[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 60 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม - ฉันไม่ทำอะไรแปลกๆ แน่นอน
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 60 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม - ฉันไม่ทำอะไรแปลกๆ แน่นอน
หลังจากที่ผ่านดินถล่มกับสัตว์ประหลาดมาได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เราเลยเดินทางกันต่อได้อย่างราบรื่น
“บุตรีแห่งเคานต์เทียไลท์ โนอามารี เทียไลท์ และคณะผู้ติดตามทุกท่าน ตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนเรียบร้อย ขอต้อนรับสู่สหพันธ์สาธารณรัฐฟีร่าครับ”
หลังจากผ่านประตูตรงชายแดนมา เราก็เข้าสู่เมืองคาธอร์ เมืองหน้าด่านของสหพันธ์สาธารณรัฐฟีร่า
“เราช้ากว่าตารางเวลานิดหน่อย เพราะงั้น วันนี้ก็ค้างคืนกันที่นี่ซะก่อนเถอะ”
“รับทราบค่ะ เดี๋ยวฉันไปจองห้องพักไว้ในชื่อตระกูลเทียไลท์นะคะ โปรดรอซักครู่ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมช่วยจัดการให้ คุณคุโระพักผ่อนได้เลยครับ”
“เอ๊ะ? มีอะไรหรือเปล่าคะ ปุบปับเชียว”
“ก็ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางมา คุณคุโระก็ต้องจัดการเรื่องนู้นเรื่องนี้เยอะไปหมดเลยนี่ครับ ผมคิดว่าให้คุณได้พักยืดแข้งยืดขาเสียหน่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไร”
“อืม คุโระ ฝืนเกินไป”
“จะว่าไปก็จริงนะเจ้าคะ เหมือนอย่างที่โอรันว่าเลย”
“แต่ว่า…”
ตอนที่กำลังงงไปหมดกับความใจดีที่มาอย่างปุบปับ ฉันก็หันไปหาท่านโนอะ
“ในเมื่อทุกคนพูดกันถึงขนาดนั้น เธอก็น่าจะพักซักหน่อยนะ จะเดินเล่นดูรอบๆ เมืองก็ได้ ไว้ได้ห้องพักเรียบร้อย ฉันจะส่งสแตออกไปรับนะ”
“ได้ค่ะ”
ในเมื่อพูดแบบนั้น ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วล่ะนะ
“เข้าใจแล้วค่ะ งั้นฉันขอรับข้อเสนอนั้นนะคะ”
ฉันลงจากรถม้า แล้วก็เริ่มออกเดินไปตามถนนในเมืองคาธอร์
หลังจากที่เดินมาได้ซักพัก ฉันก็สังเกตอะไรบางอย่างได้
(ตอนพวกเขาเห็นฉัน ไม่มีใครเดินเลี่ยงเลยแฮะ)
ในอาณาจักรเอโดรัม คนที่จะเดินเข้ามาหาฉันที่ถูกมองเป็นสัญลักษณ์ของโชคร้ายน่ะ มีแค่หยิบมือเดียวเท่านั้นแหละ
ถึงจะมีหลายคนเหลือบมามองก็ตาม แต่การที่ไม่ได้มีใครตีตัวออกห่างจากฉันอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้มันทำให้รู้สึกสดชื่นจริงๆ เลยนะ
ว่าแต่ จากที่แค่ดู ที่นี่เป็นประเทศที่ดีเลยล่ะ เมืองก็ดูมีชีวิตชีวา ไม่มีการเลือกปฏิบัติอะไร ราคาสินค้าเองก็แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของประเทศได้เลย
นี่ถ้าห้องสมุดใหญ่สามารถย้ายตำแหน่งได้ ฉันล่ะอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่จัง
“โอ้~ แม่หนูผมดำคนนั้นน่ะ”
ระหว่างที่กำลังเดินไปพลางจมอยู่กับความคิดของตัวเอง อยู่ดีๆ ฉันก็โดนเรียก
“เอ๊ะ? หมายถึงฉันเหรอคะ?”
