[WN]ในโลกที่ค่านิยมทางเพศสลับกัน อัตราส่วนชายหญิงคือ 1:5 ผมหวังว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตตามปกติ - ตอนที่ 16 สาวออฟฟิศสายซึนเดเระรู้เห็น
- Home
- [WN]ในโลกที่ค่านิยมทางเพศสลับกัน อัตราส่วนชายหญิงคือ 1:5 ผมหวังว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตตามปกติ
- ตอนที่ 16 สาวออฟฟิศสายซึนเดเระรู้เห็น
“…..เฮ้อ…..”
ช่วงนี้ชั้นถอนหายใจบ่อยมาก
วันนี้วันพุธแล้ว กลางสัปดาห์แล้ว วันพฤหัสกับวันศุกร์อยู่ไม่ไกลเอื้อม ถึงคิดว่ากัดฟันผ่านไปได้แน่ ๆ แต่ทำงานวันพุธก็รู้สึกเหนื่อยอยู่ดีนั้นแหละ
ชั้นว่าหลาย ๆ คนน่าจะคิดตรงกันนะ
“เซระ เกิดไรขึ้นเนี่ย? ช่วงนี้เธอดูขยันจัง”
“คุณมิกิ…”
ตอนนี้คุณมิกิที่เป็นรุ่นพี่ชั้น สนิทกับชั้นจนเรียกชื่อจริงกันแล้ว เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ก็ไว้ใจเธอ เพราะเธอเป็นรุ่นพี่มากความสามารถ…อย่างน้อยก็เรื่องงานน่ะนะ ซึ่งชั้นก็คิดแบบนั้นจริง ๆ
คงเป็นเพราะชั้นไปเห็นอีกด้านของเธอเข้าล่ะมั้ง ชั้นเลยอดมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ไม่ได้ แต่ถึงอย่างงั้นคุณมิกิก็เป็นคนดีนะ
“อืม เจ้านายก็ทำตัวน่าหงุดหงิดด้วย ใครจะไปมีกะจิตกะใจทำงานกัน ใช่มั้ย?”
“นั่นสินะคะ…”
เหตุผลที่ชั้นรู้สึกแย่ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก… แต่ชั้นพูดไม่ได้
“งั้นสุดสัปดาห์นี้ไป ‘ปาร์ตี้’ กันมั้ย?”
“…ค่ะ”
ชั้นรู้สึกเจ็บแปลบที่อกขึ้นมา
ชั้นเข้าใจว่าเธอพูดด้วยเจตนาดี แต่พอได้ยินคำนั้นก็ทำให้ชั้นรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ชั้นดูคุณมิกิทักทายเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้ม ชั้นเลยเปิดมือถือขึ้นมา
มองรอบ ๆ ให้แน่ใจ จากนั้นก็เข้าแอพเตือนความจำ
ตรงนี้เองชั้นเห็นนามสกุล ‘คาตะซาโตะ’ กับที่อยู่ของเขา
(แย่ที่สุด…นี่มันอาชญากรรมชัด ๆ)
ในวันนั้น
วันที่ชั้นเห็นมาซาโตะคุง และเผลอแอบตามเขาไปถึงบ้าน ตั้งแต่ตอนนั้นความรู้สึกหนักอึ้งก็ก่อตัวในใจ นี่ชั้นอยากจะทำอะไรกับที่อยู่เขากันแน่นะ?
