World domination system - ตอนที่ 136 ความจริง ตอนที่ 2
World domination system WDS Chapter 136 ความจริง ตอนที่ 2
WDS Chapter 136 ความจริง ตอนที่ 2
[ตรวจพบการซ้อนทับ โฮสต์ต้องการจะลบมันออกไปหรือไม่?]
เสียงที่ดังขึ้นของระบบ ดึงเขากลับมาจากความบ้าคลั่ง ซึ่งเกือบจะกลืนกินเขาเมื่อได้เห็นภาพนี้
แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าระบบหมายถึงอะไร แต่เขาก็ยังคงตอบว่า “ใช่” โดยสัญชาตญาณ
ในฉับพลัน วิสัยทัศน์ของเขาก็กลายเป็นเบลอและเขาเห็นใบหน้าที่แตกต่างออกไปปรากฏขึ้นแทนที่ใบหน้าที่เคยเป็นแม่ของเขาอย่างงงงวย เขาพลิกอีก 2 ศพและตระหนักว่า มันเป็นพ่อของเขาและแฟกซัล
อย่างไรก็ตาม เป็นเช่นเดียวกับแม่ของเขา ใบหน้าของพวกเขาเบลอ และกลายเป็นใบหน้าของคนอื่นที่แตกต่างออกไป
หลังจากคิดเกี่ยวกับมันอยู่ชั่วครู่ แดนีลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าใบหน้าของคนทั้งสามนี้ เป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ระบบ เกิดอะไรขึ้น?” เขาถาม และตั้งตารอคําตอบ เพื่อที่จะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
[โฮสต์ได้เข้ามาอยู่ในความทรงจํา ความทรงจํานี้เป็นของบุคคล ที่เห็นคนที่เขารักในสถานที่แห่งนี้ การซ้อนทับถูกเพิ่มเข้ามาในความทรงจํา เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาดูเห็นภาพของคนที่พวกเขารัก]
“ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับใครบางคน?”
เยืนยัน ชิ้นส่วนความทรงจําทํางานได้โดยการนําเอาความทรงจําที่แท้จริงของสถานที่ตั้งกับสภาพแวดล้อมออกมาจากสมองของสิ่งมีชีวิต แล้วใช้เทคนิคพิเศษบางอย่างจากเครื่องประดับเวทมนต์ ทําให้คนเข้าไปอยู่ในความทรงจํานั้นและสัมผัสกับมันด้วยตัวเอง การซ้อนทับดังกล่าวสามารถจะทําได้จากข้อมูลในห้องสมุดลับ โปรดรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะประเมินได้ดีขึ้น
แดนีลไม่เคยได้ยินเรื่องเครื่องประดับเวทมนต์ที่ทําเช่นนี้ได้มาก่อน ในความเป็นจริง เขาไม่เคยจินตนาการเลยว่าจะสามารถทําเช่นนี้ได้
ความรู้สึกของเขาค่อยๆฟื้นกลับมามากขึ้น จากนั้น แดนีลก็ใช้ไม้คําร่างของเขาขึ้นและเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
ขณะที่เขาทําเช่นนั้น เขาก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่ระบบกล่าว บางคนเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้น การนองเลือดอันน่าเหลือเชื่อนี้ จะต้องเกิดขึ้นที่ไหนซักแห่งอย่างแน่นอน
ใครเป็นคนทํา? และสถานที่นี้คือที่ไหน?
