(WN) สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย - ตอนที่ 5
เริ่มแรกสุด คนที่ร้านยาที่ฉันไปประจำเปลี่ยนไป
ก่อนหน้านี้คุณยายเป็นคนรับซื้อยา แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นผู้หญิงอายุน้อย
รู้สึกจะบอกว่าเป็นหลานสาวของคุณยายหรือเปล่านะ
ถึงจะบอกว่าอายุน้อย แต่ก็แก่กว่าฉัน อายุน่าจะราว ๆ 20 ปี
ผมยาวสีดำสลวย หุ่นเพรียวบางแต่ก็มีส่วนเว้าส่วนโค้ง มีไฝที่หางตาขวา ดูเซ็กซี่มาก
จนน่าแปลกใจว่าทำไมถึงมาทำงานที่ร้านยา
ฉันว่าคนแบบนั้นน่าจะหาช่องทางทำมาหากินที่ดีกว่านี้ได้
แต่หลังจากที่พี่สาวมาทำงาน กิจการร้านยาก็รุ่งเรืองขึ้นมาก
คนสวยนี่ได้เปรียบเนอะ ว่าไหม อ้อ แน่นอนว่าฉันก็สวย เพราะงั้นฉันก็ได้เปรียบเหมือนกัน
ไม่รู้จักร้านยาร้านนั้นเหรอ
นั่นสินะ ตอนนี้ไม่มีแล้วละ เพราะมันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว
ท่านอัศวินเองก็คงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองไปซะทุกอย่างหรอกใช่ไหมล่ะ
คนสวยก็มักจะแต่งงานเร็ว
หรือว่า ท่านสนใจพี่สาวคนนั้นเหรอ
เสียใจด้วยนะ
ทีนี้อยู่มาวันหนึ่ง พอฉันไปที่ร้านยา พี่สาวคนนั้นก็พูดกับฉันว่า
“ขอบใจที่มาขายให้เสมอนะจ๊ะ ลูน่าจัง”
พูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้มกระชากใจ
ฉันตกใจเลย
เพราะถึงบอกชื่อไป ในวันถัดมาก็จะลืมชื่อฉันอยู่ดีด้วยผลของเครื่องราง
ที่ผ่านมา มีแต่คนที่จำฉันได้แค่คลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น ฉันก็เลยดีใจ
เป็นครั้งแรกที่มีคนรู้จักฉันอยู่ในเมืองนี้นอกจากอาจารย์
ทำไมเครื่องรางถึงไม่ได้ผลงั้นเหรอ
ไม่ใช่เพราะมีพลังต้านทานเวทมนตร์สูงหรอกเหรอ
เครื่องรางระดับนี้ไม่ได้ผลกับผู้ใช้เวทหรอก ในหมู่คนที่ไม่ใช่ผู้ใช้เวทก็มีบางคนเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่หายาก
เอาเป็นว่าเรื่องนั้นช่างมันเถอะ
เพราะฉันมีโดโรธีเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ซึ่งนั่นสำคัญกว่าอีก
ฉันว่าเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนสิ เรื่องแบบนี้ใครพูดก่อนก็ชนะ
แล้วฉันก็คุยกับพี่สาวคนนั้นที่ชื่อลูเซียน่าบ่อยขึ้น
ไม่ได้คุยเรื่องอะไรสำคัญหรอก แค่พวกเรื่องซุบซิบนินทาในเมือง แฟชั่นที่กำลังฮิต ความสัมพันธ์ของผู้คนในเมือง อะไรหลาย ๆ เรื่องน่ะ
อย่างเรื่อง“ผู้ชายแบบนั้นดี” หรือ “ผู้ชายแบบนี้ไม่ดี” อะไรพวกนั้นเธอก็บอกให้ฟัง
เวลาที่คุยกับลูเซียน่า จะรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดนึง เพราะไม่มีใครคุยเรื่องแบบนั้นกับฉันเลยไงล่ะ
สำหรับฉัน การได้คุยกับลูเซียน่าเป็นสิ่งที่ฉันตั้งตาคอยมากที่สุด
กับอาจารย์น่ะเหรอ คุยแต่เรื่องเวทมนตร์เท่านั้นแหละ คนนั้นเขาไม่มีแนวคิดเรื่อง “สนุกกับการพูดคุย” อยู่ในหัวหรอก
แม้แต่ตอนกินข้าวก็ไม่พูดไม่จาอะไรเลย อึดอัดชะมัด
ฉันเลยเก็บเรื่องลูเซียน่าไว้เป็นความลับ ไม่บอกให้อาจารย์ฟัง
ขืนอาจารย์รู้ว่ามีคนที่เครื่องรางไม่ได้ผลละก็ อาจจะให้ฉันพกอุปกรณ์เวทที่ทรงพลังกว่านี้ หรือไม่ก็อาจจะโดนห้ามไม่ให้ไปซื้อของในเมืองอีกก็ได้
แบบนั้นมันน่าเบื่อจะตาย ว่าไหม
เล่าเรื่องอาจารย์ให้ลูเซียน่าฟังมากแค่ไหนน่ะเหรอ
ฉันเล่าว่าเป็นผู้ใช้เวท ทางนั้นเองก็คงเดาได้แหละว่าเป็นแนว ๆ นั้น เพราะขายยาให้มาตลอด
อ้อ ยาที่ฉันส่งให้ต่างจากยาหมอ คือต้องใช้เวทมนตร์ในการปรุงน่ะ
เพราะงั้นเลยรู้ว่าอาจารย์เป็นผู้ใช้เวท
แต่เรื่องที่ใช้ศาสตร์ความตายฉันไม่ได้บอก
เกิดรู้ว่าคนรับใช้ที่บ้านของฉันเป็นโครงกระดูกหรืออะไรพวกนั้น มีหวังคงคิดว่าฉันประหลาดแน่ ๆ
แล้วทางนั้นเองก็ไม่ได้ถามอะไรเจาะจงด้วย คงรู้แหละว่ามันมีเรื่องอะไรหลาย ๆ อย่าง เด็กอายุเท่าฉันถึงได้กลายเป็นลูกศิษย์ของผู้ใช้เวท
ที่เธอไม่อยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นก็เป็นข้อดีของลูเซียน่า
แล้วก็เพราะเธอเป็นคนขายยา เลยรู้เรื่องเครื่องสำอางอย่างละเอียดด้วย
บางทีเธอก็แต่งหน้าให้ฉันด้วยแหละ
“ฉันว่าสีแดงแบบนี้เหมาะกับลูน่าจังดี”
เธอพูดเช่นนั้น แล้วทาปากให้ฉันในบางโอกาส
ตอนนั้นฉันก็เริ่มโตเป็นสาวแล้ว เลยรู้สึกดีจากใจจริง ๆ
เวลาเห็นเด็กผู้หญิงสวย ๆ ที่รุ่นราวคราวเดียวกันเดินผ่าน ฉันก็อดอิจฉาไม่ได้
แต่พอเป็นอาจารย์ ถึงฉันจะทาปากแดงก็ไม่สังเกตเห็นเลยสักนิด
ก็ไม่ได้อยากให้สังเกตเห็นหรืออะไรหรอก แต่จะว่าไงดีล่ะ “เป็นคนที่น่าผิดหวัง” น่ะ
กะแล้วว่ามันต้องมีเหตุผลสำหรับคนที่ไม่ได้แต่งงาน
คนที่ไม่สังเกตเรื่องแบบนั้นน่ะไม่ได้เรื่องหรอกว่าไหม
แต่ดูท่านอัศวินน่าจะมีสายตาเฉียบคม สังเกตเห็นเรื่องแบบนั้นอยู่นะ
อ้อ ขอออกตัวก่อนนะ ว่าถึงไม่แต่งหน้า ฉันก็มีผู้ชายหลายคนชายตามองอยู่แล้ว เพราะฉันสวยไงล่ะ
แค่ผู้ชายไม่เข้าหาฉันเพราะเครื่องรางเฉย ๆ หรอก ที่จริงฉันเนื้อหอมสุด ๆ
เข้าใจไหม ถ้าเข้าใจก็ดี
แล้วฉันก็เริ่มเรียนศาสตร์ความตายในช่วงนั้นนี่แหละ
ตอนแรกก็ฝึกกับพวกหนูไรงี้ก่อน มาถึงจะให้ฝึกกับคนมันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งยาก
ใช้วิชากับโครงกระดูกมังกร?
เรื่องแบบนั้นต้องมีพรสวรรค์ มีอาจารย์เก่ง ๆ คอยสอน และต้องฝึกอย่างน้อย 50 ปี
ถ้าไม่มีพรสวรรค์ ถึงจะใช้เวลา 50 ปีก็ทำไม่ได้อยู่ดี
ต้องหมกมุ่นอยู่กับเวทมนตร์ตั้งแต่เด็ก พอแก่ตัวลงถึงค่อยรู้ว่าทำได้หรือไม่ได้
เดิมทีกระดูกก็เป็นของยากอยู่แล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปนานก็ยิ่งใช้วิชากับมันยากขึ้นน่ะ
แรก ๆ ควรฝึกกับศพที่เพิ่งตายไม่นาน
อย่างของฉันคือฝึกกับหนูที่เพิ่งตาย
หนูมันตัวเล็กแถมยังไม่ฉลาดอีกด้วย เลยไม่ค่อยช่วยอะไรสักเท่าไร แต่หลังจากนั้นก็ได้ขยับเป็นพวกหมาแมว แล้วสุดท้ายถึงค่อยได้ใช้วิชากับศพคน
กว่าจะฝึกได้ถึงขนาดนั้นก็ปาไป 20 ปีแน่ะ
อาจารย์น่ะเป็นผู้ใช้ศาสตร์ความตายที่เก่งมาก เพราะควบคุมโครงกระดูกได้
ก่อนที่ฉันจะเรียนเวทมนตร์ ฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าอาจารย์เป็นผู้ใช้เวทที่เก่งขนาดไหน
แต่ยิ่งเรียนเวทมนตร์มากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของอาจารย์
อาจารย์ควบคุมโครงกระดูกมังกรได้ไหม?
ไม่รู้เหมือนกัน
เดิมทีกระดูกมังกรมันก็ไม่ใช่ของที่สามารถหามาได้ง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ
ไม่เคยลองหรอก
อาจารย์เองก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น ก็คงทำได้ยากแหละฉันว่า
ถึงจะมีพรสวรรค์แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนเป็นปี ๆ
ผู้ใช้ศาสตร์ความตายที่ท่านอัศวินกำลังตามหาอยู่ควบคุมโครงกระดูกมังกรได้เหรอ
นั่นต้องมีความสามารถสูงพอตัวเลยนะ ระดับจอมเวทเลยละ
เป็นระดับที่ถ้าอายุไม่ยืนพอก็ไปไม่ถึง
แล้วนี่เล่าถึงไหนแล้วนะ
อ้อ ถึงตอนที่ฉันฝึกศาสตร์ความตายกับหนูอย่างสุดความสามารถ
จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้ควบคุมหนูหรอก ฉันเชิญวิญญาณเข้ามาในศพแล้วใช้งานต่างหาก
ถึงจะบอกว่าเป็นวิญญาณ แต่ก็เป็นระดับต่ำน่ะ พอระดับของวิญญาณที่ใช้งานได้สูงขึ้น ก็จะสามารถเชิญวิญญาณเข้ามาในศพที่ใหญ่ขึ้นได้
นี่เป็นศาสตร์ความตายเบื้องต้น เพราะใช้วิญญาณไม่ใช่จิตวิญญาณเลยง่ายหน่อย
พอระดับสูงขึ้น ก็สามารถควบคุมจิตวิญญาณของผู้ตายที่ยังหลงเหลืออยู่ในศพได้ด้วย
พวกกูลหรือโครงกระดูกที่กลายเป็นปิศาจก็แบบนี้
ถึงจะเป็นวิชาระดับสูง แต่ก็ไม่ต้องเสียแรงเสียเวลาเชิญวิญญาณมา เพราะงั้นถ้าควบคุมได้ ก็จะสามารถใช้งานอันเดดจำนวนมากได้ในคราวเดียว
อาจารย์ควบคุมอันเดดได้กี่ตัว?
ถ้าเป็นพวกกูลก็คงควบคุมได้เยอะอยู่ แต่ฉันไม่รู้หรอกว่ากี่ตัว
การควบคุมจำนวนมากมันไม่มีความหมายอะไรหรอก
เพราะเป้าหมายของผู้ใช้เวทไม่ใช่เรื่องแบบนั้น
แต่ต้องการเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ให้ถึงที่สุดต่างหาก ไม่มีเป้าหมายอื่นนอกเหนือจากนั้นหรอก
แต่คนเราก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
คนที่วาดรูป คนแต่งบทกวี หรือนักวิชาการเองก็เหมือนกัน
อยากเชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ เลยพยายามฝึกฝน ไม่ได้มีความหมายอะไรในการทำแบบนั้น เพราะนั่นเป็นเป้าหมายในตัวมันเองอยู่แล้ว
ถึงจะไม่ใช่ความตั้งใจของตัวเอง แต่ฉันก็ก้าวเข้ามาบนเส้นทางเวทมนตร์แล้ว เลยตั้งใจจะก้าวต่อไปอย่างสุดความสามารถน่ะ
ช่วงนี้ฉันเองก็ควบคุมศพของสัตว์ใหญ่ได้บ้างแล้ว
ฉันพยายามอย่างหนักอยู่นะ ถึงจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ
ฝีมือด้านเวทมนตร์ของฉันก็ประมาณนี้แหละ
หลังจากนั้น ฉันก็สนิทกับลูเซียน่า และต่อมาไม่นานก็มีคนที่ไม่ได้รับผลจากเครื่องรางปรากฏตัวขึ้นอีก
คราวนี้เป็นเด็กผู้ชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับฉัน