(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 53
“กองยานลาดตระเวนเหรอ?”
ผมกำลังคุยกับวอลเลซในโรงอาหารของสถาบัน
นี่เป็นปีที่สามแล้วที่สถาบันการทหาร และผมก็คุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่แล้ว
“ใช่ ฉันกำลังคุยกับพี่ชายของฉันที่ออกจากวังไปแล้วเหมือนกัน เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นทหาร แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมกองยานหลักและถูกส่งไปเป็นกองยานลาดตระเวนแทน”
เป็นเรื่องแปลกที่คิดว่ากองทัพจักรวรรดิจะปฏิเสธสมาชิกของราชวงศ์
แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเขาเองในฐานะราชวงศ์ เช่นเดียวกับที่วอลเลซเคยเป็น
เขาอาจจะเป็นเจ้าชายอีกคนหนึ่งที่ไม่มีการสนับสนุนหรือห่างไกลจากสิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์
กองยานหลักไม่ยอมรับคนแบบนั้นเนื่องจากไม่อยากรับปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา
“ถ้าเขากลายเป็นผู้บัญชาการกองยานลาดตระเวน เขาน่าจะได้รับยานในหน่วยอย่างน้อยสองสามร้อยลำเพื่อบัญชาการ ก็ฟังดูไม่เลวนะ”
เมื่อผมพูดอย่างนั้น วอลเลซก็ทำหน้าแปลกๆ
“ปัญหาคือเขาได้รับกองยานที่สภาพไม่ต่างจากขยะ พี่ชายของฉัน [เซทริก] ถูกส่งไปกองยานเล็กๆ
ที่มียานเก่าๆสามสิบลำ ดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าหลังจากได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีอะไรเลย”
“แต่เขาก็อยู่บนยานได้แบบสบายๆไม่ใช่เหรอ? ดูเป็นงานง่ายๆ ที่เขาสามารถผ่อนคลายได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย”
“ภายในยานที่แคบและล้าสมัย ไม่มีทางที่เขาจะผ่อนคลายได้ เขาบอกฉันว่า ทหารทั้งหมดที่ประจำการร่วมกับเขาก็เป็นทหารเลวนิสัยเสีย
จนตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร”
นี่เป็นส่วนหนึ่งของการทิ้งบุคลากรที่ใช้การไม่ได้ของกองทัพงั้นรึ?
ถ้าให้ผมเปรียบเทียบพวกเขาเป็นบริษัทล่ะก็…พวกเขาจะเป็นเหมือนกลุ่มพนักงานไร้ประโยชน์
ที่อยากจะไล่ออกก็ไล่ออกไม่ได้ เลยต้องไล่ต้อนไปรวมกันไกลๆงั้นสินะ?
ดูเหมือนว่าจำนวนกองยานลาดตระเวนที่ไร้ประโยชน์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีกองยานไม่มากที่ยังใช้งานได้
…มันเรื่องงี่เง่าประเภทไหนเนี่ย?
“เขาตกไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นได้ยังไง”
วอลเลซอธิบายเหตุผลให้ผมฟังในขณะที่ใช้ส้อมคนอาหารเหลวของเขา
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดเหล่าขุนนางในจักรวรรดิต้องการสถานที่ที่จะขับไล่คู่แข่งของตนออกไปให้ห่างที่สุด
ซึ่งไม่ใช่แค่ไล่ไปยังสถานที่ที่กันดารเท่านั้น แต่ต้องเป็นสถานที่ที่จิตวิญญาณของพวกนั้นจะต้องถูกทำลายด้วย”
“พวกขุนนางน่ะเหรอ?”
“หมู่ขุนนางหลายคนเป็นพวกที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นหรือไม่ก็หยิ่งผยองเกินไป
ในกองทัพ การที่คนแบบนั้นก้าวขึ้นสู่อำนาจจะอันตรายมาก
ดังนั้นกองทัพจึงมอบหมายให้พวกนั้นเป็นผู้บังคับบัญชากองยานลาดตระเวนแทน และเพราะแบบนั้น
จำนวนของพวกนั้นจึงเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ และเนื่องจากมันใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรมากเกินไปในการจัดระเบียบใหม่
พวกนั้นเลยถูกปล่อยปละละเลยมาจนถึงทุกวันนี้”
“แต่การปล่อยทิ้งไว้มันจะแย่กว่านั้นนี่”
“หากคุณมอบเสบียงขั้นต่ำให้พวกนั้น กองยานของพวกนั้นก็ยังสามารถอยู่ได้
จักรวรรดิยังต้องมียานประจำการอยู่ทุกที่แม้แต่ในพื้นที่ว่างเปล่า เพราะคงไม่ตลกถ้าปล่อยให้โจรสลัดตั้งฐานในพื้นที่เหล่านั้น”
สรุปก็คือ สถานการณ์หลายๆอย่างรวมกันจนเป็นสถานการณ์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยรายจ่ายที่ไร้ประโยชน์งั้นสิ?
