[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 35 บทที่ 2 ความทรมานของสีฟ้า - ความรู้จากต่างโลก
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 35 บทที่ 2 ความทรมานของสีฟ้า - ความรู้จากต่างโลก
“ปิดบังอะไรไว้ งั้นเหรอคะ?”
“อื้อ”
“ทำไมจู่ๆ ถึงถามล่ะคะ?”
“ก็ไม่ได้จู่ๆ หรอกนะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน เธอก็ดูโตกว่าวัยไปมาก ต่อให้เธอจะได้การศึกษามาจากที่พ่อค้าทาสก็ตาม ศัพท์ที่เธอใช้ก็ยังมีมากเกินไปอยู่ดี ความคิดความอ่านของเธอดูหัวไวเกินไป แล้วก็ดูมีเหตุมีผลมากกว่าเด็กเกินไป ไม่ว่าจะคิดยังไง เธอก็ดูมีสามัญสำนึกมากเกินไปจนแปลกน่ะสิ”
“ก็ จริงค่ะ แล้วมันทำไมเหรอคะ?”
“เด็กคนเดียวที่จะสามารถพูดคุยกับฉันที่มีความทรงจำจากชาติก่อนได้อย่างเสมอกัน ก็แทบจะเหมือนกับว่าต้องผู้กลับชาติมาเกิดได้เหมือนกันเลยนี่”
“ท่านเห็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ ก็ ไม่ใช่ว่าฉันจงใจปิดบังเรื่องนี้จากท่านหรอกนะคะ แต่ว่าฉันไม่เคยเจอจังหวะเวลาดีๆ ที่จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็เท่านั้นเอง”
ฉันต่างจากท่านโนอะที่กลับชาติมาเกิดพร้อมกับความทรงจำได้ผ่านทางการใช้เวทมนตร์ ฉันนี่ถือว่าผิดปกติอย่างแท้จริงเลย
ผู้กลับชาติมาเกิดจากอีกโลกนึง ไม่ใช่ว่าใครได้ฟังแล้วก็จะเชื่อได้เลยซักหน่อย แต่หลังจากที่ชั่งใจอยู่ว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ท่านโนอะทราบดีมั้ย เวลามันก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว
“ถ้างั้น ก็พูดซะตอนนี้เลยสิ”
“เรื่องอาจจะดูแปลกหน่อย แต่ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
“ฉันไม่สนหรอก เธอจะไม่โกหกฉันใช่มั้ย?”
ฉันหันไปหาทางท่านโนอะ ในขณะที่สแตก็กำลังยังดำดิ่งไปกับฮอทเค้กอยู่
“ถูกต้องแล้วค่ะที่ ฉันเองก็เหมือนกับท่านโนอะ เป็นคนที่กลับมาเกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำจากชาติก่อน แต่ จุดที่ฉันต่างจากท่านโนอะก็คือชาติก่อนของฉันไม่ได้เกิดหรือเติบโตมาในโลกนี้ค่ะ”
“ก็คือ เธอจะบอกฉันว่าเธอมาจากโลกคนละใบกับโลกใบนี้… ที่เธอจะพูดถึงคือ เธอเป็นผู้มาจากต่างโลกงั้นสินะ”
“ถูกต้องตามนั้นเลยค่ะ ฉันเกิดมาในโลกที่ไม่มีเวทมนตร์ แต่แทนที่กันด้วยการพัฒนาของวิทยาศาสตร์ ฉันใช้เวลา 14 ปีเติบโตมาในที่ที่คนผมสีดำและสีบลอนด์ทองนั้นมีอยู่กันเป็นปกติเลยค่ะ”
“น่าสนใจมากจริงๆ เล่าต่อสิ?”
