World domination system - ตอนที่ 62 จากลา
WDS Chapter 62 จากลา
ความสนใจของราชา นี่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจจะหลีกเลี่ยง
แดนีลเริ่มจะตรวจสอบทุกสิ่งที่เขาทำในหัว ตลอดกระบวนการทำและขายกับดักน้ำผึ้ง เขามุ่งเน้นไปที่ปริมาณเงินที่จะได้รับ เขาจะรู้ดีว่า เขาไม่ควรจะสร้างจุดสนใจมาที่ตัวเอง และเขาก็คิดว่า การขายผ่านทางเสนาบดี จะช่วยให้เขารอดพ้นจากปัญหาใดๆที่จะตามมาได้
ตบหน้าฝากของตัวเอง แดนีลตระหนักได้ว่า ตัวเองไร้เดียงสามากเกินไป ผลิตภัณฑ์นี้สั่นคลอนรากฐานของราชอาณาจักร แม้เขาจะรู้เกี่ยวกับมัน แต่เขากลับคิดเพียงว่า มันเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับเขา
ในความเป็นจริง มันเป็นสิ่งที่น่าเป็นกังวลมากที่สุดของแผนการ ในช่วงเวลานี้ เขาควรจะใช้ความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด และค้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบค่อนข้างน้อย
น่าเศร้า มันสายเกินไปแล้ว กับดักน้ำผึ้งได้รับความนิยมอย่างมาก และตอนนี้ เขาจะต้องหาวิธีกอบกู้สถานการณ์
ในทันที เขาคิดถึงพ่อแม่ของเขาที่ยังอยู่ในวิลล่า เขาถามเอเลนาฟอย่างตื่นตระหนกว่า “พ่อแม่ของข้า หากพวกเขาถูกทำร้ายล่ะ?”
“สงบไว้ สิ่งต่างๆยังไม่เลวร้ายเช่นนั้น อย่างน้อยก็ตอนนี้ ท่านพ่อบอกว่า เขาได้เตรียมสถานที่เพื่อย้ายพ่อแม่ของเจ้าไว้แล้ว หากเจ้าต้องการให้มันดำเนินไปอย่างเร็วที่สุด เจ้าก็ไปที่บ้านของเจ้าก่อน แล้วค่อยไปที่คฤหาสน์ เจ้าจะต้องบอกให้พวกเขาเตรียมพร้อมออกเดินทางอย่างเร็วที่สุด”
เอเลนาฟก็ใกล้ชิดกับพ่อแม่ของแดนีล เขาเติบโตมาโดยไม่มีแม่ ความอบอุ่นที่มาเรียแสดงต่อเขา ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความรักของแม่ ดังนั้น เขาจึงต้องการที่จะปกป้องพวกเขาเช่นกัน
แดนีลพยักหน้า และรีบวิ่งไปที่บ้านของเขา โดยที่เอเลนาฟตามไปอย่างใกล้ชิด
เขามาในบ้าน แดนีลถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าพวกเขาสบายดี
พวกเขามึนงงเมื่อเห็นว่าลูกชายของพวกเขาแสดงออกอย่างเร่งรีบ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน
แดนีลวิ่งไปข้างหน้าและกอดทั้งสองไว้แน่น จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาเปิดประตูมาเจอศพของพวกเขา?
คิดเกี่ยวกับมัน น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา หนึ่งการมองการณ์ใกล้และหนึ่งความผิดพลาด มันอาจจะส่งผลให้เขาสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป และทำให้เขาไม่สามารถจะให้อภัยตนเองได้ไปตลอดชีวิต
เห็นเขาร้องไห้ออกมาในฉับพลัน โรเบิร์ตและมาเรียก็ตบหลังของเขาเบาๆ เพื่อสงบเขาลง
หลังจากผ่านไปราว 1 นาที เขาก็สงบลงและกล่าวว่า
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจำเป็นต้องให้พวกท่านรีบเก็บข้าวของที่จำเป็น มีบางคนกำลังจะมาพาพวกท่านไปยังที่ปลอดภัย ข้าไม่มีเวลาจะอธิบายในตอนนี้ ข้าแค่ต้องการให้พวกท่านเชื่อใจข้า พวกท่านจะไม่เห็นข้าซักพัก แต่ข้าจะพยายามไปเยี่ยมพวกท่านทุกครั้งที่ข้าสามารถจะทำได้”
ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น ทั้งสองก็จดจ้องมาที่แดนีล สงสัยว่า สิ่งที่พวกเขาได้ยินนั้นถูกต้องหรือไม่
ทุกอย่างเป็นไปได้ดีสำหรับครอบครัวแอนิวรอน เงินไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป และลูกชายของพวกเขานักเรียนกลุ่มชั้นสูงในสถานศึกษาเวทมนต์ประจำชาติแห่งแลนธานอร์ พวกเขาตัดสินใจที่จะปล่อยวางอดีต และใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
ตอนนี้ พวกเขาจำเป็นจะต้องย้ายอีกครั้ง?