…ไม่สิ นั่นมันก็ไม่เลวนะ
“ดูน่าสนใจดีนี่”
“คุณสนใจงั้นเหรอ? แต่เลียม… ฉันรับรองได้เลยว่าคุณจะได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมกองทัพหลัก”
“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนั้น”
แค่คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ปวดหัวแล้ว
คำพูดประมาณว่า ‘มาเข้าร่วมกองกำลังของเรากันเถอะ’–และอีกมากมายจากทุกทิศทางต่างเชื้อเชิญผมให้ร่วมกองกำลังของพวกเขา
กองยานนั้นมีสามประเภท นอกจากกองยานลาดตระเวนยังมีกองยานสำรวจและกองยานประจำภูมิภาค
สำหรับเมืองหลวงของจักรวรรดินั้น มีกองเรือทั้งสามกองประจำการอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อปกป้องมัน
ซึ่งมีทั้งขุนนางและนายทหารระดับสูงกองรวมกัน
ราชองครักษ์เชิญผมเข้าร่วมกับพวกเขา แต่พูดตามตรง ผมไม่ได้สนใจเลย
ผมไม่ชอบการรับคำสั่งจากคนอื่น ดังนั้นการเป็นผู้บัญชาการกองยานลาดตระเวนนี่มันเหมาะเลยไม่ใช่เหรอ?
“ผมตัดสินใจได้ละ! ผมจะเข้ากองยานลาดตระเวน!”
“…เลียม คุณบ้ารึเปล่าเนี่ย?”
“ทำไมล่ะ?”
“คุณไม่ได้ฟังฉันเลยรึไงเนี่ย! พี่ชายของฉันถูกบังคับให้อยู่ในตำแหน่งนั้น และตอนนี้เขากำลังร้องไห้ว่าเขายอมตายดีกว่าที่จะอยู่ในสภาพนั้น
ฉันเองยังตกใจที่ได้รู้ว่าเขาถูกมอบหมายหน้าที่แบบนั้น ยานทุกลำของเขาล้าสมัย และสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่นั้นก็แย่
คุณอยากจะใช้เวลาสี่ปีในสถานที่แบบนั้นจริงๆเรอะ?”
วอลเลซนี่ช่างไม่รู้อะไรเลย
คนอื่นอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ผมรวยยังไงล่ะ!
แน่นอนว่าผมจะลงทุนในกองยานของผมเอง
“ผมสามารถซื้อยานและสิ่งอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้! แค่เตรียมยานสุดหรูสำหรับตัวเอง มันก็จะกลายเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง”
“… กองทัพไม่มีทางให้เงินทุนคุณกับเรื่องนั้นแน่”
“แน่นอนว่าพวกเขาไม่ทำแน่ ผมจะจ่ายมันทั้งหมดเอง”
“ฮะ?”
“ผมจะซื้อยานในกองเอง”
“ไม่ แต่… ถ้าคุณเป็นคนเดียวที่ใช้ยานสุดหรู คุณก็จะสร้างความเกลียดชังในกองยานรอบๆคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ทั้งหมดที่ผมต้องทำคือเปลี่ยนเรือของพวกเขาด้วย ถึงแม้ว่า
ผมจะเริ่มทันทีหลังจากได้รับมอบหมาย… เอาล่ะ มาเตรียมกองยานส่วนตัวของผมกันเถอะ”
“…ฮะ? คุณจะทำแบบนี้จริงดิ?”
“แน่นอนผมจะทำมัน เทียจะจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาในปีหน้า ดังนั้นผมจะให้เธอไปเตรียมกองยานของผมไว้ก่อน”
ต่อให้ใช้สินบนเพื่อไปยังจุดหมายก็ต้องทำ
งานของผม ผมจะเป็นคนกำหนดมันด้วยตัวเอง!
