[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 10 ความสัมพันธ์ไม่มีวันจางหายไปไหน
- Home
- [WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน
- ตอนที่ 10 ความสัมพันธ์ไม่มีวันจางหายไปไหน
============================
[อา อรุณสวัสดิ์ตอนเช้านะมาโกโตะ จะไปก่อนอีกแล้วเหรอ? อย่างน้อยก็กินข้าวก่อนสิแล้วค่อยออกไป]
[หาว อรุณสวัสดิ์ พี่จ๋า…หนูนอนหลับไปนานมากเลย นั่นเลยทำให้หนูไม่…รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง…มันมีอะไรสำคัญไหม? …]
คงยังเป็นบรรยากาศแบบทุกๆ เช้า
แม่เลี้ยงมองน้องสาวผมแล้วถอนหายใจ
ผมคำนับแบบที่เคยทำและออกจากห้องนั่งเล่น -แต่ก็หยุดตัวผมเองที่ตรงนั้น
-ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้าผมต้องการที่จะตีพิมพ์หนังสือ ผมยังคงต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง
[หืม? มีอะไรเหรอลูก?]
แม่เลี้ยงผู้ที่สวยตามวัยของเธอเอียงศีรษะมองมาที่ผม
นั่นเป็นเพราะผมกำลังขวางทางที่เธอกำลังจะเดิน โดยปกติแล้วผมจะออกไปอย่างรวดเร็วและไม่ยืนอยู่ตรงนี้
ผมหลับตาลงครู่หนึ่ง ความทรงจำเกี่ยวกับคำพูดที่แม่เลี้ยงเคยพูดในอดีตกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง
[—แม่หมดคำพูดแล้ว…กับพวกเด็กชอบลวนลามอย่างแก]
[มันไม่สำคัญว่า ข่าวลือมันจะจริงหรือไม่ เราอยู่ในโลกที่แม้แกจะไม่ทำห่าอะไรเลยแต่ข่าวลือก็ยังเป็นจริงได้]
[แม่ขอล่ะ แกอย่าสร้างเรื่องอะไรอีกเลย มันทำให้ครอบครัวเราดูแย่รู้ไหม?]
[ช่วยเพื่อนงั้นเหรอ? ไหนพยานละ? ไม่มีใครเป็นพยานให้แกหรอก!]
[คุณอย่ามายุ่งกับฉัน คุณไม่เคยดูแลพวกเขาเลย แล้วคุณจะมา ยุ่ง หาอะไรมิทราบ?]
[แก…อย่าสร้างเรื่องให้ครอบครัวอีกเลย!]
เธอไม่ใช่แม่ที่แย่อะไรหรอก เธอก็เป็นแค่แม่เลี้ยงธรรมดาๆ ที่พบได้ทั่วๆ ไป เธอมีเพื่อนผู้หญิงมากมายที่ต้องพูดคุยด้วยเป็นประจำ และเธอทำงานบ้านและเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวมาตลอด
เธอหวังให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เธอไม่ต้องการให้เพื่อนของเธอมาพูดว่าเธอทำหน้าที่ในการเป็นแม่บกพร่อง เธอไม่อยากเสียความภาคภูมิใจในตัวเองไป
ความคิดของเธอไหลไปตามกระแสสังคม ทำให้บางทีเธอก็ทำอะไรไม่ถูก และหาทางออกไม่เจอ เธอไม่เคยเข้าใจว่าเป็นอย่างไร แต่ผมเข้าใจ น้องสาวผมเข้าใจ แม้แต่พ่อก็ยังเข้าใจ
[…พูดออกมาสิ! อย่าเก็บไว้คนเดียว]
ผมไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น…ถ้าผมบอกเธอว่าผมแต่งนิยายและมันกำลังจะถูกตีพิมพ์
[ไม่มีอะไรครับ มันเป็นแค่เรื่องของผม และผมทิ้งมันไปแล้ว]
เด็ก ม.ปลายยังคงเป็นผู้เยาว์ เพียงแค่ร่างกายเขาดูโตเท่านั้น
พวกเขายังคงเป็นเด็ก และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม
ผมต้องไปเจอเซโกะซังวันนี้ ยังคงมีเวลาอยู่ ผมจะลองหาวิธีดูตอนผมอยู่โรงเรียน
[โอนี่จัง! โชคดีน้าาา คุซาโมจิ!!!!!] (TLN: โมจิสีเขียวไส้ถั่วแดง)
น้องสาวของผมตะโกนออกมา ร่างกายของผมกระตุกเล็กน้อย
มีบางสิ่งบางอย่างลอยมาจากอากาศที่ว่างเปล่า ผมรับมันไว้ และพยายามที่จะไม่ทำให้มันตก
โดยปกติแล้วเธอมักจะพูดว่าจะไปกับผมแต่ครั้งนี้เธอกับแค่มองผมที่จะเดินออกไป
[อ…อืม คุซาโมจิ? ฮา-รุ-กะ-ซัง กำลังจะออกไปเหมือนกันใช่ไหม? อย่าไปสายละ]
น้องสาวผมมองผมด้วยรอยยิ้มที่เปรvะเปื้อนไปด้วยแยมและอาหารต่างๆ ที่เธอกินเข้าไป เธอยังคงสวมชุดนอนอยู่แม้ว่าจะใกล้เวลาไปโรงเรียนมากแล้ว
เธอโบกมือลาผม
ผมเปิดประตูหน้าแล้วเดินออกไป โดยไม่สนใจอะไร
เสียงดังแสบแก้วหูดังขึ้นทันทีหลังจากที่ผมปิดประตูหน้าบ้าน
{ [ม…แม่!!!!!!!!!! พ…พี่จ๋า!!! เป็น-ห่วง-หนู-ด้วย-ละ] }
มันไม่มีอะไรมากหรอก…ปากของผมแค่ขยับไปเอง
ผมทิ้งเรื่องของน้องสาวผมและเริ่มเดิน…ผมกัดคุซาโมจิในมือและคิดถึงพล็อตนิยายตอนต่อไปในหัว
[เด็กมีปัญหาอย่างพวกคุณสองคนเป็นเพื่อนกันจริงเหรอ?]
หลังจากคาบโฮมรูม ชิโนซูกะซังกับผมถูกเรียกไปห้องพักครู
มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเราทำอะไรผิด และผมก็ไม่ค่อยชอบห้องพักครูเท่าไหร่นัก
ตอนผมอยู่ ม.ต้นผมถูกเรียกเข้าห้องนี้บ่อยมากและ…ส่วนใหญ่จะโดนตำหนิ
[พวกเราไม่ใช่เพื่อนกัน]
[ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก!]
อาจารย์ละเลยคำปฏิเสธของพวกเราและเลือกที่จะเข้าประเด็นในทันที
[พวกเธอนี่ปากแข็งกันจริงๆ นะ…อืม…ครูไม่ได้ต้องการให้พวกเธออยู่เงียบๆ ไม่ได้บอกว่าพวกเธอทำอะไรผิดนะ บอกไว้ก่อน ฉันเป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเธอไม่ว่ายังไงมันก็ไม่เปลี่ยน แต่ครูก็เป็นเพียงแค่คนนอกไม่ใช่ครอบครัวพวกเธอ ฉันสามารถให้คำแนะนำได้เล็กน้อยเท่านั้น]
[หนูไม่เข้าใจ อาจารย์ต้องการสื่ออะไรคะ?]
