World domination system - ตอนที่ 38 การประเมินปีหนึ่ง
WDS Chapter 38 การประเมินปีหนึ่ง
การประเมินปีหนึ่ง เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของสถานศึกษาเวทมนต์ประจำชาติแห่งแลนธานอร์ คนส่วนใหญ่ประเมินศักยภาพจอมเวทย์ในอนาคตของพวกเขาผ่านกิจกรรมนี้ นี่เป็นเพราะหลายคนเชื่อว่า สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีในปีหนึ่ง มันเป็นสัญญาณบอกว่า พวกเขาจะประสบความสำเร็จกับมันตลอดชีวิตของพวกเขา
สนามหญ้าอันกว้างใหญ่ของสถานศึกษาเป็นที่ตั้งของการประเมิน มีเวทีถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษที่ด้านหนึ่งของ โดยมีเก้าอี้จำนวนมากวางอยู่วางอยู่ด้านบน และหนึ่งในนั้นเป็นบัลลังก์ขนาดใหญ่ ดูเหมือนบัลลังก์ถูกสร้างขึ้นจากอัลลอยทองคำบางส่วน มันสะท้อนแสงอาทิตย์เจิดจ้า โดยเฉพาะตรงหัวสิงโตทั้งสองที่สลักอยู่บนที่พักแขน
ที่ผู้ชมเริ่มเข้าไปนั่งบนเก้าอี้อย่างช้าๆ คนที่มาถึงก่อนมักจะนั่งที่แถวหน้า เพื่อที่จะสามารถมองเห็นการแสดงได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อีกเหตุผลสำคัญที่เหล่าผู้ชมกระตือรือร้นเป็นอย่างมากก็คือ บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในราชอาณาจักร ได้มาเข้าร่วมการประเมินด้วย คนผู้นั้นก็คือ ราชาแห่งราชอาณาจักรแลนธานอร์ ที่มาดูว่าที่จอมเวทย์ในอนาคตของราชอาณาจักรมีความก้าวหน้าเพียงใด
ราชาไม่ค่อยจะออกมาข้างนอกมากนัก เขามักจะยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อมและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตัวเอง เพื่อความั่นคงของราชอาณาจักร แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องเล็กน้อย แต่ประชาชนทั่วไปหลายคนก็ยังคงสรรเสริญเขาในหัวใจของพวกเขาทุกๆวัน เพราะด้วยการปกครองแลนธานอร์ของเขาพร้อมด้วยบรรยากาศรอบๆ มันทำให้พวกเขาสามารถที่จะรุ่งเรืองขึ้นมาได้
แน่นอนว่า ยังคงมีอีกหลายคนที่สาบแช่งเขา เพราะเขาลำเอียงในเรื่องของเชื้อพระวงศ์ เขาให้ท้ายการกระทำทั้งหมดของพวกเขา และปล่อยให้พวกเขาสร้างหายนะให้กับชีวิตของคนทั่วไปจำนวนมาก ครอบครัวของแดนีลก็เป็นหนึ่งในนั้น
ไม่นานหลังจากนั้น ก็ถึงเวลาในการประเมิน นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันก่อนเวลาล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง เพื่อทำความเคารพต่อราชา
ในขณะที่นาฬิกาบอกเวลาประเมินดังขึ้น ชาย 2 คน ก็ปรากฎตัวขึ้นบนเวที ที่ตอนนั้นเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญของสถานศึกษาอื่นๆและเหล่าสำนักฝึกอบรม
คนที่ปรากฎตัวขึ้นก็คือ จอมเวทย์ราชสำนัก และชายผู้มีไหลกว้าง
ชุดคลุมสีแดงทองพาดอยู่บนหลังของเขาอย่างไม่ใส่ใจ และบนมันมีตราราชวงศ์ที่แสดงให้ทุกคนเห็น
ชายคนนั้นสวมชุดเกราะเชนเมล์ของทหารไว้ภายใต้ชุดคลุม และชุดเกราะเชนเมล์นั้นก็ดูเหมือนจะทำมาจากอัลลอยชนิดเดียวกับบัลลังก์
