(WN)The Pain of an Inferior: A Blistering Love Comedy That Begins After a Broken Heart (ฮาเร็มที่เริ่มต้นหลังจากอกหัก) - ตอนที่ 1 ความเจ็บปวดของผู้ด้อยกว่า 1
- Home
- (WN)The Pain of an Inferior: A Blistering Love Comedy That Begins After a Broken Heart (ฮาเร็มที่เริ่มต้นหลังจากอกหัก)
- ตอนที่ 1 ความเจ็บปวดของผู้ด้อยกว่า 1
“ไปก่อนนะครับ นี่ซัง”
เขาอำลาพี่สาวที่กำลังก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงขณะที่เขากำลังออกจากบ้าน
ประตูบ้านจะปิดและล็อคตัวเองโดยอัตโนมัติตามที่ตั้งค่าไว้
“อรุณสวัสดิ์ ฮารุคุง”
ขณะที่เขาออกจากบ้าน หญิงสาวคนหนึ่งก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
ชื่อของเธอคือ มิยาโกะ
เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา และเกิดปีเดียวกับเขา “ฮารุคุง” ชื่อเต็มว่า โอบิ ฮารุกะ
พวกเขารู้จักกันมานานแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่ชินกับการเห็นเธออยู่ดี ใบหน้าของเธอสวยและสมบูรณ์แบบมากจนฮารุกะสงสัยว่าเธออาจจะถูกสร้างขึ้นมาผ่านการปรับแต่งพันธุกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
ใบหน้าของมิยาโกะมีความสมดุลอย่างไม่เป็นธรรมชาติ สันจมูกตรงและสวยงาม คิ้วโค้งที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผมยาวถึงไหล่สีทองแวววาว ผิวเนียนเรียบไร้รอยด่าง จุดเด่นของเธอที่สมบูรณ์แบบดึงดูดความสนใจจากทุกคนที่ได้มองเธอ
นอกจากนั้น เธอยังมีพรสวรรค์ในทุกสิ่งที่เธอตั้งใจทำ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การเล่นกีฬา หรือการเล่นเกม สุภาษิตที่ว่า “สวรรค์ไม่เคยให้ของขวัญสองอย่าง” ใช้ไม่ได้กับเธอ
ฮารุกะหลงรักมิยาโกะมาก เพราะเขาใช้ชีวิตวัยเด็กร่วมกับเธอ
เมื่อตอนเด็ก ๆ ฮารุกะกับมิยาโกะมักจะจับมือกัน กอดกัน และจูบกันอย่างลับๆ ทั้งคู่แสดงความรักต่อกันราวกับเป็นคู่รัก หากฮารุกะทำอย่างนั้นกับสาวสวยราวกับนางฟ้าก่อนที่จิตใจจะเติบโตเต็มที่ คงไม่น่าแปลกใจที่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอจะเติบโตลึกซึ้งถึงขนาดที่ไม่อาจหันหลังกลับได้อีกต่อไป
ฮารุกะเคยปรารถนาที่จะเป็นคนรักที่แท้จริงของมิยาโกะ แต่ดูเหมือนว่าเวลาที่พวกเขาใช้ร่วมกันนั้นสำหรับเธอจะเป็นแค่เกมรักที่เด็ก ๆ เล่นกันเท่านั้น เขาถูกปฏิเสธอย่างอ่อนโยนเมื่ออายุได้ 13 ปีในขณะที่พวกเขากำลังเรียนอยู่ในปีสุดท้ายของโรงเรียนประถม
ฮารุกะตกใจมาก แต่เขาก็พยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะเพื่อนในวัยเด็ก สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกที่เก็บกดไว้กับเธอได้ และต้องใช้ชีวิตมาพร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจจนถึงปัจจุบัน
เขาตระหนักดีถึงเหตุผลว่าทำไมความรู้สึกของเขาถึงถูกปฏิเสธ
หากเปรียบเทียบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ยอดเยี่ยมอีกคนแล้ว ฮารุกะก็ด้อยกว่าในทุกๆ ด้าน
“ดูสิ ฮารุคุง นี่คือชุดพิเศษของฉัน”
“มันดูน่ารักมากเลยนะ”
มิยาโกะดูมีความสุขขณะที่เธอหมุนตัวไปรอบๆ โดยที่กระโปรงของเธอปลิวไสวในอากาศ วิธีที่เธอหมุนตัวไปรอบๆ นั้นราบรื่นและสง่างามมาก แม้ว่าเธอจะไม่ใช่นักเต้นบัลเล่ต์ก็ตาม
ขณะนี้เธอกำลังสวมชุดพิเศษซึ่งในที่สุดก็ได้รับมอบให้เธอสองเดือนหลังจากเริ่มภาคเรียน
เสื้อเชิ้ตสีขาวไร้รอย มีริบบิ้นสีเขียวและสีดำที่มีลวดลายโดดเด่นวางไว้ด้านบนหน้าอก เสื้อคาร์ดิแกนสีชมพูอ่อน ๆ ที่ดูเป็นผู้หญิง สวมเสื้อคลุมสีเบจทับ กระโปรงสั้นสีขาวที่มีเส้นสีเขียวรอบขอบ ตัดกับถุงน่องสีดำที่ยืดใต้กระโปรงทำให้เรียวขาของมิยาโกะโดดเด่นอย่างมีเสน่ห์
