(WN)The Pain of an Inferior: A Blistering Love Comedy That Begins After a Broken Heart (ฮาเร็มที่เริ่มต้นหลังจากอกหัก) - ตอนที่ 4 ความเจ็บปวดของผู้ด้อยกว่า 4
- Home
- (WN)The Pain of an Inferior: A Blistering Love Comedy That Begins After a Broken Heart (ฮาเร็มที่เริ่มต้นหลังจากอกหัก)
- ตอนที่ 4 ความเจ็บปวดของผู้ด้อยกว่า 4
หลังเลิกเรียน มิยาโกะกับซุนก็แยกย้ายกันไปเข้าชมรม
มิยาโกะสอบเข้า A-10 ด้วยอันดับท็อป ส่วนซุนนั้นก็มีผลงานโดดเด่นมากมายทั้งในชมรมกีฬาและชมรมเกม ทั้งสองคนเป็นคนดังในโรงเรียนและเป็นที่ต้องการของชมรมต่าง ๆ
ดูเหมือนว่าทั้งคู่ตัดสินใจเส้นทางอาชีพในอนาคตแล้ว จึงเข้าร่วมกิจกรรมชมรมหลายชมรมพร้อมกัน แถมยังทำผลงานได้ดีในทุก ๆ ชมรมอีกด้วย
ส่วนฮารุกะนั้น ตั้งแต่สมัยประถมเขามุ่งมั่นแต่กับการเรียนเพื่อสอบเข้า A-10 โรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ทำให้จนถึงตอนนี้เขายังค้นหาตัวเองไม่เจอว่ามีความสามารถหรือสนใจอะไรเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมต้น ผลการเรียนเป็นสิ่งที่ถูกประเมินค่าสูงสุด แต่พอขึ้นมัธยมปลายไปจนถึงมหาวิทยาลัย กิจกรรมชมรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายในอนาคตของนักเรียนแต่ละคนกลับกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น
นักเรียนต้องลองทำกิจกรรมหลากหลายด้าน ทั้งดนตรี กีฬา การเขียนโปรแกรม การออกแบบ เกมเมอร์มืออาชีพ สถาปัตยกรรม และอื่น ๆ เพื่อค้นหาความสมดุลระหว่างความสามารถและความสนใจของตัวเอง นำไปสู่การกำหนดเส้นทางอาชีพในอนาคต
ฮารุกะที่เอาแต่เรียนในช่วงประถมจึงรู้สึกว่าตัวเองล้าหลังคนอื่น เขาคิดว่าต้องรีบตามให้ทันในช่วงมัธยมปลายนี้
แต่ฮารุกะเป็นเด็กหนุ่มที่เอาแต่เฝ้ามองมิยาโกะมาตลอด จนมองไม่เห็นสิ่งอื่นใด เขาจึงเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าชมรมไหนดี
เขาไม่รู้สึกสนใจอะไรเลย
เรียก็ไม่ได้เข้าชมรมไหนเหมือนกัน ฮารุกะคิดจะชวนเรียไปหาชมรมด้วยกัน แต่พอเดินออกจากโรงเรียนมาถึงหน้าประตู เขาก็ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้ทีหลัง
ระหว่างทางกลับบ้าน ฮารุกะได้รับข้อความจากมิยาโกะ เขาหยุดเดินเพื่อเปิดอ่าน
[หลังเลิกกิจกรรมชมรม ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?]