“อ้า ก็หนูนั่นแหละ สนใจซักชิ้นมั้ยล่ะ? ในเมื่อหนูอุตส่าห์เอาผมสีแปลกๆ มาให้ดู เดี๋ยวฉันให้ส่วนลดพิเศษเลย”
คนที่เรียกฉันเมื่อกี้เป็นเจ้าของร้านขายไก่ย่างชิ้นโตที่ตั้งแผงอยู่ริมถนน
ไก่ย่างที่ตั้งอยู่มันใหญ่กว่าที่เจอได้ตามซุปเปอร์ในญี่ปุ่นตั้งเกือบ 5 เท่าได้ อัดเรียงอยู่เป็นแถวแน่นเลยล่ะ
“งั้น ขอชิ้นนึงค่ะ”
“จัดไป!”
ถึงฉันจะไม่ใช่สแต แต่ฉันก็ทนกลิ่นหอมเย้ายวญนี่ไม่ไหวหรอก ฉันเลยซื้อมาชิ้นนึง
“อ๊ะ อร่อยจัง”
นี่คงทำมาจากพวกสัตว์ประหลาดหน้าตาเหมือนนกล่ะมั้ง แต่กลิ่นสาบในเนื้อก็ได้เกลือกับพริกไทยช่วยกลบให้เรียบร้อย แถมน้ำซอสที่ชวนให้นึกถึงโชยุนี่ก็เสริมรสชาติให้วิเศษสุดๆ ไปเลยล่ะ
(จะว่าไป ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ยืนกินอะไรแบบนี้ มันนานขนาดไหนแล้วนะ?)
ในชาติก่อน ฉันเคยได้ค่าขนมมาใช้สมัยยังอยู่อนุบาล ตอนที่บ้านเรายังมีเงินอยู่นั่นแหละ แต่นั่นมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ล่ะมั้ง
ในชาตินี้ ฉันก็มักจะอยู่ข้างท่านโนอะอยู่ตลอด หรือต่อให้ฉันจะอยู่คนเดียว คนในอาณาจักรก็มักจะเลี่ยงไม่เข้าใกล้ฉันกันซะมากกว่า ฉันเลยไม่มีแม้แต่โอกาสได้คิดถึงอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
เพิ่งรู้สึกตัวแฮะ ว่าฉันเนี่ยอยู่ในชีวิตที่ไม่ค่อยจะมีอิสระเท่าไหร่เลยนะ
หลังจากที่กินเสร็จเรียบร้อย ฉันก็ตัดสินใจจะหาอะไรดื่มล้างปาก พอเห็นว่าร้านใกล้ๆ กันนั่นมีขายน้ำผลไม้ด้วย ฉันเลยเข้าไปซื้อกลับซักหน่อย
“รสแอปเปิล รสมะเขือเทศ… ก็ยังดีนะ แต่รสเต้าหู้ รสแชมพู รสซอส รสซี่โครงเนื้อ? อันนี้มันน้ำผลไม้จริงๆ เหรอคะเนี่ย?”
“น้ำผลไม้จริงๆ สิจ๊ะ รสหูฉลามนี่เด็ดมากเลยนะขอบอก”
“ถึงจะเป็นอาหารหรูหรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารสชาติจะเหมาะกับการเป็นน้ำผลไม้นะคะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ ถ้าว่าตามตรง ถึงพวกเราจะสงสัยอยู่ก็จริง แต่โอนเนอร์เขาชอบพวกของแปลกๆ อะไรแบบนี้น่ะ…”
พ่อค้าแม่ขายที่ชอบของแปลกๆ งั้นเหรอ
“หวังว่าฉันจะไม่เข้าใจผิดนะคะ แต่โอนเนอร์ที่ว่า เธอเป็นเหมือนยายแก่ใส่ผ้าคลุมลงมาต่ำๆ ดูคล้ายๆ กับแม่มด แล้วก็ชอบลงทุนกับผลิตภัณฑ์แปลกๆ ของตัวเองหรือเปล่าคะ?”
“โอ๊ะ นี่เธอรู้จักโอนเนอร์ด้วยเหรอเนี่ย?”
อ่า งั้นก็ไม่ผิดแล้วล่ะ
ยายคนนั้นที่ตั้งแผงขายของตรงถนนแล้วขายโกราสึเกะให้สแตของพวกเราไง
“ฉันจำได้ว่ารุ่นน้องฉันเคยไปซื้อตุ๊กตาแมนดราโกรามาในราคาสูงน่าดูเลย แต่เธอก็ดีใจกับมันมากเหมือนกันค่ะ”
“คนที่เธอว่า ใช่คนที่มีผมสีฟ้าหรือเปล่า?”
“เธอเล่าเรื่องสแตด้วยเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว ‘เด็กผมฟ้าที่มีสายตาเฉียบคม’ ที่โอนเนอร์หมายถึงก่อนหน้านี้ ที่แท้ก็เป็นคนในกลุ่มของเธอนี่เอง”
ถึงตอนนี้ฉันจะชินกับเจ้าตุ๊กตาน่าขนลุกหน่อยๆ นั่นแล้วก็เถอะ แต่ตอนแรกนี่ ฉันกลัวว่าพอตกดึก มันอาจจะลุกขึ้นมามีชีวิต แล้วก็เริ่มกรีดร้อง ออกไล่ฆ่าทุกคนในคฤหาสน์เลยด้วยซ้ำไปนะ
“ตอนนี้ โอนเนอร์คนนั้นอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ?”
“เปล่าหรอกจ้ะ โอนเนอร์ว่าจะออกตามหาสินค้าใหม่ๆ แล้วก็มุ่งตรงไปทางเหนือตั้งแต่ 2-3 วันก่อนแล้วล่ะ”
“เป็นโอนเนอร์เลยแท้ๆ แต่ไม่ออกจะรักอิสระไปหน่อยเหรอคะนั่น”
“แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ”
แล้วฉันก็ซื้อน้ำผลไม้รสองุ่นมาจากพนักงานร้านที่ยิ้มแหยๆ มาให้ ก่อนจะเดินออกมาข้างนอกร้าน
ฉันเดินดูรอบๆ พลางดูดน้ำผ่านหลอดไปด้วย หลังจากที่ดูนู่นนี่ที่น่าสนใจจนครบ ตอนนั้นก็บ่ายแก่ๆ ไปแล้ว
“เอาล่ะ น่าจะใกล้ได้เวลากลับไปที่พักแล้วล่ะมั้ง―――”
“คุโระ”
“อ๊ะ สแต ได้ที่ที่จะพักกันแล้วเหรอ?”
“อืม ทางนี้”
สแตก็ยังดูหน้านิ่งเหมือนอย่างเคย แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเธอตามฉันมาตั้งแต่ประมาณตอนเที่ยงแล้วล่ะนะ
ฉันว่าเธอเคยคอยดูฉันเฉยๆ ระหว่างที่ปล่อยให้ฉันสนุกไปกับเมืองนี้ให้เต็มที่ล่ะมั้ง เป็นเด็กดีอะไรแบบนี้เนี่ย
“อยากให้โอโตฮะกับท่านโนอะรับมือง่ายเหมือนเธอจังเลยน้า”
“อะไรเหรอ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
ฉันว่าพวกเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทนะ
ฉันกับโอรันเป็นพวกที่มีสามัญสำนึก และทำงานกันอย่างหนัก
สแตเป็นพวกที่ไม่เรียกร้องอะไร แต่ก็ไม่เข้ามาขัดขวางอะไรด้วย เป็นพวกยังไงก็ได้
แล้วก็ท่านโนอะกับโอโตฮะ ที่รังแต่จะสร้างเรื่องสร้างราว จัดเป็นพวกชอบก่อปัญหาเลยก็ได้
“นี่ใกล้ถึงที่พักหรือยัง?”
“อืม คิดว่าถึงแล้วนะ”
“…? ถึงแล้วเหรอ?”
“อา”
สแตหยุดเดิน แล้วฉันก็หยุดตาม ข้างหน้านั่น ฉันเห็นรถม้าของท่านโนอะแล้ว
แถมไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังมีภาพแปลกๆ ให้เห็นตรงหน้าด้วย
“ยัง อีกหน่อย”
“เอ๊ะ?”
สแตเริ่มออกเดินต่อ ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดนิดหน่อย ฉันก็เดินตามเธอไปแบบนั้น
พอเดินเข้าไปใกล้ ภาพตรงหน้าก็ค่อยๆ ชัดขึ้น
“คุณหนูเจ้าคะ! ทางนี้เจ้าค่ะ! ทางนี้ดีกว่ากันมากโขเลยเจ้าค่ะ!”
“อ่า ให้ตายเถอะ! ไปพักกันที่นี่ก็พอแล้วน่า!”
“ไ~ม่~ไ~ด้~เ~จ้~า~ค่~ะ~!”
“……เฮ้อ”
อย่างแรกเลยคือ มันมีโรงแรมอยู่ 2 แห่ง ซึ่งตั้งหันหน้าชนกันอยู่
ตรงกลางระหว่างโรงแรมทั้งสอง โอโตฮะกำลังดึงแขนท่านโนอะไปหาโรงแรมทางตะวันออก ซึ่งท่านโนอะก็กำลังขัดขืน และพยายามจะเข้าไปที่โรงแรมทางตะวันตกให้ได้
“…นี่มัน วุ่นวายอะไรกันล่ะคะเนี่ย?”
“อะ คุณคุโระ ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะครับ พอไม่มีคุณอยู่ด้วยแล้ว ทั้ง 2 คนนี้ก็ทำอะไรไม่ไหวกันจริงๆ น่ะครับ”
“เดี๋ยวก่อนนะโอรัน เรื่องวุ่นวายนี่เธอไม่ผิดอะไรเลยนี่คะ”
“มันก็ใช่อย่างที่คุณว่าจริงๆ แต่ความรักอันท่วมท้นของโอโตฮะมันผลักดันให้เธอกล้าทำถึงขนาดนั้นลงไปเลยน่ะครับ”
ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าอะไรมันเป็นอะไรกันแน่
แต่ด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง โอโตฮะถึงได้จ้องเขม็งด้วยดวงตาสีแดงก่ำ แถมหอบหายใจแรงจนตัวโยนแบบนั้นเลย
“โอรัน อธิบายสถานการณ์”
“ทีแรก พวกเราได้ยินจากผู้คนในท้องที่ว่าโรงแรมทางตะวันตกเป็นที่พักที่ดีน่ะครับ เราก็เลยจอดรถม้าตรงนี้เพื่อเข้าจองห้องที่นี่ แต่พอโอโตฮะเห็นโรงแรมทางตะวันออกเข้า เธอก็สนใจขึ้นมา ก่อนจะเริ่มถามผู้คนใกล้ๆ เกี่ยวกับโรงแรมแห่งนั้น จนสุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นน่ะครับ”
“แล้วโรงแรมนี่มันมีอะไรไปเตะตาให้โอโตฮะสนใจล่ะคะเนี่ย―――”
ตอนที่ฉันกำลังจะถามไปแบบนั้น พร้อมกับหันไปดูทางโรงแรมทางทิศตะวันออก ฉันก็เข้าใจได้ทันทีเลยถึงเหตุผลข้อนั้น
หน้าตาของโรงแรมนั่น สำหรับฉันแล้วมันดูคุ้นๆ แบบแปลกๆ
ไม่ใช่จากโลกนี้หรอก จากชาติก่อนของฉันต่างหาก มันมีที่คล้ายๆ กันอยู่ที่นึงใกล้กับที่พักของเราที่ฉันเห็นแล้วก็คิดว่า ‘คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะต้องรวยมากๆ แน่เลย’
หน้าตาภายนอกมันดูเหมือนปราสาทในฝันของเด็กสาวทุกคนเลยล่ะ
ฉันเคยคิดว่ามันสวยมากเลยนะตอนที่มันจุดไฟสว่างตอนกลางคืน ยังกับว่าออกมาจากความฝันของเด็กๆ ยังไงยังงั้น แต่พอขึ้นชั้นมอต้น แล้วได้ยินเรื่องเล่าต่อมาจากพวกสาวแก่นทั้งหลายเขาคุยกัน ที่นั่นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกปนเปยังไงชอบกลแทน
โรงแรมตรงหน้าฉันมันให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกันกับตึกๆ นั้นเลยล่ะ
“คุณหนู! เลือกที่นี่เถอะนะเจ้าคะ! ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ! ฉันไม่ทำอะไรแปลกๆ แน่นอน!”
“ฉ- ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีคนที่พูดว่า ‘ไม่ทำอะไรแปลกๆ’ ได้ไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้อยู่ในโลกด้วยน่ะ…”
ก็ เป็นที่ที่เขาเรียกกันว่า [เลิฟโฮเทล] นั่นแหละ
“ดูเหมือนว่าที่แห่งนั้นจะถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เรื่องอย่างว่าโดยเฉพาะ พอได้ยินแบบนั้น โอโตฮะก็สติหลุดไปเลยล่ะครับ ขนาดเวทมนตร์สายจิตใจที่แข็งแกร่งก็ยังไม่มีผลกับความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอเลยด้วยซ้ำ”
“ถึงขนาดปัดเวทจิตใจทิ้งได้เลยเนี่ยนะ นี่ยัยเด็กโลลิอายุ 13 จะกระสันอยากเข้าไปที่นั่นขนาดไหนกันล่ะเนี่ย”
เห็นภาพตรงหน้าแบบนี้แล้ว มันทำเอาฉันนึกถึงคำว่า [ชมพูสุดลามก] ที่เคยได้ยินเมื่อชาติก่อนขึ้นมาเลยแฮะ
TN: 淫乱ピンク (Inran Pink) ในโลกแห่ง 2D จะมีตัวละครสาวๆ ที่มีสีผมมากมายหลากหลายสี แต่ในบรรดาสีเหล่านั้น สีชมพูมักตกเป็นที่สนอกสนใจด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ซึ่งในดินแดนแห่งอนิเมะและเกมนั้น ตัวละครที่มีผมสีชมพูมักให้ภาพจำของความเซ็กซี่หรือความน่าเย้ายวนออกมา จนนำมาสู่คำว่า [淫乱ピンク] ในอินเตอร์เน็ตนั้นเอง
“แค่ปลายก็พอเจ้าค่ะ! แค่ปลายเท่านั้นเอง! ฉันแค่จะลูบหัวท่านแค่นิดเดียวเท่านั้นเองเจ้าค่ะ!”
“แค่ปลายอะไรของเธอ แล้วหัวที่เธอว่านั่นมันหัวอะไรฮะ!”
ทำไมยัยเด็กคนนี้ถึงได้เอาแต่สร้างปัญหาให้มันวุ่นวายแบบนี้ตลอดเลยกันเนี่ย
ช่วยไม่ได้นะ
“โอรัน ใช้เวทต้านทานลดความต้านทานต่อความกลัวใส่โอโตฮะหน่อยค่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เร็วเข้าค่ะ”
“ข- เข้าใจแล้วครับ”
โอรันรอให้ได้จังหวะเหมาะ ก่อนจะร่ายเวทมนตร์ใส่ไปที่โอโตฮะ
“สแต ทำให้โอโตฮะเห็นความฝันที่ท่านโนอะปฏิเสธเธออย่างโหดเหี้ยมทีนะ ถ้าความต้านทานต่อความกลัวของเธอโดยลดให้ต่ำอยู่แบบนี้ล่ะก็ เวทจิตใจที่สร้างความกลัวใส่จะต้องได้ผลแน่”
“เอ๊ะ? จะดี เหรอ?”
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เดี๋ยวค่อยลบความทรงจำออกไปทีหลังก็ได้”
“เข้าใจแล้ว”
สแตยกแขนเธอขึ้นข้างนึง แล้วก็ร่ายเวทใส่โอโตฮะไป
และแล้ว
“……ฮะ”
โอโตฮะทำสีหน้าแบบที่เธอต้องไม่อยากให้ใครเห็นแน่ๆ อยู่แวบนึง ก่อนที่จะหงายหลังเป็นลมไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากอาบทั้ง 2 แก้ม
“โอ้โโโโห”
“คำชี้แนะเฉียบขาด ยอดไปเลย”
ทั้งสแตทั้งโอรันต่างปรบมือให้ฉัน แต่แปลกดีนะ ที่ได้รับคำชมพร้อมปรบมือให้แบบนี้มันกลับไม่ทำให้รู้สึกยินดีเลยซักนิดแบบนี้น่ะ
“เป็นอะไรมั้ยคะท่านโนอะ?”
“อ้า ช่วยเอาไว้ได้พอดีเลย กลุ่มนี้ขาดเธอไปคงเอาไม่รอดแน่เลยล่ะคุโระ”
…แล้วไหงฉันที่แทบจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำถึงต้องมาเจอปัญหาอะไรแบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย?
สงสัยโลกนี้จะออกแบบมาดีเกินไป จนพวกภาระทั้งหลายทั้งแหล่จะพากันเทลงมาใส่คนที่เอาจริงเอาจังหรือเปล่านะ
“…ช่างมันเถอะค่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ฉันว่าแบบนั้นพลางลากตัวโอโตฮะที่ยังนอนคุดคู้และร้องไห้โฮไม่หยุดทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สติด้วยซ้ำให้เข้าไปข้างในโรงแรมปกติทางทิศตะวันตก
TN: [คุณแม่ประจำกลุ่ม] ได้ถือกำเนิดแล้ว
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r