มีเพียงคําถามเท่านั้น ไม่มีใครสามารถจะตอบเขาได้ แดนีลยังคงพยายามเดินโซเซไปด้านหน้า และพยายามที่จะไม่สนในศพที่อยู่รอบๆ
บางศพน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก บ้างก็ถูกบดขยี้จนไม่เหลือสภาพ บ้างก็ถูกเผาจนไหม้เกรียม ซึ่งมันทําให้สิ่งเหล่านี้ถูกตรึงไว้ในความทรงจําของเขา มันทําให้เขาคลื่นไส้มากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดว่าการนองเลือดในห้องโถงของราชาน่าหวาดกลัวมากแล้ว แต่มันกลับไม่มีอะไรสามารถจะเทียบกับที่แห่งนี้ได้เลย
จากนั้นไม่นาน เขาก็ได้เห็นร่างของเด็กสาวตัวเล็กๆถูกผ่าครึ่ง ลําไส้ไหลทะลักออกมาด้านนอก มันทําให้แดนีลไม่สามารถจะอดทนได้อีกต่อไป
เขาถไลไปข้างหน้าและอาเจียนออกมา
หลังจากผ่านไปซักพัก แดนีลก็รู้สึกดีขึ้น มองไปยังทิศทางที่แตกต่างออกไป เขาพยายามที่จะไม่เหลียวมองร่างนั้นอีก
จิตใจของเขาเริ่มด้านชาเนื่องจากภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขา ในขณะนั้น เสียงกรีดร้องที่ดังมาจากที่ห่างไกลก็ทําให้เขาตื่นตระหนก
ไม่มีแนวคิดเรื่องเวลาในสนามรบที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักได้ว่าเขาได้รับความบ้าคลั่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทีละก้าว ทีละก้าว เขาทําได้เพียงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง เขาเริ่มวิเคราะห์ทุกสิ่งที่เขาทําตั้งแต่กลายเป็นราชา
หลังจากเห็นร่างแม่ของเขา แดนีลก็ตระหนักได้ว่า เขาไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่ของเขามากนัก และเขาเพียงแค่ติดตามกระบวนการรักษาพ่อของเขา ซึ่งมันจะแล้วเสร็จในอีกไม่กี่วัน
เวลา เวลา เวลา เขาดิ้นรนกับการจัดการกับปัญหาจากทางซ้าย และขวา แต่เขากลับลืมที่จะสนใจสิ่งสําคัญที่สุด
ด้วยการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แดนีลตระหนักว่า แม้กระทั่งบุคลิกของเขา มันก็ค่อยเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เพียงไม่กี่วัน เขาก็เริ่มที่จะชินกับอํานาจของเขาแล้ว
เขารู้ว่าแฟกซัลกําลังทรมานกับอดีต แต่เขาไม่ได้สนใจที่จะติดตามและไม่แม้แต่จะถามแฟกซัลว่ากําลังทําอะไร
เขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาอาจจะสับสนจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวัง อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้เข้าไปดูแลพวกเขา และใช้เวลากับพวกเขา เพื่อให้พวกเขามั่นใจว่า ลูกชายของพวกเขายังคงมีพวกเขาอยู่ในหัวใจ
เขารู้ว่าโจนาห์พยายามจะแก้แค้นมานานหลายปีแล้ว และมัน จะต้องมีเหตุผลที่เขาทําเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงแสดงความโกรธออก ไปขณะที่เขาจดจ้องไปยังโจนาห์ในห้องบัลลังก์
เขาเคยได้ยินจากในโลกเดิมว่า พลังอํานาจเป็นสิ่งที่อันตราย การอยู่ในพลังอํานาจเป็นเวลานาน มันจะค่อยๆเปลี่ยนผู้คน ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคํากล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง
ขณะเดินโซเซไปข้างหน้า แดนีลก็ได้ตระหนักว่า เขาเดินมา ถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง
มองออกไป ภาพที่เขาเห็นทําให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง
เมืองหลวงของแลนธานอร์ ถูกล้อมรอบไปด้วยกองทัพขนาดใหญ่จากทุกทิศทาง เมืองชั้นนอกลุ่มสลายไปแล้ว และที่กําแพงเมืองก็มีรูจํานานมากที่กว้างอย่างน้อย 3 เมตร
กองทัพที่โจมตีส่วนมากประกอบไปด้วยคนที่สวมชุดสีขาวส่อง ประกาย ท่ามกลางพวกเขา แดนีลสามารถจะมองเห็นสิ่งประดิษฐ์ บางอย่างจํานวนมาก ซึ่งมันทําให้เขาคิดไปถึงเครื่องจักรสงคราม จากโลกเดิม
แม้รูปแบบของพวกมันจะแตกต่างออกไป แต่เขาก็สามารถจะ บอกได้ว่า พวกมันคล้ายกัน ตัวอย่างเช่น มีลูกบาศก์ขนาด 10 เมตรที่มีช่องอยู่ด้านบน จอมเวทย์ที่ประจําการอยู่ใกล้ๆ ใช้มันยิ งลูกหินด้วยพลังของแรงระเบิด สถานที่ที่ถูกยิง ได้รับความเสียหาย ที่น่าตกตะลึง
เขาสามารถจะมองเห็นภาพเลือดที่ไหลนองไปตามถนน มีร่างของผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กมากมายที่ถูกฆ่าอย่างไร้ปราณี ในขณะนั้น กองทัพที่มีอย่างน้อย 5 ล้านนาย ได้เดินทัพไปยังประตูเมืองชั้นใน
คนผู้หนึ่งที่สวมชุดคลุมสีขาวกําลังบินอยู่บนอากาศ เขาพุ่งไปยังสิ่งกีดขวางที่เคยปกป้องพระราชวังได้เป็นเวลานานในระหว่างการต่อสู้ชิงบัลลังก์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แดนีลเห็นในครั้งนี้ก็คือ เพียงแค่ 2 หมัดของเขา มันก็สามารถจะทําให้สิ่งกีดขวางพังทลายลง และทหารที่รออยู่
ด้านหลัง ต่างก็ตะโกนออกมาด้วยความปิติยินดี ขณะที่พวกเขาพุ่งไปข้างในและสังหารทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในพระราชวัง
ภาพนี้จะถูกสลักอยู่ในความทรงจําของแดนลตลอดไป ระบบได้แจ้งเตือนเขาอีกครั้งว่านี่เป็นภาพซ้อนทับ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับเนื่องจากความรู้สึกตกใจและหวาดกลัวของเขาในตอนนี้
พวกเขาเป็นคนของเขา และนี่ก็เป็นราชอาณาจักรของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีพลังมากพอที่จะหยุดอะไรได้
“ในที่สุด ก็เจอคนสุดท้าย ตอนนี้ ท่านอาร์คบิช็อปคงจะไม่สามารถตําหนิพวกเราได้แล้ว…”
ได้ยินเสียงจากด้านหลัง แดนีลถูกดึงออกมาจากภวังค์ความคิดของเขา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้หันกลับไป เขาก็รู้สึกได้ว่า มีบางอย่างแทงกมาที่คอของเขา
ก่อนที่เขาจะสิ้นสติไป เขาก็ได้ยินเสียงเดียวกันนั้นอีกครั้ง
“พยานการกวาดล้างคนหนึ่งถูกจับกุมแล้ว กลับไปรวมกลุ่มกันเถอะ”
รู้สึกตัวอีกที เขาก็ฟื้นขึ้นมาในกระท่อม แดนีลตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัว
กระบอกยังคงอยู่ในมือของเขาขณะที่โจนาห์ยังคงยืนอยู่ด้านหน้า รอให้สติของแดนีลกลับมา
เห็นเขาลืมตาขึ้น โจนาห์ก็เดินมาพยุงเขาลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า “อย่างแรก นั่นไม่ใช่พ่อแม่ของเจ้า และนั่นไม่ใช่แลนธานอร์ เครื่องประดับเวทมนต์นี้ จะให้เจ้าสัมผัสถึงความทรงจําของใครบางคน และมันจะทําให้จิตสํานึกของเจ้าซ้อนทับกับความทรงจํา ทําให้เจ้าเห็นภาพพ่อแม่หรือแม้แต่เมืองของเจ้าในนั้น”
แน่นอนว่า แดนี้ลรู้เรื่องนี้จากระบบแล้ว เขาส่ายหัวและพยายามสลัดความเจ็บปวดในหัว ก่อนจะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าไม่รู้ สิ่งที่ข้ารู้ก็คือ ชะตากรรมนี้จะเกิดขึ้นกับแลนธานอร์ หากแอนแกเรียไม่รวมตัวกันเพื่อขับไล่เชิร์ช”
คํากล่าวที่เย็นยะเยียบนี้ ทําให้แดนีลที่ยืนอยู่ตรงหน้า มองไปยังโจนาห์พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง
สิ่งที่เขาเห็น อาจจะกลายเป็นจริง?