(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 30
บารอน ราเซล
บ้านขุนนางถูกลดระดับ
ดาวทรัพยากรของพวกเขาถูกยึดโดยจักรวรรดิ และความน่าเชื่อถือทั้งหมดของพวกเขาในฐานะขุนนางก็หายไป
บ้านไวเคานต์…ไม่สิ… บ้านบารอน ราเซล กลายเป็นสถานที่ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือพอสำหรับการฝึกอบรมอีกแล้ว
“-มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
เมื่อบ้านเบนฟิลด์ถูกโจรสลัดโจมตี พวกเขาก็ถูกสงสัยเพราะไม่ได้เจตนาจะส่งความช่วยเหลือไป
สิ่งเดียวที่ดีต่อพวกเขาคือการที่เลียมสังหารผู้ซุ่มโจมตีทั้งหมด
นั่นรวมถึงกลุ่มโจรสลัดที่เหลืออยู่ในดินแดนทั้งหมดที่สามารถเล่นงานแรนดอล์ฟได้
แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจักรวรรดิจะทุ่มเต็มที่กับการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันจึงนำมาสู่สถานการณ์ดังเช่นปัจจุบัน
เหตุผลที่พวกเขาไม่ทำลายบ้านทั้งหมดก็เพราะว่ามันจะลำบากสำหรับฝ่ายจักรวรรดิที่จะต้องหาคนมาปกครองอาณาเขตของบ้านราเซลในทันที
นอกเหนือจากนั้น พวกเขาถูกลงโทษด้วยสิ่งที่พวกเขาทำลงไปอยู่แล้ว
บ้านพีตัคที่พวกเขาสานสัมพันธ์ด้วยได้รับการยืนยันแล้วว่าพังทลาย ในขณะที่หนี้สินจำนวนมหาศาลที่พวกพีตัคถืออยู่จะถูกผลักเข้าใส่พวกเขา
สาเหตุหลักคือตัวของแคทเทอรีน่าที่แต่งเข้าบ้านพีตัค
ถ้าปีเตอร์ตาย เป็นไปได้ที่แคทเทอรีน่าจะเป็นหัวหน้าคนต่อไปของบ้าน
คงจะดีสำหรับพวกเขาถ้าเลือกที่จะละทิ้งทุกสิ่งและวิ่งหนีไป แต่พวกเขาก็จะถูกเหล่าขุนนางดูหมิ่นเหยียดหยามและไม่เหลือกระทั้งทางรอดชีวิต
พวกเขาจะถูกมองด้วยสายตาที่เย็นชานับแต่นั้นในสังคมชนชั้นสูงของจักรวรรดิ
ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร แรนดอล์ฟก็มองไม่เห็นแสงสว่างของอนาคตเลย
ในขณะเดียวกัน…
“พวกนักธุรกิจทั้งหมดก็จากกันไปหมด”
พ่อค้าที่ได้ยินข่าวก็ละทิ้งพวกเขา
นักธุรกิจทุกคนที่พวกเขามีความสัมพันธ์ด้วยเริ่มตีตัวออกห่าง… แต่หลังจากการสืบสวนพบว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับพวกโจรสลัด พวกพ่อค้าทั้งหมดจึงใช้โอกาสนี้จากไป
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เห็นท่าไม่ดี ต่างก็ออกไปค้นหาลอร์ดคนใหม่เพื่อรับใช้เช่นกัน
คนที่เหลืออยู่คือคนที่ภัคดีกับบ้านราเซลจริงๆ
ในหมู่พวกเขามีอัศวินที่ดูแลเลียมอยู่ด้วย
“มันเกิดอะไรขึ้น…เราผิดพลาดตรงไหน”
แรนดอฟกำลังสิ้นหวัง – และไกด์กำลังเฝ้าดูเขาอยู่
เขายืนอยู่ต่อหน้า แต่แรนดอล์ฟมองไม่เห็นเขา
“คุณทำให้ฉันผิดหวังคุณแรนดอล์ฟ แต่ด้วยความสิ้นหวังของคุณ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ฉันจะแก้แค้นเลียม โดยใช้พลังที่คุณมอบให้ฉันอย่างแน่นอน”
แรนดอล์ฟ ปีเตอร์และคนอื่นๆ อยู่ในความสิ้นหวัง ความคิดด้านลบของพวกเขานำพลังจำนวนเล็กน้อยกลับมาหาไกด์
แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาไปต่อกรกับเลียมได้
ไกด์กำลังครุ่นคิด
“ถ้าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เรามาเปิดเผยทุกอย่างกับเลียมกันเถอะ”
ความสำนึกในบุญคุณของเลียมยังคงส่งไปถึงเขาแม้อยู่ไกลแสนไกล
หากปราศจากความรู้สึกด้านลบของแรนดอล์ฟหรือปีเตอร์ สถานะของเขาในตอนนี้จะเลวร้ายมาก
หากเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เขาอาจจะหมดพลังและสลายตัวไป
เขาหวังว่าคนพวกนี้จะมอบพลังด้านลบให้เขามากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ไกด์คิดอย่างนั้นจริงๆ
“ด้วยอารมณ์เชิงลบของคุณทำให้ฉันมีพลัง ฉันจะส่งเลียม ให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!”
เมื่อไกด์หายตัวไป แรนดอล์ฟก็เงยหน้าขึ้น
การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย – ใบหน้ารู้สึกสดชื่นขึ้น
อาจเป็นเพราะไกด์ซึมซับอารมณ์ด้านลบของเขา
“ฉันต้องทำงานหนัก ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็แค่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง อันดับแรก ติดต่อกับลูกชายของฉันก่อน แล้วฉันจะโทรหาแคทเทอรีน่าในภายหลัง”
เขาต้องการให้แน่ใจว่ามีอนาคตสำหรับลูก ๆ ของเขา
แม้จะไม่มีใครช่วย แรนดอล์ฟกำลังจะฟื้นฟูทุกอย่างกลับคืนมา
◇ ◇ ◇
ปีเตอร์ซึ่งความเป็นลูกผู้ชายได้ระเบิดออกมีสีหน้าว่างเปล่า
ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียง ปีเตอร์เริ่มหัวเราะอย่างว่างเปล่า
แคทเทอรีน่ายังอยู่เคียงข้างเขา
“ผู้ยิ่งใหญ่อย่างฉั…ไม่สิ ฉันมันเป็นคนโง่”
“เป็นอะไรไป?”
แคทเทอรีน่ารู้สึกประหลาดใจ
“แคทเทอรีน่า…คุณกลับบ้านของคุณไปเถอะ… คุณไม่จำเป็นต้องมามีส่วนร่วมกับฉันอีกต่อไป… ฉันจะเป็นพยานว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางร่างกาย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้”
สำหรับปีเตอร์แล้ว เขาไม่อยากให้แคทเทอรีน่ามามีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
“แม้ว่าฉันจะจากไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก พ่อบอกให้ฉันกลับแต่ฉันไม่ไป ถ้าฉันปล่อยให้คุณอยู่ตามลำพัง บ้านของคุณจะถูกทำลาย”
“…แคทเธอรี ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ.”
“ไม่เป็นไร.”
แคทเทอรีน่ามีสีหน้าผิดหวังบนใบหน้าของเธอ
ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดอย่างจริงจังถึงวิธีที่จะช่วยฟื้นฟูบ้านพีตัค
“ถ้าบ้านพี่ตัคได้รับการฟื้นฟู จะต้องมีคนโผล่มารับตำแหน่งหัวหน้าแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้นก็โยนเรื่องนี้ให้เขาแล้วเกษียณไปด้วยกัน”
“ได้สิ… ผมจะทำให้ดีที่สุด”
ปีเตอร์ก็เหมือนกับเลียม
เขาโตมาโดยไม่รู้จักความรักของพ่อแม่
พ่อแม่ของเขาได้หนีไปยังเมืองหลวงเมื่อตอนที่เขายังเด็ก
ปีเตอร์มีความสุขที่ได้มีคนที่เขาพึ่งพาได้เป็นครั้งแรกในชีวิต
◇ ◇ ◇
เมืองหลวงของจักรวรรดิ
หลังจากเทียจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอก็ได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นข้าราชการ
ระยะเวลาการฝึกอบรมนั้นมากกว่าสองปี โดยในระหว่างนั้นพวกเขาจะถูกบังคับให้ทำงานแปลกๆ ต่างๆ
อย่างไรก็ตามผู้ที่คาดว่าจะได้รับตำแหน่งสูงในอนาคตจะได้รับมอบหมายให้อยู่ในแผนกที่เหมาะสมซึ่งพวกเขาได้รับการศึกษาเป็นพิเศษ
เทียเป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อเธอเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลด้วยชุดสูท เธอมองเห็นทายาทของบ้านราเซลในชุดทำงาน
เขาถูกผู้บังคับบัญชาดุ
“เฮ้ ไอ้เจ้าเด็กใหม่! พูดขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นสิ่งเดียวที่คุณทำได้หรือเปล่าห๊ะ!”
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”
“คุณไม่ได้สนใจงานเลยรึไง!”
“มะ…ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“แบบนั้นมันแบบไหน? ยกเว้นพวกในแผนกดาวเด่น ทายาทของตระกูลขุนนางล้วนแต่เป็นพวกไร้ประโยชน์… หากมัวแต่ทำตัวแบบนี้ตลอดสองปี คุณคิดว่าคุณพร้อมเข้ารับตำแหน่งรึเปล่าห๊ะ!”
“ไม่ครับ… ฉันจะไม่ทำแน่นอน”
“แม้แต่คนอย่างคุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้หลบหนีจากสิ่งนี้ สำหรับการฝึกสองปีของคุณ คุณจะต้องทำความสะอาดห้องน้ำ”
ศีรษะของเขาก้มลงและมือของเขากำแน่น
บ้านราเซลถูกลดระดับลง และด้วยเหตุนี้ ลูกชายของพวกเขาจึงไม่อยู่ในแผนกดาวเด่น
เขาถึงขนาดถูกมอบหมายให้ทำงานในแผนกภารโรง
แผนกนั้นไม่ใช่สถานที่ที่จะให้พวกลูกขุนนางเข้าไปทำด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำงานอย่างจริงจัง
(…ฉันคงพูดอะไรไม่ได้ ฉันหวังว่านายจะทำดีที่สุด)
หากเธอพูดอะไรที่นี่ แสดงว่าเธอให้อภัยบ้านเรเซลที่ปฏิบัติแย่ๆกับเลียม แต่สภาพของผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เทียรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย
(เฮ้อ- การเรียนสองปี แล้วก็ฝึกงานอีกสี่ปี ระหว่างสถาบันการทหารกับมหาวิทยาลัย ฉันสงสัยว่าลอร์ดเลียมจะเลือกที่ไหน)
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจว่าจะต้องจริงจังยิ่งขึ้น
เทียทำงานหนักเพื่ออนาคตของเลียม
◇ ◇ ◇
มีการโต้ตอบอย่างรุนแรงภายในอาณาเขต
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผมได้ต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่โง่เขลาซึ่งเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ
แต่สิทธิและเสรีภาพของพวกเขาเป็นของผม!
พวกเขาไม่มีเสรีภาพหรือสิทธิอะไรทั้งนั้น!
“ทำไมพวกเขาถึงยืนกรานที่จะมีทรงผมอะไรแบบนั้น!”
ผมทุบโต๊ะในที่ทำงานขณะที่วางแผนส่งทหารไปยังสถานที่ต่างๆ
มันเป็นขบวนพาเหรดเพื่อประท้วงการแบนทรงผมแบบทอร์นาโด แต่ก็มีป้ายทรงผมแปลกๆหลากหลายแบบที่เข้ามาร่วมการประท้วงด้วย
เพราะมันเป็นเรื่องแบบนั้น พวกทหารก็เลยไม่รู้จะทำยังไง
บางคนถึงกับพูดว่า “ทรงผมนั้นก็ดูดีอยู่นะ…”
อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟร้ยย!
ผมจะไม่ยอมรับทรงผมแบบนี้แน่!
ไม่สำคัญว่าจะต้องใช้เวลากี่ปี! ผมจะบังคับให้พวกเขาใช้ทรงผมที่ผมต้องการแทนการตัดทรงทอร์นาโดบ้าๆนี่!
“ดินแดนแห่งนี้สงบสุขจริงๆ”
ผมตกตะลึงกับความคิดเห็นของอามากิ
“สงบสุขยังไง! ผู้คนกำลังลุกขึ้นต่อต้านผมนะ!”
เมื่อผมบอกสถานีออกอากาศว่า “สิ่งนี้มันสมควรถูกห้ามอย่างร้ายแรง!” พวกเขาก็บอกผมว่า “ไม่มีกฎหมายข้อไหน ที่ควบคุมทรงผม”
พวกเขาอยู่ฝ่ายใครกันแน่! ผมเป็นผู้ปกครองที่นี่!
อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟร้ยย!
เมื่อผมพยายามบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่บอกว่า “เรื่องแค่นี้เหรอครับ?”
จากนั้นพวกเขาจะเริ่มสอนผมว่า มันเป็นสิ่งพื้นฐานของสิทธิมนุษย์ชนในการเลือกจัดการร่างกายของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนผู้คนในอาณาเขต อีกทั้งมันยังเป็นที่นิยมด้วย
ผมรู้ว่ามันเป็นแบบนั้น… ผมรู้ แต่-!
ทำไมพอเป็นเรื่องทรงผมแล้วพวกคุณก็กลายเป็นนักวิชาการกันหมด!
นี่เป็นการตอบโต้ของพวกเขาต่อการเพิ่มภาษีใช่ไหม? มันต้องเป็นเรื่องนั้นแน่!
“ที่สำคัญกว่านั้น ดูเหมือนว่าทีมที่สี่จะไปถึงดาวบุกเบิกอย่างปลอดภัยแล้ว การพัฒนาดูเหมือนจะไปได้ดีกว่าที่คาดไว้ การเพิ่มภาษีโดยนายท่านดูเหมือนว่าจะช่วยในเรื่องนั้นอย่างมาก”
“อะไรจะสำคัญไปกว่าปัญหาทรงผม! ผมเกลียดมัน! คนที่มีทรงผมทอร์นาโดปรากฏตัวอยู่ทุกที่!”
ก่อนที่ผมจะเข้าเรียนในโรงเรียนประถม ผมจะแบนทรงผมนั้นให้ได้!
◇ ◇ ◇
หัวหน้าสาวใช้กำลังรายงานนายกรัฐมนตรี
“…และนั่นคือสถานการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ยกเว้นการประท้วงนิดหน่อย”
“ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของเขาเลยล่ะ”
หลังจากได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเลียม นายกรัฐมนตรีก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ
“ไม่ว่ายังไง สำหรับเขาที่จะลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนประถมกำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
“ส่วนตัวแล้วคาดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร… แต่ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กมีปัญหาจำนวนไม่น้อยที่ลงทะเบียนเรียนในทุกวันนี้”
โรงเรียนประถมก็มีปัญหาเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีความหวังไว้สูงสำหรับเลียม ผู้ซึ่งเป็นเหมือนแสงสว่างส่องประกายให้กับจักรวรรดิ
“ยังไงก็เถอะ ฉันได้ยินมาว่าเขาซื้อยานคลาสป้อมปราการมาจากโรงงานอาวุธที่เจ็ด ดูเหมือนว่าเขากำลังสร้างกองกำลัง มีเหตุผลอะไรไหม?”
หัวหน้าสาวใช้ตอบกลับ
“เราใช้มันเป็นฐานป้องกันชั่วคราวสำหรับพื้นที่รอบดาวบุกเบิก ต้องใช้เวลาหลายปีในการเตรียมฐานที่มั่น ดังนั้นเราจึงใช้มันแบบนี้จนกว่าจะถึงเวลานั้น”
“เข้าใจล่ะ นั่นคือเหตุผลสินะ? ฉันคิดว่ามันเป็นแบบนั้น”
◇ ◇ ◇
เด็กๆขุนนางได้รับการฝึกอบรมในบ้านของเลียม
แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ แต่พวกเขาก็ได้รับการฝึกอย่างเคร่งครัดเหมือนคนรับใช้ในช่วงสามปีของการฝึกอบรม
พวกเขายังได้รับการศึกษา จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเลียมไปเรียนโรงเรียนประถม?
– คำตอบนั้นง่าย
พวกเขายังคงใช้เวลาอยู่ในอาณาเขตของเลียมต่อไป
มีการสร้างมหาวิทยาลัยขึ้น พวกเขาจึงเรียนต่อในโรงเรียนที่ตนเองเลือก
เด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ในคฤหาสน์มาแล้วสามปีกำลังเดินไปรอบ ๆ บริเวณมหาวิทยาลัยในชุดธรรมดา
“ว้าว~ ท่านเคานต์นั้นใจกว้างจริงๆ เขาครอบคลุมค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพของเราด้วย”
ค่าเล่าเรียนของพวกเขาได้รับการยกเว้น
พวกเขาได้รับเงินช่วยเหลือ และถ้าไม่เพียงพอ พวกเขาจะเริ่มทำงานนอกเวลาหรือขอเพิ่มจากพ่อแม่
“เราคงไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นกันมากนักถ้ากลับบ้าน”
ในอาณาเขตของพวกเขาไม่มีมหาวิทยาลัย
เมื่อเทียบกับพื้นที่โดยรอบ อาณาเขตของเลียมได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ
เหตุผลที่เหล่าขุนนางปล่อยให้ลูกหลานไปเรียนต่างแดนก็เพราะพวกเขาต้องการให้พวกเขาเรียนรู้จากอาณาเขตที่มีความสมบูรณ์พร้อม แบบอาณาเขตของเลียม
“ฉันไม่อยากกลับบ้านเลย~”
เด็กสาวคนหนึ่งหันไปยิ้มให้เพื่อนที่คร่ำครวญของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องแต่งงานกับคนในท้องถิ่นแล้วย้ายมาที่นี่”
สาวคร่ำครวญจ้องมองเพื่อนของเธอ
“ฟังดูดีนะ~ ฉันอยากพักผ่อนที่นี่สักสิบปีเป็นอย่างน้อย”
“อย่ายอมแพ้! ฉันแน่ใจว่าคุณจะพบใครบางคนในหมู่อัศวิน”
สาวๆดูสนุกสนานกันจริงๆ
ผู้ชายก็พูดได้เหมือนกัน
พวกเขาทั้งหมดยังคงศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในขณะที่ประสบชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักและความเยาว์วัย
◇ ◇ ◇
“บัดซบ!!!”
ผมโมโหมากทั้งที่กำลังจะเข้าโรงเรียนประถม
เหตุผลก็คือ-
เมื่อหยิบนิตยสารแฟชั่นขึ้นมา ทรงผมบนหน้าปกก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แทนที่จะหายไป… และตอนนี้ผมก็หมดเวลาแล้ว
ไบรอันแสดงความคิดเห็น
“นายท่านเลียม ถ้าคุณไม่สนใจผู้คน เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะพบกับฝ่ายค้าน”
“ผมจะทุบมันให้ละเอียดเลย!”
ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะทำให้ผมโกรธได้ขนาดนี้
ผมสงสัยว่านี่เป็นการโต้ตอบของการที่ผมที่ให้อามากิขึ้นภาษีถึงขีดสุด
หากเป็นแบบนั้น ผมจำเป็นต้องบอกให้พวกเขารู้ว่าใครอยู่จุดสูงสุดของดินแดนนี้!
“แน่ใจรึครับว่าไม่อยากยอมแพ้?”
“ราวกับว่าผมจะยอมแพ้งั้นเรอะ! ผมจะทำให้พวกเขาเสียใจที่พวกเขากบฏต่อผม – ลอร์ดเลียมผู้นี้!”
“แต่ผู้คนดูเหมือนจะยังสนุกสนานกันอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ยิ่งไม่สามารถให้อภัยพวกเขาได้!”
ผมต้องเป็นผู้เดียวที่เล่นอย่างสนุกสนานในดินแดนนี้ แต่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ผมต้องใช้ไพ่ตายสำหรับจอมมารซะแล้ว
“หากเป็นแบบนี้ ผมสั่งให้ส่งอัศวินออกไปและบังคับให้พวกเขาตัดผม—”
ขณะที่ผมพูด ผมก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าไบรอันดูแปลกไปเล็กน้อย
เขาไม่เคลื่อนไหวเลย ราวกับว่าเวลาได้หยุดลง
ความรู้สึกนี้ ใช่… ผมรู้ว่าสถานการณ์นี้คืออะไร
เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็พบไกด์ที่ดูเหนื่อยๆ
เขากำลังนั่งไขว่ห้างบนกระเป๋าเดินทาง
เขายังคงสวมหมวกทรงสูงของเขา ใบหมวกกดต่ำจนผมมองไม่เห็นดวงตาของเขา
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวบนใบหน้าของเขานั้นชัดเจน
“ไม่เจอกันนานเลยนะ เลียม”
“เป็นคุณนั้นเอง…”
ไกด์กางมือออก
“ฉันอยากพบคุณจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาในวันนี้”
สำหรับไกด์ที่ดูมีความสุข ผมต้องการกล่าวขอบคุณเขาสักสองสามคำ
“ที่จริงผมก็อยากเจอคุณเหมือนกัน ผมต้องการที่จะ—”
ไกด์เอานิ้วชี้มาที่ปากเพื่อบอกให้ผมหยุด
“ขอให้ฉันได้พูดอะไรบางอย่างก่อนนะเลียม… ฉันมีหลายอย่างที่อยากจะพูด”
หลังจากยืนขึ้น ไกด์ก็เริ่มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่คิดว่ามันตลกบ้างเหรอ?”
“หะ…เรื่องอะไรล่ะ?”
“หลายๆอย่างนั่นแหละ แต่ถ้าให้เลือกหัวข้อล่าสุด… ก็คงเป็นเรื่องบ้านราเซล… เลียม คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอว่าทำไมคุณถึงถูกปฏิบัติแบบนั้นที่นั่น?”
“ไม่จริงน่า—”
“คิดได้รึยัง!”
ไกด์ที่จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดัง เริ่มไอแล้วพูดต่อ
“เลียม อันที่จริงมันต้องเป็นคุณต่างหาก ที่ควรได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ใช่ปีเตอร์! ซึ่งมันเป็นโอกาสของคุณที่จะได้พบกับลูกสาวของบ้านราเซล และสร้างสัมพันธ์กับบ้านที่ทรงพลัง มันควรเป็นเหตุการณ์แบบนั้น!”
“-คุณล้อฉันเล่นแน่ๆ”
ขณะที่ผมลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ ไกด์ก็กางมือออกและเริ่มหัวเราะ
“แล้วทำไมปีเตอร์ถึงเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของคุณไป? เป็นเพราะมีคนเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง”
“เบื้องหลังงั้นรึ?”
“นั่นคือฉันเอง!” (TL: ซุปเปอร์เบจิต้าคนนี้….แค่กๆผิดๆ)
ไกด์ที่โค้งคำนับ ส่งรอยยิ้มมาทางผมขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“มันเป็นฉันเอง และฉันตลอดมา”
เมื่อผมเริ่มคิดถึงความจริงที่เกิดขึ้นมาตลอดกับผม
“ทะ…ทั้งหมดนั่น…”
“ไม่ใช่ปีเตอร์ที่พรากทุกอย่างไปจากคุณ! คุณสูญเสียทุกอย่างเพราะฉัน! ใช่แล้วเลียม! คุณถูกหลอกแล้ว!”
มันเป็นเขา…..
———————————————-
ไบรอัน (; ・`ω・´) “อะ…อะไรนะ!?”