สุดสัปดาห์หลังจากวันนั้น ชั้นก็เอาแต่เหม่อดูที่อยู่ของเขาในมือถือ
ก็กะจะลบอยู่หรอก ลบข้อมูลที่ได้จากการก่ออาชญากรรมนี่ทิ้ง แล้วไปทักทายกับมาซาโตะคุงด้วยรอยยิ้มแจ่มใสอีกครั้ง
ชั้นคิดเอาไว้แบบนั้นจริง ๆ เขาเป็นคนใจดีจะตาย ถ้าชั้นถามเล่น ๆ ว่า “นี่ เธออยู่แถวนี้เหรอ? พอดีตอนกลับบ้านชั้นเห็นคนที่คล้ายเธอในสวนสาธารณะน่ะ” เขาอาจจะบอกก็ได้
แต่ชั้นไม่กล้าทำ… อีกด้านของชั้น ด้านไร้ยางอายอยากเก็บข้อมูลนี้ไว้
เพราะมันเป็นข้อมูลส่วนตัวอันแรกที่ชั้นได้มา
จนถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราก็ยังเป็นแค่ลูกค้าประจำกับพนักงานร้านอยู่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ขืนเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง จะดูน่าอนาจในสายตาพวกเขาเปล่า ๆ
ชั้นเลยคิดว่า ข้อมูลนี่อาจจะพอเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง
ประมาณว่าไปอยู่ใกล้ ๆ บ้านเขาแล้วแกล้งบังเอิญเจอกันพอดี…แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
…ชั้นมันข-ะไร้ทางเยียวยาจริง ๆ
เพราะแบบนั้นชั้นเลยอยากเก็บข้อมูลนี้เอาไว้
เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ และสนิทกับเขาที่เปรียบดั่งเทวดามากขึ้น
ชั้นเลยรู้สึกว่า ชั้นจำเป็นต้องทำเรื่องต้องห้ามแบบนี้
“……เฮ้อ”
เป็นอีกครั้งที่ชั้นถอนหายใจ ชั้นไม่มีอะไรดีสักอย่าง ถึงได้ข้อมูลนี่มาชั้นก็ไม่เอาไปทำอะไร พอจะลบก็ไม่กล้าพอ สุดท้ายก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง เป็นแค่ข-ะไร้ทางเยียวยา แถมยังขี้ขลาดอีกต่างหาก
ชั้นนี่เกินเยียวยาจริง ๆ …
“อ๊ะ! เธอถอนหายใจอีกแล้วนะ!”
“อิย๊า?!”
“อะ-อะไรเล่า ตกใจทำไมเนี่ย?”
รู้ตัวอีกที คุณมิกิก็อยู่ใกล้ ๆ แล้ว
ถ้าเห็นจอมือถือ ชีวิตชั้นจบเห่แน่! ชั้นเลยรีบซ่อนหน้าจอ
“ชั้นไม่ส่องมือถือคนอื่นตามใจชอบหรอก แล้วดูอะไรอยู่ล่ะ? ผู้ชายเหรอ?”
“มะ-ไม่ใช่ค่ะ…”
“เอ๊ะ หรือว่าเธอซื้อสมุดภาพของมาซาโตะคุงงั้นเหรอ?!”
“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ…”
สมุดภาพของบริกรในบาร์เหรอ? มีของแบบนั้นด้วยเหรอ?
…จะยังไงก็เถอะ ดีจริง ๆ ที่เธอไม่เห็นหน้าจอ
ดูทรงแล้วศุกร์นี้คุณมิกิก็จะไปที่บาร์เหมือนเคย ชั้นคงถูกชวนแน่ ๆ งั้นชั้นจะทำสีหน้ายังไงตอนเจอมาซาโตะคุงดีล่ะ?
ถ้าทำสีหน้าแปลก ๆ เขาอาจจะสงสัย แต่ถึงยังไงชั้นก็ไม่กล้าไปเจอหน้าเขาอยู่ดี
เพราะชั้นกระวนกระวายแบบนี้ คุณมิกิเลยทำสีหน้าสงสัยจากนั้นก็เตรียมเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง ชั้นเลยรีบถามเธอเพื่อความแน่ใจ
มารยาทขั้นพื้นฐานของผู้ใหญ่วัยทำงานคือการปรึกษากับถามยืนยันนี่นะ
“จะว่าไป สมุดภาพของมาซาโตะคุงราคาเท่าไหร่เหรอคะ?”
“ไม่รู้สิ”
“น่าหงุดหงิดชะมัด ทำไมมีแค่ชั้นที่ทำงานล่วงเวลาเนี่ย ยัยเจ้านายสุดที่เลิฟนั่น….”
