ในโรงเรียนของผมมีต้นไม้อยู่ต้นหนี่งที่มีขนาดใหญ่กว่าต้นไม้ทั่วไป
[ซึ่งมีความเชื่อที่ว่าหากสารภาพรักที่นั่น ความรักก็จะได้รับการตอบรับ]
สำหรับผมนะเรื่องแบบนี้มันโคตรจะเหลวไหล
ในสายตาผมมันก็แค่ต้นไม้โง่ๆที่ใหญ่กว่าเพื่อนมีไว้ก็แค่ให้ความร่มเย็นแก่ลานกว้าง แต่ก็ตามที่ว่ามานั่นแหละด้วยความที่มันใหญ่มันเลยเป็นหนึ่งในจุดขายของสถานที่แห่งนี้
เพราะด้วยที่ว่าบรรยากาศใต้ต้นไม้มันให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มันเลยเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนที่กำลังหาสถานที่นั่งกินข้าว
แต่ส่วนใหญ่คนที่อยู่ที่นี่ก็มักจะมาไม่ต่ำกว่า2คนอย่างเช่นพวกคู่รักหรือพวกที่มากับกลุ่มเพื่อน พวกเขาเหล่านี้ก็ล้วนอยู่ในกลุ่ม A ไม่ก็ B แน่ๆ
และในขณะนี้ก็มีอยู่กลุ่มๆนึงที่ดูเหมือนกับว่ากำลังนั่งปิกนิกอยู่ใต้ร่มไม้
ผู้คนรอบข้างก็ต่างให้ความสนใจกับคนในกลุ่มนั้น
บางคนก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับบทสนทนา
บางคนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมอง
แล้วก็ยังมีบางจำพวกที่โดนหนึ่งในคนกลุ่มนั้นตกเข้าอย่างจัง
เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะสนใจเพราะคนในกลุ่มนั้นประกอบไปด้วย เทพธิดาประจำโรงเรียน สาวสวยเย็นชาสุดเท่ที่มากับแฟนหนุ่มของเธอ และคนสุดท้ายก็คือไอ้งั่งที่ไหนก็ไม่รู้
พอลองสังเกตดีๆสายตาของเหล่าผู้คนที่มองไปยังไอ้งั่งคนนั้นมันดูเย็นยะเยือกแปลกๆ
“ไอ้หมอนั่นทำไมถึงอยู่ที่นั่นได้ฟะ”
“นั่นไม่ใช่ที่ที่แกควรอยู่นะเฟ้ย”
“เจ้าบ้านั่นใครวะ”
ถ้าเป็นสายตาอยากรู้อยากเห็นก็ว่าไปอย่างนะแต่สายตาที่มองมาทางผมเนี่ยสิมันโคตรจะน่ากลัวเลย
ถึงขั้นที่ว่ามันทำให้ผมรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเลยละ
ฮะฮาฮา ตูอยากตาย
“ทั้งหมดเป็นเพราะแก..เคนอิจิ!!! ฉันจะสาปแช่งแกซะ”
“เฮ้ย เฮ้ย อย่าแช่งกันสิฟะ นายได้อยู่กับเหล่าสาวสวยแบบนี้มันไม่ดีงั้นเหรอ?”
“ไม่ดีเลยเฟ้ย”
ฟูจิที่นั่งอยู่ข้างหนัาเคนอิจิได้หน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินอายพร้อมกับพูดออกมาว่า
“..สะสาวสวยงั้นเหรอ..”
ส่วนทางวาคามิยะนั้นก็ยังคงกินข้าวต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“งั้นพวกเราเองก็มาเริ่มกินข้าวกันเถอะวันนี้นายพกข้าวกล่องมาด้วยใช่มั้ยละ”
“อะ…อ่า”
“หืมมม เป็นไรไป ก่อนหน้านี้ยังเห็นทำท่าอยากจะกินอยู่เลย”
“เออ…”
ผมจ้องมองไปที่ข้าวกล่องในมือ
ผมควรจะกินตอนนี้จริงๆเหรอ
ผมกังวลนิดหน่อยเพราะผมเพิ่งได้รับข้าวกล่องอันนี้มาจากวาคามิยะเมื่อตอนเช้าผมจึงไม่ได้เช็คมันว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง
ข้าวกล่องที่ถูกห่อด้วยผ้าอันนี้….มันไม่ได้มีอย่างอื่นแน่เหรอ?
พวกคุณอาจจะกำลังสงสัยสินะว่าผมหมายถึงอะไร สิ่งที่ผมหมายถึงก็คือ ผมกลัวว่ามันจะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านใน
เพราะวาคามิยะนั้นเป็นคนที่ชอบเอาใจใส่ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามสิ่งที่ผมกังวลเลยก็คือ
เธออาจจะเขียนข้อความทิ้งเอาไว้ ประมาณว่า [ถ้าคุณกินตามลำดับนี้ รสชาติของมันจะอร่อยขึ้นนะคะ]
และถ้าฟูจิที่เป็นเพื่อนของวาคามิยะเห็นเข้า เธออาจจะพูดว่า[นี่มันลายมือของรินไม่ใช่เหรอ?]
ถึงแม้ฟูจิจะไม่รู้แต่ด้วยสัญชาตญาณของเคนอิจิที่เกินมนุษย์มนา เขาอาจจะจับผิดอะไรบางอย่างเข้าก็ได้
แล้วที่เป็นปัญหาที่สุดก็คือคนที่คลั่งท่านเทพธิดาถ้าหากมีข่าวลือแปลกๆเกี่ยวกับผมและวาคามิยะละก็ได้ซวยแน่ๆ
เพราะงั้นผมจึงลังเลที่จะเปิดข้าวกล่อง
….หรือตอนนี้ผมควรจะแกล้งปวดท้องแล้วหนีเข้าห้องน้ำดี?
