ครอบครัว
หนึ่งเดือนหลังจากการสู้รบสิ้นสุดลง ในที่สุดดินแดนก็เริ่มสงบ
ไม่สิ พวกลูกน้องของผมยังยุ่งอยู่
แต่อย่างน้อยผมก็ได้พักผ่อน
ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์ ผมกำลังพบกับพ่อค้าเอจิโกยะของผม…โทมัส
“โทมัส… ถ้านี่เป็นเรื่องตลกก็ไม่ตลกเลยนะ”
“เอ๊ะ แต่ฉันคิดว่าฉันให้ราคายุติธรรมนะ? ไม่งั้นเหรอ?”
เขากำลังแสดงราคารับซื้อ โลหะมีค่า โบราณวัตถุ และสมบัติอื่น ๆ ที่ผมได้มา
ซึ่งปริมาณมันมากจนน่าขำ
มีตัวเลขหลายหลักแสดงอยู่ที่จอ มันมากกว่าที่ผมเคยเห็นมาชั่วชีวิต
ถ้าเทียบกัน เงินทั้งหมดที่ผมเคยมีมันเป็นเศษเหรียญ ถ้าคุณได้เงิน 1000 บาท กับเศษอีกนิดหน่อย คุณก็จะคิดว่าเศษนั้นมันดูเล็กน้อยจนไม่ได้สนใจ
มันก็ความรู้สึกอะไรแบบนั้น เงินมันจำนวนมากเกินไปจนคาดไม่ถึง
“ไม่มีอะไร ผมแค่อยากลองพูดอะไรแบบนั้นดูน่ะ”
“เข้าใจแล้ว แต่คุณแน่ใจหรือว่าจะขายทุกอย่างเลย”
ผมขายโลหะมีค่าและสมบัติล้ำค่าส่วนใหญ่ที่ผมได้มา
เหตุผลเหรอ? เป็นเพราะผมต้องการเงินน่ะสิ
นั่นจะทำให้เราลดหนี้ลงได้เยอะ
แต่ถึงแม้จะได้มากขนาดนี้ก็ยังจ่ายไม่หมด
– ครอบครัวของผมใช้เงินไปกับอะไรกัน?
“ผมไม่ได้ขายทุกอย่างซะหน่อย ผมยังคงเก็บบางสิ่งไว้เช่นดาบเล่มนี้”
เมื่อผมนำเสนอดาบที่ผมชอบ โทมัสก็ดูประทับใจ
“ดูเหมือนว่าท่านจะได้รับดาบล้ำค่าทีเดียว”
“ใช่ไหมล่ะ”
ตอนแรกผมคิดว่ามันแค่ใช้ฟันได้ดี แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นของดีจริงๆ
“ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นฉันจึงไม่รู้รายละเอียด หากคุณต้องการ ให้ฉันนำผู้เชี่ยวชาญมาประเมินมันไหม?”
“ไม่ต้องหรอก”
“ถ้างั้นก็… รายการที่คุณสั่งจะถูกจัดส่งทันที”
ผมเพิ่งซื้อเครื่องมือแพทย์จากโทมัส
ตลอดเดือนที่ผ่านมา ผมเริ่มจัดการสิ่งต่างๆ
ผมกำลังเตรียมการรักษาให้พร้อมสำหรับคนที่ได้ช่วยชีวิตไว้
“ผมขอฝากการเลือกบุคลากรทางการแพทย์ให้คุณจัดการด้วยได้ไหม?”
“ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความคาดหวังของคุณ”
มันสะดวกจริง ๆ ที่มีพ่อค้าส่วนตัวที่ขึ้นตรงกับผม
เขาสามารถจัดบุคลากรต่าง ๆ ให้ผมได้
เพราะแบบนั้น แน่นอนว่าเขาทำกำไรมหาศาลภายใต้ชื่อของผม
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
โทมัสยังคงพูดต่อไปว่า
“แล้วคุณจะไปเมืองหลวงเมื่อไหร่?”
“ผมคิดว่าคงจะไปก่อนที่จะถึงวัยผู้ใหญ่ในปีหน้า”
ในจักรวาลนี้ เมื่ออายุครบ 50 ปีจะถือว่าคุณเป็นผู้ใหญ่ แต่หากคุณเป็นชนชั้นสูง สิ่งต่างๆก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากขึ้น
ในที่สุดผมก็ต้องไปเมืองหลวง ที่ซึ่งมีการฝึกสำหรับขุนนางหลายวันรอผมอยู่
กฎหมายกำหนดให้ผมต้องเข้าเรียนในสถาบันที่ดูแลโดยจักรวรรดิ
ลำบากใจจริงๆ
จากนี้ไป ผมคิดว่าจะสามารถทำสิ่งชั่วร้ายได้หลายอย่างในฐานะเจ้าเมืองชั่ว แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่สามารถกลับมายังดินแดนได้ชั่วขณะหนึ่ง
“ฉันจะเข้าร่วมพิธีอย่างแน่นอน ฉันจะเอา ‘ขนมสีเหลือง’ ไปด้วย”
“พ่อค้าเอจิโกยะเป็นที่มาของความชั่วร้ายอย่างแท้จริง!”
ผมล่ะชอบสินบนจริงๆ
◇ ◇ ◇
โรงงานอาวุธที่เจ็ดเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่บนดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรในอดีต
แต่ดาวเคราะห์ดวงนี้แหล่งทรัพยากรได้ถูกขุดออกไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงปรับปรุงมันเพื่อให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกแทน
พวกเขาผลิตอาวุธ แต่พวกเขาก็ทำงานด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
งานวิจัยที่พวกเขาทำ เกี่ยวกับอาวุธของมหาอำนาจต่างแดนเป็นหนึ่งในนั้น
ไนอัสซึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี รู้สึกประทับใจกับจำนวนเรือรบโจรสลัดที่ครอบครัวเบนฟิลด์ส่งมาให้
“ถ้าฉันไม่รู้ว่านี่คือยานรบของพวกโจรสลัดฉันไม่คิดว่ามันเป็นยานรบด้วยซ้ำ การตกแต่งยานดูไร้รสนิยมจริงๆ”
คนงานกำลังตรวจสอบยานที่นำเข้ามา และดูเหมือนพวกเขาจะมีความคิดเห็นแบบเดียวกัน
“พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้ตกแต่งพวกมันให้ฉูดฉาดขนาดนี้? แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เราถือว่าได้รับวัสดุจำนวนมากมาแทน”
ไนอัสถอนหายใจ
“แต่เนื่องจากฉันไปซื้อสิ่งเหล่านี้โดยไม่ได้คำนวนให้ดี งบประมาณของเราติดขัดอีกแล้ว เมื่อไหร่จะคำสั่งซื้อใหญ่ๆเข้ามาอีกนะ”
ไนอัสที่อยากให้เลียมซื้อยานรบเพิ่ม กำลังสงสัยว่าเขาอยากได้แบบไหน อาจจะต้องใส่ชุดที่ดูฉูดฉาดหน่อยล่ะมั้ง?
ลูกน้องของเธอเริ่มหัวเราะ
“คุณคิดอะไรอยู่ ใช่สีชุดชั้นในรึเปล่า?”
“เฮ้ หัวเราะทำไม? ทำไมพวกคุณถึงหัวเราะเยาะฉัน!”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่… เพราะแบบนั้นคุณถึงได้ลูกค้าที่ดีเข้ามา”
โรงงานอาวุธที่เจ็ดมีงบประมาณค่อนข้างน้อย เมื่อพิจารณาจากการสูญเสียอย่างต่อเนื่องในการเสนอราคาให้กองทัพจักรวรรดิ
อย่างไรก็ตาม พวกเขามีเหตุผลที่พวกเขาซื้ออาวุธและวัสดุทั้งหมดจากเลียม
“ครั้งต่อไปเราจะไม่แพ้ หากเราสามารถพัฒนาเรือประจัญบานให้ก้าวไปอีกขั้น เราจะมีโอกาสกลับมายิ่งใหญ่”
“ฉันแค่พยายามต่อไปเรื่อยๆ”
ไนอัสมุ่งมั่นในการทำงาน ขณะที่ลูกน้องมองดูเธอด้วยสายตาที่อบอุ่น
◇ ◇ ◇
ประมาณหนึ่งปีต่อมาในที่สุดผมก็มาถึงเมืองหลวงของจักรพรรดิเพื่อร่วมพิธีมอบรางวัล
ได้ยินมาว่าเมืองหลวงเป็นสถานที่ที่น่าทึ่ง และนั่นคือความจริง
ก่อนอื่น ให้นึกภาพบางสิ่งที่ห่อหุ้มโลกทั้งใบ
ลองนึกภาพว่า ‘บางอย่าง’ ที่ห่อหุ้มโลกนั้นเป็นโลหะทรงกลมขนาดยักษ์
