[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 25 งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา
============================
[ดูนั่นเซ่!!!! พี่สาวววว ขบวนพาเหรดแหละะะะ]
พวกเราดูขบวนพาเหรดไป กินชูโรสที่อยู่ในมือไปด้วย (TSL : เผื่อนึกชูโรสไม่ออก มันคือปาท๋องโก๋สเปนนั่นแหละ)
ฮิซากิซังดูจะไว้ใจชิโนซึกะมากขึ้น ระยะห่างระหว่างพวกเธอถูกย่นลงทีละนิด
[นี่ ฮิซากิซัง ทำไมเราไม่มาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันละ?]
[ได้เลยพี่สาววว ต่อไปก็ขบวนสัตว์ประหลาดแล้ววว อ….อืม…พี่ชายทำไมไม่มาถ่ายด้วยกันละ]
แม้ว่าเธอจะดูเข้าได้ดีกับชิโนซึกะ แต่กับผมยังคงมีช่องว่างอยู่
แต่ผมก็เข้าใจแหละ เธอยังเป็นแค่เด็ก ม.ต้น เธอยังคงอ่อนไหวอยู่มาก
[ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เป็นถ่ายให้เอง ไปถ่ายรูปกัน 2 คนเถอะ]
[ไม่นายต้องมาถ่ายด้วย] [ใช่ๆ พี่ชายต้องอยู่ด้วย]
พวกเธอเมินคำพูดผมอย่างง่ายดาย
สุดท้ายผมก็ต้องทำตามคำพูดของพวกเธออย่างช่วยไม่ได้
ไม่ใช่เฉพาะแค่พาเหรดเท่านั้น
พวกเรายังไปที่ต่างๆมากมายในเดสทินี่แลนด์ พวกเรากำลังตามหามูกกี้อยู่ ชิโนซ฿กะพูดอย่างนั้น
[นี่มัน ตู้เกมยิงซอมบี้นี่นาาา ทำไมพวกเรา 3 คนไม่ลองเล่นแล้วมาทำคะแนนสูงๆกันละ?]
[ซอมบี้…นั่นสินะ…]
[พวกพี่เริ่มก่อนเลย…แน่นอนว่าหนูไม่ได้กลัวพวกพี่หรอกนะ…หนูจะเอาชนะพวกพี่ให้ได้เลยยย]
[ขอโทษนะน้องสาว พี่ก็ไม่อยากแพ้เหมือนกัน]
[ถึงแม้ว่าพวกพี่จะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่มันก็ไม่ได้บอกว่าพวกพี่จะประสานงานกันได้ดีนะ]
[ไม่ พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น นี่ พี่ขอเรียกเธอ ปักกี้ได้ไหม?]
[ทำไมจะไม่ได้ละ? ทุกคนก็เรียกหนูแบบนั้นอยู่แล้ว]
หลังจากนั้นผมก็มุ่งความสนใจไปที่เกมเพียงอย่างเดียว
[เฮ้ ชินโจคุง ระวังหลังด้วยย]
[ชินโจซัง ระวัง! พี่สาวววด้วย]
[รู้สึกว่าปืนอันนี้จะเข้ามือกว่าแหะ เอาอันนี้ละกัน]
[ชินโจคุง ฉันมาแล้วอย่าพึ่งยอมแพ้นะ]
หลังจากเล่นจบ คะแนนของพวกเราก็ขึ้นที่หน้าจอ
[โหวววว ที่ 1 เลยยย พี่ทั้งคู่เก่งโครตๆเลย]
[ฮาฮา นายเคลื่อนไหวอย่างไร้ที่ติจริงๆชินโจ]
[เธอก็เอาตัวรอดเก่งใช้ได้นิ ปั๊กกี้]
ผู้ดูแลตู้เกมเดินเข้ามาหาพวกเรา
[พวกเธอยอดเยี่ยมมากกก เอ้านี่ รางวัลของที่ 1]
สิ่งที่เธอยื่นมาคือพวงกุญแจมูกกี้ ซึ่งมีพอสำหรับพวกเราทั้ง 3 คน
หลังจากชิโนซึกะได้เห็นมัน เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
[ว้าว…เอาละไปที่อื่นกันต่อเถอะ]
ฮิซากิมองพวกกุญแจในมืออย่างมีความสุข
หลังจากนั้นพวกเราก็มาขี่เจ้าหมี Punta กัน
[เสียงของหมีตัวนี้เหมือนลุงข้างบ้านเลยอะ]
[ชินโจ อย่าเอา Punta ไปเทียบกับลุงแย่ๆพรรคนั้นเลย Punta เป็นผู้พิทักษ์ ไม่ใช่ พวก…]
[ใช่ๆ พี่สาวพูดถูก เขาชอบที่จะเลียน้ำผึ้งในทะเลน้ำผึ้ง เพื่อนของเขามี….และ….และก็….]
