(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 55
การเติบโตของโรเซตต้า
–เมื่อเร็ว ๆ นี้ กองทัพดูเหมือนจะอยู่ในความโกลาหล
ดาวเคราะห์ที่สถาบันตั้งอยู่นั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการศึกษาที่ถูกสร้างขึ้นใหม่
รวมถึงอุปกรณ์สำหรับฝึกอบรม ซึ่งทั้งหมดถูกยกระดับใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
และไม่ใช่แค่ที่นี่เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพของจักรวรรดิก็อยู่ในสภาพที่คล้ายๆกัน
ข่าวลือแพร่สะพัดไปในหมู่นักเรียนนายร้อยว่าพวกเขากำลังเตรียมยกระดับกองทัพใหม่หรืออะไรแบบนั้น
ตอนนี้ ผมเป็นนักเรียนนายร้อยปีที่หก ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสถาบันการทหาร
ตั้งแต่เทียเรียนจบไปก่อนหน้านี้ ผมก็อนุญาตให้เธอใช้เงินส่วนตัวของผมในการจัดตั้งกองยานลาดตระเวน
แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะกังวลว่ามันจะไปได้ดีหรือไม่
พูดตามตรง ผมไม่รู้จริงๆว่าส่งเงินไปเท่าไหร่ เพราะมีตัวเลขในบัญชีธนาคารหลายหลักมาก
ดังนั้นผมจึงได้แต่รอดูว่ากองยานแบบไหนที่เทียเตรียมไว้ให้
ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้เงินเองมากเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่รู้จริงๆว่าจำนวนเท่าไหร่ถึงจะพอ แต่ผมก็ไม่แคร์นักหรอก เพราะเดี๋ยวมันก็…
“…มันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”
เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากภาษีในอาณาเขตถูกนำมาเข้าบัญชีของผมโดยตรง
แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวเสมอเมื่อมองดูมัน เพราะจำนวนที่เยอะเกินไป
และเนื่องจากเงินที่ได้มานั้นมันมากกว่าที่ใช้อยู่เสมอ ผมจึงประมาณคุณค่าของมันไม่ถูก
เมื่อเร็วๆนี้ ในฐานะผู้ปกครองที่ชั่วร้าย ผมรู้สึกเขินๆบ้างเหมือนกันที่ไม่รู้วิธีใช้เงิน
ขณะที่ผมคิดอย่างนั้น วอลเลซก็เรียกผม
“เลียม ขอเงินค่าขนมหน่อยซี่-”
“อาทิตย์ที่แล้วผมพึ่งให้คุณไปไม่ใช่เหรอ?”
“มันถูกใช้ไปหมดแล้วเมื่อฉันออกไปกับเที่ยวเล่นกับพวกรุ่นน้องน่ะ”
การได้เห็นวอลเลซทำท่าทีภูมิใจที่เขาออกไปเล่นข้างนอกทำให้ผมหงุดหงิด
ผู้ชายคนนี้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวและออกไปดื่มกับรุ่นน้อง
– ด้วย-เงิน-ของ-ผม!
“ทำไมผมต้องเตรียมเงินไว้ให้คุณไปเที่ยวเล่นด้วยล่ะ”
“เพราะคุณเป็นผู้อุปถัมภ์ของฉัน… –ดะ เดี๋ยวก่อน นั่นเป็นเพียงเรื่องตลก ได้โปรดอย่ายกกำปั้นของคุณ! ได้โปรด อย่าาา!!!”
หลังจากทุบวอลเลซไปหนึ่งที เขาก็กุมหัวด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ต้องรุนแรงขนาดนั้นก็ได้…”
“เห็นคุณไปสนุกด้วยเงินของผม มันทำให้ผมหงุดหงิด”
“ถ้างั้น ทำไมคุณไม่มากับเราล่ะ?”
“ถ้าผมทำได้ ผมคงทำไปแล้ว!”
