วันต่อมา…
ผมกำลังเลือกดันเจี้ยนที่ควรไปจากรายชื่อดันเจี้ยนที่ผมเคยพิชิต
แม้ว่าในแง่ประสิทธิภาพ ไม่น่าจะมีที่ไหนที่ดีไปกว่าดันเจี้ยนยูนางิ นั่นเพราะการพิชิตและรับเลเวล 5 เลเวลจากมัน ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง ถ้าหากว่าผมพิชิตมัน 5 ครั้งต่อวัน เลเวลของผมจะเพิ่มขึ้นทั้งหมด 25 เลเวล
แต่ว่า ยังมีเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่หนึ่งเรื่อง ดันเจี้ยนยูนางิเป็นดันเจี้ยนที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ในหมู่ดันเจี้ยนระดับเดียวกัน เพราะเหตุผลนี้ นักผจญภัยมากมายจึงไปที่นั่นเพื่อหาเงิน และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
ดังนั้น มันจึงค่อนข้างวุ่นวาย พวกเขาจะนำวัตถุดิบที่ได้มาขายที่ร้านค้าด้านนอก ไม่แน่ว่า…พวกเขาอาจจะบังเอิญเห็น ตอนที่ผมกำลังใช้สกิล [การเคลื่อนย้ายภายในดันเจี้ยน] ผมอยากเลี่ยงเหตุการณ์นี้มากที่สุด
นั่นหมายความว่า ถ้าเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีคนแล้ว…ดันเจี้ยนชิออนเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน
ที่ดันเจี้ยนชิออน ผมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อพิชิตมัน และรับเลเวล 1 เลเวล มันเทียบไม่ติดกับดันเจี้ยนยูนางิ นอกจากนี้ วัตถุดิบที่ได้แทบไม่มีค่าอะไร ดูเหมือนจะยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเท่าไร
“ถ้างั้นน…อืมมมม นี่เป็นไง…”
ดันเจี้ยนระดับ D [ดันเจี้ยนยูเมมิ]
ระดับความยากค่อนข้างสูงในบรรดาดันเจี้ยนระดับ D ผมใช้ประมาณ 3 ชั่วโมงในการพิชิต ในทางกลับกัน รางวัลการเพิ่มเลเวลเท่ากับ 7 ซึ่งค่อนข้างสูง นอกจากนี้ หินเวทย์ที่ดร็อปจากดันเจี้ยนยูเมมิก็สามารถขายในราคาประมาณ 10,000 เยน ดังนั้น หากผมพิชิตมัน 3 ครั้ง จะเพิ่มเลเวลได้ 21 เลเวล และยังได้เงินอีก 30,000 เยน
นอกจากนี้ ด้วยลักษณะเฉพาะของดันเจี้ยนยูเมมิ ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากมอนสเตอร์ถือว่าน้อยมาก รวมถึงราคาของวัตถุดิบก็ต่ำมาก
จากความประหลาดของดันเจี้ยนยูเมมิ ที่ดูเป็นข้อเสียซะมากกว่า กลับมีประโยชน์กับผมอย่างคาดไม่ถึง หรือก็คือ นักผจญภัยส่วนใหญ่ไม่นิยมมาที่นี่ เพราะงั้น เลยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรบกวน
“เอาเป็นที่นี่แล้วกัน!”
หลังจากเตรียมความพร้อม ผมก็ขึ้นรถไฟไปที่ดันเจี้ยนยูเมมิที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1 ชั่วโมง
เมื่อผมมาถึง ตามคาด ดูเหมือนจะไม่เป็นที่นิยมเลยแฮะ มีแค่ผู้ดูแลดันเจี้ยนคอยตรวจเลเวลของนักผจญภัยอยู่ที่ทางเข้าเท่านั้น
เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ดันเจี้ยนที่สูงกว่าระดับ D จึงมีการจำกัดเลเวลของนักผจญภัย สำหรับดันเจี้ยนยูเมมิคือเลเวล 70 สำหรับแบบโซโล่ และเลเวลเฉลี่ย 50 สำหรับแบบปาร์ตี้
ผมหลบให้ไกลจากประตูทางเข้านิดหน่อยเพื่อไม่ให้ถูกผู้ดูแลเห็นตอนเปิดใช้สกิล [การเคลื่อนย้ายภายในดันเจี้ยน] ด้วยระยะห่าง 20 เมตร และเวลาที่ใช้ก็คือ 20×3 นั่นคือ 60 วินาที
เมื่อสกิลทำงานเสร็จสิ้น ผมก็เข้ามาอยู่ในดันเจี้ยนยูเมมิอย่างสวยงาม
“เอาล่ะ ไปไหนต่อดี?”
ผมเริ่มเดินออกไป พร้อมนึกถึงความทรงจำตอนมาพิชิตที่นี่ครั้งก่อน นอกจากบอสของดันเจี้ยนแล้ว ยังมีมอนสเตอร์อีก 3 ชนิดที่จะโผล่มาที่นี่ ก็อบลิน, โคโบลด์ และหมาป่าสีเทา เรียงลำดับตามความแข็งแกร่งของพวกมัน
ถึงอย่างนั้น การพิชิตที่นี่ก็ไม่ถือว่ายากอะไรสำหรับโซโล่ เพราะไม่มีมอนสเตอร์ที่โจมตีโดยใช้ [สภาวะผิดปกติ]
ผมเดินเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างระวัง พร้อมถือกริชไว้ในมือ
มันคือ [กริชแห่งยูเมมิ] ผมได้รับมันมาจากการพิชิตดันเจี้ยนครั้งก่อน มันถือเป็นอาวุธชั้นยอด ที่ได้จากโซโล่เพื่อการจัดการบอสของดันเจี้ยนในครั้งแรกเท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาผมก็ใช้มันมาโดยตลอด
“หืมม…มันมาแล้ว”
ผมชี้กริชไปยังที่ซ่อนของมอนสเตอร์ จากนั้น หมาป่าขนสีเทา 3 ตัว ได้ออกมา พวกมันแข็งแกร่งมากจากการประสานงานที่ยอดเยี่ยม แต่ยังไงก็ตาม…
“พวกมันค่อนข้างช้า”
หลังจากหลบการโจมตีของพวกมัน ผมเหวี่ยงกริชสวนกลับเพื่อจัดการพวกมัน
มันค่อนข้างยากในการพิชิตที่นี่เมื่อคราวก่อน แต่ตอนนี้เลเวลของผมเพิ่มขึ้นมากทีเดียว ดังนั้นตอนนี้พวกมันไม่ใช่คู่มือของผมแน่นอน
ผมรู้สึกได้ถึงการเติบโตจากการเพิ่มเลเวล แน่นอนว่าความสามารถในการต่อสู้เองก็สำคัญ แต่ผมรู้ซึ้งถึงความสำคัญของเลเวลยิ่งกว่า ในโลกนี้ เลเวลเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง
ผมเดินมาซักพัก หลังจากจัดการหมาป่าสีเทาแล้ว
ผมหลีกเลี่ยงที่จะสู้กับมอสเตอร์ให้มากที่สุด และรีบตรงไปยังห้องของบอส โชคดีที่ไม่มีใครสู้กับบอสอยู่ในตอนนี้
เมื่อผมเข้าไปในห้องของบอส ทางเข้าจะปิดอัตโนมัติ และจะไม่เปิดจนกว่าบอสจะถูกจัดการ เพราะงั้น ผมจึงต้องรอ หากมีใครท้าทายบอสอยู่ มันค่อนข้างยุ่งยากน่ะ
ยังไงก็ตาม ตอนนี้ผมต้องสนใจบอสของที่นี่ก่อน บอสของดันเจี้ยนยูเมมิก็คือ ฮาร์ปี้ มอนสเตอร์ที่มีหน้าเป็นหญิงสาว ครึ่งมนุษย์ครึ่งนก พวกมันมักจะร้องเพลงกล่อมที่ทำให้รู้สึกง่วง แต่มันไม่ได้ผลกับผม ด้วยเลเวลตอนนี้ ผมสามารถต่อต้านมันในระดับจิตวิญาณ
ที่สำคัญกว่านั้น พวกมันมักจะบินวนเวียนในอากาศ และจะโฉบลงมาเพื่อโจมตีเท่านั้น เพราะงั้น มันจึงยุ่งยากที่จะโจมตีพวกมันจากพื้น
ด้วยเหตุนี้ คราวก่อน ผมจึงใช้เวลาค่อนข้างนาน กว่าจะจัดการมันได้ แต่ในตอนนี้ มันไม่เป็นอย่างนั้น ผมได้รับสกิลใหม่มาแล้ว มันไม่น่าเป็นปัญหา แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์นั้นอีกรอบ
และสกิลนั้นก็คือ [นักเวทย์ฝึกหัด] มันทำให้ผมสามารถใช้เวทย์มนต์ในธาตุทั้งสี่ได้ ดิน, น้ำ, ลมและไฟ ถึงจะไม่ได้รุนแรงอะไร แต่มันมีระยะโจมตีที่ค่อยข้างไกล
“เอาไปกินซะ! [กระสุนเพลิง]!!”
ผมร่ายเวทย์มนต์โจมตีฮาร์ปี้ในอากาศอย่างต่อเนื่อง และทันทีที่พวกมันบินลงมาเพื่อโจมตี ผมก็ใช้กริชจัดการมันอย่างรวดเร็ว คราวนี้ ผมสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
『รางวัลการพิชิตดันเจี้ยน – เลแวลถูกเพิ่มขึ้น 7 เลเวล』
_____________
อามาเนะริน – อายุ 19 ปี – เพศชาย – เลเวล 116
SP: 100
HP: 970 / 990 MP: 50 / 170
พลังโจมตี:260
ควาททนทาน:180
ความเร็ว:240
ความฉลาด:140
ความแข็งแกร่งทางจิตใจ:110
โชค:230
สกิล : การเคลื่อนย้ายในดันเจี้ยน Lv10, เสริมแกร่ง Lv3, นักเวทฝึกหัด Lv3
______________
MANGA DISCUSSION