World domination system - ตอนที่ 149 การตัดสินใจ ตอนที่ 1
นิยาย World domination system WDsChapter 149 การตัดสินใจตอนที่ 1
WDS Chapter 149 การตัดสินใจ ตอนที่ 1
หลังจากจัดรูปแบบตรวจจับการเทเลพอร์ตแล้ว ทหาร 50 นายและผู้บัญชาการทั้งสามก็เข้าไปยังตําแหน่งเหมือง ด้านใน
ส่วนอีก 50 นาย ประจําการอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นั่น และพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะเทเลพอร์ตเข้าไปเป็นกองกําลัง สํารองในกรณีที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
มองภาพผ่านแผงหน้าจอแดนึ่งทําการสังเกตสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆ
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้ราชอาณาจักรใดๆสัตว์ป่าที่นี่จึงไม่หวาดกลัวมนุษย์พวกมันเลือกที่จะมองดูทหารเดินผ่านเข้าไปพยายามคิดว่าสัตว์สายพันธุ์ใหม่นี้คืออะไร
แดนีลสังเกตเห็นว่า สัตว์หลายชนิดที่นี่ค่อนข้างจะคล้ายกับโลกเดิมของเขามีสัตว์สีเงินขนาดเล็กที่มีขนสีดําบนหัวดูคล้ายกับกระรอกในขณะเดียวกันก็มีที่สิ่งมีชีวิตสัตว์ที่ดูคล้ายกับกระต่ายซึ่งมีเขี้ยว งอกยาวออกมาอยู่ตามพื้นดิน
ในขณะที่เขารอให้พวกเขาไปถึงตําแหน่งของพวกเขาแดนลก็ทําการพูดคุยกับระบบต่อซึ่งถูกขัดจังหวะโดยเคลเลอร์เพื่อจัดการประชุมฉุกเฉินก่อนหน้า
เขากําลังพิจารณาทางเลือกเพื่อรับความมั่งคั่งเขาจะได้สามารถเร่งการฝึกฝนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
ตอนนั้น เขาตระหนักได้ว่า เขาลืมเกี่ยวกับสมบัติบางอย่างที่เขาได้รับมาหลังจากที่มาถึงโลกนี้ไม่นาน
“ระบบ เกี่ยวกับห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงาน จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าเข้าไปฝึกฝนภายในนั้น
แดนีลได้วางห้องโถงกระตุ้นพลังงานตามธรรมชาติไว้ใกล้ตําแหน่งที่ระบบตรวจพบแหล่งพลังงานสูงสุดใต้พระราชวัง แล้วเขาได้รับการแจ้งเตือนจากระบบว่าเขาจําเป็นจะต้องดูดซับอัญมณีเคอร์หากเขาต้องการจะรู้ว่าพลังงานที่ควบแน่นอยู่ภายในมีประสิทธิภาพมากเพียง
ใด
[ตอบกลับโฮสต์ ด้วยตําแหน่งในปัจจุบันของห้องโถงกระตุ้นพลังงานตามธร รมชาติ พลังงานที่จะสมจะเทียบได้กับอัญมณีเคอร์ 1 เม็ดในทุกๆ 100 วันแล้วหากห้องโถงถูกย้ายเข้าไปใกล้กับแหล่งพลังงานคุณภาพสูงสุดขีดจะสามารถสะสมเทียบได้กับอัญมณีเคอร์ 1 เม็ดใน ทุกๆ 10 วัน]
แดนีลรู้สึกสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่าเหตุใดระบบถึงได้เรียกห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงานนี้ว่าสมบัติระดับสูงตลอดการเดินทางของเขา เขาได้สัมผัสกับเครื่องประดับเวทมนต์และสิ่งต่างๆที่เรียกว่าสม บัติมามากมายอย่างไรก็ตามระบบไม่ได้เรียกพวกมันเช่นนั้นเลย แม้แต่เครื่องประดับเวทมนต์ครั้งเดียวที่มีพลังอันน่าเหลือเชื่อ และสามารถจะเปลี่ยนสถานการณ์การต่อสู้ได้ก็ด้วย
ตอนนี้ เมื่อได้ยินสิ่งนี้ แดนีลเข้าใจแล้วว่าเขาประเมินความสําคัญของสมบัตินี้ที่เขาพบเจอโดยบังเอิญหรือเป็นโชคชะตาจากบ้านเดิมในสลัมของเขาผิ ดพลาดไป
แล้วเขาก็สงสัยอีกครั้งว่า ชายชราที่แนะนําให้พ่อของเขาสร้างบ้านเหนือห้องโถงนั้นรู้ข้อมูลได้อย่างไรแดนลยิ้มให้กับตัวเอง ขณะที่เขากําลังก้าวหน้าในแผนการการเป็นจอมเวทย์และนักสู้ระดับนักรบที่อายุน้อยที่สุดในทวีปแอนแกเรีย
อัญมณีเคอร์ 1 เม็ด ในทุกๆ 100 วันเป็นกําไรไม่ต้องลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง
แน่นอนว่า เขาต้องการที่จะย้ายมันเข้าไปใกลกว่านี้แต่เขาไม่มีวิธีที่สามารถจะทําได้ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงมีความเป็นไปได้หนึ่งที่เขาคิดออกซึ่งก็คือจิตวิญญาณจักรวรรดิ
จิตวิญญาณจักรวรรดิอาจจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบที่ขัดขวางไม่ให้เขาเข้าถึงแหล่งพลังงานของรูปแบบหัวใจมังกรเอาไว้
ด้วยเหตุผลบางอย่าง สัญชาตญาณของแดนลบอกว่า มันเป็นเช่นนั้น
ระดับความพึงพอใจ
ตอนนี้ มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถจะทําได้ซึ่งมันจะมอบผลประโยชน์ให้กับเขามากมายหากเขาทํามันได้อย่าง
เหมาะสม
ในขณะที่ความคิดของเขากลับมาสู่สิ่งประดิษฐ์สําคัญและแนวคิดจากโลกเดิมของเขาซึ่งนําไปสู่การพัฒนาอันรวดเร็วเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าทหารได้ไปถึงจุดที่คนมากมายมารวมตัวกันแล้ว
ในพื้นที่เปิดโล่งที่เห็นได้ชัดว่าต้นไม่จํานวนมากเพิ่งจะถูกตัดออกไป มี 3 กลุ่มที่หันหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง
แดนลจําได้ว่า หนึ่งในนั้นเป็นกองทัพของราชอาณาจักรกาดํา
ซึ่งประกอบไปด้วยชายที่สวมชุดสีดําและมีกาดําเกาะอยู่บนไหล่ของพวกเขาโดยที่พวกเขายืนกันอย่างเป็นระเบียบ 5 แถว
หลังจากนับแล้ว เขาก็พบว่าพวกเขามีกันอยู่ 70 คน
อีกกองกําลังมนุษย์มาจากราชอาณาจักรแอ็กซ์เลอร์ซึ่งเป็นกองกําลังที่มีกําลังพลมากที่สุดที่นี่แน่นอนว่าพวกเขามีกําลังพลมากกว่า 100 คนจัดแถวเป็นเป็นรูปวงกลมซึ่งดูเหมือนจะเป็นรูปแบบบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม แดนลสังเกตว่า ไม่ใช่ทุกคนในพวกเขาที่เป็นทหารชั้นสูงโดยการสังเกตชุดเกราะคุณภาพต่ําที่พวกเขาสวมใส่
สําหรับพวกเอลฟ์จากเอลดินอร์ มีกันอยู่ 80 คนซึ่งจับกลุ่มพูดคุยกันเอง
เทียบกับกองกําลังอื่นๆที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดแล้ว พวกเอลฟ์ค่อนข้างจะสบายๆราวกับพวกเขาออกมาปีกนิก
พวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดที่แตกต่างกันดูไม่เหมือนกับทหารอย่างกองกําลังอื่นๆที่สวมชุดเครื่องแบบเต็มยศ
หลังจากหยุดประจําที่แล้วผู้บัญชาการทั้งสามก็เดินไปข้างหน้าเพื่อรวมกลุ่มเล็กๆที่มีอยู่ 7 คน
ในขณะที่เสียงลอยผ่านเข้ามาในเครื่องประดับเวทมนต์แดนีลก็เห็นว่า พวกเขากําลังโตเถียงกับพวกเอลฟ์
“พวกเจ้าก็ซื้อข้อมูลมาไม่ใช่หรือ? ที่นี่เป็นแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดอ้างสิทธิ์และทรัพยากรควรจะต้องตกเป็นของใครก็ตามที่แข็งแกร่งที่สุด”
นี่เป็นคํากล่าวของชายจากกองทัพแอ็กเซลอเรียนที่ถูกแผดเผาด้วยความโกรธเมื่อครั้งที่แอรันกล่าวเหน็บแนบประเทศของเขาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เพียงขณะที่แอรันกําลังเข้าไปร่วมการสนทนาอยู่นั้น คนทั้งสิบที่รวมตัวกันก็กลายเป็นนิ่งเงียบไปเพราะพวกเขาได้รับสัญญาณจากทหารที่ควบคุมรูปแบบตรวจจับการเทเลพอร์ต