“จู่ๆฉันก็ปวดท้องอะ ฉันขอไป–“
“โทคิวากิซัง ใช้ยาอันนี้สิคะ ยาอันนี้มีผลค่อนข้างเร็วและมีประสิทธิภาพที่ดีเลยค่ะ”
“โอ้ ขอบคุณ…”
ไม่ใช่แล้วโว้ย อย่ามาขวางกันสิฟะ
“…อะ ใช่ ฉันต้องไปล้างมือ”
“ใช้ทิชชู่เปียกของฉันได้นะคะ”
“เหมือนว่าฉันจะลืมเครื่องดื่ม..”
“พวกเราจะดื่มชาแทนไม่ใช่เหรอคะ”
“…..”
พอพูดจบผมกับวาคามิยะก็เงียบกันทั้งคู่ส่วนทางฟูจิกับเคนอิจินั้นพอเห็นพวกเราสองคนคุยกันก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากนั้นเคนอิจิก็เผยรอยยิ้มที่ซุกซนออกมา
“ทั้งสองคนใจตรงกันเลยเนอะ~~ อีกคนอยากได้ไรอีกคนก็หามาให้”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก วาคามิยะซังแค่เตรียมทุกอย่างมาพร้อมเฉยๆ”
“ก็จริงละนะ…แต่ว่า นายกับวาคามิยะรู้จักกันด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิว่าต้องรู้จักก็เธอเป็นคนดังอีกทั้งยังเป็นนักเรียนดีเด่นที่ได้ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ใช่ปะละ”
“ฉันเองก็รู้จักเขาค่ะ”
“…ก็รินจำหน้าและชื่อของนักเรียนปี 1 ได้ทุกคนเลยนี่นะ”
“เอ๊ะ จริงเหรอ? โคตรสุดยอดอะฉันจำได้แค่ครึ่งเดียวเอง~~”
“คุณเมิงก็ไม่ต่างกันนั่นแหละ”
ผมพูดความในใจออกไป
ส่วนถ้าถามผมว่าจำได้กี่คนน่ะเหรอ ผมจำได้แค่30%เอง
นี่สินะความต่างระหว่างกลุ่ม A และ D
“…โทคิวากิซังไม่กินข้าวงั้นเหรอคะ?”
“เออ กินสิ..”
“มัวแต่ชักช้าอืดอาดอยู่ได้ รีบมากินด้วยกันเถอะ~~”
“…ถ้าไม่รีบเดี๋ยวพักเที่ยงก็หมดพอดีนะ”
ทั้งสามคนเร่งให้ผมเปิดข้าวกล่องกิน
วาคามิยะเธอเองก็คงจะลำบากใจสินะถ้ามีใครรู้เข้าและฉันกับเธอคงไม่แฮปปี้แน่ถ้ามีข่าวลือแปลกๆเกิดขึ้น พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกันนะ…
เพราะงั้นเปิดทางหนีให้ฉันที เธอเป็นเทพธิดาเรียจูที่ฉลาดหลักแหลมนิ เธอน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันจะสื่อสิ
ช่วยรับรู้ถึงความรู้สึกฉันทีเถอะ!!
ผมจ้องมองไปที่วาคามิยะ
พอวาคามิยะสังเกตเห็นเธอก็พยักหน้าเล็กน้อยให้ผม
เฮ้อค่อยยังชั่ว…ในที่สุดก็สื่อถึงสินะ—
“เดี๋ยวฉันเปิดให้นะคะ”
“…ห๊ะ”
“ถ้าฉันเปิดให้ฉันก็จะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการกินอย่างประสิทธิภาพให้คุณได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไงคะ”
“ด-เดี๋ยว”
ผมพยายามเอื้อมมือไปหยุดเธอแต่มันก็สายไปเสียแล้วเพราะวาคามิยะได้แก้ปมผ้าก่อนที่ผมจะเอิ้อมมือไป แล้วจากนั้นเธอก็เริ่มเปิดกล่องอาหารสีน้ำเงินเข้ม
สิ่งที่เผยออกมาก็คืออาหารสีสันสดใสที่ดีต่อสุขภาพ แม้จะมองแค่แวบเดียวก็รู้ได้เลยว่าความสมดุลระหว่างเนื้อและผักอยู่ระดับที่ดีมาก ส่วนแครอทนั้นก็ถูกตัดแต่งอยู่ในรูปของดอกไม้ เธอเนี่ยช่างเป็นคนที่เอาใจใส่จริงๆพูดตามตรงข้าวกล่องอันนี้ดูเหมือนกับข้าวกล่องของวาคามิยะที่กำลังกินอยู่เลย
“…ดูน่าอร่อยจัง..”
ผมเผลอพูดความในใจออกมาจากนั้นวาคามิยะก็กล่าวออกมาว่า
“ขอบคุณค่ะ”
เธอตอบกลับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่ก็ยังคงมีสีแดงจางๆโผล่ออกมาให้เห็นที่แก้มของเธออยู่
ผมโดนของกินบังตาจนลืมสิ่งสำคัญไปเลย
ใช่แล้วครับคนที่อยู่ที่นี่ไม่ได้มีแค่ผมกับวาคามิยะ..
“…ข้าวกล่องอันนี้เหมือนของรินเลย”
อ๊ะ!!
ดันลืมเรื่องนี้ไปซะได้
MANGA DISCUSSION