พอมาถึงตีนเขาก็ลงจากรถ อากาศปลอดโปร่งและตลอดสองข้างทางบนเขานั้น เป็นป่าที่มีแสงลอดผ่านอยู่ตลอด หลังจากที่ฟังเหล่าอาจารย์สาธยายอย่างยาวนานที่ลานตรงตีนเขา ก็ได้ทำการเข้าแถวและเริ่มขึ้นเขา ไล่จากกลุ่มที่หนึ่งไปกลุ่มที่สอง และก็มาถึงกลุ่มที่สามที่เป็นกลุ่มของพวกผม แม้จะถูกจัดตามลำดับแต่แถวก็เริ่มจะไม่เป็นระเบียบแล้ว เพราะต่างคนก็ต่างไปเดินกับคนที่ตัวเองชอบ
หรือก็คือ คนที่ตัวคนเดียวแบบผมก็จะได้เดินอยู่คนเดียวเงียบๆไงละ
พอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ด้านหน้า
ก็เห็นฮารุโนะพูดคุยกับเพื่อนด้วยท่าทางสนุกสนานอยู่ที่แถวๆจุดเริ่ม ….ยังมีเพื่อนเยอะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ และต่อมาก็มองย้อนกลับไปหาโฮชิมิยะ …เจอแล้ว เธออยู่ที่แถวหลังกับเพื่อนแกล และกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างที่ดูสนุก
“ริคุจัง!”
พอได้ยินเสียงที่ร่าเริง แล้วเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเพื่อนสมัยเด็กเพื่อนสมัยเด็กที่ยิ้มอย่างแจ่มใสอยู่ตรงหน้าฃ
“ฮารุโนะ มีอะไรเหรอ?”
“อือ~ก็แบบ อยากอยู่ด้วยกันกับริคุงจังน่ะ ไม่ได้เหรอ?”
ฮารุโนะถามพร้อมช้อนตามองขึ้นมา ราวกับว่าจะดูว่าอารมณ์ของทางนี้เป็นแบบใหน
“แน่นอนสิ ได้อยู่แล้ว”
“จริงนะ? คงไม่ได้คิดว่าถ้าเป็นอายานะจังก็คงดี~อะไรแบบนั้นหรอกใช่รึเปล่า?”
“ไม่ได้คิดสักหน่อย”
“จริงเหรอ จริงแน่รึเปล่า? คงไม่ได้กำลังคิดว่า อุว้ะ ดันมาติดพันกับยัยคนน่ารำคาญเข้าซะแล้วสิ อยู่หรอกใช่มั้ย?”
“ไม่ได้คิด แต่ก็ชักจะรำคาญการถามตอบแบบนี้แล้วล่ะ”
“เอื้อ ทิ่มแทงเข้ามาที่อกเลยอะ……”
ฮารุโนะแกล้งทำเป็นซึม
พวกเพื่อนร่วมชั้นที่เดินผ่านไปเองก็มองมาที่ผมด้วยความแคลงใจ
“…ก่อนอื่นก็เริ่มเดินกันเถอะ”
ผมเร่งเร้าฮารุโนะไป และเริ่มเดินเคียงกัน หลังจากนั้นไม่นานฮารุโนะเริ่มพูด ราวกับกำลังรอจังหวะอยู่ยังไงยังงั้น แก้มถูกย้อมเป็นสีแดงจางๆ และเสียงก็เปร่งออกเหมือนกับถูกเค้น
“ก ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะรอคำตอบของริคุจังอยู่หรอก….. แต่ว่าอย่างที่คิดเลย ฉันน่ะอยากอยู่เคียงข้างกับริคุจัง”
“ฮารุโนะ….”
“ก่อนนอนอยากจะโทรไปหาอยากจะได้ยินเสียงของริคุจัง แต่ก็รู้สึกผิดถ้าขัดตอนกำลังคุยกับอายานะจังอย่างสนุกสนานอยู่………แต่ว่าพอคิดถึงเรื่องนั้นแล้วมันก็เกิดรู้สึกแย่ขึ้นมา….”
ฮารุโนะทำแก้มป่องแล้วเบือนหน้าหนีไปจากผม งอนซะแล้วสิ
“อาบน้ำด้วยกันกับอายานะจังเหรอ?”
“จะใช่ได้ยังไงเล่า! จู่ๆถามอะไรเนี่ย!”
“แต่ก็มีหนังสือลามกที่เหมือนกับอายานะจังใช่มั้ยละ?”
“นั่นมัน—รู้ได้ยังไงเหรอ?”
“ก่อนหน้านี้ แลกข้อมูลติดต่อกับอายานะจังแล้วเธอก็บอกมาน่ะ”
“เอาจริงดิ…”
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เหมือนว่าพวกเธอจะกระชับมิตรกันในจุดที่เราไม่รู้สินะ อึดอัดยังไงไม่รู้แฮะ ยังไงก็เถอะเราได้หนังสือลามกคืนมาจากโฮชิมิยะ แล้วเอามาเก็บที่บ้านของเราแล้ว
“นี่คุโรมิเนะ ทำอะไรอยู่น่ะ”
ท่าทางจะตามมาจากข้างหลังสินะ เพื่อนของโฮชิมิยะที่มีบรรยากาศดูอันตราย มองมาทางผมด้วยรอยยิ้ม ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าโฮชิมิยะจะเรียกว่า [คานะ] เหมือนเป็นผู้หญิงไม่ดีมากกว่าแกลซะอีก ที่ด้านหลังของคานะคนนั้น ก็คือโฮชิมิยะที่กำลังก้มตัวลงเหมือนกำลังขอโทษอยู่
“ด เดี๋ยวสิคานะ ไปเกะกะพวกคุโรมิเนะคุงมันไม่ดีนะ”
“หา? ทำไมอายานะถึงต้องกังวลด้วยละ? ฝั่งคุโรมิเนะแปลกกว่าอีกไม่ใช่รึไง”
“ที่ว่าแปลกนี่คืออะไร?”
รู้สึกว่าพลาดแล้วที่ถามกลับไป เพราะคานะหันกลับมาด้วยสีหน้าโกรธจัดอย่างชัดเจน ดูอันตรายถึงขั้นที่อาจจะพุ่งเข้ามาต่อยได้ในทันทีเลย
“ตอนแรกก็ตัวติดกับฮารุคาเซะแท้ๆ แต่จู่ๆก็มาสนิทกับอายานะ แล้วก็กลับไปตัวติดกับฮารุคาเซะอะนะ? คิดบ้าอะไรของนายอยู่ ถ้าจะเล่นๆกับเพื่อนฉันล่ะก็ไม่ยกโทษให้แน่”
“คานะ! จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ….”
พอเห็นว่าคานะกำลังจะเข้ามาหาผม โฮชิมิยะก็หยุดเธอเอาไว้ด้วยการคว้าแขนขวาเอาไว้แน่น ถ้าโฮชิไม่หยุดเอาไว้ อย่างน้อยที่สุดคานะก็อาจจะคว้าคอเสื้อผมเอาไว้ก็ได้
“อายานะ ในเวลาแบบนี้ก็ควรจะโกรธบ้างสักห น่อยนะ”
“…….ไม่ใช่นะ มันไม่ใช่จริงๆ….”
“แล้วอะไรไม่ใช่ละ”
“ขอโทษที่พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้นะ………. แต่ว่า ไม่เป็นไรหรอก”
โฮชิมิยะเหลือบมองมาที่ผม และเดินออกไปพร้อมกับคว้าแขนของคานะเอาไว้ คานะไม่ได้เก็บซ่อนความไม่พอใจของเธอเอาไว้แต่ถูกโฮชิมิยะพาไปอย่างไม่เต็มใจ
โฮชิมิยะคงไม่ได้บอกคานะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอสินะ จากมุมมองของคานะที่ไม่รู้ถึงเรื่องราว การที่จะไม่พอใจก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ท่าทางแบบนั้นคงจะซ่อนเรื่องที่อยู่ด้วยกันเอาไว้อยู่
ถึงอย่างนั้น ผมรู้สึกเหมือนโฮชิมิยะกำลังหลบหน้าผมอยู่ นับตั้งแต่วันที่ฮารุโนะไปค้างที่บ้านของโฮชิมิยะ ก็รู้สึกว่าโฮชิมินะสงวนท่าทีมากขึ้น ….ทำไมกันละ?
〇
ขณะที่เดินไปตามเส้นทางบนภูเขาก็สัมผัสได้ถึงอากาสที่บริสุทธิ์
รู้สึกว่ามันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น แต่ตัวผมที่อยู่ชมรมกลับบ้านก็ขึ้นไปจุดที่สูงที่สุดได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร ลานกว้างบนภูเขานั้นค่อนข้างกว้าง มีทั้งม้านั่งและศาลาตั้งเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นด้านบน ฟ้าครามที่สะท้อนเข้ามาในดวงตา ทำให้ผมเบิกตากว้างโดยที่ไม่รู้ตัว ลมที่พัดมาก็ห่อหุ้มทั่วทั้งร่างกาย รู้สึกดีจังเลย….
“ริคุจัง เหมือนทุกห้องเขาจะรวมตัวกันแล้วนะ”
คุยกับฮารุโนะเสร็จก็ไปหาครูประจำชั้น หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆก็มารวมตัวกัน และครูก็เริ่มพูด
ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว และให้อิสระไปใหนก็ได้ในเขตของลานกว้าง ห้องอื่นๆที่ปล่อยฟรีก็เริ่มจับกลุ่มและไปใหนมาใหนกัน
“ริคุจัง มากินด้วยกันกับฉันนะ!”
ผมไปที่มุมของลานกับฮารุโนะ และเอาผ้าปูออกมาจากกระเป๋าจากนั้นก็ปูมันลงไปที่พื้น ด้วยเพราะเหมือนมันจะปลิวไปกับลมเลยรีบนั่งลงไป
“อย่างกับทัศนศึกษาของโรงเรียนประถมเลยนะ”
“เน๊าะ~ ทำให้นึกถึงเมื่อก่อนเลย แต่ก็สนุกดีไม่เป็นไรหรอก!”
ฮารุโนะยิ้มกว้าง เหมือนว่าผมจะได้กำลังใจจากเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็สนุกสนานอยู่ตลอดคนนี้อยู่เสมอเลย ตราบใดที่มีฮารุโนะยิ้มอยู่ข้างๆ ไม่ว่าอะไรก็จบลงด้วยความสนุกสนาน
“ริคุจัง ได้เอาข้าวกล่องมารึเปล่า?”
“อ่อ ไม่ลืมหรอก”
ผมหยิบข้าวกล่องที่ห้อไว้ด้วยผ้าสีส้มออกมาจากกระเป๋า
อันนี้ไม่ใช่กล่องข้าวของผมหรอกนะ แต่เป็นของโฮชิมิยะ เครื่องเคียงข้างในกล่องโฮชิมิยะเองก็เป็นคนทำให้ เป็นข้าวกล่องทำมือยังไงละ ตอนแรกผมปฏิเสธไปเพราะกลัวมันไปเป็นภาระให้โฮชิมิยะ แต่เธอก็บอกว่า[เค้ากำลังทำของตัวเองอยู่ ไม่เป็นไรหรอก]แล้วก็ได้รับมา
“หรือว่า อายานะจังเป็นคนทำให้เหรอ?”
“…..ครับ”
เพราะรู้สึกกระอักกระอ่วน เลยตอบไปด้วยเสียงค่อยๆ
ฮารุโนะเคยบอกเอาไว้ว่า ตัวเอง[เป็นผู้หญิงที่ขี้หึง และอยากจะเก็บผูกขาดเอาไว้คนเดียว]
เพราะแบบนั้นผมเลยลังเลว่าจะตอบกลับยังไงดี แต่ฮารุโนะแค่ตอบกลับมาว่า [เหรอ] และยังคงอยู่นิ่งๆ ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนว่าจะไม่ได้คิดอะไร จากนั้นผมก็แก้ผ้าที่ห่อไว้ออกแล้วเปิดฝา
“น น่าอร่อยจัง…..”
อดไม่ได้ที่จะพึมพำมันออกมา
ของข้างในเป็นไส้กรอกกับไข่ดาว สลัดมันฝรั่งที่เป็นของพื้นๆก็ยังมีสีที่สวยและการจัดที่ดูดีมาก เข้าใจได้เลยว่าให้ความสำคัญกับรสชาติและรูปลักษณไม่ใช่แค่เอาใส่ไปเท่านั้น
“ว้าว น่าอร่อยจังเลย สมแล้วที่เป็นอายานะจัง มีด้านที่เป็นแม่ศรีเรือนด้วยสินะเนี่ย”
ฮารุโนะที่แบบมองก็ประทับใจ
“อายานะจังเนี่ยยอดเลยเน๊าะ ไม่ใช่แค่อยู่คนเดียวได้แต่ยังทำอาหารอร่อยด้วย”
ดูเหมือนว่าจะชมมาจากใจจริงนะ ผมโล่งใจเพราะนึกว่าจะมีความเคลื่อนไหวจากความหึงและความต้องการผูกขาดเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
“มันก็ยังไงอยู่นะที่ฉันถามเองแต่ว่า…..ไม่ได้สนใจเลยงั้นเหรอ?”
“หืม อะไรเหรอ?”
“ก็เรื่อง ความสัมพันธ์ของฉันกับโฮชิมิยะน่ะ…..”
“อื้ออออ ก็เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นอายานะจังแหละนะ แน่อนว่ามีจุดที่คิดอยู่ แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีอายานะจังอยู่ก็คงไม่มีพวกเราในตอนนี้….”
*คนแปล:ไม่มีโฮชิมิยะอยู่ที่ร้านตอนนั้นพระเอกก็คงไปฆ่าตัวตาย และฮารุโนะก็คงตายตาม*
เราเองก็คิดแบบนั้น
“อายานะจังน่ะเป็นผู้หญิงที่ใจดีมากๆเลยล่ะ เพราะแบบนั้นฉันเลยคิดว่าจะรอคำตอบจากริคุจังยังไงละ”
“งั้นเหรอ…..”
“อ๊ะแต่ว่า ถ้าเกิดริคุจังไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่อายานะจังล่ะก็จะฟิวส์ขาดสุดๆเลยล่ะ ถ้าเป็นไปด้วยก็ลดการพูดคุยให้มากที่สุดด้วยนะ”
“เข้าใจแล้— เอ๊ะ?”
“อื้ม อร่อยจัง”
ฮารุโนะกินไข่ม้วนจากกล่องของตัวเองด้วยท่าทางมีความสุข ….ช่างมันล่ะกัน เหมือนว่าจะถูกห้ามให้พูดคุยแบบสบายๆสินะแต่ว่า เดิมที่เราก็ไม่ได้เป็นผู้ชายที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงอยู่แล้ว(ไม่ได้เป็นที่นิยม) เพราะงั้นก็ไม่มีปัญหา
“อร่อย ว่าแล้วเชียวโฮชิมิยะเนี่ยทำอาหารเก่งจริงๆเลยนะ”
เคี้ยวและดื่มด่ำไปกับไข่ม้วนที่ปรุงสุกมาอย่างพอดี แค่เจ้านี่อันเดียวก็ทำให้รู้ถึงความสามารถได้เลย
เพราะว่าอาศัยอยู่ด้วยกันเลยได้มีโอกาสกินอาหารฝีมือโอชิมิยะอยู่บ่อยๆ
ก็คิดว่ารู้ถึงฝีมืออยู่แล้ว แต่ก็ได้รับรู้ถึงมันอีกครั้ง
“จะว่าไปแล้ว ทำไมอายานะจังถึงได้อาศัยอยู่ตัวคนเดียวเหรอ?”
“เหมือนว่าพ่อกับแม่จะไม่อยู่เพราะต้องทำงานน่ะ”
“งั้นหรอกเหรอ….”
“แล้วมันทำไมเหรอ?”
“……เปล่าไม่มีอะไรหรอก คงบังเอิญเฉยๆ…..”
“บังเอิญ?”
“ริคุจังจำเรื่องตอน ม.ต้นได้รึเปล่า?”
ถ้าพูดถึงความทรงจำตอนม.ต้น ที่จำได้ก็มีแต่ฉากที่ครอบครัวลอยเคว้ง และชีวิตประจำวันกับฮารุโนะ นอกจากนั้นก็จำไม่ได้เลย
“ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ…. ขอโทษนะไม่เข้าใจคำถามน่ะ”
“อ อ่อ ฮ่าฮ่า ขอโทษนะริคุจัง ไม่ต้องใส่ใจหรอก!”
ฮารุโนะส่ายหัวและเอาตะเกียบคีบไปที่กล่องข้าว และการพูดคุยก็หยุดลงอยู่แค่นั้น …..อะไรกันน่ะ?
แม้จะติดใจอยู่เล็กน้อย แต่ผมก็ตัดสินใจเพลิดเพลินไปกับข้าวกล่องทำเองของโฮชิมิยะต่อ
======จบตอน======
นี่เอ็งยังเก็บเล่มนั้นไว้อยู่อีกเหรอนึกว่าคืนไปแล้ว
___________________
ติดตามผลงานอื่นๆและสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook
MANGA DISCUSSION