เพิกเฉยต่อคำเชิญของกองทัพ ในขณะที่เตรียมกองยานของตนเอง – นี่คือสิ่งที่ผู้ปกครองผู้ชั่วร้ายควรทำ!
ด้วยความคิดที่ว่าแม้แต่กองทัพก็ไม่สามารถต่อต้านอำนาจของเงินได้ หัวใจของผมก็ฮึกเหิมขึ้นมา
“ฉันได้พบกับขุนนางหลายประเภทในชีวิตของฉัน แต่ฉันไม่เคยเห็นใครเหมือนคุณเลย เลียม”
“ทำราวกับว่าเป็นครั้งแรกในจักรวรรดิงั้นแหละ? มาทำกันเถอะ ให้เทียออกคำสั่งโดยเร็วที่สุด”
◇ ◇ ◇
ณ ห้องสื่อสาร
เทียกำลังถือสายพูดคุยกับหัวหน้าเก่าของเธอ หรือก็คือนายกรัฐมนตรี
“…ก็ขุนนางหลายคนเตรียมยานของตนเองอยู่บ้าง บางคนถึงกับเตรียมทั้งกองยานเลยก็มี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่คนระดับเคานต์ที่ทำแบบนี้”
ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีจะปกปิดความประหลาดใจไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางของเขาเทียจึงตอบกลับอย่างมั่นใจ
“หนึ่งในปัญหาของจักรวรรดิจะได้รับการแก้ไข ฉันคิดว่านั่นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ฉันเห็นแต่ข้อเสียของเคานต์ที่จะใช้ทรัพยากรของตัวเองในเรื่องนี้
และใช้มันเพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ล้าสมัยและฝึกทรัพยากรมนุษย์ที่ไร้ประโยชน์ของกองยานลาดตระเวน…
ค่าใช้จ่ายจะมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ท่านเลียมสั่งให้ฉัน ‘เตรียมกองยานที่เหมาะสมกับเขา’ ด้วยคำพูดนั้น ท่านจึงจัดสรรงบประมาณด้วยตนเอง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา”
เลียมบอกให้เธอเตรียมกองยานลาดตระเวนให้เขา แต่สำหรับเทีย มีเพียงกองยานขนาดหนึ่งกองพลเท่านั้นที่จะคู่ควรกับเขา
เนื่องจากพวกมีเงินทุนมากพอ เธอจึงตัดสินใจรวบรวมกองยานลาดตระเวนที่ไร้ประโยชน์ให้มารวมตัวกัน จนมีขนาดเท่ากับกองทัพปกติ
ซึ่งตอนนี้เธอกำลังขออนุญาตจากนายกรัฐมนตรีในเรื่องนั้น
พวกทหารระดับสูงในกองทัพมักจะไม่อนุมัติ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อจักรวรรดิอย่างไร
เธอจึงตัดสินใจติดต่อนายกรัฐมนตรีที่ทราบสถานการณ์เหล่านี้แทน
“…เมื่อคุณออกจากกองทัพ คุณรู้ใช้ไหมว่ากองยานนั้นทำงานให้จักรวรรดิ เพราะแบบนั้น
ทางนี้จะเตรียมเจ้าหน้าที่ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาในนามไปก่อน”
“’ในนามเหรอ? คุณกำลังกังวลว่าท่านเลียมไม่สามารถคุมกองยานได้งั้นเหรอ”
“เขายังเด็กเกินไป และคุณเองก็เช่นกัน แค่ให้ยศกับคุณหลังจากที่คุณได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ยังไม่เพียงพอหรอกนะ
ถ้าหากเราเลื่อนตำแหน่งให้คุณทั้งสองคนเร็วเกินไป พวกเบื้องบนในกองทัพจะเริ่มบ่นอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ไม่ต้องกังวลไป เขาอาจจะเป็นผู้บัญชาการในนาม แต่พวกคุณยังคงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด”
เทียคิดในใจ
(เงื่อนไขดูไม่เลว เพราะทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง…)
“…ฉันเข้าใจ”
“นี่เป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยม เท่านี้จักรวรรดิก็สามารถแก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดถึงสองอย่างพร้อมกัน”
เมื่อวางสาย เทียก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนนี้ กองยานยังไม่พร้อมสำหรับท่านเลียม ในเวลาสองปี ฉันต้องรวบรวมกองยานลาดตระเวนที่ไร้ประโยชน์และฝึกบุคลากรทั้งหมดอีกครั้ง
ฉันต้องเตรียมยานรุ่นใหม่ด้วย… ก่อนที่ท่านเลียมจะได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ ฉันต้องทำให้ทันเวลา”
แม้ว่า เทียมักจะทำตัวน่าสมเพชบ่อยๆ แต่ความสามารถของเธอก็เป็นของจริง
“เพื่อกองยานที่เหมาะสมกับท่านเลียม… ฉันจะทุ่มสุดตัวเพื่องานนี้”
เมื่อคิดแบบนั้นเทียก็ดีดดิ้นอย่างมีความสุขขณะเอามือแนบแก้มที่แดงระเรื่อ… ความสามารถของเธอมีอยู่…จริงๆนะ
◇ ◇ ◇
ขณะที่เลียมและคนอื่นๆ เคลื่อนไหวในสถาบันการทหาร
ฝั่งตระกูลเบิร์กลีย์ก็เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน
“ไอ้เวรเอ้ย!”
แคชมิโร่รู้สึกหงุดหงิดกับรายงานที่เข้ามาเรื่อยๆ
พวกเขาอยู่ในสงครามเศรษฐกิจกับเลียมมาสองสามปีแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้นเลย
มันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายมีเงินไม่มีวันหมด
“นี่มันอะไรกัน?! ไอ้เด็กเวรนั่นมันเป็นตัวอะไรกันแน่!”
เพื่อผลิตน้ำยาอีลิกเซอร์สำหรับสงครามครั้งนี้ แคชมิโร่ได้ใช้อุปกรณ์อุปกรณ์พัฒนาดาวเคราะห์เพื่อทำลายดวงดาวไปหลายดวงแล้ว
ขณะที่เขาได้ยินข่าวลือว่าเลียมกำลังลงทุนเป็นเงินจำนวนมากเพื่อสร้างกองทัพ
แม้ว่าเลียมกำลังขัดแย้งกับครอบครัวเบิร์กลีย์ แต่เขาก็ยังมีเงินเหลือพอที่จะซื้อสินค้าเหล่านั้น
“เราปล่อยน้ำยาอีลิกเซอร์ไปตั้งหลายขวด! ทำไมเราถึงยังจัดการไอ้เวรนั่นไม่ได้… หรือว่า มันก็มีเหมือนกันงั้นเหรอ?”
มีความเป็นไปได้ ว่าเลียมอาจจะมีอุปกรณ์บางอย่าง
มีความเป็นไปได้สูงที่พวกนั้นจะเก็บอุปกรณ์พัฒนาดาวเคราะห์ที่เดอร์ริกทำหายไป
หากพวกนั้นมีสิ่งนั้นอยู่ในครอบครอง มันก็เป็นไปได้ที่พวกนั้นจะใช้มันเพื่อต่อต้านตระกูลเบิร์กลีย์
…ไม่หรอกน่า แม้ว่าพวกนั้นจะเก็บอุปกรณ์นั้นขึ้นมาได้ แคชมิโร่ก็มั่นใจว่าพวกนั้นไม่รู้วิธีใช้อุปกรณ์นั่นเป็นแน่
มันดูเหมือนวัตถุทรงกลมแปลกๆ แค่นั้นเอง
แม้ว่าจะสามารถใช้งานมันได้ ตระกูลเบิร์กลีย์ก็มีอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่หลายชิ้น พวกเขายังคงได้เปรียบอยู่
ปัญหาคือพวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน จนกว่าพวกเขาจะสามารถทำลายการเงินของเลียมได้
เลียมเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากในการรับมือกับการต่อสู้ในเชิงเศรษฐกิจ
“เราจะสามารถบดขยี้มันได้อย่างแน่นอนเมื่อเวลาผ่านไป แต่เราต้องสูญเสียอีกเท่าไหร่กัน?”
ระยะเวลา ทรัพยากร และการเงินที่ใช้มาจนถึงตอนนี้ทำเอาเขาขำไม่ออก
เมื่อเห็นแบบนั้น แคชมิโร่จึงตัดสินใจว่าเขาจะหยุดสงครามที่ไร้ประโยชน์นี่ซะที
–พวกเขาไม่สามารถสู้กับเลียมด้วยวิธีนี้ได้อีกต่อไป
“พอกันทีสำหรับลูกเล่นแบบนี้ เราต้องไปขยี้เขาโดยตรง!”