[ฮิซากิจ๋าาาา มาถ่ายรูปกันดีกว่าาา ชีสสสสสส….เน่! ชินโจทำไมนายทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ]
[ไม่มีอะไรหรอก…แค่มันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้]
[หืม? ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นแบบนั้นเลยนะ?]
[เอาเป็นว่า…ไปเล่นอันอื่นดีกว่า]
[นี่! ไม่ใช่ว่าพี่กลัวหรอ…พี่โตกว่าหนูอีกน้าาาาา กลัวแค่ของพรรค์นี้เนี่ยนะ?]
ผมถ่ายรูปมากมาย
มันเป็นความสนุกคนละแบบกับตอนที่อยู่กับชิโนซึกะ 2 คน
ถึงแม้ว่าฮิซากิจะดูซึนๆ แต่กลับซื่ออย่างไม่น่าเชื่อ
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก
ฮิซากิซัง มองดูนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ว่ามันจะใกล้หมดเวลาแล้ว…แต่ผมก็ยังอยากเดินต่ออีก
ผมคิดว่าเธอก็คงคิดแบบเดียวกับผม
แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมเชื่อได้เลยว่าเธอจะไม่มีวันลืมวันนี้ไปแน่ๆ
พวกเราพึ่งเคยเจอกันที่นี่วันนี้
พวกเราใช้เวลาเพียงไม่กี่ชม.ก็สนิทกันราวกับรู้จักกันมาเป็นปีๆ
ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งกลางจัตุรัสใกล้กับปากทางเข้า
พวกเรากำลังดูรูปต่างๆที่พวกเราถ่ายกัน
[สุดท้าย…เราก็ยังไม่เจอมูกกี้อยู่ดี ฉันอยากที่จะเจอเขากับฮิซากิจัง]
[อืม..นั่นสินะ…ทำไมเราไม่เจอเขานะ]
แม้ผมจะพูดแบบนั้น…แต่ใจของผมกลับไปอยู่ที่รถบัสกลับบ้านเสียแล้ว
เช่นเดียวกัน ฮิซากิคงกำลังคิดถึงการไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้
มันเป็นสิ่งที่พวกเราควบคุมไม่ได้
แต่….
[ฮิซากิซัง มันถือเวลาแล้วล่ะ พวกพี่ 2 คนต้องไปแล้ว เธอก็กลับบ้านของเธอเถอะ]
ยังไงผมก็ต้องพาเธอกลับมายังความเป็นจริง
ชิโนซึกะและมูกกี้เป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งของเธอ ยังไงเธอก็ต้องก้าวข้ามทุกอย่างไปด้วยตัวของเธอเอง
[อ…อืม…นั่นสินะ…พี่ไม่จำเป็นจะต้องบอกหรอก..หนูรู้อยู่แล้วล่ะ]
[พี่บอกไม่ได้หรอกนะ ว่าหนูจะเป็นยังไงหลังจากที่จากพวกพี่ไป แต่..]
ผมลูบหัวฮิซากิอย่างอ่อนโยน
มันทำให้ผมนึกถึงน้องสาวของผม
[เห็นไหม? พวกพี่ก็เข้ากับน้องได้ดี…พวกเราไปที่ต่างๆด้วยกันตลอดวันนี้เลยนะรู้ไหม? ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่เชื่อใจใครเลยก็ตาม…แต่พวกเราก็สนุกไปด้วยกันได้ มันเศร้านะที่จะพูดบอกลา แต่…ถ้าเป็นไปได้…พวกเรามาเจอกันอีกครั้ง….ในสักวัน ก็โอเคใช่ไหมละ?]
