World domination system - ตอนที่ 132 ข้อมูล
WDS Chapter 132 ข้อมูล
ภายในห้องบัลลังก์ของราชอาณาจักรแลนธานอร์
แคสแซนดร้านกระดาษแผ่นหนึ่งมามอบให้แดนีล มันเป็นข่าวกรองจากเอลดินอร์ที่สายลับส่งกลับมาให้
แม้เครือข่ายสายลับของพวกเขาจะไม่ได้ดีที่สุดในแอนแกเรีย แต่แลนธานอร์ก็ยังคงมีสายลับที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในทุกราชอาณาจักร
สาเหตุหลักมาจากผู้ที่รับผิดชอบการฝึกอบรมสายลับผู้บัญชาการลูเธอร์
อดีตของชายคนนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจจะโต้แย้งได้ก็คือ เขาจงรักภักดีต่อแลนธานอร์อย่างแท้จริง
ตามคํากล่าวของแคสแซนดร้า เขาเดินกระโพลกกระเพลกอยู่ที่ชายแดนแลนธานอร์โดยมีร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยเลือด ซึ่งเขาในตอนนั้นอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น แม้เขาจะถูกสืบสวนเกี่ยวกับอดีตบ่อยครั้ง แต่คําตอบเดียวของเขาก็คือ เขาจํามันไม่ได้
เขามีความสามารถที่โดนเด่นรอบด้านในเรื่องของสงคราม เขาได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว และจนอีกก้าวเดียวเขาก็จะได้เลื่อนตําแหน่งเป็นผู้บัญชาการ
ในความเป็นจริง เหตุผลเดียวที่ตอนนั้น เขาไม่ได้รับการเลื่อนตําแหน่งเป็นผู้บัญชาการก็คือ ความกังวลของราชาริชาร์ดเกี่ยวกับความจริงที่ว่า เขาไม่ได้เกิดในแดนธานอร์
อย่างไรก็ตาม มันเปลี่ยนไปหลังเกิดเหตุการณ์การซุ่มโจมตีของแอกซ์เลอร์ ที่เขาได้เสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือราชาจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทําให้เขาได้รับแผลเป็นบนใบหน้า
ในตอนนั้น เขาถูกโจมตีด้วยเวทมนต์ที่ทรงพลังอย่างมาก การที่เขารอดชีวิตมาได้ทําให้ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง
ตั้งแต่นั้นมา ราชาก็ไม่ลังเลที่จะให้เขาเป็นผู้บัญชาการอีก
แล้วเขายังรับหน้าที่เป็นผู้ฝึกอบรมสายลับ ซึ่งได้ผลิตและส่งตัวสายลับมีความสามารถที่สุดไปยังทุกมุมของแอนแกเรีย
เนื่องจากเขามีทักษะในด้านนี้จนน่าหวาดกลัว หลายคนจึงสงสัยว่ามันเชื่อมโยงกับอดีตที่เขาหลงลืมไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีปัญหาอย่างหนึ่งสําหรับการบํารุงรักษา เครือข่ายข่าวกรองขนาดใหญ่นี้ ซึ่งก็คือทรัพยากร
เครื่องประดับเวทมนต์ราคาแพง, เงินสินบน, ค่าใช้จ่ายประจําวัน และอื่นๆอีกมาก
เพื่อจัดการค่าใช้จ่าย ราชอาณาจักรจะต้องส่งค่าใช้จ่ายกระจายไปยังสายลับที่ประจําอยู่ในจุดต่างๆทั่วทั้งทวีปอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งแน่นอนว่า นั่นเป็นการเผาผลาญทรัพยากรจํานวนมหาศาล
เนื่องจากความปรารถนาพลังอันแรงกล้าของราชาริชาร์ด เขาจึงได้ตัดสินใจตัดทรัพยากรเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด
นี่เป็นเหตุผลว่าเพราเหตุใด แอ็กซ์เลอร์ถึงสามารถเคลื่อนกองทัพมาโจมตีโดยที่แลนธานอร์ไม่ได้รับการแจ้งเตือนระหว่างการต่อสู้ชิงบัลลังก์
สายลับจํานวนมากสร้างตัวเองให้เป็นพ่อค้า ซึ่งจําเป็นจะต้องใช้เงินสนับสนุนจํานวนมากจากแดนธานอร์ แต่พวกเขากลับถูกทิ้งและปล่อยให้แห้งตายไป ลูเธอร์มองชายและหญิงเหล่านั้นเป็นดั่งลูกของเขา และมันทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่ต้องทนเห็นพวกเขาในสภาพเช่นนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป เครือข่ายก็ค่อยๆอ่อนแอลง หลงเหลือกระดูกจากความรุ่งโรจน์ในอดีต
ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อแดนีลขึ้นครองบัลลังก์ แม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ลูเธอร์ถึงไม่เข้ามาหาเขาและบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังคงออกคําสั่งให้ฟื้นฟูเครือข่ายข่าวกรอง พร้อมกับการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรม
การคืนสถานะดังกล่าวจําเป็นจะต้องใช้เวลา ดังนั้นสัญญาณแจ้งตื่นจึงเพิ่งจะไปถึงชายในเอลดินอร์หลังจากที่การนัดพบกับราชอาณาจักรกาดําจบลง
รายงานถูกเขียนว่า
“เครือข่ายท่อระบายน้ําเก่าเชื่อมต่อกับสายท่อระบายน้ําเฉพาะของพระราชวัง อุปกรณ์บันทึกถูกส่งไปยังห้องของบุคคลที่ชื่อเอลดร้า เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ข้าจึงจําเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณระยะสั้น ข้าจะมาที่ท่อระบายน้ําทุกวันเพื่อรวบรวมข้อมูล
“ไม่นานมานี้ นางได้รับคําสั่งให้เป็นผู้คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของราชาแดนีล ขณะที่ระมัดระวังไม่ให้สายลับถูกจับได้ นอกจากนี้ นางยังได้ยื่นคําร้องไปยังนักยุทธศาสตร์ เพื่อให้ประเมินผลกระทบของการผลิตเครื่องประดับเวทมนต์ทั่วไปต่อเศรษฐกิจของแลนธานอร์ในนามของราชินี
ประการแรกและสําคัญที่สุด แดนีลชื่นชมความรั้นของชายคนนี้ที่คลานผ่านท่อระบายน้ําเพื่อทําภารกิจ แน่นอนว่า การฝึกอบรมของผู้บัญชาการลูเธอร์ก็เป็นอีกส่วนสําคัญ
ประการที่สอง เขาไม่แปลกใจมากนักที่ข่าวเกี่ยวกับ การผลิตเครื่องประดับเวทมนต์รั่วไหลออกไป ภายในพระ ราชวังมีสายลับอยู่มากมาย และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บบาง สิ่งเช่นนี้ที่คนส่วนใหญ่รู้เห็นเป็นความลับ
ตามที่พวกเอลฟ์สงสัย เขาใช้ระบบในการปรับปรุงผังเครื่องประดับเวทมนต์สื่อสาร เพื่อให้สามารถผลิตด้วยวิธีใหม่ได้ แต่ละคนรู้เพียงส่วนหนึ่งของประบวนการที่พวกเขาควรจะทําเท่านั้น ดังนั้น แม้เอลดินอร์จะได้รับความรู้ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งในกลุ่ม พวกเขาก็ยังคงจะไม่สามารถทํามันได้
ส่วนที่สําคัญที่สุดก็คือผังเต็มรูปแบบ มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่รู้ ซึ่งก็คือ แดนีลและรีปลีย์
ในความเป็นจริง บุคคลพิเศษที่เข้ามารับผิดชอบฝ่ายนี้ก็คือริปรีย์ เขากระโดดมารับข้อเสนอในทันทีที่เขารู้ว่าเขาจะได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดตามที่เขาต้องการ
สําหรับตอนนี้ ริปลีย์เป็นผู้นําการผลิตเครื่องประดับเวทมนต์สื่อสาร ในอนาคตอันใกล้ แดนีลวางแผนที่จะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของแลนธานอร์
ด้วยข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจของเอลดินอร์ มันทําให้แดนีลรู้สึกมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่กล้าลงมือกับเขา เวลาเป็นสิ่งที่เขาต้องการ และมันดูเหมือนว่าเขาจะมีพื้นที่ให้พักหายใจแล้ว
จบการประชุมราชสํานัก แดนีลเดินกลับไปยังห้องโถงของเขาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนหน้า
ในระหว่างทาง เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงรายงานของระบบเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์อีเชอร์ที่มันทําให้เขารู้สึกลําบากใจตั้งแต่ต้น
[โมดูลวิเคราะห์ปรากฏการณ์ ได้วิเคราะห์เมล็ดพันธุ์เสร็จสิ้นแล้ว]