ในขณะที่มาเรียอ้าปาก กำลังจะถามแดนีล โรเบิร์ตก็ได้จับไหล่ของเธอและส่ายหัว เป็นสัญญาณให้เธอหยุด
โรเบิร์ตมองเข้าไปในดวงตาของแดนีล ในขณะที่เขากล่าวว่าพวกเขาควรจะรีบเก็บของ นี่เป็นดวงตาเดียวกับเขาเมื่อครั้งที่เขาอธิบายต่อมาเรียว่า เขาถูกขับไล่ออกจากกองทัพ
นี่เป็นดวงตาของชายที่ต้องการจะปกป้องครอบครัวของเขาจากพายุที่มีแต่เขาที่รู้ว่ากำลังพัดมา
ถูกต้องแล้ว ชายคนหนึ่ง โรเบิร์ตปฏิบัติต่อแดนีลเช่นนั้นตั้งแต่ที่เขาเข้าสถานศึกษา และเริ่มจัดการเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง สิ่งที่เขาปรารถนาก็คือ ให้ลูกชายของเขามีชีวิตที่มีความสุข
ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้รู้เกี่ยวกับมัน สิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คือ ลูกชายของพวกเขาต้องการให้พวกเขาเคลื่อนย้าย
และพวกเขาก็จะเคลื่อนย้าย
โดยไม่กล่าวคำใดๆ โรเบิร์ตเดินไปที่กระเป๋าเดินทางและเริ่มเก็บของ เห็นสิ่งที่เขาทำ มาเรียก็เริ่มทำตาม ทั้งสองอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน พวกเขาจึงเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องกล่าวใดๆ
เห็นการกระทำของพวกเขา แดนีลรู้สึกขอบคุณที่เขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวที่เข้าใจและเชื่อใจเขา ไม่ว่าสถานการณ์เช่นใดจะเกิดขึ้นก็ตาม
ขณะที่เขาหันหลังและเดินไปที่ประตู เสียงของโรเบิร์ตก็ลอยมาที่หูของเขา
“ดูแลตัวเองด้วย ลูกชาย พวกเรารักเจ้าเสมอ”
สลักคำกล่าวนี้ไว้ในหัวใจ แดนีลหันกลับมามองพวกเขา ก่อนจะเดินออกประตูไป ตอนนี้ มันเป็นช่วงเวลาจากลาของพวกเขา
เอเลนาฟที่อยู่ด้านนอกพยักหน้า แล้วทั้งสองก็เดินไปที่คฤหาสน์
ขณะที่พวกเขาเดินไปใกล้จะถึงคฤหาสน์ เอเลนาฟก็หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าของเขา และพาแดนีลไปที่ตรอกเล็กๆข้างคฤหาสน์
ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป มันก็ดูเหมือนว่าเขากำลังนับก้อนหินบนกำแพง หลังจากผ่านไป 10 นาที ในที่สุดเขาก็หยุดและวางมือลงบนหินก้อนหนึ่ง
มันไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆสำหรับหินก้อนนี้ แต่ขณะที่เอเลนาฟกัดนิ้วของเขาและเขียนตัวอักษรแปลกๆลงบนหิน เลือดก็ส่องแสงออกมา ก่อนจะสหายไปพร้อมกับมีรูกุญแจปรากฎขึ้น
เมื่อใส่กุญแจแล้ว กำแพงก็เปิดออก มีบันไดที่ราวกับจะนำไปสู่ใต้ดินปรากฎขึ้น
เมื่อแดนีลเข้ามาด้านในแล้ว เอเลนาฟก็ผลักประตูปิดอย่างด้านในอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า ไม่มีใครมองพวกเขา
“นี่เป็นทางเดินที่มีเพียงสมาชิกในตระกูลของพวกเราเท่านั้นที่เปิดได้ แล้วที่นี่ยังมีสิ่งกีดขวางโปร่งใส่ที่ป้องกันการสอดแนมได้ แม้ว่ามันจะมีราคาแพง แต่มันก็มีประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์เช่นนี้ ไปกันเถอะ สิ่งนี้จะนำพวกเราไปยังห้องด้านข้างห้องโถงโดยตรง” เอเลนาฟกล่าวหลังจากที่พวกเขาเข้ามาด้านใน
แดนีลพยักหน้า ก่อนจะเสกบอลเพลิงออกมาเป็นแสดงสว่างและเดินลงบันไดไป หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงถ้ำที่ดูเหมือนจะถูกขุดขึ้น
หลังจากเดินเข้าไปในถ้ำได้ 30 นาที พวกเขาก็พบประตูอีกบาน และเอเลนาฟใช้เลือดของเขาเปิดมันอีกครั้ง
ในขณะที่พวกเขาเดินออกประตูมา แดนีลก็เห็นชาย 2 คน ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเดินวนไปวนมาในห้อง
ห้องขนาดเล็ก มีเตียงอยู่ตรงกลาง มีกลายเป็นแออัดทันทีที่มีคนอีก 2 คนเข้ามา
ได้ยินเสียงเปิดประตู คนที่เดินวนไปวนมาหันไปมอง และยิ้มให้แดนีลเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสองก็คือ ผู้ที่ทรงอำนาจมากที่สุดในราชอาณาจักรแลนธานอร์ จอมเวทย์ราชสำนักและอินทรีย์แห่งความชอบธรรม
มองไปที่ใบหน้าของพวกเขา มันจะทำให้คนที่พบเห็นสงสัยว่า มีหายนะใดเกิดขึ้นกับราชอาณาจักร มันถึงได้ทำให้บุคคลที่มีสถานะเช่นพวกเขาต้องแสดงออกอย่างเคร่งเครียดเช่นนี้