ชิโนซูกะซังขมวดคิ้ว เธอคงไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์จะสื่อเช่นเดียวกับผม
อาจารย์เริ่มพูดอีกครั้งหลังจากจิบชาเสร็จ
[…บนโลกใบนี้มีสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเต็มไปหมด โรงเรียนถือเป็นสังคมเล็กๆ เมื่อเทียบกับโลกใบนี้ ฉันไม่ได้บอกให้พวกเธอมี…เพื่อน ฉันไม่ได้บอกให้พวกเธอสนิทกับเพื่อนในห้อง แค่เพียงสักคน ค้นหาใครบางคนและให้เธอเชื่อใจเขา]
ผมเข้าใจแล้วว่าเธอเรียกพวกเรามาเพื่อบ่นนี่เอง เธอคงได้ยินข่าวลือที่เลวร้ายของผมตอนม.ต้น และเตือนผม
ผมหันขึ้นไปมองอาจารย์
[ขอโทษนะครับอาจารย์ แต่ถ้าผมเชื่อใจคุณ ผมอาจจะ..โดนหักหลัง]
[…ใช่ ฉันเห็นด้วยค่ะ ฉันไม่ต้องการเพื่อนเช่นกัน ถ้าฉันรู้ว่าสุดท้ายยังไงก็จบด้วยการหักหลัง]
อาจารย์โยนลูกอมจากบนโต๊ะมาให้ผมกับชิโนซูกะ
พวกเราหยิบมันโดยไม่มีความตกใจแต่อย่างใด
[หึๆ ฉันพลาด…ฉันเข้าใจแล้ว น่าจะเป็นสิ่งที่ดีถ้าพวกเธอได้เจอใครก็ตามที่ไม่มีทางทรยศเธอ]
อาจารย์ยังคงมีใบหน้าที่สุขุม ผมคิดว่าเธอคงจะเห็นพวกเราเหมือนตัวเธอในอดีต ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอ จากประสบการณ์อันน้อยนิดของผมผมคิดว่า…มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เหมือนอาจารย์คนนี้
[อาจารย์เคยโดนหักหลังมาก่อน?]
[เอ่อ…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน]
ชิโนซูกะกับผมหันมามองหน้ากัน
[ไอเจ้าบ้า นี่แกกล้ามองหน้าฉันเรอะ!]
[ไม่ ไม่ ไม่ โป-ชิโนซูกะ ผมไม่ได้มองคุณ]
อาจารย์พูดว่าเธอหมดธุระกับพวกเราแล้ว และเริ่มจัดเอกสารการสอนที่กระจายอยู่บนโต๊ะของเธอ
[ไม่มีอะไรที่ครูจะพูดแล้ว ออกไปจากที่นี่ซะ อย่าคิดที่จะโดดทัศนศึกษา ถ้าพวกเธอไม่ไป ฉันจะปรับพวกเธอ 2 คนตก]
ใบหน้าของอาจารย์เปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิม และไล่พวกเราออกมา
สุดท้ายพวกเราก็ออกมาจากห้องพักครู
พวกเราได้ยินเสียงกิจกรรมชมรมมาจากระยะไกล มันเป็นบรรยากาศหลังเลิกเรียน
พวกเรามองดูกันโดยไม่ได้พูดอะไร
ผมคิดว่าบทสนทนาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ไร้ความหมายเสียทีเดียว…
[เธอพูดว่าพวกเราไม่ควรพลาดทัศนศึกษาเด็ดขาด…เธอหมายความว่ายังไงกัน?]
[นั่นสิ เธอพูดถึงอะไร?]
ทั้งผมและโปเมโกะรับรู้ได้ว่าอาจารย์ต้องการสื่อบางอย่าง แต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้
โปเมโกะดูเหมือนพยายามจะพูดอะไรกับผม
[นี่..เนียนตะ–]
เสียงเธอหายไป พร้อมกับเสียงใครบางคนที่เข้ามาแทรก
[อา..อืม… มาโกโตะ ใช่นายใช่ไหม? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ… นี่ๆ ฉันอยากคุยกับนายมากเลยรู้ไหม?]
ผมมองไปรอบๆ และพบกับนักเรียนหญิงคนหนึ่งยืนคุยกับผมอยู่หน้าโปเมโกะ
ขาของเธอสั่น วางมือไว้ที่หน้าอกและมีใบหน้าที่เศร้า
ผมก้มศีรษะลงมองเธอ
[คุณคือใครครับ?]
ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร นักเรียนหญิงคนที่ผมจำไม่ได้นี้…อยู่ห้องเดียวกับผมรึเปล่านะ? ไม่สิ ผมรู้สึกว่าผมเคยเจอเธอมาก่อน ส่วนลึกในความทรงจำผมบอกอย่างนั้น แม้เธอจะดูจืดชืด แต่ก็สวยพอตัวเลย แต่ผมก็ไม่ได้ประทับใจอะไร ผมคิดว่าอย่างนั้น
[ไม่มีทาง…นายลืมฉันเหรอ? ฉันไง! คิราซากิ! นายไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ…]
โปเมโกะซังเลือกที่จะพิงกำแพงโถงทางเดินอีกครั้ง เมื่อผมบอกให้เธอล่วงหน้าไปศูนย์อาหารคนเดียวก่อน
ผมหันไปมองดูเธออีกที…นี่ใช่? คิราซากิที่ผมเคยรู้จักเหรอ?
ผมจำอะไรไม่ได้เลย เมื่อผมล้างข้อมูลในมือถือทั้งหมด ผมพยายามจะลบทุกอย่างเกี่ยวกับคิราซากิออกจากความทรงจำของผม
รอยยิ้มจอมปลอมปรากฏขึ้นเพื่อทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง
[มันนานมากแล้ว คิราซากิ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ]
[ฉันรู้ มาโกโตะ แต่นายรู้ไหม…ตอนนั้นฉันไม่ได้โกหกนะ ฉันชอบนายมากและสารภาพรักนาย แต่…เพื่อนของฉันล้อฉัน และ…นี่! เราเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้เหรอ? …ฉันยังคงรัก….นายอยู่นะ]
[ประทานโทษ…นั่นไม่ใช่เกมลงทัณฑ์เหรอ?]
[ม..มันก็ใช่..ต..แต่..]
[ดังนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว คุณยังจำตอนที่หัวเราะให้ผมในตอนนั้นได้ไหม?]
นี่มันอะไรกัน? โดยปกติผมจะพยายามที่จะปล่อยมันไปแต่ตอนนี้ผมกับทำแบบนั้นไม่ได้
ผมยังไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าภายในใจผมยังคงว่างเปล่าได้ มันจะไม่เปลี่ยนไปเพราะยังไม่มีอะไรที่จะมีผลกระทบต่อมันได้
แต่ผมไม่ต้องการมัน
…ต่อหน้าสายตาของโปเมโกะ
ผมไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของผมได้ ผมอยากที่จะปฏิเสธมัน ขณะเดียวกันความรู็สึกภายในใจกำลังจะเอ่อล้นออกมา
[ฉ…ฉันขอโทษ! ดังนั้นทำไมเราไม่ไปอควอเรียมหรือโรงหนังที่เราไม่เคยทำในตอนนั้น ขอร้องละ ได้โปรด…]
ผมพึมพำกับตัวเอง
[–มันสายเกินไปแล้วละ…]
มันเป็นเพียงประโยคง่ายๆ แต่ก็พอที่จะอธิบายทุกสิ่งที่ผมคิดได้
แต่คิราซากิก็ยังคงไม่หยุดและเข้าใกล้ผม…
[ฉันไม่เคยชอบความจริงที่ว่านั้นเลย! แต่ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ยังคงเป็นเพื่อนฉัน… ฉันรู้ว่านายก็มีความรู้สึกดีๆ ให้ฉัน มาโกโตะ ฉันไม่ได้อยากที่จะทำแบบนั้นในตอนนั้น…]
โอ้ เธอเป็นคนที่สำคัญมากในโลกนี้สินะ
เธอคงจะเมาถ้าเธอได้ยินผมพูดว่าผมให้อภัยเธอ
ผมไม่สามารถจินตนาการถึงมันได้กับเธอคนที่ผมรู้จักดี เธอเป็นคนที่น่ารำคาญเสียยิ่งกว่า ไซโตะซัง มิยาซากิ หรือแม้แต่น้องสาวไม่แท้ของผม
[มันไม่ใช่เพราะว่านายดูหล่อขึ้นหรืออะไรแบบนั้นนะ…ฮึก ฮึก]
ผมอยากจะหายไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด คิราซากิซังพยายามที่จะกอดผมในขณะที่เธอร้องไห้ ผมไม่อยากที่จะสัมผัสร่างกายของเธอ ผมไม่อยากที่จะเจอกับความเข้าใจผิดหรือข้อกล่าวหาใดๆ อีก
[นี่! แกอ่ะ! พอได้แล้ว! ชินโจมีนัดคุยกับฉันเรื่องการทัศนศึกษา แกนะ อย่ามาเกะกะขวางทาง]
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? โปเมโกะซังเข้ามายุ่งกับเรื่องของผมด้วยตัวเธอเอง?
[มุกยู (TLN : ชื่อพระเอกแต่คงพูดไม่ชัดเพราะสะอื้น) ….หล่อนเป็นใครกัน? ตอนนี้ฉันกับมาโกโตะกำลังคุยกันอยู่นะ!]
[ห้ะ? นี่หล่อนลืมไปแล้วเหรอ? หล่อนอะ! เป็นคนที่เข้ามายุ่งตอนฉันคุยกับชินโจอยู่เองนะ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมหล่อนควรออกไปซะ] (TLN:หึง)
โปเมโกะซังพูดกับคิราซากิซังด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา…มันเป็นคำเตือน ถ้าคิราซากิยังคงจะดื้อดึงต่อไป คงจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
[อ…อึก!..ไม่! หยุด!]
โปเมโกะซังถอนหายใจและผ่อนไหล่ของเธอลง
เธอจับมือของผม ไม่ได้ผ่านเสื้อเจอร์ซีย์แบบทุกครั้ง แต่เป็นผ่านมือเปล่า
[ไปกันเถอะ! ชินโจ]
[อ..อืม]
เธอดึงผมออกมาจากคิราซากิซังและวิ่งไปตามทางเดิน
หลังจากที่พวกเราผ่านไป เสียงร้องไห้ก็หยุดลง ผมหันกลับไปมองก็พบกับคิราซากิซังที่จ้องมองชิโนซูกะด้วยสายตาที่…น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
โปเมโกะซังวิ่งไปอยู่หน้าผม แม้ผมจะไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่คอของเธอในตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รู้ตัวอีกทีก็มาถึงล็อกเกอร์เก็บลงเท้าเสียแล้ว
ถ้าผมจะหยิบรองเท้า ยังไงผมก็ต้องปล่อยมือที่จับกันอยู่
ผมกับโปเมโกะซังมองกันก่อนที่จะปล่อยมือที่เคยจับกัน
[….นายกำลังจะไปนัดกับพี่สาวฉันสายใช่ไหมล่ะ? น…นั่นเป็นเพราะนายเป็นคนไม่ชัดเจนไงเนียนตะ]
[ไม่เป็นไร ว่าแต่เธอได้ยินที่คิราซากิพูดไหม?]
[ฉันได้ยิน ช่างเป็นเด็กที่บ้าบอเสียจริง]
โปเมโกะซังและผมยังคงคุยกันขณะหยิบและใส่รองเท้า แต่ก็ยังคงประหม่ากันอยู่
[เสร็จ ก็ไปกันได้แล้ว]
[อ…อืม]
ผมมองไปที่มือของผม ความอบอุ่นยังคงอยู่ที่มือของผมและมันดูมีชีวิตชีวาอย่างประหลาด ผมไม่ได้เกลียดมัน
มันไม่ใช่เพราะว่าผมชอบการจับมือ ผมแค่คิดว่าถ้าพวกเรายังคงจับมือต่อไปมันจะเกิดอะไรต่อไปนะ….
โปเมโกะซังพูดกับผมด้วยน้ำเสียงรังเกียจ (TSL : ผมมองว่าเป็นเชิงหยอกล้อเสียมากกว่า)
[นี่! ไม่ใช่ว่านายอยากจะจับมือฉันอีกเหรอ?]
ผมส่ายมือของผมเล็กน้อย
[อย่ากังวลไป ถ้าผมทำอย่างนั้น เธอจะประหม่าเสียเปล่าๆ]
[นิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก…]
พวกเราเริ่มเดินไปห้างร้างแห่งเดิม
แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างจากปกติ
พวกเราเดินและคุยกันระหว่างเดินทางไป
============================