–ผมอยากเที่ยวเล่นเหมือนกันแหละ แต่ผมก็ยังสยองอยู่หลังจากที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปีเตอร์
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมได้รับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้อวัยวะเพศชายระเบิด?
มันเป็นกามโรคในจักรวาลแฟนตาซี แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยังทำให้ผมกลัวอยู่ดี
แม้แต่จอมวายร้ายที่ไร้ยางอายก็ยังกลัวอาการเจ็บป่วย
“…ผมกลัวความเป็นลูกผู้ชายของผมจะระเบิด…”
วอลเลซหัวเราะออกมาหลังจากที่ผมเปิดเผยเหตุผลที่แท้จริง
“นั่นคือเหตุผลที่ทั้งคุณและเคิร์ทไม่เคย ‘เที่ยวเล่น’ เลยในช่วงสมัยเรียนประถมของเราเหรอ?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่สามารถตรวจพบได้ล่วงหน้า
และโรคที่ทำให้อวัยวะเพศระเบิดนั่น เป็นเพียงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้นแหละ”
“เลวร้ายที่สุดก็ยังแปลว่ามันยังเป็นไปได้!”
มีนักเรียนนายร้อยสองคนอวัยวะเพศระเบิดในระหว่างหกปีที่ผมอยู่ในโรงเรียนด้วยซ้ำ
โอกาสมันไม่ใช่ศูนย์ แล้วมันมากหรือน้อยก็ไม่รู้?
แต่ไม่ว่ายังไง หากมีความเป็นไปได้ถึงแม้จะน้อยนิดแค่ไหนที่จะเกิดขึ้น ผมก็จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและยอมไม่เที่ยวเล่นดีกว่า
ผมอยากเป็นผู้ปกครองผู้ชั่วร้าย แบบร่างกายครบถ้วนไปแบบนี้แหละ
“ไม่ต้องไปไกลถึงขั้นนั้นก็ได้ แค่ไปดื่มกับสาวๆ แค่สนุกๆพอก็ได้นี่”
“…นั่นสินะ”
พูดตามตรง ผมไม่คิดว่าบาร์จะน่าสนใจขนาดนั้น แต่มันก็เป็นสถานที่ที่ดีที่คุณจะใช้เงินไม่ใช่เหรอ?
ผมจะใช้ภาษีที่แลกมาจากเหงื่อและเลือดของผู้คนในอาณาเขตกับที่แบบนั้น
– นั่นฟังดูดีอยู่นะ
นั่นคือสิ่งที่ผู้ปกครองผู้ชั่วร้ายควรจะเป็น
แต่…ผมไม่ได้สนใจที่จะไปสถานที่แบบนั้น
ขณะที่ผมกังวลกับเรื่องพวกนี้ วอลเลซก็ถามขึ้นว่า ผมวางแผนจะทำอะไรหลังจากเรียนจบ
“ว่าแต่ คุณวางแผนจะไปฝึกที่ไหนหลังจากจบจากสถาบันการทหาร?”
“คงเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ แม้แต่ขุนนางชั้นสูงอย่างผมก็ยังต้องไปทำงานที่นั่น”
หากคุณเกิดเป็นขุนนาง การที่คุณไปฝึกงานในสถานที่ยอดนิยมที่สุดเช่นเมืองหลวงของจักรวรรดิถือเป็นเรื่องปกติ
เช่นเดียวกับวอลเลซซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์
“แล้วฉันล่ะ?”
“คุณต้องมากับผมแน่นอนอยู่แล้ว”
“นั่นเยี่ยมไปเลย? หวังว่าคุณจะไม่กลับคำพูดนะ?”
“…ไม่หรอกน่า”
หลังจากได้ยินว่ากำลังจะกลับไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ วอลเลซดูเหมือนจะตั้งตารอให้ถึงวันนั้น
นั่นคือตอนที่เขาทำให้ผมนึกถึงเคิร์ทซึ่งไม่ได้อยู่ที่นี่กับเรา
“คุณจะไปเยี่ยมเคิร์ตที่มหาวิทยาลัยไหม?” วอลเลซถาม
“มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่ชอบเที่ยวเล่นในวันหยุด เขาอาจจะไม่ว่างก็ได้”
“ไม่ มันจะดีกว่าถ้าคุณโทรหาเขาโดยเร็วที่สุด เขาร้องไห้จริงๆ เมื่อเขารู้ว่าต้องแยกจากคุณ”
เมื่อวอลเลซพูดอย่างนั้น ผมจำได้ว่าเคิร์ทร้องไห้ในพิธีสำเร็จการศึกษาของโรงเรียนประถม
ตอนนั้นก็ว่าเขาเล่นใหญ่ไปหน่อยล่ะมั้ง?
“คุณคิดว่าเขาใส่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ แน่นอน เคิร์ทอาจจะซึมเศร้าได้ถ้าเขารู้ว่าคุณอยู่ที่นั่นและคุณไม่ได้ ติดต่อเขา… อ้อ พอคิดดูแล้ว โรเซตต้าก็อยู่ที่เมืองหลวงด้วยไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อชื่อโรเซตต้าปรากฏขึ้น ผมก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ข้างในเล็กน้อย
ผมไม่รู้จริงๆว่าผมควรปฏิบัติกับเธอยังไง
“คิดว่าผมควรโทรหาเธอดีไหม?”
“…คุณกังวลเรื่องอะไรกัน? เธอเป็นคู่หมั้นของคุณนี่”
แม้ว่าวอลเลซจะพูดอย่างนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลกับชีวิตในอนาคตของตัวเองในเมืองหลวง
◇ ◇ ◇
ขณะเดียวกัน ในวังของเมืองหลวง
โรเซตต้ากำลังสอนเด็กสาวที่มาฝึกงานที่นี่ในฐานะรุ่นพี่
ปัจจุบันเธอกำลังให้ความรู้แก่พวกเธอเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเธอต้องทำขณะที่อยู่ที่นี่
“จำไว้ว่าห้ามใช้อำนาจจากพ่อแม่ของคุณเพื่อกดดันคนอื่นที่นี่ สำหรับที่นี่มันไม่มีความหมาย
เนื่องจากคุณมาที่นี่เพื่อฝึกฝนตนเองในฐานะเด็กฝึกงาน จะไม่มีความเมตตาใดๆ หากคุณฝ่าฝืนกฎนี้ ”
สาวๆตอบรับอย่างจริงจังกับโรเซตต้าซึ่งมีท่าทีสง่างามกว่าตอนที่เธอมาถึงที่นี่ครั้งแรก
“ค่ะ!”
“-ดี ฉันเองก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้ให้มากที่สุดที่นี่”
เพื่อให้คนๆหนึ่งได้รับความไว้วางใจจากวังให้สอนเด็กฝึกงานคนอื่น คนๆนั้นจะต้องได้รับการประเมินอย่างสูงในสถานที่ทำงาน
ไม่เช่นนั้น คุณจะไม่สามารถมีรุ่นน้องได้และจะอยู่ในฐานะผู้ที่ถูกสั่งสอน ตลอดไปจนจบ
สาวๆที่เคยเยาะเย้ยโรเซตต้า ตอนนี้ทำได้แต่กำหมัด
หลังจากปลีกตัวมาจากรุ่นน้อง แคทลียาก็เข้ามาทันที
เมื่อเห็นว่าท่าทีที่น่าผิดหวังได้หายไปแล้ว เธอก็ยกย่องโรเซตต้า
“เมื่อคุณมาถึงที่นี่ครั้งแรก ฉันไม่คิดว่าคุณจะทำได้ แต่คุณกลับทำได้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก”
เมื่อแคทลียากล่าวเช่นนั้น โรเซตต้าก็โค้งคำนับพร้อมกล่าวขอบคุณ
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคำแนะนำของคุณ คุณหญิงแคทลียา”
“ฉันอาจช่วยได้แต่ก็แค่ส่วนน้อยเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความพยายามของคุณ จงภูมิใจในตัวเองให้มากกว่านี้”
เธอทำงานหนักกว่าใครๆระหว่างการฝึก และตอนนี้เธอก็เป็นสาวใช้ที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก
ตั้งแต่แรก โรเซตต้านั้นเคยชินกับการทำงานหนักในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
ไม่มีทางที่จิตวิญญาณของเธอจะแตกสลายในสภาพแวดล้อมแค่ระดับนี้
แคทลียามองไปทางทิศที่พวกสาวๆ เดินจากไป
“ฉันหวังว่าพวกเธอจะเดินตามรอยเท้าของคุณ”
ตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่ในฐานะเด็กฝึกงาน พวกเธอก็ไม่ได้ถูกประเมินไว้สูงเท่าไหร่
โรเซตต้านิ่งเงียบไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้น แคทลียาก็ยิ้ม
“…คุณทำได้ดี คุณยังเหลือเวลาให้ใช้ที่นี่อีกหนึ่งปี ฉันจะฝากรุ่นน้องให้อยู่ในความดูแลของคุณ แสดงให้พวกเขาเห็นว่าต้องปฎิบัติอย่างไรเมื่ออยู่ที่นี่”
“ค่ะ”
“โอ้ ใช่แล้ว ฉันมีข้อความจากคุณยายของฉันด้วย ดูเหมือนว่าเคาท์เบนฟิลด์จะได้รับมอบหมายให้มาที่เมืองหลวงเพื่อฝึกทหารในปีหน้า”
“ที่รักจะมางั้นเหรอ! อ่า…เอ่อ ขออภัยค่ะ”
แคทลียาหัวเราะเบาๆกับท่าทีนั้น
“ดูเหมือนว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดี ฉันได้ยินมาว่าเขาจะใช้เวลาสองปีที่นี่ แต่ในช่วงเวลานั้น เหล่าผู้ชายจะตระเวนไปทั่วเพื่อ ‘เล่นสนุก’ หรือไม่ก็ทำสิ่งแย่ๆ –โรเซตต้า คุณควรจับตาดูเขาไว้”
“ท่านเลียมไม่ทำอย่างนั้นแน่—”
“ผู้ชายที่ไม่เคยปลดปล่อยมักจะสะสมความเครียดเอาไว้ แม้แต่คนที่จริงจังก็สามารถหลงผิดได้ ดังนั้นจงคุมเขาไว้ให้ดีล่ะ”
เมื่อพิจารณาถึงตำแหน่งของเลียมแล้ว ไม่แปลกเลยถ้าเขามีภรรยาหลายคน
แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของบ้านเบนฟิลด์แล้ว มันค่อนข้างน่าหนักใจที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น
ถ้าเลียมเสียชีวิต ผู้รับช่วงต่อมรดกจะไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของเขา แต่จะเป็นญาติคนหนึ่งของเขา หรือแม้แต่บรรพบุรุษของเขา จะมารับช่วงต่อแทน
ความเป็นไปได้ที่ อามากิ และ ไบรอันไม่อยากให้เกิดขึ้น
เซเรน่าก็มีความคิดแบบเดียวกัน เธอหวังว่าบ้านเบนฟิลด์นั้นควรถูกสืบทอดต่อโดยลูกหลานของเลียมเท่านั้น
“…เข้าใจแล้วค่ะ”
“แค่มองก็รู้แล้ว ว่าคุณไม่มั่นใจ แต่คุณก็ยังมีอิสระรออยู่”
สาวขุนนางหลายคนมีอิสระในความรักหลังจากสร้างทายาท
เหมือนที่แม่และยายของเลียมหลังจากที่มีลูกแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันไปมีคู่รักคนใหม่เพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน การแต่งงานสำหรับขุนนางส่วนใหญ่เป็นแค่เรื่องการเมือง
แต่โรเซตต้านั้นรักเลียม เธอจะไม่ทำอะไรแบบนั้นแม้เธอจะมีทายาทแล้วก็ตาม
“ท่านเลียมเป็นคนเดียวสำหรับฉัน”
“…ฉันอิจฉาคุณจริงๆ ที่สามารถพูดแบบนั้นได้อย่างมั่นใจ”
หลังจากพูดคุยอีกเล็กน้อย แคทลียาก็กลับไปทำงานต่อ
◇ ◇ ◇
ที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ตอนนี้โรงแรมอยู่ระหว่างการปรับปรุงอย่างเร่งรีบ
โทมัสดูแลการก่อสร้างในขณะที่ผู้จัดการอาคารอธิบายโครงสร้างภายในและการตกแต่ง
“เรากำลังเร่งงานให้เร็วที่สุดแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเสร็จทันในปีหน้า”
โรงแรมแห่งนี้เคยเป็นโรงแรมหรูอันเก่าแก่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่ก็เสื่อมโทรมลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
“ตราบใดส่วนหน้าเสร็จและไม่กระทบที่อาศัยของท่านเลียม ทุกอย่างก็ยังโอเค ที่สำคัญกว่านั้นคือพนักงานที่มีประสบการณ์ตามมาตรฐาน เรื่องนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อโธมัสเห็นโรงแรมนี้เป็นครั้งแรก เขาสงสัยว่าสิ่งก่อสร้างนี้ยังเปิดดำเนินการอยู่ได้อย่างไร แต่–
“เรากำลังติดต่อกับพนักงานเก่าของเรา แต่เราก็ยังไม่มีบุคลากรที่มีประสบการณ์เพียงพอ”
“รีบไปจัดการซะ หลังจากที่ท่านเลียมจบการศึกษาจากสถาบันการทหาร นี่จะกลายเป็นฐานปฏิบัติการชั่วคราวของเขา”
ผู้จัดการตอบอย่างกระฉับกระเฉง
“ครับ!”
จากการตอบสนองที่มุ่งมั่นของเขา คุณสามารถสัมผัสถึงความกระตือรือร้นของเขาได้อย่างง่ายดาย
ความจริงแล้วโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้เสื่อมโทรมลงเพราะไม่มีคนเข้าพัก
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาขับไล่ลูกค้าขี้เมาและชอบใช้ความรุนแรงออกไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ความจริงแล้วผู้ชายคนนั้นกลับเป็นขุนนาง – และด้วยสถานะค่อนข้างสูงของชายคนนั้น เขาจึงกดดันทางโรงแรมด้วยอำนาจเพื่อแก้แค้น
หากใครซักคนได้เปลี่ยนขุนนางเป็นศัตรู ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ธุรกิจของพวกเขาจะล่มสลาย ไม่ว่าโรงแรมจะโด่งดังแค่ไหนก็ตาม
แต่ในทางกลับกัน ตราบใดที่พวกเขามีขุนนางคอยสนับสนุน พวกเขาก็สามารถฟื้นกลับมาได้เช่นกัน
ผู้จัดการสอบถามกับโทมัสอีกครั้ง
“แต่ว่า สำหรับคนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลท่านเลียม จะเลือกพวกเขาด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียวจริงๆเหรอครับ?
ปกติแล้วรูปลักษณ์จะถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์การคัดเลือกด้วยไม่ใช่หรือ?”
ขุนนางบางคนมีรสนิยมแปลกๆ บางคนจะหาคนตามรสนิยมที่พวกเขาชอบให้มาปรนนิบัติเป็นการส่วนตัว
เมื่อผู้จัดการพูดอย่างนั้น โทมัสก็ส่ายหัว
“ท่านเลียมไม่แม้แต่หยอกล้อเหล่าข้ารับใช้ของคฤหาสน์ เขาเป็นคนที่เข้มงวดมาก ดังนั้นแทนที่จะหาคนที่ตรงกับรสนิยมของเขา เขาชื่นชอบบุคลากรที่มีความสามารถ ซึ่งมีประโยชน์ให้เขาใช้งานมากกว่า”
สำหรับโทมัส เลียมเป็นขุนนางที่มีคุณธรรมขั้นสูงสุด
ผู้จัดการพยักหน้ารับ
“…ฉันเคยเห็นขุนนางหลายคนในเมืองหลวง แต่จากสิ่งที่ฉันได้ยินมา ท่านเลียมฟังดูดีกว่าพวกนั้นมาก”
“เขาอาจจะดูดุร้ายไปหน่อย เพราะว่าเขาชอบพูดจาหยาบคาย แต่จริงๆแล้วเขาค่อนข้างใจดี แต่กับศัตรูของเขาเขาจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ ยิ่งกว่านั้นเขามีความอดทนต่อสิ่งรอบตัวค่อนข้างสูง
ผู้จัดการ… การดูแลแบบพิเศษใดๆล้วนไม่จำเป็น ตราบใดที่คุณทำงานของคุณให้ดี ท่านเลียมจะมีความคิดเห็นที่ดีเกี่ยวกับคุณอย่างแน่นอน”
ผู้จัดการยืดหันหลังให้ตรงและเงยหน้าขึ้น
“เข้าใจแล้วครับ”
เพื่อที่จะต้อนรับเลียม เขาต้องเตรียมหลายสิ่งในเมืองหลวง
ขณะที่โทมัสกำลังรู้สึกโล่งใจที่เขาสามารถจัดหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมให้กับเลียมได้ ลูกน้องคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเขา
“ประธานครับ!”
“มีเรื่องอะไร?”
“มีพ่อค้าจากในเมืองหลวงต้องการพบท่านประธานครับ!”
“…อะไรนะ? คนที่มาคือใคร”
เป็นเรื่องปกติสำหรับพ่อค้าในเมืองหลวงที่ต้องการพบโทมัส ผู้ซึ่งมักจะทำธุรกิจระหว่างดวงดาว
โดยปกติโทมัสจะเป็นคนเข้าไปพบปะกับบุคคลเหล่านั้น
“คนที่ชื่อ เอลเลียต(Elliot )ประธานบริษัทเคลฟ(Clave) และ ท่านหญิงปาทริส(Patrice) ผู้บริหารของ นิวแลนด์ คอมปะนี(Newlands Company)”
ดวงตาของโทมัสเบิกกว้าง
“พ่อค้ารายใหญ่สองคน?”
บริษัทเคลฟไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มพ่อค้าธรรมดาๆของจักรวรรดิ
แต่พวกเขาเป็นถึงหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิ
ในขณะที่บริษัทนิวแลนด์ คอมปะนี มีสำนักงานใหญ่ในเมืองหลวง แต่พวกเขาเป็นกลุ่มใหญ่ที่ทำธุรกิจระหว่างดวงดาวทั้งจักรวรรดิ
ทั้งคู่อยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับบริษัท หอการค้าเฮนฟรีย์ ของโทมัส
สำหรับประธานและผู้บริหารของกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งที่ต้องการพบปะกับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่มีร้านค้าเพียงไม่กี่แห่งที่ชายแดนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผู้จัดการก็ดูเหมือนตกตะลึงกับสิ่งนี้เช่นกัน
ทั้งสองคนเป็นคนที่มีชื่อเสียง
“เขามีเป้าหมายอะไรถึงมาที่นี่กันนะ?”
เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่โทมัสจะปฏิเสธการมาเยี่ยมของพวกเขา โทมัสจึงตัดสินใจไปต้อนรับพวกเขาทันที
————
ไบรอัน(´・ω・) “…”
ไบรอัน(´;ω:) “…ท่านหญิงโรเซตต้าได้เติบโตขึ้นไปอีกขั้น ไบรอันคนนี้มีความสุขจริงๆ”
————
สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.
มีคนโดเนทมั่งไหมน๊า