ไม่มีชุดนักเรียนแบบเดียวกันในโลกนี้ แม้แต่ในโรงเรียนของพวกเขา มันเป็นชุดนักเรียนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นชุดที่ไม่เหมือนใครและเป็นของมิยาโกะเพียงคนเดียว
มิยาโกะเป็นนักเรียนชั้นปีแรกเพียงคนเดียวที่สวมชุดดังกล่าว สาเหตุก็คือเธอสอบได้ที่หนึ่งในการสอบเข้าของโรงเรียน A-10 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่พวกเขาเรียนอยู่ในปัจจุบัน
เดิมการสวมชุดพิเศษเป็นสิทธิพิเศษที่มอบให้กับนักเรียน 5 อันดับแรกที่ได้คะแนนสูงสุดในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่ได้อันดับ 1 ในการสอบเข้าจะได้รับอนุญาตให้สวมชุดนักเรียนพิเศษในช่วงเริ่มต้นปีแรกที่เข้าเรียน
นักเรียนตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 ขึ้นไปสามารถเห็นพวกเขาสวมชุดพิเศษของตนเองได้ แต่มีมิยาโกะเป็นข้อยกเว้นเพียงคนเดียว เนื่องจากเธอเป็นนักเรียนชั้นปีที่ 1 ที่สวมชุดพิเศษดังกล่าว
นักเรียนทั่วไปสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวติดริบบิ้นสีแดง เสื้อคลุมสีน้ำเงินกรมท่า และกระโปรงลายตาราง ชุดนักเรียนของพวกเขาดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับของมิยาโกะ ดังนั้นเธอจึงดูโดดเด่น และดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเองแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ในสังคมที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ชื่นชมเครื่องแบบพิเศษที่อนุญาตให้เฉพาะนักเรียนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เครื่องแบบดังกล่าวจะเป็นที่ต้องการอย่างมาก
“ซุนคุง! อรุณสวัสดิ์”
ขณะที่ฮารุกะชื่นชมชุดใหม่ของมิยาโกะ เขาก็รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงร่าเริงของมิยาโกะ เธอดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ทักทายฮารุกะเล็กน้อย ทันทีที่เขารู้ตัว อารมณ์ของเขาก็มืดมนลง
เด็กชายคนหนึ่งที่เพิ่งออกจากบ้านเดินมาทางพวกเขา
“ดูนี่สิ ซุนคุง นี่ชุดใหม่ของฉัน!”
“มันดูดีมาก!”
มิยาโกะวิ่งไปหาชายหนุ่มด้วยท่าทางไร้เดียงสาและตื่นเต้น เมื่อเห็นเช่นนั้น หัวใจของฮารุกะที่เต็มไปด้วยความหมองหม่นก็ยิ่งหม่นหมองและข้นเหนียวขึ้นไปอีก
คนที่มาช้าคือเพื่อนสมัยเด็กอีกคนของพวกเขา คุเรฮะ ซุน เขาอาศัยบ้านข้าง ๆ มิยาโกะ
ซุนคืออุปสรรคใหญ่ที่สุดในการแสวงหาความรักของฮารุกะ
เขาเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบและมีความสามารถจนทำให้โอกาสที่ความรักของฮารุกะจะประสบความสำเร็จแทบจะลดลงเป็นศูนย์
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาและมีพรสวรรค์มากมาย เขามักจะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพยายามมากนัก เขามีใบหน้าที่สง่างาม มีเสน่ห์ ดูดี และสดชื่น ซึ่งทำให้ผู้หญิงจำนวนมากต่างก็อุทานชื่นชม ไม่ว่าพวกเธอจะชอบแบบไหนก็ตาม เนื่องจากเขามีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ ชื่อและใบหน้าของเขาจึงค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในปีที่แล้ว เขาได้ออกรายการโทรทัศน์ และเขายังปรากฏตัวเป็นนายแบบในนิตยสารแฟชั่นอีกด้วย
เขาเป็นคนที่เข้าสังคมเก่งและมักจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับคนอื่น
เขามีความมั่นใจและมีเสน่ห์ เขามักจะถูกล้อมรอบด้วยผู้คนมากมายและได้รับการชื่นชมเสมอ
เขาคือชายหนุ่มที่เปล่งประกาย ราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง
เพราะซุน ฮารุกะมักจะพบกับความยากลำบากบ่อย ๆ เขาถูกผู้หญิงหลากหลายคนทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่ เพื่อน รวมถึงนักเรียนจากโรงเรียนอื่น ๆ และผู้หญิงที่โตแล้ว รบกวนให้เขาช่วยเป็นคนกลางจนเขารู้สึกเบื่อหน่าย เขาถูกบังคับให้ทำหน้าที่ที่ไม่เคยได้รับคำขอบคุณและแทบไม่ได้อะไรกลับมาเลย และถ้าเขาพยายามปฏิเสธ เขาก็จะถูกนินทาลับหลัง