ข้อความสั้น ๆ บรรทัดเดียว
แค่นั้นหัวใจของฮารุกะก็เต้นแรงด้วยความดีใจ
นานมากแล้วที่ไม่ได้คุยกับเธอสองต่อสอง
ฮารุกะรีบกลับบ้านและเตรียมอาหารเย็น
“กลับมาแล้วครับ” เขาพูดเมื่อเข้ามาในบ้าน แต่ไม่มีเสียงตอบรับ พี่สาวของฮารุกะคงกำลังทำงานอยู่ในโลกเสมือนจริงเหมือนเช่นเคย
บ้านของฮารุกะไม่มีแอนดรอยด์หรือหุ่นยนต์ช่วยทำงานบ้าน ฮารุกะจึงเป็นคนดูแลเรื่องทำความสะอาด ซักผ้า และทำอาหาร
เนื่องจากไม่รู้ว่าพี่สาวจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาจึงต้องเตรียมอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไว้ล่วงหน้า
เขาดูในตู้เย็นว่าอาหารที่เตรียมไว้หายไปหรือยัง ถ้ายังอยู่ก็จะทำอาหารใหม่แล้วกินอาหารในตู้เย็นแทน
ฮารุกะทำอาหารเช้าและกลางวันสำหรับพี่สาวไว้แล้วตั้งแต่เช้า อาหารกลางวันยังอยู่ในตู้เย็น เขาจึงตัดสินใจกินเป็นอาหารเย็น แต่เขายังไม่ค่อยหิวมากนัก เพราะเพิ่งจะบ่ายสี่โมง
ด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย เขาหยิบหูฟังไร้สายมาสวม
เขานอนฟังเพลงโปรดบนโซฟา
เวลาดูเหมือนจะเดินช้ากว่าปกติ
ฮารุกะฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือ ฟังเพลง และดูวิดีโอ เวลาผ่านไปสี่ชั่วโมงโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ไอคอนข้อความกระพริบที่ขอบตาของเขา ผู้ส่งคือมิยาโกะ
[ฉันว่างแล้ว ตอนนี้สะดวกไหม?]
[อืม]
ฮารุกะตอบกลับทันทีที่อ่านข้อความของมิยาโกะ ไอคอนข้อความกระพริบอีกครั้ง
[เจอกันที่สวนนะ]
น่าจะเป็นสวนสาธารณะใกล้ ๆ ที่ที่ฮารุกะและมิยาโกะเจอกันครั้งแรก
เขาออกจากบ้านอย่างเร่งรีบและมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะ ข้างนอกมืดสลัวและอากาศเย็นเล็กน้อย
ฮารุกะมาถึงโดยใช้เวลาไม่มากนัก เพราะสวนสาธารณะอยู่ห่างจากบ้านของเขาเพียงร้อยเมตร
มิยาโกะนั่งอยู่บนชิงช้า ที่ที่พวกเขาเคยเล่นด้วยกันบ่อย ๆ ในอดีต
แม้จะมองไม่เห็นจากภายนอก แต่มิยาโกะดูเหมือนกำลังดูอะไรบางอย่างจากหน้าต่างโฮโลแกรมด้วยเครื่องรางของเธอ เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้ เธอจึงปิดหน้าต่างและเงยหน้าขึ้นมอง
มิยาโกะยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นฮารุกะ
“ดีใจที่ฮารุคุงมา”
“ผมว่างเสมอ”
ฮารุกะตอบและนั่งลงบนชิงช้าข้าง ๆ เมื่อเห็นดังนั้น มิยาโกะก็เริ่มแกว่งชิงช้าของเธอ
“แล้ว มีอะไรจะคุยด้วยเหรอ?”
เมื่อฮารุกะถาม มิยาโกะก็จมอยู่ในความคิด เธอแกว่งชิงช้าไปมาด้วยสีหน้าเหม่อลอย ในที่สุดเธอก็หยุดแกว่งและเริ่มพูดด้วยเสียงเบา
“เรื่องซุนคุงน่ะ”
ทันทีที่คำว่า “ซุน” หลุดออกมาจากปากของมิยาโกะ ฮารุกะก็รู้สึกอยากกลับบ้านขึ้นมาทันที
“…ซุนเป็นอะไรเหรอ?”
