[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 2 อดีตที่ยังไม่จางหาย
=================================
ผมปิดประตูเสร็จ ก็พบว่าน้องสาวของผม ฮารุกะ ยืนรอผมที่หน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว
ดูเหมือนเธอจะมีท่าทีกระวนกระวายเล็กน้อย
“หืม? พี่มาถึงบ้านช้าหรอ? พี่กลับบ้านกับชิซูกะจังรึเปล่า?”
ผมคิดว่า เธอน่าจะเห็นผมกับชิซูกะซังผ่านกล้องที่ติดอยู่หน้าบ้าน คงจะเห็นตั้งแต่ตอนที่เริ่มคุยกัน
“กลับมาเเล้วครับ งั้นผมขอตัวขึ้นไปข้างบนได้ไหม?”
“เอ่อ อืม….เน้! พี่ชาย เรามาทำความรู้จักกันมากขึ้นดีกว่าไหม? เมื่อก่อนพี่ออกจะเป็นคนที่ร่าเริงเเท้ๆ และก็อย่าใช้คำพูดที่ดูห่างเหินเเบบนั้นเลย เราเป็นพี่น้องกันนะ”
ไม่มีความรู้สึกใดๆ เกิดขึ้นในใจของผม ถ้าเป็นสมัย ม.ต้น มันคงเป็นอีกเเบบนึง
ตอนนั้นผมยังคงอ่อนแอ มีความหวัง และยังเชื่อว่ามีคนเชื่อในตัวผม….
เมื่อมีข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับผมเกิดขึ้น น้องสาวไม่เคยคิดที่จะเชื่อในตัวผมสักครั้ง เอาแต่พูดว่า “หนูเกลียดพวกโรคจิตชอบทำร้ายผู้หญิง”
ผมไม่มีความรู้สึกอะไรเมื่อนึกถึงมันอีกแล้ว…
ผมจะไม่ปล่อยให้คำพูดที่ไม่จริงของเพื่อนสมัยเด็กและน้องสาวของผม มาทำร้ายจิตใจของผมอีกแล้ว ผมจะพูดเพียงครั้งเดียวและทั้งหมดเพื่อขจัดความเข้าใจผิด แค่นั้นผมก็พอใจ
“ฮารุกะซัง พี่ขอตัว…”
“พี่ชาย….”
เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ไม่ใช่พี่น้องกันด้วยซ้ำ เราเป็นเพียงแค่รูมเมทกันเพียงเท่านั้น
ขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปยังห้องของผมนั้น
“โอ้ ยินดีต้อนรับกลับมานะ ชินคุง ลูกมาถึงบ้านช้านะ เร็วเข้า! เตรียมตัวให้พร้อม วันนี้เราจะออกไปกินข้าวข้างนอกกัน เพื่อฉลองที่ลูกได้เข้าเรียน”
ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีงานฉลองนี้…
“ไม่เป็นไรครับ พวกคุณไปกันเถอะ”
ตอนที่ผมยังเด็ก ผมเคยตั้งตารอที่จะออกไปเที่ยวกับครอบครัว
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น พ่อและแม่ก็ยังคงชวนผมให้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพวกเขา
ตอนนั้นผมยังอ่อนต่อโลก ผมเลยไปกับพวกเขา แต่เมื่อผมไปบรรยากาศของครอบครัวก็แย่ลง
ผมจึงเลิกที่จะไปเที่ยวและกินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว
ผมรู้สึกดีกับการที่ผมอยู่บ้านเพียงคนเดียว ผมอาจจะเหงาบ้างเมื่อตอนยังเด็ก แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ผมสนุกกับการเรียนและการเขียนนิยายด้วยตัวเองมาตลอด
พ่อแม่ผม บอกผมเสมอว่า “ผมเป็นพี่ใหญ่ และน้องสาวของผมต้องมาก่อนเสมอ”
แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้สิ่งต่างๆ ย่อมต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ
ลำดับความสำคัญของผมคือความสงบสุข
“ลูกรัก…อย่าน้อยใจแม่สิ พ่อของลูกก็ไม่ว่าง ด้วย และพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นลูกควรที่จะ…”
“ผมขอโทษ ผมควรที่จะระวังในทุกการกระทำของผม เพื่อที่จะไม่ทำให้ครอบครัวของเราต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ผมน้อยใจหรอ? ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้น
ทางเลือกที่ดีที่สุดของผม คือ การที่ผมไม่ไปกับพวกเขา เเละเป็นทางเลือกที่ดี่ที่สุดที่จะไม่ทำลายครอบครัว
อันที่จริง ทั้งแม่เลี้ยงและน้องสาวไม่แท้จะสบายใจกว่าถ้าผมไม่ไปด้วย
แม้ว่าแม่เลี้ยงของผมจะทำสีหน้าที่ขมขื่น แต่ผมเชื่อว่าในใจของเธอนั้น คงสบายใจที่ผมไม่ได้ไปด้วย
การเรียนอย่างตั้งใจและการใช้ชีวิตที่โรงเรียนโดยไม่สร้างปัญหา เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ผมสามารถชดเชยให้ความผิดที่ผมเคยทำและส่งผลต่อชื่อเสียงของครอบครัว
ผมโค้งเพื่อขอโทษ และเดินกลับไปที่ห้องของผม
การเรียนเป็นสิ่งที่ง่ายเพียงแค่คุณต้องจดจ่อกับมัน
ผมชอบเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก นั่นเพราะผมจะได้อยู่กับตัวเอง
มันไม่มีงานอดิเรกอะไรที่ดีกว่าสำหรับคนโดดเดี่ยวอย่างผมเเล้ว
ผมสามารถเขียนมันได้ด้วยมือถือของผมเพียงเครื่องเดียว
ผมต้องการที่จะหาเงินเพื่อที่จะไม่ต้องรบกวนครอบครัวของผม
“หืม? ข้อความจากใครเนี่ย?”
ข้อความจากเว็บนิยายเด้งขึ้นมา มันเป็นหน้าต่างที่มีข้อความสีแดงปรากฎ
มันมีด้วยกัน 2 ข้อความ
เมื่อผมเปิดข้อความแรก มันเป็นความคิดเห็นจากนิยายเกิดใหม่ในต่างโลกที่ผมเขียน มันน่าจะเป็นข้อความจากแฟนตัวยง และเขาได้เขียนข้อความยาวหลายบรรทัดเพื่อชื่นชมผลงานของผม
“ขอบคุณ…”
ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลาย มันเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่ผมสามารถแสดงอารมณ์ได้ตามปกติ และเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเดียวที่ผมมีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป
ผมเปิดข้อความที่ 2 และนั่นคือ….
“สำนัก…พิมพ์? อยากจะเซ็นสัญญา?”
มือของผมสั่นทั้งๆที่ยังถือมือถืออยู่
มันเป็นไปได้เหรอที่ผมจะรู้สึกดีใจขนาดนี้ ผมพยายามปรับลมหายใจของตัวผมเองอีกครั้ง
ขณะที่ผมมีความสุขกับมัน…ผมก็ยังคงกังวลถึงความยากลำบากต่อจากนี้
หัวใจที่มีความสุขของผม เริ่มเกิดความลังเล
มันไม่เกี่ยวกับงานโรงเรียน…ผมเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นมัน
ในคืนนั้น มันยากลำบากมากกว่าที่ผมจะหลับ
—————————————————-
หลังจากโฮมรูมเสร็จ ความสงบก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงคุยของคนในห้อง ซึ่งมันก็เจี้ยวจ้าวเหมือนทุกๆวัน