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ไว้ใช้ควบคุมโลกทั้งใบ
มันควบคุมสภาพอากาศในขณะที่เป็นกำแพงที่ทรงพลังในการป้องกัน
เมื่อผมเห็นมันครั้งแรก ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าคนที่คิดมันคนแรกนี่ค่อนข้างบ้าใช้ได้
จากท่าจอดยาน เราลงลิฟต์วงโคจรไปที่ระดับพื้นดิน และเมื่อเราไปถึงพื้นในที่สุด เราได้รับการต้อนรับด้วยป่าคอนกรีต – ไม่ใช่สิ เมืองหลวงของจักรวรรดิไม่ได้สร้างด้วยคอนกรีต มันเป็นอาคารสีเทาที่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งไม่ได้สร้างจากซีเมนต์
มันเหมือนกับดาวเคราะห์จักรกล
แต่ถึงยังไง มันก็มีตึกระฟ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งก็ดูเข้าทีสำหรับดาวเคราะห์ที่มีประชากรทั้งหมด หลายแสนล้านคน
เรื่องที่มันน่าทึ่งเป็นเรื่องจริง
แต่ถ้ามีคนมาถามผมว่าอยากอยู่ที่นี่ไหม ผมขอปฏิเสธอย่างแรง
ในวันทำพิธี
ชายหญิงสองคู่เดินเข้ามาหาผม
ทั้งสี่ดูเหมือนคู่รักชายหญิงสองคู่ อายุราวยี่สิบ
ผมยุ่งอยู่กับการตรวจสอบเสื้อผ้าที่ใส่ในห้องแต่งตัว ดังนั้นผมค่อนข้างจะระวังผู้คนที่เข้ามาอย่างกระทันหัน
ผู้ชายคนหนึ่งยิ้มให้ผม
“ไม่เจอกันนานนะเลียม”
“…คุณคือใคร?”
หลังจากที่ผมพูดออกไป ห้องรับรองก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ
ชายคนนั้นพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่เบี้ยวขึ้นเล็กน้อย
“โอ้ ฉันคิดว่ามันสมเหตุสมผล ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว หรือว่าฉันดูแก่ขึ้นรึเปล่า?”
“ไม่…คุณเป็นใคร?”
ผมสงสัยว่านี่เป็นหนึ่งในญาติที่จะปรากฎตัวเมื่อผู้คนมีชื่อเสียง ผมเคยได้ยินเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตก่อนของผม
แต่ในชีวิตที่แล้วผมอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีญาติสนิท
เมื่อคุณตกอับ พวกเขาจะหลีกเลี่ยงคุณเหมือนโรคระบาด หากแต่คุณมีชีวิตที่ดี พวกเขาก็จะรวมตัวกันเหมือนแมลงเม่าเข้ากองไฟ
คนพวกนี้ก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเคยเห็นพวกเขาที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่ผมไม่สามารถจำมันได้
พวกเขาทั้งสี่มีสีหน้าที่ซับซ้อนในขณะที่ผมเอียงคอด้วยความสงสัย
ผมหันไปหาอามากิ
“อามากิ รู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร”
“นายท่าน ที่อยู่ตรงหน้าคือพ่อแม่ของคุณ และข้างหลังพวกเขาคือปู่ย่าตายายของคุณ”
-พ่อแม่ของผม? ผมลืมไปเลยว่ามีพวกเขา
พวกเขาเป็นคนที่น่าสงสารที่ถูกริดรอนจากทั้งสถานะและอาณาเขตของพวก- …ไม่ เดี๋ยวก่อน คนพวกนี้… เป็นคนผลักภาระหนี้สินให้ผมไม่ใช่เรอะ?
ผมรู้สึกได้ว่าความโกรธของผมลุกโชนขึ้น
พ่อของผม– คลิฟ ไอแห้งๆแก้เขิน
“ดูเหมือนว่าในที่สุดคุณจะจำได้ แม้จะไม่ได้เจอหน้ากันมากว่าสี่สิบปี แต่คุณก็จำหน้าเราไม่ได้ ฉันตกใจเล็กน้อยในฐานะพ่อ”
ไม่… มันเป็นเพราะผมจำไม่ได้ว่าคุณทำอะไรเหมือนพ่อคนบ้าง
แม่ของผม– ดาร์ซีเริ่มหัวเราะ
“โอ้ เลียม หยุดล้อเล่นได้แล้ว คุณยังใช้แอนดรอย์ที่ฉันซื้อให้คุณเมื่อหลายปีก่อนอยู่อีกเหรอ? คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณไม่ควรนำ’เจ้าพวกนี้’ เข้าไปในวัง”
…เธอพูดอะไรน่ะ?
ชายและหญิงที่เห็นได้ชัดว่าเป็นปู่ย่าตายายของผมก็เห็นด้วยกับเธอ
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน แต่มันทำให้ฉันเสียใจที่เห็นหลานของฉันนำแอนดรอย์ไปที่วัง คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นคุณควรทิ้งมันไปซะ”
“ใช่ ไม่งั้นคุณจะนำความอับอายมาสู่บ้านเบนฟิลด์”
ปู่ย่าตายายที่ผมเพิ่งพบครั้งแรกดูเหมือนคนอายุยี่สิบ เลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก
แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติในจักรวาลนี้
ในขณะที่เทคโนโลยีต่อต้านวัยก้าวหน้า ผู้คนจำนวนมากสามารถรักษารูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ไว้ได้แม้หลังจากที่พวกเขาแก่ตัวลง
อามากิก้มศีรษะลงและพยายามจะจากไป
“ดิฉันจะแยกตัวไปอยู่อีกห้องหนึ่ง”
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา อยู่ข้างๆผม… เอาล่ะตอนนี้คุณต้องการอะไรจากผม”
พ่อแม่และปู่ย่าตายายของผมเริ่มบอกสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่สนใจท่าทีของผม
“เราได้ยินมาว่าคุณจะได้รับรางวัลมากมายในไม่ช้า และคุณสามารถแบ่งพวกมันได้ไหม? คุณน่าจะรู้ว่าเราก็มีหนี้อยู่นิดหน่อยเหมือนกัน…”
“ชีวิตในเมืองหลวงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หากคุณสามารถจ่ายได้ เราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากคุณสามารถเพิ่มจำนวนเงินที่คุณส่งให้เราทุกปี”
การใช้ชีวิตในเมืองหลวงนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นพวกเขาต้องการให้ผมส่งเงินไปให้พวกเขามากขึ้น
รู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ขอให้พ่อแม่เพิ่มเงินค่าขนม
แต่ว่าตำแหน่งมันกลับกัน
“ฉันได้ซื้อของจากพ่อค้าจำนวนมาก ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะจ่ายเงินให้ด้วย”
“ยายมีความสุขมากที่มีหลานดีๆแบบคุณ”
ปู่กับย่าของผมพูดเสริมด้วยความเห็นแก่ตัว
เมื่อผมคิดถึงสาเหตุที่ทำให้ดินแดนที่ผมดูแลเสื่อมโทรม ผมก็รู้สึกไม่พอใจพวกเขามากขึ้น
มันเป็นเงินของผม
มันเป็นอาณาเขตของผม
มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณซักอย่าง!
“อามากิ เมื่อเรากลับบ้าน เราจะตัดพวกเขาทิ้ง”
“แต่ท่านเลียม นี่คือครอบครัวของคุณ!”
“ผมไม่สนใจ”
คนที่ผมคิดว่าเป็นพ่อแม่ของผม คือพ่อและแม่ในชีวิตที่แล้วเท่านั้น
ผมไม่รู้จักคนเหล่านี้
พวกเขาผิดเองที่พยายามกระตุ้นความรู้สึกของผมเกี่ยวกับ ‘ความรักครอบครัว’
-สำหรับที่นี่ผมเป็นคนชั่ว
ต่อหน้าสาวใช้ในวัง ผมได้ประณามครอบครัวของตนเองอย่างเปิดเผย
ในห้องถูกล้อมด้วยอากาศที่น่าอึดอัดอีกครั้ง ผมหันไปหาอามากิ
“หนี้ของพวกเขา ผมต้องจ่ายให้รึเปล่า?”
“ดิฉันคิดว่าไม่จำเป็น แต่คุณอาจได้รับการมาเยี่ยมจากพ่อค้าหรือคนทวงหนี้ นายท่าน”
“…นี่แม่งโคตรน่ารำคาญ”
คนรอบข้างผมอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น
เห็นแบบนั้นอามากิก็ยื่นข้อเสนอ
“เราจะต้องชำระหนี้ทั้งหมดในปัจจุบัน และทำลายการเชื่อมต่อทั้งหมดโดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกันในอนาคต มิฉะนั้นชื่อของนายท่านจะเสียหาย”
ผมต้องการลบการเชื่อมต่อนี้โดยเร็วที่สุด แต่ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
“เตรียมเอกสารมา ผมจะจ่ายมันให้หมด”
◇ ◇ ◇
นอกสถานที่พิธี.
มีชายคนหนึ่งเดินด้วยท่าทีอ่อนล้าเอามือข้างหนึ่งพิงกำแพง
คนคนนั้นคือไกด์
“ทั้งหมดนี้เป็น ความผิด ของเขา … ทั้งหมดเป็นเพราะเลียม”
เสียงของเขาอ่อนแรง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความแค้นออกมาจากปากของเขา
จากเหตุการณ์โกอาส ไกด์ได้ใช้พลังส่วนใหญ่ของเขาไป ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่การหลบหนีไปยังมิติอื่น
ตอนนี้เขากำลังทุกข์ทรมานจากความกตัญญูของเลียม ซึ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
“เขาเอาชนะโกอาสได้อย่างไร? เขาไม่น่าจะตัดผ่านร่างของโกอาสได้ ทำไมเขาถึงได้เจอดาบเล่มนั้น”
เดิมที เลียมไม่น่าจะได้มันมา
ไกด์เป็นแบบนี้ไม่ใช่แค่เขาใช้พลังมากเกินไป แต่ยังเป็นเพราะความกตัญญูของเลียมนั้นบีบรัดเขาจนแทบจะทนไม่ไหว
“ฉันจะไม่ยกโทษให้เขา ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขา”
ด้วยฟันที่กัดแน่น ไกด์จึงมุ่งหน้าไปยังห้องที่พ่อแม่และปู่ย่าตายายของเลียมอยู่
ไกด์เดินกะโผลกกะเผลกไปทั่ววัง แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
เมื่อเขามาถึงห้องในที่สุด เขาพบว่ามีคนสี่คนทำหน้าบึ้งใส่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์
“ทั้งหมดเป็นเพราะคุณเลี้ยงเขามาไม่ดี!”
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ! มันความผิดของฉันซะที่ไหน!”
เอกสารที่เลียมให้อามากิร่างขึ้นมานั้น ระบุว่าพวกเขาจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเลียมอีกต่อไป หลังจากชำระหนี้ก้อนปัจจุบันจนหมด
ทั้งพ่อแม่และปู่ย่าตายายของเลียมต่างก็คิดเพียงว่าจะรีดไข่ทองคำจากเลียมอย่างไร
พูดให้ชัดเลยก็คือคนเหล่านี้ล้วนเป็นขยะ
ต่อหน้าทั้งสี่คน ไกด์เริ่มยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวด
“…ฉันสามารถใช้สี่คนนี้ได้ ตั้งแต่สมัยโบราณการแย่งชิงอำนาจกันภายในครอบครัวในสังคมเป็นเรื่องปกติ…ไอ้คุณเลียม ครอบครัวของคุณจะกีดกันคุณทุกอย่าง ครอบครัวของคุณจะเป็นความหายนะของคุณ”
ควันดำเล็ดลอดออกมาจากไกด์และห่อหุ้มทั้งสี่
ไกด์ที่ตอนนี้ไม่สามารถแม้แต่ตรวจสอบสถานการณ์ของเลียม เขาจึงมีทางเลือกไม่มากนัก
ตอนนี้เขาอ่อนแอมากขนาดนั้น
ปู่ของเลียมก็สดใสขึ้นทันใด
“แล้วยังไงล่ะ เราก็เพียงยื่นเรื่องขอสถานะลอร์ดคืน แล้วทุกสิ่งที่เลียมสร้างขึ้นจะเป็นของฉัน”
คุณยายปรบมือด้วยความยินดี
“นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม ฉันจะขอความช่วยเหลือจากคนที่ฉันรู้จักในวังเพื่อที่เราจะได้ดำเนินการได้ในทันที”
คลิฟก็ยิ้ม
“งั้นเราก็เตรียมทายาทใหม่กันดีกว่า ตอนนี้เลียมไร้ประโยชน์สำหรับเราแล้ว”
ดาร์ซีมีสีแสดงท่าทางที่ดูจะบอกว่าช่วยไม่ได้
“อืม ถ้ามันจะทำให้เราได้เงินและพื้นที่มากขึ้น ฉันจะให้ความร่วมมือ แล้วเราจะทำอย่างไรกับเลียม?”
คลิฟยิ้มเหี้ยม
“เมื่อเรามีเงินแล้ว เราจะเริ่มจ้างนักฆ่าและอื่นๆ แต่เราไม่ควรทำทันทีหลังพิธี ปล่อยไปสักพักก่อน พอเรายึดตำแหน่งคืนได้ก็ค่อยจัดการ”
เมื่อฟังการสนทนาของทั้งสี่ ไกด์ก็พอใจ
แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปจากห้อง
ที่มุมห้อง มีแสงไฟดวงเล็กๆดวงหนึ่งอยู่ตรงนั้น
◇ ◇ ◇
อามากิยืนอยู่ในห้องแยกต่างหากขณะที่เลียมเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล
จักรวรรดิเป็นประเทศที่อคติต่อหุ่นยนต์
อามากิเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเข้าร่วมพิธีและรออยู่ในห้องแยกอีกห้องหนึ่ง
ตอนนั้นเองที่เธอเห็นอะไรแปลกๆ
“อะไรน่ะ?”
มีแสงดวงเล็กๆ ลอยอยู่หน้าประตู
แสงหายไปทางประตูขณะที่อามากิเดินเข้าไปหา
เมื่อสแกนภายในห้อง เธอสามารถตรวจพบปฏิกิริยาทางชีววิทยาสี่จุด
เป็นพ่อแม่และปู่ย่าตายายของเลียม
เธอแตะประตูและฟังการสนทนาของพวกเขา
“เราควรเอาอะไรเป็นเหตุผลในการยึดตำแหน่งเขา?”
“มันไม่สำคัญหรอก การมีหุ่นยนต์อยู่เคียงข้างเขานั้นไม่เหมาะสำหรับขุนนางของจักรวรรดิ ทันทีที่เบื้องบนได้ยินเรื่องนี้ พระราชวังคงดำเนินการทันที”
“ส่วนเรื่องการลอบสังหาร ก็ได้เตรียม-”
“ช่วงเวลาต้องพอดี ซึ่งน่าจะเป็น-”
อามากิที่ฟังการสนทนาของทั้งสี่คนก็ออกจากบริเวณพระราชวังทันที
ในความคิดของเธอ
(มันคงจะดีที่สุดถ้าฉันจากนายท่านไป)
ชื่อเสียงของเลียมจะเสียหาย เพราะเธออยู่เคียงข้างเขา
นั่นคือสิ่งที่อามากิคิด…เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง
◇ ◇ ◇
สถานที่จัดพิธีอยู่ด้านนอกอาคาร
แสงแดดสดใส ท้องฟ้าสีคราม อากาศอันอบอุ่น
ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดเป็นของเทียม
และภายใต้สภาพอากาศและอุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบนี้ ผมกำลังคุกเข่าต่อหน้าจักรพรรดิ
จักรพรรดิยืนอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล และผมก็ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
โชคดีที่ทุกสิ่งที่จักรพรรดิพูดนั้นถ่ายทอดผ่านสเตอริโอขนาดใหญ่ที่ฉายอยู่กลางท้องฟ้า
เป็นพิธีที่ยาวนานมาก พวกเขาถามผมถึงหลายสิ่ง และหลังจากตอบทุกข้อแล้ว ผมก็ได้รับเหรียญตรา โดยมีขุนนางจำนวนมากอยู่ในบริเวณโดยรอบ
มากแบบมากจนนับไม่ถ้วน!
ผมอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามีมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
พิธีก็ดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึม ในที่สุดก็จบลงด้วยการกล่าวขอบคุณ
สิ่งที่ผมรอหลังจบพิธีคืองานปาตี้หลังจากนี้
จากที่ได้ยินมา ดูเหมือนจะมีงานเลี้ยงใหญ่ๆจัดขึ้นแทบทุกวัน
…ในฐานะจอมวายร้าย หน้าที่ของผมคือต้องเล่นสนุกไปรอบๆใช่ไหมล่ะ? ผมเลยคิดว่าจะมีส่วนร่วมให้มากที่สุด
ตราบใดที่พวกเขาเชิญผมเป็นแขก ผมก็ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าเข้าร่วมงาน
ผมใช้เวลาทั้งวันวุ่นวายอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่ว่าอามากิจะดูเหมือนยุ่งอยู่กับบางสิ่งอยู่เสมอ และไม่สามารถมาด้วยกันกับผมได้
เธอไม่ได้บอกว่าเธอกำลังทำอะไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถาม เธอก็จะตอบไปว่า “อย่าได้กังวลไป ได้โปรดล่วงหน้าไปก่อนและขอให้ท่านสนุก”
ตราบใดที่เธอบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างก็ควรจะโอเค พอคิดอย่างนั้น วันนี้ผมก็ไปงานเลี้ยงอีกงานหนึ่ง
MANGA DISCUSSION