[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 45 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - โอโตฮะและโอรัน
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 45 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - โอโตฮะและโอรัน
“เอาล่ะ วันนี้แล้วสินะ”
สมาชิกตระกูลกิฟท์อยู่ที่คฤหาสน์นี้มาได้ 6 วันแล้ว
ในที่สุด ก็มาถึงวันนี้ที่ตามหมายกำหนดการแล้ว ฝาแฝดตระกูลกิฟท์จะมาถึงคฤหาสน์ซักที
“ว่าแต่ว่า จะดีจริงๆ เหรอคะที่ไม่ไปรับพวกเขา?”
“เป็นการบอกให้เห็นไงล่ะว่าพวกคนของบ้านนั้นดูถูก 2 คนนั้นมาก พวกนั้นไม่เห็นเลยว่า 2 คนนั้นจะมีความสำคัญพอถึงขั้นจะให้มารบกวนพวกเราเลยด้วยซ้ำ”
“ท่านหมายความว่า นี่คือการรับมือกับความอับอายของวงศ์ตระกูลโดยสมาชิกในครอบครัวเองอย่างนั้นเหรอคะ?”
เป็นเรื่องที่โหดร้ายจริงๆ เลย
ทั้งๆ ที่ตอนออร์เกอร์ยังเอาทหารองครักษ์มาด้วยต้องเยอะ แต่นี่ก็เป็นลูกเหมือนกันแท้ๆ แต่แค่เกิดมามีเส้นผมชั้นต่ำ นั่นก็ทำให้พวกเขาถูกปฏิบัติต่างกันขนาดนี้เลย
“ฉัน ไม่ชอบ พวกนั้น”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ สแต แต่เราต้องอดทนเอาไว้ก่อน ห้ามทำร้ายเหล่าคนกลุ่มนั้นเด็ดขาดนะ อย่างน้อยก็จนกว่าท่านโนอะจะอนุญาต”
“อืม เข้าใจแล้ว”
“ถ้าเธอทำตัวดีๆ ฉันจะให้ฮอทเค้กเธอนะ เอาให้ใหญ่แบบปิดหน้าเธอได้ทั้งหน้าเลย เพราะงั้นนะสแต อย่าทำอะไรแปลกๆ เชียวนะ”
“ฮอทเค้ก ใหญ่จนปิดหน้าได้… จะพยายามเต็มที่เลย”
“ท่านโนอะ จะเป็นคนทำฮอทเค้กที่ว่าพวกนั้นเองเหรอคะ?”
“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเธอทำอยู่แล้วสิ”
“นั่นสินะคะ”
ด้วยความต้องการที่เอาแต่ใจของท่านโนอะ เลยกลายเป็นว่างานที่ฉันต้องทำก็มีมาเพิ่มอีกแล้ว
“เหมือนจะมาถึงแล้วนะคะ ท่านโนอะ”
“เอ๊ะ? ฉันยังไม่ได้ยินอะไรเลย… แต่ยังหูดีเหมือนทุกทีเลยสินะ คุโระ”
“มันก็คงใช่ค่ะ จะไปรับพวกเขาเลยมั้ยคะ?”