สุดท้ายในแผนกก็เหลือแค่ชั้นที่ต้องทำงานล่วงเวลาเพราะอะไรก็ไม่รู้ ชั้นไม่ได้อยู่ดึกเพราะทำงานเสร็จเร็วก็จริง แต่ก็รู้สึกเสียเวลาอยู่ดีนั่นแหละ
“วันนี้กลับบ้านไปเล่นเกมสักหน่อยแล้วนอนดีกว่า”
ชั้นมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ 1 ทุ่มแล้ว กำลังเข้าฤดูร้อนก็จริง แต่พอถึง 1 ทุ่มก็มืดแล้ว แต่ถึงอย่างงั้นก็มีแสงไฟจากสถานี และไฟตามท้องถนนส่องสว่างทำให้ไม่มืดมากนัก
(จะว่าไป ชั้นจะซื้อโทนเนอร์กับมอยเจอร์ไรเซอร์นี่นา)
พอถึงสถานี ชั้นก็นึกขึ้นได้ว่าผลิตภัณฑ์บํารุงผิวใกล้หมดแล้ว โชคดีมีร้านขายยาใหญ่อยู่ใกล้ ๆ สถานี งั้นเดินไปซื้อดีกว่า พอคิดแบบนั้นชั้นเลยเดินไปที่ร้านขายยาแทน
ชั้นปิดหน้าจอมือถือ แล้วเงยหน้าขึ้น
――ในตอนนั้นเอง
ที่ทางเข้าร้านขายยาถูกบดบังด้วยผู้คนที่กำลังเดินไปยังสถานี
เด็กหนุ่มยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เด็กสาวสวมแมส ถ้ามองแวบแรกอาจจะคิดว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน แต่เด็กหนุ่มคนนั้นใส่ชุดที่ดูคุ้นตา
ถึงทรงผมจะต่างไปจากเดิม แต่หลอกสายตาชั้นไม่ได้หรอก
“มาซาโตะคุง…?”
ชั้นเผลอส่งเสียงออกมา
แน่นอนเสียงไม่ได้ดังมาก แถมที่นี่คนเยอะเสียงแค่นั้นเลยโดนกลบ
ชั้นอึ้งจนอ้าปากค้าง เพราะชั้นไม่รู้จักเธอคนนั้น
เหมือนเธอกำลังร้องไห้ ราวกับว่านั่นคือส่วนหนึ่งของเรื่องราวการพบเจอกัน
เสียงผู้คนรอบ ๆ หายไป เหลือแค่พวกเขาสองคนตรงหน้าชั้น
ราวกับ…
ฉากที่เจ้าชายกับเจ้าหญิงได้เจอกัน และหัวใจของเจ้าหญิงก็ละลาย เพราะความอ่อนโยนของเจ้าชาย
ส่วนชั้นล่ะ…?
ความมืดเริ่มก่อตัวในใจ ขณะที่ชั้นเฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่ แล้วชั้นเป็นใครล่ะ? เป็นแค่ตัวประกอบที่อิจฉาการพบเจอกันของตัวเอกงั้นเหรอ?
เป็นแค่ตัวประกอบที่หลงใหลผู้กล้าหนุ่มอยู่ฝ่ายเดียว เป็นแค่ตัวร้ายที่รกสายตาคนอ่านงั้นสินะ?
เกลียด
เกลียดเกลียดเกลียดเกลียดเกลียด
ชั้น..ชั้น..ชั้น..ชั้น.. !!
มีแค่ชั้นกับมาซาโตะคุงเท่านั้น —!!!!
“…!”
เพราะรู้สึกคลื่นไส้ ชั้นเลยเอามือวางไว้ที่เข่า
ช่วงนี้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองถูกอารมณ์ที่น่ารังเกียจครอบงำบ่อยมาก
แต่ถึงอย่างงั้นชั้นก็ไม่อยากยอมแพ้
ชั้นเอามือกุมอกใกล้บริเวณหัวใจที่เต้นรัว และมองเธอคนนั้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เธอสวมแมสอยู่ ใบหน้าเปื้อนน้ำตา… ผมยุ่งกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าก็เลอะเทอะไปหมด เหมือนเพิ่งก้มคลานมา
พูดตามตรงนะ ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าน่ารักเลย
(ถ้าเธอทำแบบนั้นได้ งั้นชั้น…)
“…ค่อก ค่อก”
ไม่ ไม่ได้สิ…!
