(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 57
ณ ห้องรับรองของโรงแรม
โรงแรมที่จัดการโดยโทมัส พ่อค้าของผม เป็นอาคารเก่าแก่ที่ถูกปรับปรุงให้ดูทันสมัย
แน่นอนว่ามันใช้เงินจำนวนมาก แต่นี่ก็เป็นอีกวิธีการใช้เงินของผู้ปกครองผู้ชั่วร้ายไงล่ะ
ผมนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา มองดูชายหญิงคู่หนึ่ง ที่นั่งฝั่งตรงข้าม โดยมีโทมัสที่นั่งเป็นคนกลางอยู่ด้านข้าง
ฝ่ายชายนั้นสวมชุดสูท ผมสีบลอนด์ของเขาปัดข้างในอัตราส่วนเจ็ดต่อสาม ชายคนนี้มีชื่อว่าเอลเลียต เขาเป็นประธานหนุ่มของบริษัท เคลฟ
รูปร่างหน้าตาของเขาเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ ถ้าเทียบตามมาตรฐานของโลกนี้ก็ยังถือว่ายังเด็กอยู่
เขายิ้มแฉ่งมาทางผม
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณสละเวลามาพบกับพวกเราในวันนี้”
ผู้หญิงที่นั่งถัดจากเขาเป็นผู้บริหารของ นิวแลนด์ คอมปะนี มีชื่อว่าปาทริส
เธอมีผมสีแดงเข้มและดวงตาสีเขียวมรกต
ชุดสูทของเธอนั้นดันหน้าอกของเธอให้ดูโดดเด่นขึ้นมา… มันดูเซ็กซี่เกินไปไหมเนี่ย?
“ฉันก็ดีใจมากที่ได้พบกับท่านเคาท์ผู้โด่งดัง ไม่สิ ดยุคในอนาคต ท่านเลียม”
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและมีน้ำเสียงที่เย้ายวน แต่ผู้หญิงแบบเธอไม่ใช่แบบที่ผมชอบ
– เธอทำให้ผมนึกถึงอดีตภรรยาในชีวิตที่แล้ว
ผมไม่ชอบผู้หญิงแต่งตัวจัด
เมื่อหันไปทางโทมัส วันนี้เขาดูหน้าเจื่อนกว่าปกติ
“ท่านเลียม วันนี้เราทั้งคู่มีความต้องการที่เหมือนกัน คือต้องการเป็นพ่อค้าส่วนตัวของคุณ”
ผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงมาหาผมเพื่อเป็นพ่อค้าส่วนตัวของผมงั้นเหรอ?
บริษัทของพวกเขานั้นใหญ่กว่าบริษัทของโทมัส หากร่วมมือกับพวกเขาแน่นอนว่าผมจะได้ประโยชน์อย่างมาก
“พ่อค้าส่วนตัวของผมงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับท่านเลียม บริษัทเคลฟเป็นกลุ่มพ่อค้าที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจักรวรรดิมาอย่างยาวนาน ฉันแน่ใจว่าทางเราจะทำประโยชน์ให้คุณได้อย่างมากแน่นอน”
เมื่อเอลเลียตพูดแบบนั้น ปาทริสซึ่งนั่งอยู่ข้างๆก็ยื่นข้อเสนอเช่นกัน
“ก็จริงที่บริษัท เคลฟเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในเมืองหลวง แต่นิวแลนด์ คอมปะนีของเราเองนั้นทำธุรกิจที่ครอบคลุมทั่วทั้งจักรวรรดิ
บริษัทของเราได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างแน่นอน ท่านเลียม”
มันก็ดีที่จะได้ลูกน้องเก่งๆมาอยู่ในการดูแล
แต่ว่า…ข้อเสนอของพวกเขาดูดีเกินไป
ผมไม่เชื่อใจคนที่เข้ามาช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
“ผมมีโทมัสเป็นพ่อค้าส่วนตัวของผมอยู่แล้ว แปลว่าคุณต้องการจะแทนที่เขางั้นสิ?”
เมื่อผมพูดอย่างนั้นโทมัสก็ยิ่งหน้าซีด
เฮ้อ… เขาควรมีความภูมิใจในตัวเองมากกว่านี้หน่อย
เอลเลียตพูดเพื่อโน้มน้าวใจผมอีกครั้ง
“โอ้… ไม่ๆฉันไม่ต้องการที่จะขับไล่หอการค้าเฮนฟรีย์ออกจากตำแหน่งนั้น
แต่ฉันหวังว่าคุณจะใช้งานพวกเราเหมือนกับที่ใช้เขาต่างหาก”
ปาทริซก็แสดงท่าทีเห็นด้วย
พวกเขาทั้งสองยิ้ม ในขณะที่พยายามพูดโน้มน้าวว่าแผนในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ถ้าผมร่วมมือกับพวกเขา พวกเขาจะทำสิ่งต่างๆ เพื่อประโยชน์ของผมงั้นเหรอ…นี่มันขายฝันเกินไป!
“…เอาล่ะ มาพูดจุดประสงค์ที่พวกคุณมาหาผมกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
จากคำถามของผม เอลเลียตและปาทริซตอบกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“จุดประสงค์งั้นหรือครับ? นายท่าน ฉันเป็นพ่อค้า แน่นอนว่าเป้าหมายของฉันคือผลกำไร ฉันคิดว่าคุณเป็นคู่สัญญาที่ดีและมีอนาคตที่สดใส”
“นิวแลนด์ คอมปะนีของฉันนั้นชื่นชมการเติบโตของบ้านเบนฟิลด์เป็นอย่างมาก เราเล็งเห็นอนาคตอันไม่มีขีดจำกัดของคุณ
ทำให้เราไม่อยากพลาดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับคุณค่ะ”
ผมสังเกตใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มของพวกเขาเงียบๆ
มันให้ความรู้สึกเดียวกับอดีตภรรยาของผม
ผมไม่เคยลืมรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้หญิงที่หลอกผม
“หยุดยิ้มจอมปลอมนั่น แล้วมาพูดความจริงกันดีกว่า”
เมื่อผมพูดแบบนั้น รอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของเอลเลียต
“…ฉันได้ยินข่าวลือมาว่าคุณเป็นผู้ปกครองที่ยุติธรรมและอ่อนโยน
แต่บางสิ่งก็ต้องมาเจอด้วยตัวเองถึงจะได้รู้ความจริงล่ะนะ”
ปาทริซนั้นยังคงยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่แตกต่างไปจากเดิม
ดูเหมือนเธอกำลังสนุก แต่นั่นก็มีแต่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มขึ้น
“ว้าว ตัวตนที่แท้จริงของคุณเป็นแบบนี้นี่เอง? ยังไงก็ตาม ฉันก็ชอบมันนะ”
“เอาล่ะ… แล้ว พวกคุณต้องการอะไรจากผม?”
เมื่อบรรยากาศของทั้งสองคนเปลี่ยนไป โทมัสก็รีบอธิบายขึ้นมา
“ท่านเลียม ทั้งคู่ต่างต้องการอำนาจของบ้านเบนฟิลด์”
“อืม…นั่นค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อค้าที่มีอำนาจเช่นพวกคุณถึงต้องมาพึ่งพาผม”
มันก็มีอยู่เหมือนกัน มีพ่อค้าหลายคนอยากใช้ชื่อบ้านเบนฟิลด์เพื่อปกป้องตัวเอง
แต่ทั้งสองคนนี้ต้องมีสายสัมพันธ์กับขุนนางคนอื่นๆให้พึ่งพาอยู่แล้ว
ไม่งั้นพวกเขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นพ่อค้ารายใหญ่ได้ยังไง
ทั้งคู่ล้วนเป็นพ่อค้ารายใหญ่ของจักรวรรดิ มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะเข้ามาขอพึ่งอำนาจของบ้านเบนฟิลด์
เอลเลียตเอามือสองข้างประสานกันไว้ที่ปาก
“ฉันเพิ่งเข้ารับช่วงต่อเป็นประธานบริษัทของฉันเมื่อไม่กี่ปีก่อน นับตั้งแต่นั้น มันก็ทำให้ฉันต้องทะเลาะกับผู้บริหารคนอื่นๆ”
เอลเลียตพูดถึงปัญหาภายใน
“มีคนมากมายที่ข้องใจกับวัยของฉันและพยายามจะกดดันฉันให้ลงจากตำแหน่ง
ยิ่งกว่านั้น ฉันค้นพบความจริงถึงเหตุผลที่พ่อของฉันเสียชีวิต นั่นคือการถูกลอบสังหาร”
ดูเหมือนว่าบริษัทการค้าใหญ่ๆ จะมีปัญหาให้ต้องจัดการพอสมควร
“ทำไมคุณไม่รายงานเรื่องนี้ต่อจักรวรรดิล่ะ?”
“เพราะจักรวรรดิสนใจแค่ตัวบริษัทเคลฟไม่ได้สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง พวกขุนนางเองนั่นแหละที่จ้างคนมาฆ่าพ่อของฉัน”
ดูเหมือนว่าเขาจะมองหาขุนนางเพื่อมาเป็นผู้สนับสนุนของเขา จะได้ปกป้องตัวเองจากเหล่าผู้บริหาร
ผมหันไปหาปาทริส เธอจึงอธิบายสถานการณ์ของเธอ
“ฉันต่างจากเอลเลียตที่ต้องการใครสักคนมาปกป้อง ฉันต้องการฮุบนิวแลนด์ คอมปะนี เป็นของตัวเอง”
เอลเลียตดูไม่ค่อยแยแส แต่มันทำให้ผมสนใจขึ้นมา
“พูดต่อสิ”
“นิวแลนด์ คอมปะนี มีผู้บริหารหลายคนรวมถึงตัวฉันเองด้วย โดยปกติแล้วเราจะทำงานร่วมกัน
แต่ตอนนี้ ขั้วอำนาจในบริษัทกำลังจะเปลี่ยนไป ทุกคนต่างสงสัยว่า ‘ใครจะขึ้นเป็นผู้นำของบริษัท’”
ปาทริซดันหน้าอกของเธอให้กระชับขึ้นราวกับต้องการจะใช้มันดึงสายตาของผม
“ท่านเลียม- ถ้าคุณให้ฉันยืมอำนาจของคุณเพื่อช่วยให้ฉันเป็นประธานคนต่อไปของ นิวแลนด์ คอมปะนีได้แล้วล่ะก็…
แน่นอนว่าฉันจะให้รางวัลคุณอย่างเหมาะสม”
โทมัสส่งสายตามาทางผม
“ท่านเลียม ด้วยการสนับสนุนจากสองคนนี้ บ้านเบนฟิลด์จะสามารถไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ แต่พวกเขาก็มีปัญหาหลายอย่างเช่นกัน”
“อืม…”
พ่อค้าผู้มีอำนาจเหล่านี้เข้าหาผม เพราะพวกเขาต้องการอำนาจของผมสำหรับการต่อสู้ภายในของพวกเขา
มันเข้าใจได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือพวกเขาคิดว่าผมเป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้ความรุนแรง
ผมจึงตอบพวกเขา
“…มันน่าสนใจดีนี่ ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะสนับสนุนพวกคุณเอง”
สีหน้าของเอลเลียตและปาทริสจริงจังขึ้น
“คุณเข้าใจความหมายของมันใช่ไหม?”
เอลเลียตเอ่ยปากเตือน แต่การที่สองคนนี้เลือกผู้ปกครองผู้ชั่วร้ายแบบผมหมายความว่าพวกเขาก็ค่อนข้างชั่วร้ายเช่นกัน
พวกเขาน่าจะเคยได้ยินจากโทมัสถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ผมเคยทำมา
“ทำในสิ่งที่คุณต้องการ แต่ผมจะบอกคุณไว้อย่าง… ตราบใดที่คุณสองคนแน่ใจว่าผมได้กำไรจากข้อตกลงนี้ ผมก็จะสนับสนุนคุณ
เราต่างใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย คุณไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีหรอกเหรอ?”
ความภักดี? ความกตัญญู? บุญคุณ?
ผมไม่ไว้ใจอะไรแบบนั้น
ตราบใดที่มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน คนเหล่านั้นจะไม่ทรยศ
ง่ายๆจริงมั้ย?
ปาทริสวางนิ้วบนริมฝีปากของเธอ
“…คุณแตกต่างจากที่ฉันจินตนาการไว้มากพอดูเลยนะคะท่านเลียม …ในแง่ดีนะ ฉันคิดว่าคุณจะยึดมั่นในคุณธรรมจนไม่สนกำไรซะอีก”
คุณธรรมเรอะ? คุณถามหาคุณธรรมจากผู้ปกครองที่ชั่วร้ายงั้นเรอะ? ฮ่า หมายถึงคุณธรรมที่อัศวินในหนังพึงมีอะไรแบบนั้นงั้นเรอะ?
เมื่อชีวิตก่อนอาจจะมีบ้าง แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ให้ค่ามันแม้แต่นิดเดียว
“เป็นคุณจะยอมทิ้งผลประโยชน์เพื่อคุณธรรมงั้นเหรอ? คุณทั้งคู่เป็นพ่อค้าจากบริษัทขนาดใหญ่ คุณน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ใช่ไหม โทมัส”
เมื่อผมถามเขาถึงเรื่องนี้ โทมัสก็ทำสีหน้าลำบากใจ
“ก-ก็คงจะแบบนั้นครับ”
“ตราบเท่าที่พวกคุณทำกำไรให้ผม ผมจะให้คุณยืมอำนาจของบ้านเบนฟิลด์ เห็นไหม มันนเป็นสัญญาที่ง่ายมาก”
เอลเลียตเริ่มยิ้ม แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มปลอมๆที่เขาแสดงให้ผมเห็นในตอนแรก
“แน่นอนครับ แทนที่จะเป็นความผูกพันทางคุณธรรมหรือบุญคุณที่จับต้องไม่ได้ การผูกมัดด้วยสัญญานั้นน่าเชื่อถือกว่ามาก”
แก้มของปาทริสแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
“ฉันจะนำสัญญามาให้คุณทันที ท่านเลียม… ฉันอยากให้คุณเซ็นสัญญากับฉันเป็นการส่วนตัว”
แทนที่จะแสดงสีหน้าสวยงามจอมปลอมเหมือนตอนแรก ผมชอบพวกเขาตอนนี้มากกว่า
◇ ◇ ◇
หลังจากเสร็จสิ้นการเซ็นสัญญากับเลียม ตอนนี้เอลเลียตและปาทริสอยู่ตามลำพังในลิฟต์
ผนังเป็นกระจกทำให้มองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงามของเมืองหลวงของจักรวรรดิ
เอลเลียตคลายเนคไทและเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนา
“…เขาเป็นคนคุยด้วยง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้”
ปาทริสกอดอกตอบโดยไม่หันไปมอง
“อย่ามาทำตัวสนิทสนม แม้ครั้งนี้เราจะลงเรือลำเดียวกัน แต่ระหว่างเราก็ยังคงเป็นศัตรู”
“โอ้ อย่างงั้นเหรอ? ฉันคิดว่า คงจะดีกว่าถ้าเราร่วมมือกัน”
“…มันไม่มีความหมายที่จะร่วมมือกับประธานที่ไม่มีอำนาจในบริษัทของตัวเอง”
“ปากร้ายซะเหลือเกินนะ…”
มีเหตุผลหลายข้อที่พวกเขาพยายามเข้าหาเลียม เช่นกรณีของเอลเลียต ผู้บริหารของบริษัทหลายคนนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลเบิร์กลีย์
ตราบใดที่คุณจ่ายให้กับขุนนางโจรสลัดพวกเขาจะอำนวยความสะดวกให้คุณ แต่เรื่องมันไม่ได้เรียบง่ายแบบนั้น
เพราะหากเหล่าโจรสลัดเริ่มเรียกร้องมากขึ้น คนที่ทำธุรกิจก็จะเริ่มมีปัญหา
เอลเลียตไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเลยตัดสินใจสนับสนุนเลียม ผู้ซึ่งเป็นศัตรูกับตระกูลเบิร์กลีย์อย่างเปิดเผย
เขาได้ยินมาว่าเลียมเป็นคนที่เถรตรงและจริงจัง มันทำให้เขากังวลในการหาเหตุผลในการเจรจา แต่ที่ไหนได้ ตัวจริงของเลียมนั้นน่าสนใจกว่านั้นมาก
“-คุณก็ไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่นี่ ผู้บริหารของบริษัทคุณหลายคนใกล้ชิดกับตระกูลเบิร์กลีย์ไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่อยากทำตามไอ้พวกไร้ประโยชน์นั่น ถ้าพวกเขาจะเดิมพันในตระกูลเบิร์กลีย์ ฉันขอเดิมพันกับบ้านเบนฟิลด์ดีกว่า”
ปาทริสเลือกเลียมเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจภายในบริษัทของเธอ
เดิมที เธอจะควบคุมเขาจากเบื้องหลังด้วยเสน่ห์ของเธอ แต่เธอก็ไม่มีโอกาสได้ใช้
“แต่ดูเหมือนเขาจะน่าสนใจกว่าที่คิด ฉันชอบที่เขาไม่ใช่แค่คนงี่เง่าอ่อนต่อโลกเหมือนคนอื่นๆ”
ขุนนางส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผลกำไรส่วนตัวสำหรับข้อตกลงเช่นนี้ แต่เลียมไม่ไว้วางใจความสัมพันธ์ฝ่ายเดียวแบบนั้น
“…เรามาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับแล้ว ท่านเคานต์ต้องชนะสงครามในครั้งนี้”
เมื่อเอลเลียตพูดอย่างนั้น ปาทริสก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เขาต้องชนะ ไม่อย่างนั้น พวกเราแย่แน่”
◇ ◇ ◇
ขณะที่เลียมอยู่ระหว่างการฝึกงาน มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องเสบียงที่เขาจัด
คนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ก็คือ – พวกทหารทุจริต
“บัดซบ! ไอ้เด็กเบนฟิลด์นั่น คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ!”
นอกจากขุนนางที่ใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านในกองยานลาดตระเวนแล้ว ทหารหลายคนที่มาใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยในกองยานตอนนี้ต่างก็รู้สึกโกรธจัด
“ให้ตายเถอะ ปริมาณเครื่องดื่มที่เราได้รับ มันลดลง!”
“เขาหมายความว่ายังไงที่เขาไม่สามารถเสียเงินซื้อเครื่องดื่มราคาแพงให้เราได้! พวกเราเป็นพวกขุนนางนะโว้ย!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขามีอำนาจอะไรถึงมายุ่งกับกองยานของเรา! หลังจากพ่นเหตุผลไร้สาระ เขาก็ลดจำนวนยานที่ฉันรับผิดชอบ!”
ทั้งหมดเป็นความผิดของเลียมแห่งบ้านเบนฟิลด์
เสียงส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกัน
ตอนนี้ไกด์กำลังเฝ้าดูทุกสิ่งอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเริ่มปรบมือขณะแกว่งขา
“ดูเหมือนว่าเขาจะสร้างศัตรูให้ตัวเองมากขึ้นอย่างราบรื่น เอาล่ะ ให้พวกนี้ทำงานกันเถอะ”
หลังจากดีดนิ้วแล้ว ควันดำก็เริ่มเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา
หมอกควันดำปกคลุมไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนพวกคนในห้องจะไม่ได้สังเกต
ทันใดนั้น หนึ่งในขุนนางก็พูดขึ้น
“ฉันได้ยินข่าวลือมาว่า อีกไม่นานตระกูลเบิร์กลีย์จะจัดการกับบ้านเบนฟิลด์อย่างเด็ดขาด”
ทหารที่รวมตัวกันเริ่มสนใจเรื่องนั้นทันที
“จริงรึ?”
“ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรวบรวมกองกำลัง นี่มันน่าสนใจไม่ใช่เหรอ? –ในฐานะขุนนางของจักรวรรดิ
ทำไมเราไม่เข้าร่วมครอบครัวเบิร์กลีย์ เพื่อช่วยฟื้นฟูกองทัพให้เป็นอย่างที่ควรจะเป็นล่ะ? ”
เหล่าทหารต่างยิ้มออกมา
ไกด์กำลังเตรียมทรัพยากรจำนวนมากให้เข้าร่วมกองทัพของตระกูลเบิร์กลีย์
“มันยังไม่เพียงพอ ฉันต้องเพิ่มจำนวนขึ้นอีก เท่าที่เป็นไปได้ เพื่อฆ่าเลียม ครั้งนี้ คุณจะต้องตาย”
ครั้งก่อนๆฉันประมาทเลียมเกินไป
แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ประมาทอีกแล้ว
ไกด์ยืนขึ้นสวมหมวกของเขาและออกจากห้องไป
อย่างไรก็ตาม แสงสลัวในรูปของสุนัขกำลังเฝ้าดูทุกอย่างจากมุมห้อง และตามเขาไปอย่างเงียบๆ
————
ไบรอัน(´・ω・) “มันเจ็บปวด การที่ท่านเลียมไม่คิดจะปรึกษาฉันก่อนเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนพ่อค้าที่ทำสัญญานั้นมัน… เจ็บปวด”
———–
ช่วงนี้ทั้งเบลอทั้งง่วง เจอคุณการเมืองตอบโต้กันเข้าไป เพลียเลย
สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.