เขามีใบหน้าเซื่องซึมราวกับเพิ่งจะตื่นจากการนอน ผมสีเงินยาวถึงบ่า ดวงตาของเขาจดจ้องไปรอบๆ ราวกับกำลังมองหาอันตราย จมูกของเขาคดเคี้ยว ราวกับมันเคยถูกทำให้หักมาหลายครั้ง ริมฝึปากของเขาบางบีบอัดเป็นเส้น ทุกๆคนที่เขาจดจ้องอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้าน
ในฐานะราชา ผู้ชมและบุคคลสำคัญล้วนแล้วแต่คุกเข่าพร้อมก้มหน้าต่ำให้กับเขา แดนีลไม่มีทางเลือกนอกจากคุกเข่าลงต่อหน้าความหิวกระหายพลังอำนาจนี้ ราชาไม่สนใจที่จะปิดบังความต้องการในพลังอำนาจของเขาแม้แต่น้อย มันเป็นตอนนี้เอง ที่แดนีลคิดย้อนกลับไปถึงคำกล่าวของระบบที่ว่า ‘เขาถูกกำหนดให้เป็นผู้พิชิตและปกครองโลก’ บางที มันอาจจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนผู้นำของราชอาณาจักรนี้ ที่เหล่าคนชั้นสูงสามารถทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการโดยที่ไม่มีใครหยุดพวกเขาได้ แม้แต่คนที่อาจจะกลายมาเป็นกระดูกสันหลังในอนาคตของราชอาณาจักรก็ยังถูกเพิกเฉย มันทำให้เขารู้สึกว่า การจัดลำดับความสำคัญของผู้นำคนนี้มันไม่ถูกต้อง
ราชานั่งลงโดยไม่ได้กล่าวอะไรเป็นพิเศษ จากนั้น จอมเวทย์ราชสำนักก็เดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า “เริ่มการประเมินได้”
พร้อมกับคำกล่าวนี้ การประเมินปีหนึ่งก็เริ่มต้นขึ้น
มีนักเรียนราว 300 คน ในปีหนึ่ง และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินพร้อมกันในครั้งเดียว ดังนั้น ในรอบแรก จึงต้องมีการกำจัดวัชพืชก่อน และเลือกผู้ที่มีแนวโน้มดีที่สุด
นักเรียนทุกคนเรียงแถวตามคำแนะนำของกรรมการ
ด้านหน้าของพวกเขา หุ่นเชิดไม้ 20 ตัว ปรากฎขึ้นจากความว่างเปล่า พวกมันมีรูปร่างเป็นมนุษย์และเพียงแค่ไร้ใบหน้า
“ทำการทดสอบหุ่นเชิด 20 ชุด ใครก็ตามที่ล้มหุ่นเชิดได้ก่อนจะผ่านและไปยังรอบต่อไป” กรรมการประกาศ
การทดสอบชุดหุ่นเชิดไม้นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อระหว่างจอมเวทย์รุ่นเยาว์กับอนุภาคมูลฐานที่พวกเขาเลือกมาใช้สร้างคาถาง่ายๆสำหรับล้มหุ่นเชิด หุ่นเชิดถูกออกแบบมาให้ล้มไม่ว่าจะเป็นคาถานั้นจะเบาเพียงใดก็ตาม เพียงแค่ลูกไฟเล็กๆ, ลมเอื่อยๆ หรือแม้แต่หยดน้ำ เหล่านี้เป็นคาถาทั่วไปที่สอนในปีหนึ่ง
ทุกคนมีระดับการเชื่อมต่อและควบคุมอนุภาคมูลฐานที่แตกต่างกัน คนที่มีความเข้าใจสูงสามารถมองเห็นอนุภาคได้โดยตรง ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะใช้หน่อจอมเวทย์ในการควบคุมพวกมัน ในปีหนึ่ง พวกเขาถูกสอนว่า กุญแจสำคัญคือการนึกภาพ ยิ่งพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาก็จะยิ่งคิดเห็นภาพชัดขึ้น อิทธิพลและการเชื่อมต่อกับอนุภาคของพวกเขาก็จะดียิ่งขึ้น ซึ่งมันก็จะส่งผลให้ใช้คาถาได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปแล้ว คาถาเป็นเพียงการแนะแนวในการเชื่อมต่อ คาถาง่ายๆก็จะเป็นการแนะแนวง่ายๆ ยิ่งคาถาที่มีประสิทธิภาพ มันก็ยิ่งมีการแนะแนวที่ซับซ้อน ซึ่งมันก็ต้องการระดับที่สูงขึ้นของจอมเวทย์ด้วยเช่นกัน