“―――ฉันคงพูดไม่ได้หรอกค่ะว่านั่นเป็นชีวิตที่ดี แถมความทรงจำของฉันมันเป็นขาดแหว่งไปเหมือนสวิสชีสที่มีรูพรุนไปหมด เรื่องที่ฉันลืมไปมีเยอะเลยค่ะ”
“ถ้าเรื่องไหนลำบากใจเกินไปที่จะพูดถึง เธอก็หยุดได้ตลอดเลยนะ”
หลังจากที่ท่านโนอะให้กำลังใจ ฉันก็เริ่มพูด พร้อมพยายามย้อนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
โลกเดิมของฉัน โลกอีกใบที่ต่างจากโลกนี้
โลกที่วิทยาศาสตร์พัฒนา และการสื่อสารเชื่อมโยงกันไปทั่วโลก
นั่นแหละ ที่ที่ฉันโตมา
ถูกพ่อแม่ตัวเองทารุณ ถูกเพื่อนกีดกันให้อยู่ตามลำพัง ใช้เวลาไปวันๆ เหมือนคนตายที่ชีวิตแต่ละวันพังทลายไม่เหลือชิ้นดี
แต่ละวันที่ต้องใช้ในโลกนั้นมันไร้ทางออก เจ็บปวดยิ่งกว่าโลกนี้ซะอีก
สุดท้าย ในตอนที่ฉันถูกต้อนจนจนมุม พ่อกับแม่กำลังจะขายฉันอยู่แล้ว ฉันก็แทงมีดเข้าที่ท้องของตัวเองต่อหน้าต่อตาทั้งคู่ ฆ่าตัวตายได้ในท้ายที่สุด
ฉันเล่าเรื่องราวน่าเบื่อทั้งหมดนี่ที่รังแต่จะทำให้อารมณ์ฉันมันดิ่งลง ท่านโนอะที่รับฟังก็ไม่พูดอะไรกลับมาเลยซักคำ
แล้วท่านก็
“―――อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
ตอบสนองแบบนี้
ไม่สิ การตอบสนองแบบนี้มันแปลกเกินไปแล้วนะ
“ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะว่ามีตรงไหนที่น่าขำ”
“ฟุฮุฮุ… อ๊ะ ถ้าฉันเหมือนเยาะเย้ยเธอล่ะก็ โทษทีนะ? ฉันไม่ได้ขำกับอดีตของเธอหรอก แต่พอจินตนาการโลกพิสดารแบบนั้นแล้ว แบบว่า มันก็อดไม่ได้ล่ะนะ”
“โลกนั้นมันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“แปลกอยู่แล้วสิ! แบ่งแยกผู้คนกันด้วยเพราะแค่สีผิวต่างกันเท่านั้นเอง นี่ก็แปลว่าผู้คนไม่ว่าจะโลกไหนก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยไงเล่า! แถม โลกที่ไม่มีเวทมนตร์งั้นเหรอ ฉันเคยนึกภาพไว้ว่ามันจะเป็นโลกที่ยากลำบาก ไม่สะดวกสบายเลยซะอีก แต่จริงๆ แล้วโลกแบบนั้นมันกลับพัฒนาไปไกลยิ่งกว่าโลกนี้มากเลยซะงั้น! เป็นโลกที่น่าสับสนอะไรขนาดนี้เนี่ย! แล้วแบบนี้จะไม่ให้หัวเราะได้ยังไงล่ะ… อ๊าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ดูเหมือนจะไปจี้เส้นอะไรท่านโนอะเข้าล่ะมั้ง แต่ในเมื่อท่านดูเหมือนจะมีสนุกดี แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ
“ฮ่า~ ขำจนท้องแข็งไปหมดเลย แต่เธอนี่ก็ผ่านชีวิตที่น่าทึ่งมาเหมือนกันนะ มากยิ่งกว่าที่ฉันเคยจินตนาการเอาไว้ซะอีก ในชาติก่อน เธอเกือบจะถูกขายแล้ว พอมาในชาตินี้ เธอก็กลับถูกขายจริงๆ แล้วเธอยังมีความแค้นเคืองกับพ่อแม่ของเธอในชาตินี้หรือเปล่า?”
“จะว่าแค้นเคืองหรือเปล่านี่ แต่ไหนแต่ไร ฉันก็จำหน้าพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำไปนะคะ อีกอย่าง ถ้าพวกเขาไม่ยอมขายฉันมา ฉันก็ไม่ได้เจอกับท่านโนอะสิคะ เพราะฉะนั้นแล้ว ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์มันก็ดีแล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ แต่เธอดูจะไม่ชอบพ่อแม่ในชาติก่อนของเธอเลยนะ”
“ตอนนั้น ฉันถึงขั้นเสียความสามารถในการรู้สึกไม่ชอบไปเลยด้วยซ้ำค่ะ ฉันทำได้แต่กลัวจนตัวสั่นอยู่ตลอดเวลาเท่านั้นเอง แล้วในตอนที่กำลังจะถูกขาย ตอนนั้นมันเหลืออดสุดจนทนแล้วจริงๆ ในโลกนั้น ถ้าเกิดถูกขาย ถูกแจ้งว่าตายแล้ว หรือโดนริบสิทธิมนุษยชนไป ผลสืบเนื่องต่อจากนั้น ฉันมั่นใจเลยค่ะว่ามันทุกข์ทรมานยิ่งกว่าในโลกนี้แน่นอน”
อาจจะถูกบังคับให้ขายตัวไปชั่วชีวิต หรือเลวร้ายกว่านั้น ก็อาจจะถูกแยกชิ้นส่วน แล้วเอาอวัยวะไปขายก็ได้
จะยังไงก็ช่าง แต่ฉันมั่นใจเลยว่าตอนนั้น ฉันต้องเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้ายแน่นอน เพราะแบบนั้นแหละ ตอนนั้นฉันถึงไม่เสียดายเลยที่ปลิดชีวิตตัวเองไป
ผลในท้ายที่สุด ฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้วตอนนี้ ได้มาอยู่ข้างกายของคนคนนี้ นั่นแหละที่สำคัญล่ะ
“ตอนนี้ ฉันเล่าให้ท่านฟังทุกอย่างแล้วค่ะ”
“ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ทีนี้ ฉันก็สบายใจแล้วล่ะที่คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจฉันมานานได้ถูกคลี่คลายซักที”
“ดีแล้วค่ะที่ท่านว่าแบบนั้น”
ฉันเองก็สบายใจเหมือนกันที่ได้เล่าทุกอย่างให้ท่านโนอะฟังซักที
และท่ามกลางบทสนทนาเหล่านี้ สแตก็
“ขอบคุณ สำหรับอาหาร”
“เอ๊ะ? …เดี๋ยวนะ!? นี่เธอกินหมดเลยงั้นเหรอ!? ฮอทเค้กขนาดนั้นน่ะนะ!?”
“ฉันก็รู้สึกมีเค้าลางๆ อยู่นะ แต่กระเพาะของเด็กคนนี้นี่ยังกับหลุมดำเลยนะเนี่ย”
“อืม อร่อยจัง”
สแตมีสีหน้าพอใจ เอามือลูบท้องตัวเอง ก่อนจะหลุดเรอออกมานิดๆ อย่างน่ารักด้วย
บนโต๊ะตอนนี้ก็เหลือแต่อาหารที่เสิร์ฟให้ฉันกับท่านโนอะเท่านั้นเอง ที่เหลือตอนนี้หายวับไปหมดแล้ว
“แน่นท้องจัง…”
“มันก็แหงล่ะ ยัดอาหารลงท้องไปตั้งขนาดนั้นนี่ เอ้า จะปลดเข็มขัดออกก็ได้นะถ้าเธออยากทำ”
“อืม… ไม่แน่นท้องแล้ว รู้สึกว่ายังกินได้อีก”
“พอเลย ดูสิ กินจนหนังท้องตึง หนังตาหย่อนแล้วเนี่ย ไปแปรงฟันซะให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”
“อืม”
สแตอุ้มตัวโกราสึเกะไป แล้วก็เดินไปทางห้องอาบน้ำ
เอาเถอะ วันนี้วันเกิดเธอนี่นา ยอมตามใจซักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก
“กลับมาที่หัวข้อของเราก่อนนะคุโระ ความรู้จากอีกโลกของเธอเอามาใช้ประโยชน์ได้ เขียนอะไรก็ตามที่เธอจำได้ไว้ให้ฉันด้วยนะ อาจจะช่วยอะไรฉันได้ก็ได้”
“ค่ะ ถ้าความรู้ที่จำกัดของฉันจะช่วยทำประโยชน์ให้ท่านได้ ฉันก็ยินดีค่ะ”
จนกว่าจะถึงวันที่ท่านโนอะได้ครอบครองโลกใบนี้ มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะอุทิศตัวเองเพื่อเป็นกำลังของท่านผู้นี้จากก้นบึ้งของหัวใจ
นั่นคือ ความหมายในการมีอยู่ของฉัน ตัวตนของฉัน
เพราะฉะนั้น ฉันจะทำทุกอย่างไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เพื่อท่านผู้นี้แล้ว ต่อให้จะต้องชุ่มโชกด้วยเลือดไปทั้งตัว หรือต้องโดนดูถูกเหยียดหยามแค่ไหน นั่นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
“เพื่อการครองโลกแล้ว เราจะใช้ทุกวิถีทางที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ตาม”
“ค่ะ อีกอย่าง นอกจากสแตแล้ว เราคงยังต้องตามหาคนที่มีพรสวรรค์เวทมนตร์หายากในตัวต่อไปอีกนะคะ”
“นั่นสินะ เวทความมืด เวทแสงสว่าง กับเวทจิตใจ แต่ละเวทมนตร์ต่างก็มีความแข็งแกร่งเป็นของตัวเอง แต่ก็มีข้อจำกัดในตัวมากมายเหมือนกัน แต่ตอนนี้ที่สแตเป็นของฉันแล้ว การค้นหาก็น่าจะง่ายขึ้นอีกนิดแล้วนะ”
“…? หมายความว่ายังไงเหรอคะ?”
“เวทมนตร์สายจิตใจของสแตสามารถทำให้เธออ่านความทรงจำของคนอื่นได้ ด้วยการให้สแตอ่านความทรงจำในหัวของแต่ละคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ถ้าเกิดมีใครเคยเห็นคนผมสีผิดปกติเข้าล่ะก็ นั่นก็จะเป็นเป้าหมายของเรายังไงล่ะ”
“อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ แบบนี้ การค้นหาก็น่าจะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากโขเลยนะคะ”
ปัญหาก็คือว่า ตอนนี้สแตใช้ได้แต่เวทมนตร์พื้นฐานเอง
อย่างการเข้าแทรกแซงความฝันของสิ่งมีชีวิตที่นอนหลับอยู่ หรือควบคุมข้อมูลในสมองในขอบเขตที่ยังจำกัดมากๆ
แต่ให้เวลาเธออีกซัก 2-3 เดือน อะไรๆ ก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะ
“ก่อนอื่นเลยคือ เป็นไปได้มากเลยล่ะว่าในประเทศนี้จะไม่มีใครที่มีสีผมผิดปกติเหลืออยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ เราต้องขยายขอบเขตการค้นหาออกไปที่ต่างประเทศกันแล้วล่ะ”
“จากเป้าหมายที่เราตั้งต้นเอาไว้ ก็ยังขาดไปอีก 3 คนสินะคะ แค่จะหาเจอคนๆ เดียวก็ใช้เวลาไปตั้ง 3 ปี ถ้าเราหาต่อไปได้ด้วยความเร็วเท่าๆ นี้ล่ะก็ มีหวังกว่าจะหาได้ครบ คงต้องใช้เวลาเป็นสิบปีแน่เลยค่ะ”
น่าแปลกใจเหมือนกันที่เหล่าคนที่โดยดูถูกว่ามีเส้นผมชั้นต่ำเนี่ยมีน้อยกว่าที่คาดเอาไว้มากเลย
ท่านโนอะเคยบอกว่าต้องการนักเวทย์หายากอย่างน้อยก็ 5 คน
มีฉัน มีสแต นี่ก็ได้แล้วสอง แต่การจะเติมช่องโหว่ที่ยังเหลืออยู่นี่ก็ไม่ใช่งานง่ายๆ เลย
ดูท่าจะยังต้องเพียรพยายามตามหาต่อไปสินะ
“อาระ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ดูเหมือนเธอจะต้องลำบากอยู่คนเดียวซะแล้วนะ คุโระ”
“ล้อกันเล่นหรือไงคะ ฉันพร้อมรับใช้ท่านจนถึงลมหายใจสุดท้ายนั่นแหละค่ะ ท่านโนอะ”
ฉันมองดูท่านโนอะยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะยกชาที่ชงไว้ขึ้นจิบ ในใจก็รู้สึกพอใจในตัวเองด้วยเหมือนกัน
โน้ตจากผู้แต่ง : ตอนหน้า จะมีไทม์สคิปอีกรอบนะ
TN: เริ่มรู้สึกว่า คุโระจังเป็นเหมือนคุณแม่คอยดูแลประจำกลุ่มยังไงไม่รู้ 555
ตอนนี้ก็จบลงแล้วนะครับกับเนื้อเรื่องการพบเจอกับสมาชิกคนที่ 3 ของกลุ่มท่านโนอามารี โลลิหน้านิ่งประจำกลุ่ม หลังจากนี้ยังเหลืออีก 3 คน เราจะได้เจอเวทมนตร์แบบไหนกันอีกหนอ