มิยาโกะถอนหายใจยาว ไหล่ของเธอห่อเหี่ยวลง
“…ช่วงนี้ฉันรู้สึกกังวล”
หัวใจของฮารุกะหล่นวูบ สัญชาตญาณของเขาเตือนว่าการฟังมิยาโกะต่อไปคงไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ ๆ
“ตอนประถม ฉันไม่เคยคิดอะไรเลยที่เขาจะมีผู้หญิงคนอื่นอยู่รอบตัว พวกเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ และฉันรู้ว่าซุนคุงไม่ได้จริงจังกับพวกเธอ”
มิยาโกะหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
ในความเงียบนี้ ฮารุกะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองแตกสลายอย่างชัดเจน
“…แต่ตอนนี้ฉันกลัว ผู้หญิงในห้องเราต่างก็สวยกันทั้งนั้น”
เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่อยู่รอบตัวซุน ฮารุกะก็เชื่อว่านั่นเป็นเรื่องจริง มิยาโกะเป็นคนที่ดีที่สุดก็จริง แต่ก็มีผู้หญิงหลายคนที่น่าดึงดูดพอ ๆ กับมิยาโกะ
“ฮารุคุงคิดว่าฉันควรทำยังไงไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นมาแย่งซุนคุงไป?”
“….”
เมื่อได้ยินคำพูดของมิยาโกะ หัวใจของฮารุกะที่แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วก็พังทลายลง
ก่อนหน้านี้ มิยาโกะถูกถามหลายครั้งว่าเธอชอบซุนหรือเปล่า หรือคบกับเขาอยู่ไหม
แต่ละครั้ง เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างกำกวมและหลบเลี่ยงคำถาม
นั่นเป็นเหตุผลที่ฮารุกะยังคงรักษาความรู้สึกของตัวเองไว้โดยไม่ยอมแพ้
เขาเชื่อว่าเขาจะได้จูบเธออย่างมีความสุขอีกครั้งเหมือนที่เคยทำ เขาหวังไว้แบบนั้น
แต่ตอนนี้ความเป็นไปได้นั้นหายไปแล้ว
เป็นครั้งแรกที่มิยาโกะเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อซุนอย่างเปิดเผย
ฮารุกะพยายามอย่างหนักที่จะระงับร่างกายที่สั่นเทาและพังทลายของเขา ขณะที่เขาพยายามพูดด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง
“ไม่ต้องกังวลนะ ซุนมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ”
ฮารุกะรู้ว่าซุนตั้งใจเลือกของขวัญวันเกิด ของขวัญวาเลนไทน์ และของขวัญคริสต์มาสให้เธอมากแค่ไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามิยาโกะเป็นคนพิเศษสำหรับเขา
“แต่อืม ฉันคิดว่าเขาน่าจะเลือกการมีภรรยาหลายคน ถ้าเธอไม่ชอบแบบนั้น เธออาจจะต้องคุยกับเขาเรื่องนี้…”
ถ้าฮารุกะต้องเปรียบเทียบกับอะไรสักอย่าง เขาคงบอกว่ามันคือสงครามแห่งความรัก
ถ้าให้อธิบายคือ คน ๆ หนึ่งต้องทำให้คนที่สนใจเลือกแค่ตัวเองและป้องกันไม่ให้พวกเขามีคู่ครองเพิ่ม ในทางกลับกัน คนที่เป็นที่รักของใครหลายคนอาจพยายามโน้มน้าวให้คนรอบตัวยอมรับความคิดเรื่องการมีคู่ครองหลายคน
ถ้าคู่แข่งมีสถานะต่ำกว่า เรื่องก็คงจะจบลงง่าย ๆ แต่ถ้าคู่แข่งมีสถานะใกล้เคียงกับตัวเองละก็ เรื่องราวอาจจะซับซ้อนขึ้น
“ฉันไม่ต้องการให้เขามีภรรยาหลายคน ฉันอยากให้เขามองแค่ฉันคนเดียว”
“…ถ้าเธอบอกเขาแบบนั้น ฉันมั่นใจว่าเขาจะทำ”
“ทำในสิ่งที่เธออยากทำ” ฮารุกะพูดให้กำลังใจ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็พยายามทำให้จิตใจตัวเองสงบลง
ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ฮารุกะไม่รู้ว่าซุนจะเลือกแบบไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีความรู้สึกพิเศษต่อมิยาโกะ แต่เนื่องจากเขาค่อนข้างชอบผู้หญิง จึงมีโอกาสสูงที่เขาจะเลือกการมีภรรยาหลายคน ถ้าซุนเลือกแบบนั้น เขาอาจจะพยายามทำให้มิยาโกะยอมรับมัน
“จริงเหรอ?”