ถ้าไม่มีซุน ฮารุกะก็คงมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ และมีโอกาสดีที่เขาจะได้กลายเป็นคนรักกับมิยะโกะ
แตกต่างจากมิยะโกะที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ตอนต้นของโรงเรียนประถม ตอนนั้นซุนเป็นเด็กที่ได้รับความนิยมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนกระทั่งเขาเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงกลางปีของโรงเรียนประถม ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ผู้คนรอบตัวเขาก็เริ่มสังเกตเห็นเสน่ห์ที่โดดเด่นของเขา และเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี ก็มีผู้คนมากมายชื่นชอบเขา
ในที่สุด ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าซุนกับมิยาโกะกำลังคบหาดูใจกัน ความจริงที่ว่าทั้งสองดูพอใจกับความสัมพันธ์ของตนและไม่ได้บ่นอะไรเลยนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของนรกสำหรับฮารุกะ
หากซุนมีปัญหากับผู้หญิงบ้างก็คงจะช่วยบรรเทาความรู้สึกด้อยค่าที่กำลังท่วมท้นในใจของฮารุกะได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของซุนกับผู้หญิงกลับราบรื่นเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ฮารุกะทำได้ก็มีเพียงแค่ถอนหายใจยาว ๆ เท่านั้น
ตั้งแต่แรก ผู้หญิงที่แห่เข้ามาหาซุนนั้นจัดการได้ง่าย เนื่องจากพวกเธอยินดีเข้าร่วมฮาเร็มของเขา แม้ว่าจะแบ่งปันเขากับผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็ตาม
สิ่งเดียวที่ช่วยฮารุกะไว้ได้คือซุนและมิยาโกะยังไม่ได้สารภาพความรู้สึกที่มีต่อกัน
ผู้คนรอบตัวมิยาโกะและซุนต่างคิดว่าทั้งคู่กำลังคบกันอยู่ แต่ความจริงแล้ว พวกเขายังไม่ได้เป็นแฟนกัน
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นไปได้ว่าทั้งสองอาจจะคบกันแล้วและกำลังเก็บเป็นความลับจากฮารุกะ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกถูกทอดทิ้ง
ทุกครั้งที่ฮารุกะเห็นริมฝีปากสีแดงอ่อนของมิยาโกะ เขาก็มักจะนึกถึงจูบที่พวกเขาเคยมีร่วมกันในวัยเด็ก
พวกเขามักจะจับมือกัน กอดกัน และแลกจูบกัน ความทรงจำในวันเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขสำหรับฮารุกะ
ความสุขที่ไม่สมควรได้รับนั้นต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง ชีวิตในปัจจุบันของฮารุกะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังจนถึงขั้นที่เขาคิดจะฆ่าตัวตาย
ทันใดนั้น ฮารุกะก็หยุดจ้องพื้นแล้วหันไปมองคนสองคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเขา และจากตรงนั้น เขาก็เห็นรอยยิ้มสดใสของมิยาโกะ
“ชุดใหม่ของเธอดูเซ็กซี่ดีนะ หวังว่าเธอจะใส่มันจนกว่าเราจะจบการศึกษากัน”
“พูดอะไรเนี่ย! โม่…”
ซุนจ้องมองมิยาโกะในชุดนักเรียนของเธอและพูดคำพูดที่ไม่เหมาะสมกับเธอ ซึ่งเป็นท่าทีที่สามารถยอมรับได้เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนวัยเด็กที่สนิทกัน
มิยาโกะไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อคำพูดที่น่ารังเกียจของซุน ตรงกันข้าม เธอดูเหมือนจะชอบและหน้าแดงด้วยความเขินอาย ท่าทีนั้นทำให้หัวใจของฮารุกะสั่นไหว มันเหมือนกับมีหนามแหลมจำนวนมากพยายามจะทะลุออกมาจากภายในอกของเขา
ชีวิตประจำวันของฮารุกะยากลำบากและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
เมื่อเขาคิดว่าสิ่งต่างๆ จะดำเนินต่อไปเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง
เขาจมอยู่กับความรู้สึกด้อยค่าของตนเอง และเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย