(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 9
ครั้งแรกสู่สนามรบ
หลังจากระดมกำลังพล เรามีเรือรบประมาณห้าพันลำ
แม้ว่าจะมีเรือรบทั้งหมดแปดพันลำ หลายลำก็ใช้งานไม่ได้เนื่องจากขาดการบำรุงรักษา
แต่ก็นะ รวมมาได้เท่านี้ก็ดีกว่าที่คาดไว้
บนสะพานเดินเรือประจัญบาน ผมกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้เป็นพิเศษ
สะพานเดินเรือเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง มีคนกว่าร้อยคนกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน
มีผู้คนมากกว่าเรือประจัญบานทั่วไป เพราะมันเป็นเรือธงที่ผมอยู่บนเรือด้วย
ขณะที่ผมมองดูผู้คนที่ขยันขันแข็งเหล่านั้นหน้าที่
“เราพร้อมจะออกเดินทางแล้วหรือยัง”
พวกทหารดูเครียด แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านผมซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพวกเขา
นี่เป็นความสัมพันธ์ปกติที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิ
“ขณะนี้กำลังเตรียมการอย่างเร่งด่วนครับ แต่นายท่าน ท่านตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีแล้วหรือ?”
ผมมองดูสีหน้าเป็นกังวลของผู้บัญชาการ และผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาน่าสมเพชเพียงใด
สงครามครั้งนี้เป็นเรื่องแหกตา
ชัยชนะของเราเป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว
ผมเป็นคนเดียวที่ยิ้มเพราะรู้เรื่องนั้น
ผมคาดหวังสมบัติที่พวกโจรสลัดมากกว่า
“ที่สำคัญกว่านั้น โจรสลัดพวกนั้นมีเงินเยอะใช่ไหม?”
พวกทหารหันมามองหน้ากัน
“ก็… ใช่ครับ”
“แค่คิดว่าทั้งหมดนั้นจะเป็นของผมในไม่ช้านี้ ผมทนรอไม่ไหวแล้ว”
ทหารทั้งหมดจ้องมาที่ผมขณะที่ผมหัวเราะ
◇ ◇ ◇
ขณะเดียวกัน ที่กองเรือของโกอาส
ในยานรบที่ใหญ่ที่สุดคือเรือธงส่วนตัวของโกอาส
นับตั้งแต่ที่เขาใช้มันเพื่อทำลายดวงดาว มันก็กลายเป็นเรือลำโปรดของเขา
มันถูกออกแบบใหม่จนถึงจุดที่คุณแทบจะไม่สามารถจำรูปลักษณ์ดั้งเดิมได้
ที่สะพานเดินเรือขณะที่เขาได้รับรายงาน โกอาสวางมือบนหน้าผากแล้วหัวเราะออกมา
“พวกเขากำลังออกมาพบเรา? ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะมีหัวใจนักสู้ทีเดียว”
เหล่าโจรสลัดที่อยู่รายรอบก็พากันหัวเราะ
กองเรือโจรสลัดของโกอาสไม่เคยแพ้
เขาคิดว่าพวกเบนฟิลด์จะยอมจำนน เพราะตระกูลเคาน์เล็กๆในพื้นที่ห่างไกล ส่วนใหญ่มีกองกำลังจำกัด
“ฉันต้องยอมรับว่าพวกมันมีจิตวิญญาณนักสู้อยู่บ้าง… สั่งการไป ถ้าจับเด็กเหลือขอนั่นเป็นๆได้ จะเพิ่มส่วนแบ่งเป็นสองเท่า ฉันต้องการให้เด็กคนนั้นเป็นของเล่นชิ้นต่อไปของฉัน”
ผู้ช่วยยิ้มรับ
“คุณตาถึงจริงๆ บอส”
“มันน่าสนใจที่จะสู้กับเด็กเหลือขอแบบนี้สักครั้ง เมื่อจบเรื่อง ฉันสงสัยว่าเราควรสนุกกับผู้คนที่เพิ่งสูญเสียดินแดนของพวกเขาอย่างไร”
โกอาส เป็นคนโลภอย่างไร้ที่สิ้นสุด
จำนวนชีวิตที่เขาได้กวาดล้างไปนั้นมากมายจนนับไม่ได้ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
เขามีทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดนั้นเกิดจากกล่องทองคำที่เขาเป็นเจ้าของ นั่นคือ[Alchemy Box ]
พูดง่ายๆ มันคือสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถผลิตทองคำจากสารใดๆ ก็ได้ ยกเว้นสิ่งมีชีวิต
มันเป็นเทคโนโลยีที่สาปสูญไปแล้วซึ่งไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้
นอกจากทองคำแล้ว มันยังสามารถผลิตมิธริลและอดามันเทียมได้อีกด้วย
มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ในฝันอย่างแท้จริง
“เอาล่ะ เราจะสอนว่าสงครามที่แท้จริงเป็นยังไง ให้เด็กน้อยที่โง่เขลาได้เรียนรู้ซะบ้าง”
พวกโจรสลัดเชื่อว่าชัยชนะนั้นแน่นอน
ใครๆก็คิดอย่างนั้น
พวกเขามีจำนวนมากกว่าศัตรูหกเท่า
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้วางแผนอะไรเลย แต่พวกเขาก็แน่ใจแม้ต้องแลกชีวิตแบบตัวต่อตัวก็ตาม
◇ ◇ ◇
ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่เราจะเข้าปะทะกับพวกโจรสลัด
ผมนั่งฟังการสั่งการของผู้บัญชาการขณะผ่อนคลายบนเก้าอี้
ตอนนี้ผมแทบจะไม่ได้ฟังอะไรเขาเลย
เก้าอี้ที่นั่งนี่มันสบายจนน่ากลัวเลยแฮะ
นั่งแบบไหนก็ไม่ปวดหลัง
ผมสามารถนอนที่ตรงได้นี้เลยด้วยซ้ำ
ถ้าผมหลับตา ผมคงได้หลับไปจริงๆแน่
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการตามแผนและรูปแบบต่างๆเชิงกลยุทธ์
ทุกคนได้รับมอบหมายหน้าที่อย่างเหมาะสม เพราะงั้นผมจึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมดจัดการในขณะที่ผมแค่ดูเฉยๆ
เพียงแค่มองดูสิ่งต่างๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะไม่เริ่มต้นในเร็ว ๆ นี้
ผมเข้าใจว่าทุกคนคิดว่านี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เนื่องจากความแตกต่างของตัวเลข
ผมร้องเรียกทหารที่ประจำการอยู่ใกล้ๆ
“จะเริ่มเมื่อไหร่”
“นายท่าน มันเริ่มขึ้นแล้ว เมื่อการต่อสู้ไปถึงขนาดที่ใหญ่ขนาดนี้ คุณจะไม่สามารถวิ่งเข้าไปในความมืดของอวกาศอย่างประมาทเลินเล่อได้ เรากำลังดิ้นรนมากพออยู่แล้ว”
“ผมมองไม่เห็นศัตรูเลยซักนิด”
“เมื่อพิจารณาถึงขนาดของจักรวาล โปรดจินตนาการว่าระยะทางที่ศัตรูอยู่นั้นถือว่าค่อนข้างใกล้มากทีเดียว”
“เอาเข้าจริงๆ ผมไม่เคยเรียนอะไรที่เกี่ยวกับสงครามเลย”
ในขณะที่ผมศึกษาหลายสิ่งหลายอย่างในแคปซูลการศึกษา ผมเลือกที่จะละเลยการศึกษาทางทหาร
เพราะรู้แบบนั้น ทหารก็อธิบายสถานะการณ์กับผมโดยละเอียดอย่างกับพูดกับคนโง่คนหนึ่ง
เขาไม่ได้ระวังคำพูดของเขาเลย แต่ผมชอบที่เขาพูดอย่างจริงใจ
เพราะเขาทำงานเพื่อผม ดังนั้นผมเลยยอมรับได้
ดูเหมือนว่ากองกำลังทั้งสองจะค่อยๆ ลดระยะทางลงในขณะที่พวกเขาจัดตำแหน่งกองทัพเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน
การตรวจสอบเรดาร์และเครื่องมือศัตรูก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เช่นกัน
มัวแต่จ้องกันนี่มันกี่วันแล้วเนี่ย?
ผู้บัญชาการทำหน้าบึ้ง
“ด้วยกองกำลังที่มากขนาดนั้น จำนวนทหารที่ศัตรูมีทำให้เราประมาทไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าโจรสลัดมีจำนวนมากเพียงใดทำให้เขาขมวดคิ้ว
ผมหันไปหาทหารอีกครั้ง
ด้วยพฤติกรรมของเขา เขาคงเป็นคนที่เคยอยู่ในกองทัพจักรวรรดิ
“สนามรบเป็นเช่นนี้เสมอหรือ”
“มันไม่ธรรมดาเลย แม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็เริ่มหมดความอดทนแล้ว”
ค่อยๆเข้าใกล้กันในขณะที่ปรับรูปแบบกองยานไปด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในระยะที่มองเห็นได้ แต่พวกเขาก็ยืนยันการมีอยู่ของกันและกัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น
“การสื่อสารของเราถูกรบกวน! มีศัตรูถูกพบใกล้เข้ามาโดยตรงเหนือกองเรือ! จำนวนของพวกเขาประมาณห้าร้อย!”
มีกองเรือโจรสลัดห้าร้อยลำกำลังโจมตีจากด้านบนกองเรือ หลังจากหลีกเลี่ยงการตรวจจับเรดาร์เข้ามาได้
ผู้บัญชาการเริ่มส่งคำสั่งทันที
“เคลื่อนไหวแล้วรึ? เตรียมสกัดกั้น! จับตาดูกองกำลังหลักไว้อย่าปล่อยให้พวกเขาคลาดสายตา!”
กองเรือของเราเปลี่ยนรูปแบบอย่างรวดเร็วเป็นรูปแบบหัวธนูที่ชี้ตรง พร้อมสำหรับการปะทะกับโจรสลัดที่เข้ามา
ผู้บัญชาการมีสีหน้าขมขื่นบนใบหน้าของเขา
ผมหันไปถามทหารที่อยู่ข้างๆ
“มันก็ดีไม่ใช่เหรอที่ศัตรูจะกระจายกองกำลังออกแบบนี้?”
“พวกเขาทำมันเพื่อทำลายรูปแบบของเรา ไม่ว่าเราจะสกัดกั้นมันได้เร็วแค่ไหน เราจะมีช่องว่างชั่วขณะหนึ่ง”
“โอ้…มันจะดีกว่าถ้าพวกเขาโจมตีเราด้วยกำลังทั้งหมดของพวกเขาตั้งแต่แรกงั้นสิ?”
ขณะที่ฉันบ่น ศัตรูก็เริ่มเข้ามาและใบหน้าของทหารก็เริ่มมืดลง
“นายท่าน คนเหล่านั้นไม่ใช่โจรสลัด แต่… พวกเขาเป็นกองกำลังของประเทศอื่นที่ยอมจำนนต่อพวกโจรสลัด”
พวกมันดูไม่เหมือนยานของจักรวรรดิ ดังนั้นพวกเขาคงจะเป็นกองยานของประเทศอื่น
นี่คือกลุ่มที่มาโจมตีเรา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมเดาเหตุผลได้เล็กน้อย
“เขาทำให้คนที่ยอมจำนนต่อเขาในอดีตกลายเป็นกองกำลังจู่โจมของเขา? แต่ทำไมพวกเขาถึงส่งกองกำลังออกไปพร้อมกับส่งสัญญาณรบกวนด้วย”
“การรบกวนการสื่อสารมันทำให้การสั่งการระหว่างพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำได้ พวกเขาส่งคนเหล่านี้มาทั้งๆแบบนั้น”
หากคุณไม่สามารถพูดคุยกับทหารของคุณ คุณไม่สามารถออกคำสั่งได้ พูดง่ายๆมันเป็นการตัดหาง
อย่างที่คิด เหล่ากองกำลังที่มาโจมตีครั้งนี้เป็นหน่วยพลีชีพของโจรสลัด
ขณะที่กองยานฝั่งนั้นเริ่มโจมตี เราก็ยิงกลับไปสกัดกั้น
เรายิงกันด้วยลำแสงและเลเซอร์
ผมอดไม่ได้ที่จะคิดว่า แสงวาบของแสงเลเซอร์ที่แหวกผ่านความมืดมิดของอวกาศนั้นดูสวยงามเล็กน้อย
◇ ◇ ◇
โกอาซปรบมือที่สะพาน
“ทำได้ดีไม่ใช่เหรอเนี่ย? ลูกน้องของเขาดูมีฝีมืออยู่เหมือนกัน”
ยานในกองกำลังของเขาจะหายไปห้าร้อย แต่โกอาซไม่ได้สนใจเลยซักนิด
เขามีกองกำลังที่จำนวนมากกว่าอย่างท่วมท้น จำนวนที่เขาสูญเสียถือเป็นจำนวนเล็กน้อย
ผู้ช่วยของเขายิ้มเช่นกัน
“หัวหน้า ศัตรูควรจะสับสน ได้เวลาโจมตีแล้ว”
กองยานของบ้านเบนฟิลด์น่าจะกระสับกระส่ายเนื่องจากการรบกวนการสื่อสาร โกอาสจึงออกคำสั่งของเขาหลังจากได้ยินรายงานของผู้ช่วย
โจรสลัดเคลื่อนที่เข้าใกล้มากขึ้น ในขณะที่ศัตรูกำลังต่อสู้กับเบี้ยที่ถูกทิ้งทั้งห้าร้อย
โกอาสตะโกนสั่งเสียงดัง
“เอาล่ะเด็กๆ ได้เวลาโจมตีแล้ว! เป็นเรื่องธรรมดาที่โจรสลัดจะโจมตีศัตรูที่กำลังตื่นตระหนก!”
พวกเขาเข้าโจมตีด้วยกำลังทั้งหมด
พวกเขาคิดว่าศัตรูจะตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม มีทุ่นระเบิดกำลังรอพวกเขาอยู่
ยานโจรสลัดหลายสิบลำโดนระเบิดและถูกทำลาย
“ช่างเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉลาดไม่เบา”
เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่
แต่ถึงอย่างนั้นควาเสียหายก็มีเพียงเล็กน้อย
ผู้ช่วยก็ไม่ตื่นตระหนกเช่นกัน
“พวกเขาทำได้ดีกว่าที่ฉันคิด”
โกอาสเริ่มหัวเราะ
“มันยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก! จะไม่สนุกเลยหากพวกเขายอมโดยไม่ต่อต้าน แต่มันก็เป็นความเสียหายแค่เล็ก-”
ทันทีหลังจากนั้น แนวหน้าโดนการโจมตีของศัตรูอีกครั้งและระเบิด
“…อะไร?”
โกอาสหันไปหาผู้ช่วยของเขาและขอรายงาน แม้ว่าผู้ช่วยของเขาจะดูตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบกลับ
“ดูเหมือนว่ากองยานของพวกเขาจะได้รับการฝึกมาอย่างดี แม้แต่คุณภาพของอุปกรณ์ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
โกอาสเอามือแตะที่พักแขน
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ของศัตรูได้เนื่องจากสัญญาณที่ติดขัด แต่เห็นได้ชัดว่ากองเรือที่พวกเขาโจมตีได้ฟื้นรูปแบบของพวกเขาแล้วและกำลังรอพวกเขาอยู่
“ฉันเข้าใจแล้ว…นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นสินะ”
ถึงอย่างนั้นพวกเขายังมีจำนวนมากกว่า
กองยานโจรสลัดและกองยานเลียมเข้าปะทะกันและเริ่มโจมตีกัน
ในแนวหน้าทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีการโจมตีใดหลุดมาใกล้ยานของโกอาซ
พวกเขามียานคุ้มกันที่มีเกราะพลังงานซึ่งปกป้องสภาพแวดล้อมของ เขา ดังนั้น เขาจึงไม่กลัวการโจมตีของศัตรู
“จัดการพวกมัน! เราได้เปรียบเรื่องจำนวนอยู่แล้ว ระเบิดยานของมันให้เละ!”
พวกเขากำลังต่อต้านเล็กน้อย
โกอาสเห็นว่ามันเป็นอะไรในระดับนั้นเท่านั้น
ในระหว่างนั้น ระยะทางระหว่างกองเรือเบนฟิลด์กำลังค่อยๆแคบลง
พวกเขาสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของศัตรูได้แล้ว
“ถ้ามันเหมือนกับกองทัพส่วนตัวของขุนนางทั่วไป อย่างน้อยหนึ่งในนั้นจะพยายามหนีออกจากสนามรบ”
หากยานลำหนึ่งหลบหนีออกไป ปฏิกิริยาลูกโซ่ของการหนีตายจะเกิดขึ้นและกองเรือของพวกมันจะล่มสลาย
เนื่องจากมันง่ายกว่าที่จะไล่ตามศัตรูที่หลบหนี ผู้ช่วยจึงหวังว่ามันจะเกิดขึ้น
“ต้องมีสวะที่วิ่งหนีเสมอ เราสามารถบดขยี้ยานเหล่านั้นได้ตามต้องการ”
“รับทราบครับบอส”
ยานรบที่ได้รับการฝึกฝนอย่างงูๆปลาๆของขุนนางระดับต่ำ จะต้องหลบหนีการรบที่เสียเปรียบ
เพราะพวกเขาขาดวินัย
กองกำลังของบ้านเบนฟิลด์ ก็คงจะเป็นแบบเดียวกัน
การโจมตีของโจรสลัดยังคงดำเนินต่อไป
แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป ทั้งสองสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
โกอาสลุกขึ้นจากเก้าอี้
“…อะไร?”
สิ่งที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์คือกองเรือข้าศึกที่ยังคงต่อสู้ด้วยกำลังสูงสุด
สิ่งที่เขาเห็นคือกองเรือศัตรูที่ ไม่ถล่ม-ไม่มีใครวิ่งหนี
ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขายังไม่หมดกำลังใจที่จะต่อสู้
ผู้ช่วยก็แปลกใจเช่นกัน
“ยังไม่วิ่งหนีอีกเหรอ? ไม่ พวกเขายังเดินหน้าเข้ามาอีกต่างหาก!”
โกอาสตะโกนใส่ผู้ช่วยที่กำลังตะลึงกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ส่งอัศวินขับเคลื่อนออกไป! ทำลายพวกมันซะ!”
ระยะห่างลดลงจนถึงจุดที่อาวุธรูปแบบนุษย์สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้
ราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยคำสั่งของเขา ศัตรูได้ส่งอัศวินมาโจมตีแนวหน้าแล้ว
“ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! อย่าได้ใจมากไปนัก! ฉันจะจับคุณและทำให้คุณเป็นของเล่นของฉัน”
โกอาสรู้สึกเลือดขึ้นหน้าเป็นครั้งแรกในการต่อสู้ครั้งนี้
◇ ◇ ◇
ที่สะพานเดินเรือ เจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่ใกล้ผู้บัญชาการกำลังออกคำสั่ง
ทีมงานยังได้ออกคำสั่งต่อไปหลังจากยืนยันสถานะปัจจุบันของการรบ
สิ่งต่าง ๆ ค่อนข้างวุ่นวาย
ทหารคนหนึ่ง… นั่นคือชายที่เคยอยู่ข้างเลียม หันไปทางเก้าอี้ซึ่งตอนนี้ว่างเปล่า
“เขาออกไปจริงๆ”
สิ่งนี้ทำให้เขาสับสน
เขาได้รับมอบหมายให้เป็นเรือธงเพื่อเป็นผู้ช่วยของเลียม แต่เลียมกลับบอกเขาว่าจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยอัศวินขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
เขาสั่งให้กองยานพุ่งเข้าใส่และออกไปในสนามรบ
เพราะแบบนั้นตอนนี้ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่โดยรอบอยู่ในความตื่นตระหนก
“ส่งอัศวินออกไปทันที! อย่าให้ใครมาทำร้ายท่านลอร์ด!”
“อัศวินคุ้มกันยังเตรียมตัวไม่เสร็จเลยครับ!”
“ทำบ้าอะไรกันอยู่!”
สะพานเดินเรืออยู่ในสภาพวุ่นวายเพราะเลียม
ทหารมองขึ้นไปที่จอมอนิเตอร์และมองเห็นเอวิท ที่ฉายอยู่ที่นั่น
“อัศวินเครื่องนั้น?”
การดำรงอยู่พิเศษที่เรียกว่า ‘อัศวิน’ นั้นแตกต่างจากนายทหารทั่วไป
พวกเขามีความสามารถที่เหนือมนุษย์
อัศวินเป็นผลมาจากการเสริมสร้างร่างกายและจิตใจเป็นเวลาหลายปีจากแคปซูลการศึกษาตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งทหารทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้
แม้จะขับเครื่องแบบเดียวกัน แต่การเคลื่อนไหวพื้นฐานก็จะแตกต่างกันมาก
หากพวกเขาต่อสู้กัน มันไม่ได้อยู่ในระดับที่ทหารทั่วไปจะสามารถชนะได้
ภาพฉายในจอมอนิเตอร์แสดงเอวิท ที่กำลังถือปืนบาซูก้าในมือซ้ายและดาบอยู่มือขวา
หลังจากฟันผ่านอัศวินโจรสลัดที่เข้าใกล้ด้วยดาบ มันก็ดำเนินการทำลายเรือโจรสลัดด้วยปืนบาซูก้า
หลังจากทิ้งบาซูก้าที่หมดกระสุนแล้วเอวิทก็เหยียดแขนของมันเข้าไปในวงเวทมนตร์ที่ปรากฎอยู่ใกล้ๆ และดึงอาวุธใหม่ออกมา
มันเป็นเวทย์มนตร์อวกาศซึ่งมีอาวุธจำนวนมากถูกเก็บไว้ล่วงหน้า
อาวุธถูกดึงออกมาและใช้ทีละอันในขณะที่มันกวาดล้างสนามรบ
ได้ยินเสียงของเลียมปะปนอยู่กับเสียงของระเบิดและการฟาดฟัน
“อ๊าาาาาาาาา!!! ลองมาหยุดฉันดูสิไอ้พวกเปรตเอ้ย!”
ทหารปาดเหงื่อเย็นยะเยือกที่ตกลงมาที่แก้มขณะที่เขามองดูร่างของเลียมที่กำลังฟันศัตรูและจมเรือโจรสลัดโดยไม่ลังเล
“เด็กแบบเขานี่… โตมายังไงกัน?”
เลียมซึ่งยังไม่ได้ทำพิธีบรรลุนิติภาวะ ก็ยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆของจักรวาลนี้
เด็กคนนี้กำลังต่อสู้กับโจรสลัดด้วยความปิติยินดี
ผู้บัญชาการที่ได้ยินเรื่องนี้เข้ามาใกล้ทหาร
“เขาทำให้คุณกลัวหรือเปล่า?”
“ท่านผู้บัญชาการ คือ…ไม่…เออ…ผม!”
ผู้บัญชาการนั่งลงบนเก้าอี้และพูดว่า “ใจเย็นๆ” กับทหารที่ยืดหลังอย่างแข็งทื่อทันที
“…ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาเป็นขุนนาง เขาอาจจะเป็นแค่เด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง…แต่ก็น่าสงสาร”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
ผู้บัญชาการกระซิบ
“เมื่อเขาอายุได้เพียงห้าขวบ เขาถูกพ่อแม่ทอดทิ้งและถูกบังคับให้ปกครองดินแดนที่ใกล้จะพังทลายที่ชายแดน หลังจากต่อสู้ดิ้นรนมาหลายครั้ง เขาก็สามารถพัฒนาดินแดนที่เสียหายได้ แต่ก็ไม่วายถูกบังคับให้ต่อสู้กับโจรสลัดเพื่อปกป้องดินแดน ฉันอยากเห็นว่าเขาเติบโตอย่างไรในอนาคต”
ผู้บัญชาการเริ่มบ่น “ฉันต้องการให้ลูกๆ ของฉันมีท่านลอร์ดเป็นแบบอย่างจริงๆ”
อดีตทหารของจักรวรรดิหลายคนถูกบังคับให้เข้ามาที่อาณาเขตของเลียม
หลายคนเป็นคนประเภทหัวแข็งและดื้อรั้น
คนที่จริงจังเกินไปถูกผลักไสไล่ส่ง
ผู้คนที่มีคุณธรรมเกินไปก็เหมือนกัน
แม้แต่คนที่ปฏิเสธสินบนก็ด้วย
พูดง่ายๆ มีคนที่ซื่อตรงหลากหลายประเภทมารวมตัวกัน
เหตุผลคือไกด์ต้องการรวบรวมคนเหล่านี้ เพื่อที่จะต่อต้านเลียมที่จะขึ้นเป็นจอมวายร้ายในอนาคต
จากมุมมองของบุคคลเหล่านั้น ท่านลอร์ดที่ชื่อเลียมนั่นน่ะ…
“หลังจากที่ฉันถูกไล่ออกจากกองทัพ ฉันก็รู้สึกหมดหวังในชีวิตไปแล้ว… แต่ฉันไม่คิดว่าจะพบขุนนางที่คู่ควรแก่การรับใช้ที่นี่”
ทหารโดยรอบพยักหน้าเข้าใจ
“ใช่ เขาเป็นผู้ปกครองที่มีคุณธรรมอย่างแท้จริง”
ร่างของลอร์ดที่ยืนอยู่ในแนวหน้าและต่อสู้
สำหรับทหารที่ยืนอยู่ข้างหลัง มันเป็นภาพที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงที่ได้เห็น
มันเป็นเรื่องผิดหลักการรบ ที่ผู้นำสูงสุดจะเป็นหัวหอกทะลวงฟันในการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม มันสร้างขวัญกำลังใจและปลูกฝังแนวคิดที่ว่า ‘ตราบใดที่เราติดตามบุคคลนี้ เราก็สามารถชนะได้’
เลียมได้แสดงถึงสิ่งนี้ให้พวกเขาดูโดยที่ไม่รู้ตัว
———————————————-
ปล.ยิ่งแปลก็ยิ่งรู้สึก ช่างเรื่องของบท… ตูแต่งเสริมก็ได้ฟะ 5555