“อืม แต่ผมรับประกันไม่ได้ คน ๆ นั้นค่อนข้างชอบผู้หญิง”
“แบบนั้นไม่ค่อยน่าอุ่นใจเลยนะ ฟุฟุ”
ใบหน้าของมิยาโกะยิ้มออกมา เมื่อเธอคลายจากความกังวล รอยยิ้มนั้นเปรียบได้กับนางฟ้าแสนน่ารัก
โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ดังนั้นการคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ฮารุกะคิด
“แต่ผมยืนยันว่าซุนมีความรู้สึกพิเศษกับมิยาโกะ ถ้าเธอยังรู้สึกไม่สบายใจ ทำไมไม่ลองคุยกับเขาดูล่ะ?”
“นั่นสินะ”
หลังจากนั้นก็มีบรรยากาศเงียบสงัดระหว่างทั้งสองคน
ฮารุกะรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย จึงแกว่งชิงช้าไปมาอย่างเบา ๆ
“รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะ ฮารุคุง”
มิยาโกะพูดขณะลุกขึ้นยืน ในขณะที่หัวใจของมิยาโกะรู้สึกเบาขึ้น ตรงกันข้าม หัวใจของฮารุกะยังคงหนักอึ้งราวกับเหล็ก
“เราจะพึ่งพาความสัมพันธ์ของเราในฐานะเพื่อนสมัยเด็กตลอดไปไม่ได้หรอกใช่ไหม”
มิยาโกะไม่ได้พูดกับตัวเอง แต่พูดกับฮารุกะ
“ขอบคุณนะฮารุคุงที่รับฟังปัญหาของฉัน”
“ไม่เป็นไร”
ฮารุกะมองมิยาโกะซึ่งตอนนี้เขาเอื้อมไม่ถึงแล้ว หรือบางทีเธออาจจะอยู่ไกลเกินเอื้มเขามาตลอด
เขาถูกโปรดปรานเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อพวกเขายังเป็นเด็ก การที่เขาได้รู้จักกับเธอในฐานะเพื่อนสมัยเด็กก็ถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว เพราะฮารุกะด้อยกว่าพวกเขาทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเป็นซุน เขาคงทำให้มิยาโกะมีความสุขมากกว่าที่เขาจะทำได้
เขารู้ดีแก่ใจว่าไม่มีวันมอบความสุขให้เธอได้เท่าซุน ถ้าอยากให้เธอมีความสุข เขาก็ควรยินดีที่ซุนกับมิยาโกะจะได้ลงเอยกัน
แต่หัวใจของเขากลับปฏิเสธที่จะยอมรับ ทั้งที่สมองก็รับรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
หัวใจของเขาปวดร้าว รู้สึกเหมือนจะแตกสลาย ราวกับกำลังร่ำร้องด้วยความโศกเศร้า
“ฮารุคุง กลับบ้านกันเถอะ”
“…ขอโทษ ผมมีธุระต้องทำ”
“งั้นเหรอ งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“เจอกันพรุ่งนี้”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันขณะกล่าวลา
ฮารุกะจ้องมองแผ่นหลังของมิยาโกะที่เดินจากไป
เขาไม่รู้ว่าตัวเองฝืนยิ้มได้เนียนแค่ไหน
น้ำตาเอ่อล้นดวงตาของเขา ราวกับเขื่อนที่พังทลาย
เขาทรุดตัวลงบนชิงช้า ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้ม
รักแรกอันยาวนานของเขาในที่สุดก็จบลง