World domination system - ตอนที่ 116 การประหาร
แดนีลเริ่มชินกับอาการจักจี้ที่มาพร้อมกับการปรับใช้เทคนิคการพัฒนาต่างๆที่พัฒนาขึ้นมาโดยระบบ ด้วยความสุขจากการรู้สึกถึงการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง มันทำให้เขาลืมเกี่ยวกับเวลาไปอย่างสิ้นเชิง
หากไม่ใช่เพราะระบบเตือนเขา เขาคงจะไม่รู้สึกตัวในเร็วๆนี้
มองไปที่เวลา เนื่องจากเขาไม่ต้องการที่จะนอนดึกในวันนี้ แดนีลจึงกลับไปที่เตียงของเขา
ไม่นานมานี้ ความฝันของเขายิ่งแปลกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้ เขาฝันเห็นปราสาทโบราณที่มีต้นไม้สีเขียว ลอยอยู่บนอากาศ
เนื่องจากเขาไม่พบสิ่งที่สอดคล้องหรือเหตุผลใดๆจากภาพเหล่านั้น เขาจึงเพียงแค่คิดว่า พวกมันเป็นผลมาจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจของเขา
……………………………………………………………………………..
ด้านหน้าประตูเมืองชั้นในของเมืองหลวงแลนธานอร์ เวทีขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นในชั่วข้ามคืน
คล้ายกับในโลกเดิม ประเภทของการประหารที่พบมากที่สุดก็คือ การทำให้หายใจไม่ออกจนตาย(การแขวนคอ) ตามที่เคลเลอร์กล่าว นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะทุกคนที่เฝ้าดูต้องการที่จะเห็นอาชญากรเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมาน เพื่อให้เวลาพวกเขาค่อยๆคลายความเกลียดชังที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจของพวกเขา
สิ่งที่มันแตกต่างจากโลกเดิมก็คือ มันไม่ใช้เชือกในการทำให้หายใจไม่ออก แต่มันจะใช้คาถาที่ร่ายโดยจอมเวทย์
แม้เคลเลอร์จะเกลียดชังวิธีที่ทุกข์ทรมานเช่นนี้ แต่เขาก็รู้ว่ามันจำเป็นจะต้องทำ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้านั้น จอมเวทย์ราชสำนักคนก่อน ได้มาหาเขาและถามเขาว่า ให้ตัวเขาเป็นผู้ประหารได้หรือไม่ แม้เคลเลอร์จะไม่เข้าใจเหตุผล แต่เขาก็ยังคงส่งข้อความนี้ไปถามราชา
เนื่องจากมันเป็นเหตุการณ์อย่างเป็นทางการ กลุ่มผู้ติดตามของแดนีล จึงจำเป็นจะต้องทำเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เขาเข้าไปในห้องบัลลังก์ พร้อมกันนั้น ก็ยังมีอีกกลุ่มทหารชั้นสูงที่ติดตามอยู่ด้านหลังพวกเขา
มองไปยังโถงทางเดินก่อนออกจากพระราชวัง แดนีลเห็นจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่คนก่อน ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความเคารพและกำลังรอคำตอบ
เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นชายคนนี้ แดนีลจะคิดไปถึงราชาองค์ก่อน ดังนั้น เขาจึงเพิกเฉยต่อการคงอยู่ของของชายคนนี้เป็นส่วนใหญ่ และตกลงใจว่า จะตัดสินเกี่ยวกับเขาในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ก็ยังคงมาหาเขาด้วยตัวเอง
แม้แดนีลจะค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับความจงรักภักดีของชายคนนี้ แต่เขาก็ยังคงเห็นด้วยกับคำขอดังกล่าว ไม่ว่าอย่างไร ชายคนนี้ก็ได้สาบานตนแล้ว
เคลเลอร์หันหลังกลับและพยักหน้า ทำให้ชายคนนั้นเดินออกมาและเข้าร่วมกลุ่มผู้ติดตาม ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว และในที่สุด ราชาก็เดินทางมายังเวทีประหารแล้ว
………………………………………………………………………………
แม้สมาชิกกองทัพผู้ปกครอง จะยังไม่ได้เลือกเส้นทางของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงปฏิบัติตามคำสั่ง ติดตั้งแผงหน้าจอทั่วเมืองหลวงเหมือนก่อนหน้านี้
เฮเลนาและแดเลียอยู่ในตลาดที่มีการติดตั้ง เฮเลนากลัวว่า ลูกสาวของเธอจะหลงทาง หากเธอเลือกที่จะไปยังประตูเมืองชั้นใน เธอจึงเลือกที่จะดูการประหารผ่านแผงหน้าจอ
ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของสามีเธอ ยังได้ฆ่าคนอื่นๆอีกหลายคน ทำให้เขาถูกตัดสินประหาร พร้อมกับคนชั้นสูงอีก 128 คน
พิจารณาถึงความจริงที่ว่า คนชั้นสูงทั้งหมดมี 177 คน ไม่นับผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ในพระราชวังที่ยังมีอีกหลายคน ซึ่งแม้แต่ในจำนวนคนที่ยังเหลือ ก็ยังคงมีอีกหลายคนที่ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
ในความเป็นจริง คนชั้นสูงที่มีจิตใจดีอย่างเอลอยเซ่นั้น มีจำนวนน้อยเป็นอย่างมาก มีเพียง 16 เท่านั้น ที่ได้รับการตัดสินให้ได้รับการอภัยโทษอย่างเป็นทางการ หลังจากการประหารนี้สิ้นสุดลง
ประชาชนต่างก็มารวมตัวกันที่หน้าเวทีแล้ว
สำหรับเหล่าผู้ติดตามของราชา พวกเขาก็เป็นเหมือนครั้งแรกเมื่อครั้งที่เข้าห้องบัลลังก์
ตอนนี้ ผู้ติดตามของแดนีล ประกอบไปด้วยทหารจากจอมเวทย์ชั้นสูง ด้วย 5 คน จากจอมเวทย์เหล่านี้ทำงานร่วมกัน ผู้ติดตามทั้งหมดลอยขึ้นไปบนอากาศ และยืนอยู่บนนั้นเหมือนตัวแทนกองกำลังอื่นๆทั้งสามในอดีต
เมื่อประชาชนที่รวมตัวกัน เห็นราชาอันเป็นที่รักของพวกเขาลอยขึ้นบนอากาศ พวกเขาก็โค้งคำนับก่อนจะตะโกนชื่อของเขาออกมาจนสุดเสียง
“ทั้งหมดคำนับราชาแดนีล!”
พวกเขาเคารพรักเขา เพราะไม่ว่าอย่างไร สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันก็คือเขา
ท่ามกลางเสียงเชียร์ ก็ค่อยๆมีคนปรากฎขึ้นบนเวที ทีละคน ทีละคน
ชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นมือขวาของอดีตราชา เทเลพอร์ตขึ้นไปบนเวที แล้วทำการตรึงคนที่เหลือด้วยห่วงโลหะ ซึ่งเขาเสกออกมาจากอากาศ
ในที่สุด ก็มี 129 คน ยืนอยู่บนเวที ขณะที่บรรยากาศโดยรอบค่อยๆตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้สิ่งกีดขวางจะถูกสร้างขึ้นรอบๆทั้งเวทีแล้ว แต่แดนีลก็ยังคงสงสัยว่า มันจะสามารถต้านทาน การปะทะของคนนับพันๆได้หรือไม่
ในความเป็นจริง ประชาชนทุกคนที่เฝ้ามอง มีดวงตาสีแดงขณะที่มองขึ้นไปยังคนบนเวที พวกเขาสามารถควบคุมความโกรธของพวกเขาได้ เมื่อครั้งที่รายงานการอาญชากรรมในห้องพิจารณาคดี
อย่างไรก็ตาม เผชิญหน้ากับคนที่ทำลายและเหยียบย่ำชีวิตของพวกเขาอีกครั้งที่นี่ หลายคนไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์ของพวกเขาได้ คำรามด้วยความแค้น พวกเขาพยายามฝ่าสิ่งกีดขวางและทะลวงเข้าไป ราวกับพวกเขาต้องการที่จะประหารคนเหล่านั้นด้วยตัวเอง
แม่, ลูกสาว, ลูกชาย, ภรรยา, พ่อ ความสัมพันธ์ทั้งหมดกลายเป็นเพียงความทรงจำ เนื่องจากการกระทำของเหล่าคนที่อยู่บนเวที
จำนวนการฆาตกรรมขั้นต่ำ สำหรับการตัดสินโทษประหารก็คือ การฆาตกรรม 10 ชีวิต อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่ข้ามข้อจำกัดนี้หลายเท่าตัว
พวกเขาสนุกกับความทุกข์ทรมานของผู้อื่นอย่างแท้จริง
ในความเป็นจริง เมื่อครั้งที่แดนีลตรวจสอบบันทึก เขาก็พบว่า มันเป็นองค์ชายใหญ่ที่มีจำนวนการฆาตกรรมมากที่สุด
มันดูเหมือนว่า ทุกครั้งที่เขากลับมาเยี่ยมเยือนราชอาณาจักรจากนิกาย เขาจะก่อภัยพิบัติขึ้น จนถึงตอนนี้ มีคนตายจากการกระทำของเขาไปมากกว่า 1,000 คนแล้ว
1,000 คน แดนีลตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นตัวเลขดังกล่าว มันทำให้เขากระทั่งคิดที่จะทรมานองค์ชายคนนั้น อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่า การประหารในที่สาธารณะ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการลบช่วงเวลาที่มืดมนในอดีตของแลนธานอร์ และขับเคลื่อนไปข้างหน้าสู่อนาคตที่สดใส