[เมล็ดพันธุ์อีเชอร์ : เป็นพืชที่ถูกดัดแปลงอย่างหลากหลาย ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องความอึดและมีชีวิตอยู่ ได้ด้วยการดูดซับสารอาหารของพืชชนิดอื่นๆ มันสามารถดูดซับพลังงานที่มีอยู่ในดิน ส่งผลให้พืชสามารถแปรสภาพ ไปเป็นวัสดุพลังงานที่คล้ายกับอีเธอร์]
โดินที่ใช้ในการปลูกพืช จะสูญเสียพลังงานทั้งหมดในระยะเวลา 1 ปี สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อสารอาหารที่มีอยู่ในดิน แต่พืชอื่นๆยังคงสามารถจะเจริญเติบโตได้ หลังจาก 2 ปีของการปลูกพืชชนิดนี้ สารอาหารในดินจะเดือดแห้งโดยสมบูรณ์ พืชอื่นๆจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีก ตามการประมาณการณ์ จะต้องใช้เวลาถึง 10 ถึงจะสามารถย้อนกลับผลกระทบได้)
หลังจากที่เขาได้ยินการวิเคราะห์นี้จากระบบ แดนีลก็ตกใจเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนว่า อีเชอร์จะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้แทนอีเธอร์
นี่เป็นดั่งความฝันของหลายๆราชอาณาจักร แม้เหมืองอีเธอร์จะยังคงทํางานอยู่ แต่มันก็มีขีดจํากัดและสามารถ จะหมดลงอย่างสิ้นเชิงได้ ถึงตอนนั้น หลายคนสงสัยว่า แอนแกเรียจะเป็นอย่างไร
จอมเวทย์และนักสู้ยังจะสามารถฝึกฝนได้หรือไม่? นี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว
ดังนั้น หลายคนจึงพยายามทําการวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีใครประสบความสําเร็จ อย่างน้อยก็ในราชอาณาจักรทั้งหก
ด้วยศักยภาพและทรัพยาการที่เหนือกว่า เป็นที่เชื่อกันว่าบิ๊กโฟร์จะเป็นคนแรกที่ทําสําเร็จ อย่างไรก็ตาม พืชชนิดนี้เลวร้ายมากเกินไป
มันจะกลืนกินพลังงานในดินทั้งหมดใน 1 ปี แต่มันจะต้องใช้เวลาหลังจากนั้นอีก 1 ปี กว่ามนุษย์จะค้นพบผลของมัน
ใครบางคนสามารถจะหลอกลวงเกษตรกรให้ปลูกมัน หลังจากที่เก็บเกี่ยวแล้ว พวกเขาก็สามารถจะออกไปพร้อมกับอีเชอร์ได้โดยไม่มีใครสงสัย
อีก 1 ปีหลังจากนั้น พืชทั้งหมดที่ปลูกในพื้นที่นั้นก็จะเริ่มตาย ในท้ายที่สุด พื้นที่นั้นก็จะกลายเป็นทะเลทรายไป
ประชาชนจํานวนมากในแลนธานอร์ดํารงชีวิตอยู่การทําเกษตรกรรม หากแดนีลเห็นด้วยกับแผนการของราชากาดํา และยอมให้เมล็ดอีเชอร์ปลูกในราชอาณาจักรของเขาเนื่องจากการล่อลวงของบิ๊กโฟร์เพื่อผลกําไรของตนเอง มันจะเป็นดั่งการส่งเกษตรกรจํานวนมากไปสู่ความตาย
ในความเป็นจริง มันจะเป็นดั่งการที่เขาทําลายทั้งราชอาณาจักรของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดแผนการของราชากาดําถึงได้โง่เง่าเช่นนั้น เพราะหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น แลนธานอร์จะเปิดฉากสงครามเป็นตายกับราชอาณาจักรกาดําอย่างแน่นอน ซึ่งมันจะทําให้ราชอาณาจักรทั้งสองถูกทําลาย และเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์
ซึ่งนี่ควรจะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ตอนนี้ ขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้อง ความเป็นไปได้อีกอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ก็ได้ปรากฏขึ้นในหัวของแดนีล
เขามีระบบที่สามารถจะวิเคราะห์เมล็ดพันธุ์นี้ได้ และเท่าที่เขารู้ ไม่มีใครในราชอาณาจักรทั้งหกสามารถจะทําการวิเคราะห์เช่นนี้ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น ราชากาดําก็ไม่รู้เกี่ยวกับผลกระทบอันเลวร้ายเกี่ยวกับมัน? เขาอาจจะถูกอุบายหรือถูกลวงโดยบิ๊กโฟร์ที่ให้เมล็ดพันธุ์?