“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าจะมีอีกกองกําลังมาถึง”เคลเลอร์กล่าวออกมา ได้ ยินเช่นนั้น แดนีลก็พยักหน้ารับและสงสัยว่าเป็นกองกําลังใดที่เข้ามา
โดยปราศจากคํากล่าวใดๆคนจากทั้ง 4 กลุ่มนี้ซึ่งประกอบไปด้วยบุคคลในระดับผู้บัญชาการทั้งหมดได้แยกตัวออกไปและเทเลพอร์ตไปยังตําแหน่งที่ได้รับสัญญาณ
แดนลได้มอบเครื่องประดับเวทมนต์สื่อสาร(นัยน์ตา)ให้กับผู้บัญชาการทั้งสามดังนั้นเขาจึงสามารถจะมองเห็นสถานที่ที่ทหารจากกองกําลังต่างๆมารวมตัวกันและสถานที่ที่แคสแซนดร้าเทเล พอร์ตไป
พวกเขาเทเลพอร์ตมายังตําแหน่งที่ใกล้กับตําแหน่งที่ตรวจจับผู้บุกรุกได้เหล่าผู้บัญชาการจึงไม่จําเป็นจะต้องกังวลเรื่องการซุ่มโจมตีใดๆ
แน่นอน เช่นเดียวกับที่พวกเขาเพิ่งจะถูกทดสอบตอนนี้มันเป็นพวกเขาที่จะทดสอบกองกําลังที่เข้ามาใหม่
อย่างรวดเร็ว แคสแซนดร้ามาถึงตําแหน่งที่มีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่อย่างเย็นชาราวกับพวกเขาคาดหวังสิ่งนี้เอาไว้แล้ว
ยักษ์ 20 ตนที่สูงอย่างน้อย 15 ฟุตยืนเรียง 2 แถว แถวละ 10 ตน ขณะที่มี ชาย 3 ตน และหญิง 2 ตนยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา
ยักษ์ทุกตนแต่งตัวเช่นเดียวกันพวกเขาสวมชุดเกราะสีเขียวที่ปกคลุมตั้งแต่ หัวจรดเท้าในความเป็นจริงพวกมันทําให้แดนีลคิดย้อนกลับไปถึงชุดเกราะเหล็กที่อัศวินจากโลกเดิมของเขาเคยสวม
ในมือของพวกเขา เหล่ายักษ์ถือไม้คถาขนาดไว้ในมือ ซึ่งทุกอันมีหนามแหลมยื่นออกมาใกล้ปลายคถา
ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใด แดนลก็ไม่สามารถจะเปรียบเทียบภาพลักษณ์ของทูตผู้ร่าเริงโบสที่มาเยือนแลนธานอร์กับเหล่ายักษ์ที่ดูดุร้ายเหล่านี้ได้
ยักษ์ทั้งห้าที่ยืนอยู่ด้านหน้า ยิ้มอย่างง่ายๆออกมาขณะที่จดจ้องไปยังเหล่าคนที่เพิ่งจะมาถึง
เป็นอีกครั้งที่เอลฟ์เป็นคนแรกที่กล่าว
“อาราเฟล พวกเจ้ามาช้าเกินไปออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้หรือไม่ พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากไล่พวกเจ้าออกไปข้าจะขอกล่าวแทนทุกคนที่นี่ว่าราชอาณาจักรทั้งสี่จะเป็นพันธมิตรเพื่อต่อสู้หากมันจําเป็น
ได้ยินเช่นนั้น แดนีลก็ถึงกับตกตะลึง
พันธมิตรเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป?ไม่ใช่ว่าอาราเฟลเป็นพันธมิตรของพวกเขาหรอกหรือ?
“ฝ่าบาท มันเป็นการตัดสินใจของท่านไม่ว่าพวกเราจะยึดมั่นในความสัมพันธ์พันธมิตรและเสี่ยงเผชิญหน้ากับพันธมิตรทั้งสามที่จะต่อสู้เพื่อขับไล่พวกเราออกมาหรือพวกเราจะทําตามพวกเขาและขับไล่พวกยักษ์ออกไปเพื่อให้พวกเรามีโอกาสได้รับทรัพยากรมากขึ้น”
ในห้องสถานการณ์ราชาแห่งแผนธานอร์พบว่าตัวเขากําลังจดจ้องไปยังเคลเลอร์ที่ขอให้เขาตัดสินใจในฉับพลันซึ่งสิ่งนั้นมันอาจจะมีผลกระทบเป็นวงกว้าง
ยึดมั่นในพันธมิตร สนับสนุนอาราเฟลและเสี่ยงที่จะถูกขับไล่? หรือมุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์
ในขณะที่เขากําลังคิดเกี่ยวกับการตัดสินใจบรรยากาศในสถานที่รอบๆแคสแซนดร้าก็กลายเป็นตึงเครียดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