ทันทีที่คิดแบบนั้น ชั้นก็รู้สึกคลื่นไส้เพราะความคิดของตัวเอง
น่ารังเกียจ น่ารังเกียจจริง ๆ
ตัวประกอบที่อิจฉานางเอกเหรอ ช่างเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับข-ะอย่างชั้นจริง ๆ
ชั้นตีขาตัวเอง แล้วเดินตามมาซาโตะคุงไป จะเรื่องงานพรุ่งนี้ หรือซื้อของชั้นไม่แคร์แล้ว
พอชั้นมาถึงที่ร้านและเดินเข้าไป แคชเชียร์ที่ไม่คุ้นหน้าก็ทักทาย
“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง มาที่นี่เป็นครั้งแรกเหรอครับ?”
“ไม่ค่ะ”
“งี้นี่เอง งั้นคุณอยากเลือกใครเป็นพิเศษมั้ยครับ?”
“…มาซาโตะคุงค่ะ”
“อ๊ะ! หรือว่าคุณคือคุณผู้หญิงที่เลือกมาซาโตะคุงบ่อย ๆ ใช่มั้ยครับ?”
อ๊ะ แค่ได้ยิน
แค่ได้ยินแบบนั้น ใจชั้นก็เริ่มดีขึ้น
แค่คิดว่าตัวเองได้รับความสนใจจากมาซาโตะคุงเพียงคนเดียวในร้านนี้ ก็ทำให้ใจชั้นสั่นด้วยความสุข
“ค่ะ ใช่ค่ะ”
“โชคดีนะครับเนี่ยคุณผู้หญิง ปกติเขามาไม่วันนี้หรอก แต่วันนี้เขามา บังเอิญจริง ๆ เพราะงั้นรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมนำทางให้”
ไม่ได้บังเอิญหรอกค่ะ ถ้าพูดแบบนี้เขาต้องสงสัยชั้นแน่ ชั้นเลยเงียบไว้ จากนั้นเขาก็นำทางมายังที่นั่ง แก้วใส่แอลกอฮอล์ถูกวางไว้แล้ว
ชั้นเริ่มร้อนรน พูดยังไงดี? ผู้หญิงตะกี้คือใคร?
ไม่สิถ้าถามไปแบบนั้น เขาก็รู้สิว่าชั้นแอบดู นี่เขามีแฟนแล้วเหรอ?
…ไม่น่าใช่ ดูจากบรรยากาศภายในร้านไม่น่าเป็นงั้น แต่ถึงเธอจะเป็นแฟนเขาจริง ๆ ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง…งั้นพอแค่นี้ก่อน
ชั้นที่หาข้อสรุปไม่ได้เลยนั่งรอเฉย ๆ จนเขามา
ผมที่เสยไปด้านหลังเข้ากับเขามาก ท่าทีที่อ่อนโยนนั่นย้อนแย้งกับทรงผมที่เสยไปด้านหลังให้ความรู้สึกมาดเข้มนั่น ทำให้ใจชั้นหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ คุณเซระ กลับมาแล้วสินะครับ”
“…อืม”
อย่างที่คิดเป็นเขาจริง ๆ ด้วย ชั้นคิดว่าอาจจะมีโอกาสหนึ่งในพันล้านที่ชั้นจำผิดคน แต่ไม่ใช่แบบนั้นสินะ
ไม่มีทางที่ชั้นจะจำมาซาโตะคุงผิดหรอก
“ผมแปลกใจนะ คุณเซระบอกว่าจะมาแค่วันศุกร์นี่นา”
“…ชั้นเห็นเธอเดินเข้ามาที่บาร์พอดีน่ะ”
ชั้นโกหกครึ่งนึง จริง ๆ แล้วชั้นเห็นก่อนหน้านั้นอีก ตอนที่เธอใจดีกับผู้หญิงคนนั้น…
ความมืดในจิตใจค่อย ๆ ก่อตัวอีกครั้ง
“อ๊ะ งี้นี่เอง พอดีผมออกไปซื้อของน่ะ ผมก็ไม่คิดว่าวันนี้ต้องมาเข้ากะเหมือนกัน ตะกี้ผมยังใส่เสื้อสตาฟอยู่เลย น่าอายจัง…”
ออกไปซื้อของเหรอ? ไม่ใช่แค่นั้นสิ ใช่มั้ย? เธออยู่กับผู้หญิงคนนั้นด้วยไม่ใช่เหรอ? เธอคนนั้นเป็นใคร?