“ไม่ล่ะ รออีกซักหน่อยแล้วกัน ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรจนกว่าพวกเขาจะมาถึงห้องรับร้องแล้วซัก 2-3 นาทีจะดีกว่านะ”
“รับทราบแล้วค่ะ”
เราทำตามคำแนะนำของท่านโนอะ หลังจากใช้เวลาจิบชาและจัดข้าวจัดของกันอยู่พักนึง เราถึงได้ออกไปที่ห้องรับรองกัน
“เราจะหลอกล่อให้พวกเขาเข้ามาได้เหรอคะ? ถึงเราจะยืนยันได้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว แต่ถ้าพวกนั้นไม่มีความจงรักภักดีต่อท่านโนอะ เราก็ไว้วางใจพวกเขาไม่ได้หรอกนะคะ”
“เสน่ห์ของคุณหนูสุดยอด แต่ว่า พึ่งพาแค่นั้นไม่ได้”
“รู้อยู่แล้วล่ะ อันที่จริง สแตยังปัดคำเชิญของฉันทิ้งไปครั้งนึงเลยนี่”
“อูว……”
“มันเป็นเรื่องของการลองผิดลองถูกนั่นแหละนะ ถ้าเราให้สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดได้ เราก็จะได้ความจงรักภักดีอย่างไม่สั่นคลอนกลับมาไงล่ะ”
เหมือนกับตอนที่ฉันได้เป็นที่ต้องการของใครชักคน และได้มีความหมายในการมีชีวิตเลยสินะ
หรืออย่างตอนที่สแตได้เป็นอิสระจากการตกเป็นทาส และดึงเธอขึ้นมาจากการตกนรกทั้งเป็น
ด้วยการช่วยพวกเราเอาไว้ ท่านโนอะเลยได้ความจงรักภักดีจากเราไปอย่างสมบูรณ์เลย
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ไปทำให้ 2 คนนั้นเป็นของฉันกัน”
“รับทราบค่ะ ท่านโนอะ”
“อืม จะพยายามเต็มที่ เพื่อคุณหนู”
พวกเราเปิดประตู เข้าไปยังห้องที่ฝาแฝดคู่นั้นอยู่กัน
“รบกวนหน่อยค่ะ นี่โนอามารีนะคะ”
“อ้า เข้ามาเลย”
พอได้ยินเสียงของพ่อท่านโนอะแล้ว เราทุกคนก็เข้าไปในห้องด้วยกัน
ในห้องนั้นก็มีสมาชิกในครอบครัวกิฟท์และเทียไลท์เหมือนเคย
แล้วตรงมุมห้องไกลๆ นั่นก็มีคนหน้าไม่คุ้นอยู่ 2 คนด้วย
พวกเขามีผมสีชมพูและสีโศกเด่นออกมาเลย
ในที่สุดก็เจอซักที
“ขอแนะนำให้รู้จักนะ นายท่านโนอามารี คนที่อยู่ตรงนั้นคือ”
เคานต์กิฟท์ชี้ไปที่ 2 คนนั้น
“บุตรีคนโตและบุตรคนรองของเรา―――โอโตฮะและโอรัน”
ทั้ง 2 คนที่ถูกชี้ต่างก็หลบสายตากันอย่างอึกอัก
อาจจะเพราะพวกเขาไม่เคยได้มีประสบการณ์ได้สบตากับคนอื่นมาก่อนตั้งแต่แรกแล้วก็ได้นะ
เพราะแบบนั้นแหละ เวลาต้องอยู่ในที่ที่คนเยอะแบบนี้ก็เลยรู้สึกไม่สบายใจกัน
สแตบอกเอาไว้ว่าทั้ง 2 คนอายุ 11 ปี
โอโตฮะ สาวผมชมพู ดูจากแค่หน้าตาแล้วเธอเหมือนเป็นคุณหนูจอมเก็บตัวเลยนะ
ส่วนสูงของเธอพอๆ กับท่านโนอะเลย ผมตัดไว้แค่เหนือไหล่นิดหน่อย ดวงตากลมเหลืองของเธอดูน่ารักดี คล้ายๆ กับพวกสัตว์ตัวน้อยๆ เลยล่ะ
แต่ เสื้อผ้าที่เธอใส่น่ะคุณภาพต่ำกว่าของออร์เกอร์มากอย่างเห็นได้ชัดเลย แสดงให้เห็นเลยว่าเธอไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควร
โอรันที่มีผมสีโศกหรือเขียวอมเหลืองนี่ก็เป็นเด็กชายหน้าตาสวยเลยล่ะ
ถ้าเป็นในชาติก่อน อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเด็กหน้าตาน่าเอ็นดูน่าทะนุถนอมเลยล่ะมั้ง ผมหยักศกเล็กน้อย แล้วก็ตัวสูงกว่าโอโตฮะนิดหน่อย