แม้แต่คนอื่นๆอีกหลายคนที่ทำให้คนหลายร้อยต้องตาย ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการกระทำขององค์ชายใหญ่ พวกเขาปฏิบัติกับประชาชนราวกับมด ที่พวกเขาสามารถจะบดขยี้ได้ตามที่พวกเขาต้องการ
เมื่อเห็นความบ้าคลั่งของประชาชนทวีความรุนแรงขึ้น แดนีลก็ส่งสัญญาณให้เริ่มการประหาร
ตามคำสั่ง จะทำการประหารจากผู้ที่มีความผิดน้อยที่สุดก่อน มองไปที่รายชื่อ จอมเวทย์ราชสำนักใหญ่คนก่อนจับมือของผู้หญิงคนหนึ่ง และลากเธอมายังด้านหน้าของเวที
เห็นเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่ด้านหน้าก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น
นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นร่างของผู้หญิงคนนั้น ที่เริ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ขณะที่เธอมาข้างหน้า พวกเขาก็เริ่มสงบลง นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ว่า ในที่สุด พวกเขาก็จะได้เห็นสิ่งที่พวกเขารอมานานหลายปี
จอมเวทย์ชี้มือของเขาไปที่มือและขาของผู้หญิง ทำให้ห่วงรัดพวกมันจนแน่น จากนั้น เธอก็เริ่มสั่นมากขึ้น มันเห็นได้ชัดว่า เธอเริ่มที่จะดิ้นรนกับอาการขาดอากาศหายใจ
เธอสูญเสียการควบคุมร่างกายของเธอไปแล้ว แต่ร่างของเธอยังคงยืนตัวตรง เนื่องจากคาถาของจอมเวทย์อีกคน ราวกับมีแรงมหาศาลกดทับบนหน้าอกของเธอ ซึ่งมันคุกคามชีวิตของเธอ ขณะนั้น เธอได้พยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด
อย่างช้าๆ เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองง่วงและเข้าสู่สภาวะเบลอ ความรู้สึกในร่างของเธอค่อยๆหายไปทีละอย่าง ทีละอย่าง ขณะที่เธอคิดถึงสิ่งต่างๆที่เธอทำตลอดชีวิตของเธอ
ตลอดชีวิต เธอได้รับการปรนเปรอ และได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ ทุกความปรารถนาของเธอจะได้รับการเติมเต็ม
เนื่องจากทัศนคติของคนรอบข้าง เธอจึงเริ่มที่จะมองคนอื่นๆเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ ซึ่งคงอยู่เพื่อความเพลิดเพลินของเธอเท่านั้น
นอกจากนี้ การแสดงออกของพวกเขาก็น่าสนุกสำหรับเธอ ทำลายครอบครัวของพวกเขา มองดูพวกเขาร้องไห้จากความสูญเสียและความทุกข์ทรมาน เธอหัวเราะขณะที่พวกเขาร้องขอความเมตตาจากเธอ จากนั้น เธอก็ทำร้ายพวกเขาและทำให้พวกเขายอมแพ้ต่อความตาย ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เธอพึงพอใจ
เธอเข้าใจแล้วว่า ในตอนนี้ เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ประโยชน์ ในขณะนี้ เธอคิดถึงเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่จมน้ำตายในทะเลทราบ เพียงเพราะเด็กคนนั้นกล้าที่จะหัวเราะขณะที่เธอสะดุดล้มโดยไม่ตั้งใจ
เธอเฝ้ามองเด็กสาวคนนั้นพยายามตะเกียกตะกายดิ้นรนขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อหายใจ
ตอนนี้ เธออยู่ในสถานที่ของเธอแล้ว หากเธอเติบโตมาแตกต่างออกไป เธอไม่รู้ว่า เธอจะเลือกทำสิ่งที่น่ากลัวเหล่านั้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าว ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแล้วในตอนนี้
การฆาตกรรมได้เกิดขึ้นแล้ว และตอนนี้ มันถึงเวลาที่เธอจะต้องชดใช้
เข้าสู่การหลับไหล เธอล่องลอยไปสู่อ้อมกอดดันสงบของความตาย ขณะที่หลายคนในฝูงชนทรุดตัวลงกับพื้น ในที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นปีศาจที่ทำลายชีวิตของพวกเขา ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม