ่านไปอีก 3 ชั่วโมง เขาก็ได้รับผลตอบแทน มีคน 4 คน ปรากฎตัวขึ้นในห้องอย่างฉับพลัน และตอนนี้ พวกเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้
สิ่งที่แดนีลได้ยินมีเพียงเสียงขยับของเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า พวกเขากำลังรอใครบางคนอยู่
อีก 1 นาทีต่อมา เสียงเท้าที่หนักแน่นกว่าคนอื่นๆก็ดังขึ้น
“เข้าประเด็นเลยนะ สำนักงานใหญ่ส่งข้ามาที่นี่หลังจากได้อ่านรายงานของพวกเจ้า ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่า ข้าจะต้องย้อนกลับมาที่นี่เพื่ออธิบายบางสิ่งที่ง่ายๆให้พวกเจ้า รูปแบบที่ซับซ้อนอย่างในพระราชวังนั้น จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการถอดรหัสและทำความเข้าใจก่อน จอมเวทย์ถึงจะสามารถใช้มันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ระดับการทำความเข้าใจนี้ทำให้พวกเราต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงแผนการของพวกเรา โดยพวกเราจะต้อง…”
แดนีลรู้สึกได้ถึงการเตือนภัยในใจของเขา ทำให้เขาตัดสินใจเทเลพอร์ตออกไปในทันที ในเวลาเดียวกับที่เขากำลังเทเลพอร์ต เขาก็เห็นแสงสีแดงปรากฎขึ้นบนพื้นห่างจากตัวเขาไปไม่กี่นิ้ว ก่อนที่เขาจะหายไป
ด้วยความตื่นตระหนก แดนีลรีบออกจากสถานที่ดังกล่าวในทันที
‘แสงนั้นส่องผ่านตำแหน่งก่อนหน้าของข้าหรือไม่?’ เขาถาม
[ยืนยัน ไม่พบคาถาในฐานข้อมูล ด้วยประสาทสัมผัสของจอมเวทย์ระดับสูง มันเป็นไปได้ที่เขาจะตรวจพบโฮสต์ โปรดอัพเกรดระบบเพื่อปรับปรุงความสามารถโดยรวม ค่าอัพเกรด 10,000 แต้มประสบการณ์]
[แต้มประสบการณ์ในปัจจุบัน 9,500 แต้ม]
อัพเกรดระบบ ระบบเกรดระบบอีกแล้ว!
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ แดนีลพยายามสะสมแต้มประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อทำการอัพเกรดระบบอย่างเร็วที่สุด นี่เป็นเพราะหลังจากที่เขาทำการศึกษาเกี่ยวกับระบบ เขาได้เข้าใจว่า การอัพเกรดระบบในตอนนี้ จะนำประโยชน์มากมายมาให้แก่เขา ซึ่งมันก็อาจจะส่งผลดีต่อแผนการต่างๆของเขาอีกด้วย นอกเหนือจากใช้แต้มประสบการณ์ซื้อเครื่องมือสำคัญๆแล้ว เขาพยายามเก็บแต้มประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่เหมือนปีหนึ่งในสถานศึกษาที่เขาทำการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้หยุดพัก 3 ปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ทำสิ่งต่างๆมากมายตามคำกล่าวของระบบที่ว่า ‘การเกื้อหนุนการปกครองโลก’ โดยเขาได้ให้ความสำคัญกับการทำภารกิจและรับความสำเร็จเป็นอันดักแรก
ทั้งหมดที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือ ภารกิจซักอย่าง แล้วเขาก็จะสามารถอัพเกรดระบบได้ สิ่งนี้จะทำให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังจะช่วยให้เขาสามารถร่ายคาถาที่มีความซับซ้อนสูงขึ้นได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น เขาเพิ่งจะถูกตรวจพบว่าซ่อนอยู่ใต้ดินโดยจอมเวทย์ระดับมนุษย์ ซึ่งตามที่ระบบกล่าว มันเป็นเพราะระดับในปัจจุบันของระบบ
หลังจากอัพเกรดระบบ มันจะเป็นดั่งการร่ายคาถาของจอมเวทย์ระดับนักรบ ด้วยสิ่งนี้ หากเขาซ่อนอยู่ใต้ดินอีกครั้ง หากไม่ใช่จอมเวทย์ระดับผู้ชนะอันเลื่องชื่อแล้ว จะไม่มีใครสามารถตรวจพบเขาได้
เพียงแค่สิ่งนี้ มันก็สามารถจะช่วยให้แดนีลได้ฟังแผนการทั้งหมดขององค์กรได้ แต่อย่างน้อยในตอนนี้ เขาก็ได้ยินข้อมูลสำคัญที่ว่า ราชวังจะอ่อนแอเป็นเวลา 1 เดือน เพราะรูปแบบจะไม่ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ ฝ่ายต่างๆจะต้องออกมาเคลื่อนไหวก่อนเวลานั้นอย่างแน่นอน
แดนีลรีบกลับไปที่ห้องพักของเขาและเรียกโจชัวมาพบในทันที
ถึงเวลารวมตัวและเตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกทั้งหมด พวกเขาจะรวมตัวกันเพื่อรอการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
นอกจากนี้ มันยังเป็นเวลาที่จะประกาศชื่อของฝ่ายที่พวกเขาภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง และส่งเสียงตะโกนออกไปโดยไม่สนสิ่งใดขณะเคลื่อนพลเข้าสู่สนามรบ