[พ…พี่ชาย…ได้! หนูสัญญา…หนูจะกลับมาเจอพวกพี่อีกครั้ง…ในสักวัน]
[ฉันดีใจนะที่ทั้ง 2 คนสนิทกัน]
ชิโนซึกะจับมือของฮิซากิแล้วดึงเธอลุกขึ้น
พวกเราพากันเดินออกจากสวน
เดินอย่างช้าๆแต่มั่นคง
แม้ว่าพวกเราจะเงียบ แต่บรรยากาศกลับไม่อึดอัด
รถโรงเรียนของฮิซากิมาถึงในที่สุด
เมื่อผมเห็นใบหน้าที่เป็นกังวลผมก็อดไม่ได้ที่จะจับมือเธอ
มันเป็นมือที่เล็กและบอบบางเป็นที่สุด
[พ…พี่ชาย]
[…]
ไม่ต้องมีคำพูดใด ทุกคำพูดล้วนส่งผ่านมือของพวกเราที่จับกัน
พวกเราเดินไปส่งเธอขึ้นรถบัส
ฮิซากิสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะปล่อยมือของพวกเรา 2 คน
[ขอบคุณพวกพี่มากสำหรับวันนี้ ทั้งพี่สาวชิโนซึกะ และพี่ชายชินโจ…วันนี้หนูสนุกมากเลยละ…สักวันพวกเราคงได้พบกันอีก…อย่าลืมหนูละ รักษาสุขภาพด้วย บายยยยย]
พวกเรามองเธอด้วยรอยยิ้มเป็นการกล่าวบอกลาโดยไม่มีคำพูดใดๆ
พวกเรารอจนกระทั่งรถบัสของฮิซากิจากไปจนลับสายตา
****************************
ฉันกลัว
ฉันไม่อยากกลับขึ้นรถบัสคันนั้น
ฉันอยากจะอยู่เดสทินี่แลนด์ตลอดไป
แต่ว่า ความจริงก็คือความจริง
เมื่อฉันมองไปยังรูปที่พวกเรา 3 คนถ่ายด้วยกัน…ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านอยู่ในจิตใจของฉัน
ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต…
ดังนั้น…ฉันจะต้องรอจนกว่าที่จะได้พบพวกพี่ทั้ง 2 คนอีกครั้ง
บนรถบัส นักเรียนทุกคนล้วนหลับหมดเพราะความเหนื่อยล้า
ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่ยังไม่หลับแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก
ถ้าฉันไม่เกี่ยวข้องกับใคร ใครก็ตามก็ไม่มีวันเกี่ยวข้องกับฉันและก็จะไม่มีการหักหลังหรืออะไรทั้งสิ้น
ฉันยังคงมองภาพนั้น แม้ว่าจะผ่านมานานแล้ว ฉันก็ยังละสายตาจากภาพนั้นไม่ได้เลย
ใช่…ฉันจะไม่มีวันลืมมัน ฉันจะเก็บมันไว้ตลอดไป
….หือ?
มีคนส่งข้อความมาที่เว็บนิยาย
[ฉันโปเมโกะเองจร้า วันนี้สนุกมากเลยว่าไหม? ฉันดีใจมากเลยนะที่ได้เจอเธอที่นี่ ฮารุกะ เอาเป็นว่าคราวหน้าเรามาตามหามูกกี้ด้วยกันเถอะน้าาา ตอนนี้ฉันกำลังตามอ่านนิยายเธออยู่ ถ้าฉันอ่านเสร็จแล้วเดี๋ยวจะมาคอมเม็นต์ให้ฟังทีหลังน้าาา]
-พ….พี่สาวงั้นหรอ? อะไร? ทำไม? โปเมโกะอย่างนั้นหรอ?…ป…เป็นไปไม่ได้หน่าาา
[ผมจะใช้ช่วงเวลาที่อยู่กับปั๊กกี้ในเดสทินี่แลนด์เป็นพล็อตเขียนนิยายเรื่องต่อไป…ฉันไม่มีวันแพ้แน่…:เนียนตะ]
-น..เนียนตะ…หรือว่า? พี่ชายหรอ???
เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างฉันดูประหลาดใจกับสีหน้าถ้าทางของฉันมาก
ไม่เป็นไรหรอก…มันก้แค่…
[เกิดอะไรขึ้น??]
เด็กผู้ชายคนนี้ฉันไม่เคยคุยกับเขามาก่อน แต่จากที่ฉันเคยได้ยินมา เขานั้นไม่มีเพื่อน อ่อนน้อมถ่อมตนก็จริงแต่…ท่าทางการแสดงออกไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์
[เท่าที่ผมเคยเห็น…ผมไม่เคยเห็นฮิซษกิซังทำหน้าแบบนั้นมาก่อนเลยนะ ขอโทษนะที่เข้าไปยุ่งไม่เข้าเรื่อง…ผมก็รู็สึกไม่ดีเหมือนกันที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของเธอ แต่…ผมรู้จักเว็บที่เธอเปิดเมื่อกี้นะ]
[นี่…นายล้อฉันเล่นใช่ไหม?]
[ล้อเล่น? ไม่ๆๆๆ ผมขอโทษ ผมไม่ได้จะล้อเธอเล่นหรืออะไรแบบนั้น ผมแค่รู้สึกว่าเธออารมณ์ดีหลังจากดูเว็บนั้น ….เธอจะไม่เชื่อก็ได้นะ ผมขอโทษ ผมเข้าไปสใส่เกือกเอง]
เขาเหมือนพยายามจะหาเรื่องคุยกับฉันแต่เขาก็ดูไปต่อไม่ถูก
เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงเพราะ…เขาอ่านบรรยากาศไม่เก่ง เขามักพูดขวานผ่าซาก นั่นทำให้ทุกคนไม่สนใจเขาและพยายามจะออกห่างจากเขา
แต่ก็นั่นแหละ วันนี้ฉันอารมณ์ดี…ฉันจะคุยกับเขาหน่อยละกัน
[เว็บที่ฉันเปิดเมื่อกี้ คือเว็บนิยาย Fanfic เป็นที่ๆหลายๆคนจะเข้าไปแต่งเรื่องของตัวเอง…นายรู้จักนิยายใช่ไหม?]
[อ…อืม ผมรู้จักสิ ผมเคยอ่านมัน…เพียงแต่ว่า ผมไม่อินไปกับมันเลย]
[ไหงงั้น? นายไม่รู้เลยหรอว่านิยายมันสนุกแค่ไหน? นายนี่ช่างใช้ชีวิตเสียเปล่าจริงๆ….นั่นก็แปลว่า นายไม่รู้ใช่ไหมว่าฉันกำลังจะตีพิมพ์หนังสือ] (เดี๋ยวไอหนู ไวไปลูกกกกก ตีพิมพ์หนังสือตั้งแต่ม.ต้นบ้าบออออออ แม้ว่าคนแปลเองจะเคยแต่งนิยายตอนม.ต้นก็เถอะ5555 : TSL)
[จริงหรอ…เป็นหนังสือเลยหรอ…อืม…ผมรู้แค่ว่าเธอเป็นคนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเหมือนกับผม…ถ้าไม่ว่าอะไร…ผมขออ่านนิยายของเธอได้ไหม?]
[เอาสิ! ฉันจะเปิดโลกนิยายให้นายเห็นเอง]
เขาขออนุญาติและหยิบโทรศัพท์ในมือของฉันไปเลื่อนอ่าน
แค่เวลาเพียงแป๊ปเดียวเท่านั้น…เขาก็เลื่อนไปยันท้ายสุดของตอน นี่มันบ้าชัดๆ
…นี่ เขาอ่านจบไปแล้วหรอ???
[ผมขอโทษ…ผมเข้าใจนะว่าเรื่องมันสื่อถึงอะไร โคซูเกะคุงที่ถูกผลักไสออกจากปาร์ตี้ผู้กล้าจู่ๆพลังก็ตื่นขึ้นใช่ไหม? แต่ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงถูกผลักไส?]
[นี่…ฉันถามนายจริงๆเถอะ?]
[ก็แบบที่ผมเคยบอกไป…ผมไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเรื่องแต่ง ผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว…แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องของเธอไม่น่าสนใจนะ…ผมว่ามันน่าสนใจมากเลยแหละ ถ้าเพียงแค่ผมได้รับรู้ถึงอารมณ์ของตัวละครในเรื่อง ผมคงจะสนุกไปกับมันได้มากกว่านี้…เธอพอจะอธิบายมันได้ไหม?]
ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายใจ
เขาไม่เหมือนพี่ชายชินโจ เขาดูไร้ความรู้สึกกว่าพี่ชายชินโจมากกกก
แต่ว่าดวงตาคู่นั้น…ดวงตาที่ดูอยากรู้อยากเห็น..มันทำให้หัวใจฉันเต้นจนแทบจะระเบิดออกจากอก
[ฮาฮา…ช่วยไม่ได้สินะ…แต่ตอนนี้คงไม่ได้ คนอื่นกำลังหลับกันอยู่ เอาเป็นว่าครั้งหน้าละกัน…ว่าแต่…นายชื่ออะไรนะ?]
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาชื่ออะไร แต่สิ่งที่ฉันรู็อย่างหนึ่งคือ
เมือเขาเปิดผมและแสดงให้เห็นดวงตาที่ดุมืดมน
จากใบหน้าเขา ฉันบอกได้เลยว่าเขาแทบจะดูมีอายุไปต่างจากพี่ชายเลย…นี่เขาใช่นักเรียนม.ต้นจริงหรอ? แต่ก็นั่นแหละ…ฉันจะไปสนใจอะไรเขา
[ผมชื่อ โดจิมะ ทาเครุ หลังจากที่ลงรถแล้ว เราไป Saigeria กันเถอะ ผมอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงดูมีความสุขจัง…ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ดูมืดมนไม่ต่างจากผมนัก]
….ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป้นคนแปลกหน้า
แต่ความรู้สึกของฉันบอกว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี เขาเป็นมิตร
[นายจะอยากรู้อะไรขนาดนั้น? เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันค่อยบอกแล้วกัน..นอนๆไปเถอะตอนนี้ คนอื่นเขาหลับกันหมดแล้ว]
[ช่วยไม่ได้สินะ…ฝันดี]
หลังจากที่เขาหลับตาลง เขาก็เงียบไป ฉันคิดว่าเขาคงหลับไปแล้ว
…ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป้นคนแปลกหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะดูสมองทึ่บไปหน่อยก็เถอะ
แต่ฉันดีใจนะที่มีใครสักคนเห็นความเปลี่ยนแปลงของฉัน
…แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ว่าเขาจะหักหลังฉันในอนาคต
ถ้าฉันไม่เจอกับพี่สองคนนั้น ฉันคงไม่มีวันที่จะมีความสุขแบบนี้
และฉันก็จะไม่มีวันที่จะสนใจคุยกับโดจิมะแน่
ฉันไม่รู้ว่า ถ้าฉันเชื่อใจเขาแล้วชีวิตของฉันที่โรงเรียนจะเปลี่ยนไปไหม? ฉันจะยังคงโดดเดี่ยวเหมือนเดิมไหมนะ?
ฉันมองไปที่ใบหน้าที่หลับสนิทของเขาแล้วเริ่มจินตนการไปต่างๆนาๆ
…ฉันว่าฉันไปเขียนนิยายต่อดีกว่า ฉันจะไม่ยอมแพ้พี่ชินโจแน่!
ฉันไม่มีวันลืมวันนี้
ไม่มีวันลืมเป็นอันขาด
มันเป็นวันสำคัญที่ฉันได้เจอพี่ๆทั้ง 2 คน
ถ้าฉันได้พบกับพวกพี่อีกครั้ง ฉันจะให้เขาอ่านนิยายที่ฉันเขียนแน่นอน
ฉันกอดเจ้ามูกกี้ไว้แนบอก
-ฉันรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันไปซะแล้ว
============================
เดี๋ยวจะเร่งลงเพื่อไปแปลต่อที่ยังไม่เคยแปลครับ