ทำไมไม่บอกชั้นล่ะ?
อารมณ์ของชั้นกำลังเดือดดาลเหมือนกับหม้อต้มที่กำลังเดือด ชั้นเริ่มกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ไม่เป็นไรครับ พูดออกมาได้เลยคุณเซระ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ผมอยากฟังเรื่องที่คุณเล่าเหมือนทุกทีนะครับ”
“…!”
ความเดือดดาลนั้นเย็นลง เพราะความอ่อนโยนของเขา ขณะเดียวกันชั้นนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็แอบตามเขาไปถึงบ้าน พอรู้แบบนั้นชั้นเลยสับสนไปหมด
มาหึงหวงคนใจดีแบบนี้ ถึงขั้นแอบตามไปจนถึงบ้าน
เป็นอีกครั้งที่ชั้นนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นคนที่แย่ขนาดไหน
“ขอโทษ…นะ”
อารมณ์ชั้นเริ่มแปรปรวน
จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ชั้นขอโทษ…ขอโทษนะ!..ขอโทษจริง ๆ..! ชั้น…!”
ชั้นแอบตามเธอ
ชั้นเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้
แต่ชั้นพูดออกไปไม่ได้
เพราะถ้าเธอเกลียดชั้น ชั้นคงตายแน่ ๆ
จากนั้นก็มีมือมาลูบที่หลัง
“ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณไม่ใช่คนแย่อะไรหรอกนะคุณเซระ คุณน่ะเป็นคนใจดีนะ”
จู่ ๆ อารมณ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมา
ความเสียใจที่ทำเรื่องนั้นลงไป ผสานเข้ากับความรักที่เอ่อล้น
ชั้นเลยเอนตัวทิ้งน้ำหนักเข้าหาเขา แค่สักพักก็พอ ชั้นขอเอาแต่ใจหน่อยนะ
“ไม่เป็นไรครับ คุณเซระ ผมรู้คุณเป็นคนใจดี”
“…ชั้นขอโทษ…ชั้นมันแย่ที่สุด…!”
อา ชั้นมันแย่ที่สุด
แย่ที่สุดจริง ๆ
เพราะคำตอบเดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้ เป็นคำตอบที่เห็นแก่ตัวจนเกินเยียวยา
มาซาโตะคุง…เธอนั้นแหละที่ผิด ทำให้ชั้นตกหลุมรักเธอจนคลั่งแบบนี้
อา น่าสะ-ิดสะเ-ียนจริง ๆ ชั้นโทษมาซาโตะคุงด้วยคำตอบแบบนี้
ชั้นเอามือโอบหลังเขา และดึงตัวเขาให้ชิดกันมากขึ้น
ตอนนี้ในหัวมีแต่ความฝัน
ความฝันเหล่านั้นคือการได้ครอบครองมาซาโตะคุง จากนั้นก็ย่ำยีเขา
ชั้นโอบหลังเขาแน่นมากขึ้น
จริงสิ ชั้นควรขอโทษเขาก่อน
ขอโทษนะมาซาโตะคุง
เพราะไม่ว่ายังไง ชั้นก็ไม่ปล่อยเธอไปหรอกนะ