ไซโตะซังหลังจากที่ถอดแว่นแล้ว ก็กลายเป็นคนด้งด้วยความสวยของเธอ
แม้ว่าพวกเราจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่เราก็ไม่ได้คุยกันเลย ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว
มันไม่เหมือนกับเธอตอนที่ยังอยู่ ม.ต้น ตอนนี้ เธอทำทรงผมที่ทันสมัยและยังแต่งหน้า ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นยัยจืดชืดอีกต่อไป
เเละในที่สุด เธอก็กลายเป็นพวกชนชั้นสูงของห้อง
หัวใจของผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเช่นเคย และผมก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเธออีกแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผสมดวงซวยทุกรูปแบบไว้ในเหตุการณ์เดียวกัน
ไซโตะซังและผม กำลังคุยกันในห้องสมุด พวกเรากำลังแบ่งปันงานอดิเรกเดียวกันให้กัน และผมกำลังมีความสุขไปกับมัน
ผมรู้สึกว่าตอนนั้นผมน่าจะมีใจให้เธอนิดๆ ผมก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน (TSL : อารมณ์แบบไม่ใส่ใจจำแล้ว55)
วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนัก และห้องสมุดก็มืดมากกว่าปกติ หลังจากนั้นก็เกิดเเผ่นดินไหวขึ้น
ต่อมาเเรงสั่นสะเทือนหยุดลงหลังจากนั้นไม่นาน แต่หนังสือบนชั้นวางนั้นกำลังจะตกใส่หัวของไซโตะซัง ก่อนที่ผมจะคิดตัดสินใจอะไร ร่างกายของผมก็ขยับไปก่อนแล้ว
“ไซโตะซัง!!” ผมตะโกนเรียกเธอ และพุ่งไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
บางอย่างหล่นลงมากระแทกที่หัวและหลังของผม
ผมไม่สามารถทนต่อความเจ็บได้
ผมทรุดตัวลงบนตัวไซโตะซัง
ผมคิดว่าผมน่าจะหมดสติไปครู่หนึ่ง ไม่รู้สิบางทีผมอาจจะยังมีสติอยู่
ผมจำเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้มากนัก
ผมกลับมาสู่โลกความจริงอีกครั้ง และพบว่าไซโตะซังกำลังร้องไห้
เลือดไหลออกมาจากหัวของผม และนักเรียนหลายคนก็เริ่มเข้ามารุมล้อมที่พวกเรา
“นายจะกอดเธอเพื่ออะไร?”
“ไซโตะซัง? เธอเป็นอะไรไหม? ไปห้องพยาบาลกันเถอะ!”
“ข่าวลือเป็นเรื่องจริงสินะ!…ที่ว่านายชอบลวนลามและทำร้ายผู้หญิง!”
ใช่ครับ…มันคือการกลับมาของความทรงจำเก่าๆของผม ผมนึก flashback อย่างรวดเร็ว…มันเป็นเหตุการณ์เดียวกับที่เกิดขึ้นกับมิยาซากิ และผมก็พลาดอีกครั้ง ทุกคนมองผมเป็นคนร้ายอีกครั้ง
แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังเชื่อว่าไซโตะซังยังคง…
“อืม…มันมีบางอย่างกำลังตกลงมา…”
เห็นไหมละ ผมบอกแล้ว…
“หลังจากนั้น…ชินก็…!! ฉัน!! ฉันกลัวนาย ชิน ฉันเกลียดนาย ออกไปให้พ้นนนน!!” (TSL : ไซโตะซังเรียกพระเอกว่าชิน)
อ่า…มันจบลงแล้ว…ผมคิดว่าเธอจะเชื่อผมว่าผมกำลังปกป้องเธอจากบางสิ่งบางอย่างที่กำลังตกลงมา…
แต่ก็นั่นแหละ…
ผมเคยคิดว่าผมเจอคนที่เชื่อใจในตัวผม….
แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผิด..