ถ้าพูดในทางที่ดี เขาก็เป็นหนุ่มหน้าตาดีคนนึงเลย ถ้าพูดในทางสัปดนนิดๆ ก็คงเรียกว่าเป็นพวกที่ทำเอาเหล่าโชตะคอนร้องวี้ดวิ้วกันเป็นแถวๆ ได้เลยล่ะ
แต่ก็ เห็นเรื่องการเลือกปฏิบัติผ่านทางเสื้อผ้าอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกันเลย
“จะไม่พูดทักทายหรือยังไง ตามปกติแล้ว พี่น้องโง่เง่าอย่างพวกนายไม่มีทางจะมีโอกาสได้เจอกับคนระดับเธอคนนี้หรอกนะ”
คำพูดของออร์เกอร์ทำให้แม้แต่พวกเราที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยยังหงุดหงิดเลย ทั้ง 2 คนก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะรวบรวมความกล้า โค้งตัวให้จากที่ตรงนั้น
“…ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ ท่านโนอามารี เทียไลท์ ดิฉันชื่อโอโตฮะ ขอบพระคุณท่านเป็นอย่างยิ่งที่ได้เชิญพวกเรามาในวันนี้เจ้าค่ะ”
“โอรันครับ ขอบพระคุณท่านมากที่เชิญพวกเรามา”
“ขอบคุณสำหรับมารยาทของทั้ง 2 คนมากนะ ฉันโนอามารี เทียไลท์ จากนี้เป็นต้นไปก็ขอคาดหวังการได้ทำงานร่วมกับพวกเธอด้วยนะ”
ท่านโนอะเองก็โค้งให้อย่างสง่างาม ซึ่งก็ทำเอาทั้งโอโตฮะทั้งโอรันตกใจกันใหญ่เลย
อาจจะเพราะพวกเธอไม่เคยมีประสบการณ์ที่ใครมาโค้งให้ตัวเองมาก่อนเลยตั้งแต่แรกล่ะนะ
“โนอามารี พวกนั้นไม่ใช่คนที่เธอควรจะไปก้มหัวให้เลยนะ พอเถอะ”
“อาระ? เป็นแบบนั้นเหรอคะ? ในเมื่อฉันกำลังจะเป็นน้องสะใภ้ของน้องสาวและน้องชายของท่านแท้ๆ ฉันเลยคิดว่าควรจะแสดงมารยาทตอบกลับกับพวกเขาอย่างเหมาะสมเช่นกันเสียอีกค่ะ”
“ไม่ต้องไปคิดว่าพวกนั้นเป็นพี่น้องหรอก”
โอโตฮะกับโอรันแนะนำตัวด้วยชื่ออย่างเดียว
ท่าทางพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยนามสกุลของตัวเองสินะ
ท่านโนอะใช้มือซ้ายจัดผมของท่าน ส่งสัญญาณบอกให้สแตใช้เทเลพาธ
‘คุโระ 2 คนนั้น เธอคิดว่ายังไงบ้าง?’
‘ที่ว่า [คิดว่ายังไงบ้าง] ท่านหมายถึงอะไรอย่างนั้นเหรอคะ ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คนนั้น หรือว่าเป็นเรื่องมุมมองที่พวกเขามองสิ่งรอบข้างล่ะคะ?’
‘ตามที่เธอเข้าใจเลย’
ถ้าได้เห็นสีหน้าท่าทางแล้ว ฉันก็พอจะเข้าใจได้คร่าวๆ ว่าคนๆ นั้นเป็นคนยังไง
2 คนนั้น ดูน่าจะ
‘จากที่พวกเขามองไปรอบๆ ดูเหมือนทั้ง 2 คนไม่ได้มองดูคนรอบๆ ตัวขนาดนั้นหรอกค่ะ ดูเหมือนจะไม่ทันสังเกตพวกเราเลยด้วยซ้ำ พวกเขารู้ว่าเราอยู่ที่นี่ อาจจะแยกหน้าตาของพวกเราออกได้ แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะจงใจเลี่ยงไม่มองพวกเรานะคะ’
‘เธอคิดว่ามันหมายความว่ายังไง?’
‘2 คนนั้นแสดงให้เห็นถึงความสบายใจออกมาก็แค่ตอนที่พวกเขามองหน้ากันเท่านั้นเลย พอเดาได้ว่าพวกเขาเชื่อใจแค่กันและกันเท่านั้น โอโตฮะเชื่อใจแค่โอรัน และโอรันก็เชื่อใจแค่โอโตฮะ อันที่จริง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นคนอื่นเป็นแม้กระทั่งมนุษย์ด้วยซ้ำไปนะคะ’
‘สรุปเลยคือ?’
‘พวกเขาจะเชื่อใจก็แต่ฝาแฝดของเจ้าตัว ที่เป็นเหมือนอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองค่ะ กล่าวคือ ไม่เชื่อใจใครคนอื่นเลย ยุ่งยากแน่นอนค่ะ’
‘อืม อ่านใจ 2 คนนั้น ไปนิดนึงเหมือนกัน คิดว่าคุโระถูก’
2 คนนั้นไม่ได้มองที่ท่านโนอะหรือพวกเราเลย
นั่นก็แปลว่าพวกเขาไม่ได้เชื่อใจกระทั่งท่านโนอะ ที่ท่านควรจะมีเสน่ห์ดึงดูดเหล่าผู้มีเส้นผมชั้นต่ำอย่างสมบูรณ์เลย
ไม่สิ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจหรอก 2 คนนั้นไม่ได้มองที่ท่านมากพอที่จะได้สังเกตถึงเสน่ห์ดึงดูดของท่านต่างหาก
หนึ่งในเหตุผลนั้นอาจจะเพราะตอนนี้ท่านโนอะกำลังแสดงอยู่ด้วยนั่นแหละนะ
‘แม้แต่พี่ชายหรือพ่อของตัวเอง พวกเขาก็ไม่เชื่อใจ ไม่ให้ค่าเลยด้วยซ้ำ ในใจของพวกเขามันข้ามผ่านแม้แต่ความคับแค้นไปแล้ว มันคล้ายกันกับที่ฉันเป็นเมื่อชาติก่อนเลย ต่างกันก็แต่ว่าพวกเขายังมีอีกคนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กัน คอยช่วยค้ำจุนหัวใจของตัวเองเอาไว้ แล้วพวกเขาดูเหมือนจะลืมเรื่องความโกรธเกลียดไปแล้วด้วยค่ะ ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะไม่แยแสอีกแล้ว’
‘แบบนี้นี่เอง คิดว่ารับมือได้มั้ย?’
‘เป็นปัญหาที่ยากอยู่นะคะ พวกเขาต่างจากฉันกับสแต การที่ทั้งคู่มีคนที่ตัวเองเชื่อใจได้อยู่แล้ว คงทำให้เรื่องนี้อยากซักหน่อยค่ะ’
‘ตอนนี้ ทางที่ดีที่สุดคือ ลองฟังที่พวกเขาจะพูด’
‘ก็จริงอย่างที่สแตว่านะ เอาตามนั้นแล้วกัน’
ถึงตรงนี้ เทเลพาธก็ถูกตัด ก่อนที่ท่านโนอะจะเดินออกไป
“มีบางเรื่องที่ฉันอยากจะถามทั้ง 2 คนมานานแล้วล่ะ! ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยมาคุยกันที่ห้องของฉันจะได้หรือเปล่า? ฉันอยากจะพูดคุยกับพวกเธอน่ะ!”
“จ- เจ้าค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมเองก็-”
“ไม่ค่ะ ท่านออร์เกอร์ รออยู่ที่นี่ได้หรือเปล่าคะ?”
“นี่ๆ ฮันนี่จ๋า ทำไมถึงถีบไสไล่ส่งสามีของตัวเองแบบนั้นล่ะ?”
แกไม่ได้เป็นสามี นี่อะไร แกทำยังกับว่าท่านโนอะเป็นของในกระเป๋าของแกแบบนี้ ฉันจะฆ่าแกซะ
เดี๋ยวนี้ ความตลกที่เคยมีกับออร์เกอร์ตอนแรกมันหายไปหมด เหลือก็แต่ความขยะแขยงอย่างเดียวแล้ว ฉันถึงกับต้องรั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้พูดแบบนั้นใส่หน้ามันไปด้วยซ้ำ
“ไม่ค่ะ มันเป็นความลับของสาวๆ ที่บอกสุภาพบุรุษไม่ได้หรอกนะคะ”
“ไม่ใช่แล้ว โอรันก็เป็นผู้ชายนะ”
“คนที่เอาแต่คิดเล็กคิดน้อยน่ะอายุไม่ยืนหรอกนะคะ ท่านออร์เกอร์ เอาล่ะ ไปกันเลยดีมั้ย?”
ท่านโนอะหันออกไป พร้อมกับฉัน สแต แล้วก็คู่ฝาแฝด เดินออกไปที่ห้องของท่านโนอะกัน
TN: ยัง! ยังไม่เจียมตัวอีก!