ยิ่งจอมเวทย์ระดับสูงขึ้น พวกเขาก็จะยิ่งควบคุมจำนวนอนุภาคได้มากขึ้น ตามที่ระบบกล่าว มันมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการขัดเกลาของต่อมไพเนียว ต่อมไพเนียวนั้นเป็นเหมือนหัวหอม แต่ละชิ้นที่ถูกปลดออกมา มันจะเป็นเหมือนการขัดเกลาต่อมไพเนียว
ปัญหาหลักที่จอมเวทย์รุ่นเยาว์เผชิญในขั้นตอนนี้ก็คือ ความสามารถในการร่ายคาถาไปยังหุ่นเชิดที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา พวกเขามีเวลามากที่สุดเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น และแม้แต่นักเรียนที่มีระดับความเข้าใจขั้นสีส้มก็ยังพบว่ามันเป็นเรื่องยากอย่างมาก
สำหรับนักเรียนที่มีระดับความเข้าใจสีแดง หลังจาก 1 ลมหายใจ พวกเขาก็สร้างบอลเพลิงและแผ่นน้ำแข็งง่ายๆขึ้นมาได้ แน่นอนว่า ลาราเวลแสดงตัวโดดเด่นมากที่สุด เขาใช้ศรสายฟ้า ซึ่งได้ทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึง คาถาศรสายฟ้า ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสู่ปีหนึ่ง
ในรอบที่ 6 เป็นตาของแดนีล เขาเดินไปยังตำแหน่งด้วยท่าทางที่สงบ รอให้หุ่นเชิดพุ่งเข้ามา
ทั้งคนในสถาบัน จดจ้องสายตาของพวกเขาไปที่เด็กคนนี้ ผู้ที่สร้างคลื่นในราชอาณาจักรจากการมีศักภาพระดับตำนานแฝง หลายคนงงงวยกับการที่เขาได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับศักยภาพขั้นสีแดง
แม้แต่ราชาที่นั่งงอตัวมาโดยตลอด ก็เอนตัวขึ้นตรง สังเกตแดนีลจากบนเวที
หุ่นเชิดไม้พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วปานกลาง ทำให้เขามีเวลาร่ายคาถา 60 วินาที
แม้กระนั่น แดนีลก็ยังคงยืนกอดอกโดยไม่ขยับเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับเขาไม่ได้ต้องการจะทำการทดสอบ
หลังจากผ่านไป 30 วินาที เขาก็ยังคงไม่ขยับ นักเรียนที่อยู่รอบๆบางคนพยายามที่จะร้องเรียกเขา
ในช่วง 20 วินาทีสุดท้าย ในที่สุด เขาก็มองไปที่หุ้นเชิดไม้เป็นครั้งแรก
ในช่วง 10 วินาทีสุดท้าย บางคนเริ่มกล่าวออกมาว่า การทดสอบศักยภาพในก่อนหน้านี้จะต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน และเขาก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น
แม้แต่กรรมการและจอมเวทย์ราชสำนักก็ยังงุนงงเมื่อได้เห็นความไม่ใส่ใจของแดนีล
“ตู้ม!”
หุ่นเชิดที่พุ่งมาทางแดนีล ถไลและล้มลงในฉับพลัน บางตัวหัวของมันเกือบขาดจากการสัมผัสกับเท้าของเขา
ผู้ชมต่างก็ตกใจกับฉากที่พวกเขาเพิ่งจะเห็นไป แดนีลทำบางอย่างในช่วง 5 วินาทีนั้น? หรือว่าหุ่นเชิดเพียงถไลไปเอง?
การที่หุ่นเชิดถไลไปเองมันนับว่าผ่านหรือไม่?
พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ในขณะที่จอมเวทย์ราชสำนักและราชาดวงตาเบิกกว้างราวกับพวกเขาได้เห็นสัตว์ประหลาด