ไม่มีใครเชื่อใจในตัวผมเลยสักคน…
หลังจากนั้น ผมก็สลบไป และผมก็อยากจะลืมมัน
ไม่นานข่าวลือใหม่ก็แพร่ออกไป ผมกลายเป็นคนร้ายอีกเช่นเคย และก็นั่นแหละไซโตะซังกลายเป็นคนที่ถูกผมทำร้าย
หลังจากนั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่ได้คุยกับไซโตะซังอีกเลย
ผมขาดเรียน 3 วัน เนื่องจากไข้กิน มันมีผลมาจากอาการบาดเจ็บจากการโดนหนังสือกระแทกที่หัว
ผมไม่อยากบรรยายถึงผมในตอนนั้น
น้องสาวของผมรู้สึกสนุกที่จะเล่าเรื่องของผมให้พ่อกับแม่เลี้ยงผมฟัง (ซึ่งก็เสริมเติมแต่งอีกเช่นเคย) (TSL : เริ่มรู้สึกไม่อยากมีน้องสาวเลยTT) พ่อและแม่เลี้ยงของผมมองผมเป็นตัวปัญหาอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดว่ากล่าวอะไรผม…ผมเดาว่าพวกเขาคงหมดความอดทนและปล่อยผมไป
อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ไซโตะซังไม่เป็นอะไรมาก
ผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรอีกแล้วแม้ว่าจะได้ยินสิ่งนั้น ผมละทิ้งความรู้สึกชอบเล็กน้อยที่มีต่อไซโตะซังไปอีกครั้ง
เสียงหัวเราะของไซโตะซังปลุกผมออกจากอดีตที่เปรียบเสมือนฝันร้าย กลับสู่ปัจจุบัน
“โอเค…มิยูต้องการที่จะไปคาราโอเกะกับพวกเรา…”
“โอ้! คาราโอเกะวันนี้!”
“ใช่…เธอร้องเพลงเป็นนิ ใช่ไหม? มิยู?”
ผมอ่านหนังสืออยู๋ที่โต๊ะของผมเหมือนอย่างเคย
ผมไม่เล่นมือถือตอนผมอยู่ที่โรงเรียน นั่นเพราะว่าถ้ามีใครพบว่าผมอยู่ที่หน้าเว็บนิยาย อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาก็ได้
ถ้ามีใครบางคนมาเห็นมือถือของผมในตอนที่ผมกำลังเปิดหน้าเว็บนิยายนั้น อาจเกิดความวุ่นวายแบบอภิมหาภัยพิบัติตามมา
ผมไม่ต้องการเสียเวลาที่จะอธิบายมัน
ผมอ่านหนังสือของผมพร้อมกับคิดถึงพล็อตนิยายตอนต่อไปของผม
และนั่นคือความสุขของผม
คนที่นั่งข้างผม ชิโนซูกะซัง ก็มีกิจวัตรเช่นเดียวกับผม
เธอนั่งอ่านหนังสือเช่นเดียวกับผมแต่ที่แตกต่างก็คงเป็นใบหน้าที่แสดงออกมานั้น น่ากลัวเป็นอย่างมาก ออร่าที่แผ่ออกมารอบๆตัวของเธอนั้น บอกผมว่า “อย่าคิดจะคุยกับตู”
จากรูปลักษณ์ของเธอ เธอมีผมสีบรอนด์ แต่งกายด้วยชุดที่ผิดระเบียบ และมีสายตาที่น่ากลัวมาก หรือคำจำกัดความสั้นๆของคนประเภทนี้ นั่นก็คือ แยงกี้
ผมก็ไม่เคยคุยกับเธอมาก่อน แต่ผมก็ได้ยินข่าวลือแย่ๆของเธอมาเช่นกัน
แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไร…เพราะผมก็มีข่าวลือแย่ๆพอๆกับเธอ…
เมื่ออาจาร์ยเดินเข้ามาในห้อง ผมกับเธอก็ปิดหนังสือที่กำลังอ่าน
เช่นเคยทุกบริเวณยกเว้นรอบๆตัวผมกับชิโนซูกะก็ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
“นี่! ชิน คาบต่อไปเรียนที่ห้องคอมนะ รีบไปได้แล้ว!”
“ทราบแล้ว ขอบคุณครับ”
“ตอบด้วยคำพูดที่สุภาพอีกแล้ว…แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้ามันโอเค”
นักเรียนชายคนหนึ่งในห้องเรียกผมด้วยความเป็นห่วง เขาคงจะกลัวว่า ผมจะไปเรียนไม่ทัน ถ้ายังคงนั่งอยู่แบบนี้
ผมตอบด้วยคำพูดที่สุภาพและรอยยิ้ม
การที่ผมทำแบบนั้น จะทำให้ผมยังคงสามารถรักษาระยะห่างของความสัมพันธ์นี้ไว้ได้
ถ้าผมไม่โต้ตอบและเมินคำพูดของเพื่อนร่วมห้อง ผมก็จะตกเป็นเป้าของความเกลียดชัง ถ้าคุณมองไปยัง ชิโนซูกะซัง คุณก็จะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อ ผู้หญิงทุกคนไม่ชอบชิโนซึกะซัง ด้วยเหตุผลเล็กน้อยที่ว่า “เธอเมินฉันตอนที่ฉันกำลังจะคุยกับเธอ”
และมันเป็นความจริงที่ว่า พวกเขาจะเข้าหาทุกคนที่หล่อหรือสวย หรือ เป็นพวกแยงกี้ เป็นพิเศษ…ซึ่งผมคิดว่าชิโนซูกะซังคงจะเบื่อกับสิ่งนั้นเป็นอย่างมาก
ผมต้องไม่เมินเมื่อพวกเขาเข้ามาคุยกับผม ผมเพียงแค่ต้องรีบจบบทสนทนาให้เร็วที่สุดและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มเป็นสิ่งที่ทำง่ายมาก คุณแค่ต้องหรี่ตาของคุณเล็กน้อยและยกมุมปากของคุณขึ้น เขาจะมองคุณคล้ายๆ คนติดยา (TSL : อารมณ์แบบมีตาคล้ำๆดำๆ และรอยยิ้มอ่อนล้าที่แสร้งทำอารมณ์นั้น)
ผมเป็นคนมืดมนที่คุยกับคนอื่นน้อยมากในห้องเรียน
เอาจริงๆ ผมคิดว่ามิยาซากิคงจะปล่อยข่าวลือของเธอสมัยม.ต้น เเต่ก็ไม่มีวี่เเววของเรื่องนี้เลย
แต่ไม่ว่ายังไง แม้ว่าข่าวลือนั้นจะกลับมา ยังไงผมก็ยังคงไม่เปลี่ยน ผมไม่มีความรู้สึกอะไรเกี่ยวกับมันอีกแล้ว
ชิโนซูกะซังที่นั่งอยู่ข้างผมนั้น กำลังหลับสนิทในตอนนี้
ผมไม่มีความคิดที่จะปลุกเธอ เพราะถ้าผมปลุกเธอและทำอะไรที่ผิด มันอาจจะเกิดปัญหาตามมาก็ได้
ต้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ตอนนี้ถึงเวลาเปลี่ยนคาบเรียน ทุกคนในห้องเดินออกจากห้องเพื่อไปเรียนในคาบต่อไป
“ขอเวลาสักเดี๋ยวได้ไหม? ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับนาย ขอเวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น”
ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
มิยู ไซโตะ เดินมายังที่นั่งของผม
“นายคือไซโตะใช่ไหม? นายจำฉันได้ไหม? ฉันมิยูไง! พวกเราเคยอยู่ด้วยกันที่ห้องสมุดใช่ไหม? คุณรู้ มันมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และมันยากที่จะคุยกับนาย”
มันเป็นเสียงเดียวกับในความทรงจำของผม
ผมพยายามที่จะปล่อยความทรงจำอันเลวร้ายของผมไป ผมยิ้มด้วย “รอยยิ้มจอมปลอม” ของผม
“อ่าา….”
“นั่นอะไรนะ…น่าสนใจดีนะ นี่ๆ! นายกำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่นะ? ขอดูหน่อยสิ! โอ้! ฉันก็อ่านเรื่องนี้เหมือนกันมันสนุกมากเลยยยยย”
“ผมว่าเราควรที่จะย้ายไปเรียนห้องคอมได้แล้ว”
“สุภาพเกิน…มันตลกมากเลยนะ”
สิ่งที่เธอพูดครั้งสุดท้ายในความทรงจำผมคือ “ออกไปให้พ้น ฉันเกลียดนาย ชิน”
ผมไม่เคยพูดคุยอะไรกับเธออีกเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่…นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย??
สิ่งที่ผมรู้อยู่อย่างเดียวในตอนนี้นั้นคือ…
ผมไม่ควรไปยุ่งอะไรกับเธออีก! ผมควรหนีไป! ผมไม่อยากจะทำสิ่งที่ผิดอีก!
“ฉันหมายถึง…ฉันเป็นห่วงนายมากนะ มาโกโตะ ฉันเข้าใจ ความเข้าใจผิดของฉันที่มีต่อนายนั้นทำให้นายกลายเป็นแบบนี้ ดังนั้น! ฉํนอยากจะให้มาโกโตะมีความสุขกับการใช้ชีวิตในชั้น ม.ปลาย เพื่อนของเราเป็นคนดีทุกคนนะ! ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนในห้องกันเถอะ! มันมีที่สำหรับนาย และ….ฉัน….ก็อยากที่จะอ่านหนังสือด้วยกันกับนายอีกครั้ง….”
ไซโตะซังหน้าแดงเมื่อพูดถึงคำพูดในตอนท้าย…
เพื่อผมงั้นหรอ…
ผมเข้าใจว่านั่นไม่ใช่เจตนาร้าย
แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับมันอีกแล้ว ผมไม่ต้องการความปรารถนาดีใดๆ
ผมอยู่ในจุดที่ผมควรอยู่แล้ว ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น
ผมกำลังจะลุกออกจากที่นั่ง
“ขอโทษนะ”
“เดี๋ยว! ไม่ใช่ว่านายจะไม่ไปใช่ไหม?! ฉันเชื่อในตัวนายนะ! ตอนที่จบการศึกษา ฉันได้ยินจากคนที่เห็นเหตุการณ์ว่า นายปกป้องฉัน ใช่ไหม? ขอบคุณนะ มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากของฉัน มาโกโตะ…คนที่มองเห็นยัยจืดจางอย่างฉัน…ดังนั้นต่อจากนี้ไป…”
หืม? เชื่อในตัวผมอีกคนแล้วหรอ?
ถ้ามีใครบางคนพูดสิ่งนี้ในตอนนั้น ทุกอย่างมันคงจะมาไม่ถึงขั้นนี้… แต่ก็ไม่เคยมีใครพูดถึงสิ่งนี้เลยในตอนนั้น…
ผมได้รับบทเรียนที่มีค่าและราคาแพงมาจากเหตุการณ์นั้น ดังนั้นผมก็ไม่อยากจะทำอะไรที่เป็นสิ่งที่ผิดอีกต่อไป
ผมไม่สามารถที่จะปล่อยเรื่องเหล่านั้นผ่านไปได้ แม้ผมอยากจะปล่อยมัน และตอนนี้หัวใจของผมก็ไม่มีความรู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว….
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม….
“ไซโตะซัง…เธอไม่สามารถลบข้อกล่าวหาที่ว่าผมทำร้ายเธอในอดีตได้ ผมขอโทษ แต่มันสายเกินไปแล้วที่เธอจะเชื่อผมในตอนนี้…คำๆนั้นไม่มีความหมายกับผมอีกต่อไปแล้ว”
ช่วยไม่ได้ ผมสูญเสียทั้งความเยือกเย็นและความสุภาพของผมไปหมดแล้วในตอนนี้
ผมลุกออกจากที่นั่งของผม และเดินผ่านไซโตะซังที่กำลังตัวสั่น
“ช…ชิน ฉันไม่ดีพอสำหรับชินหรอ… ตอนนี้ฉันสวยกว่าตัวเองเมื่อตอนนั้นอีกนะ…”
ผมเลือกที่จะไม่ตอบเธอ แต่ปิดประตูห้องเรียนอย่างเงียบๆ
=============================