เลียมนั้นยังเด็กและมีความสามารถมาก
อายุขัยที่เหลืออยู่รัหว่าเลียมกับแคชมิโร่นั้นห่างกันไกลมาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดการได้อย่างลำบาก หากปล่อยเขาไปแบบนี้
ลูกชายของฉันสามารถเอาชนะเลียมได้หรือเปล่านะ? –แคชมิโร่ตระหนักในทันทีว่าเป็นไปไม่ได้แล้วกดหน้าจอสื่อสารออกไป
“มีอะไรรึเปล่าครับพ่อ?”
“–ติดต่อกับพันธมิตรและรวบรวมพวกระดับสูงทั้งหมด เราจะทำสงครามกับเลียม!”
“สงคราม?! พ่อไม่รีบร้อนไปหน่อยหรือ?”
“ไอ้โง่! ถ้าเราไม่บดขยี้มันตอนนี้ ครอบครัวเบิร์กลีย์จะถูกทำลาย! หุบปากแล้วทำตามคำสั่งของฉัน!
รวบรวมทหารที่สามารถเอาชนะบ้านเบนฟิลด์! จะเป็นใครก็ได้ ตราบใดที่พวกเขาสามารถช่วยเราเอาชนะเด็กเหลือขอคนนั่น
– ฉันรับทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข!”
แคชมิโร่กลัวเลียมอย่างสุดใจ
ไกด์คอยเฝ้าดูการพัฒนานี้อย่างเงียบๆ
เขาสังเกตเห็นความขุ่นเคืองของแคชมิโร่ที่มีต่อเลียมจึงเข้าหาเขา
ไกด์เริ่มปรบมือ
“ยอดเยี่ยมมากแคชมิโร่คุณตัดสินได้ดีว่าเลียมเป็นภัยคุกคามที่ต้องกำจัดทิ้ง”
เหนือสิ่งอื่นใด ไกด์ชอบกองกำลังทหารระดับสูงของแคชมิโรที่เลียมไม่สามารถเปรียบเทียบได้
เขามียานรบมากกว่าหนึ่งแสนลำ และนั่นไม่นับรวมขุนนางและพันธมิตรโจรสลัดที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
หากเขาเรียกรวมกองยานในตอนนี้ เขาสามารถมีกองทัพ หนึ่งแสนลำได้ทันที
ในทางกลับกัน กองทัพของเลียม มีไม่ถึงห้าหมื่นลำด้วยซ้ำ แม้ว่าตอนนี้กำลังเพิ่มกำลังทหารอยู่ก็ตาม
เมื่อไม่นานมานี้เลียมยังพอใจกับกองยานขนาดสามหมื่นลำที่เขามีอยู่ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้
เขาเริ่มหยิ่งผยองหลังจากชนะติดต่อกัน ดังนั้นนี่เป็นเวลาที่ดีที่จะบดขยี้เขา
“เลียม… ความประมาทของแกจะนำพาความตายมาให้”
ยิ่งไปกว่านั้น เลียมนั้นไม่ค่อยมีพันธมิตร เป็นไปได้ว่าเขาจะสู้เพียงลำพัง
“แคชมิโร่– คุณชนะได้แน่นอน ฉันจะสนับสนุนคุณสุดความสามารถ”
มีควันดำถูกปล่อยออกมาจากไกด์ ซึ่งมันลอยไปเกาะติดกับร่างกายของแคชมิโร
เมื่อมองดูร่างนั้น ไกด์ก็กางแขนออกด้วยความยินดี
“จากนี้ไป ทุกคนที่อยากจะจัดการเลียม จะรวมตัวกันอยู่รอบตัวคุณโดยธรรมชาติ!
ความมืดมนของจักรวรรดิ จะรวมตัวกันตามคำเรียกร้องของคุณเพื่อฆ่าเขา!
คุณต้องรวบรวมพวกมันเพื่อที่จะจัดการเลียมได้ในที่สุด!”
เขาจัดการสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อรวบรวมศัตรูของเลียม
ด้วยพลังนี้มันจะเพิ่มพันธมิตรของแคชมิโร่และขยายความแตกต่างของกองยานให้กว้างขึ้นไปอีก
ด้วยจำนวนที่มากมายซึ่งสามารถชดเชยประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ เลียมไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน
ไกด์ยิ้มเยาะในใจเมื่อเขาคิดว่าเลียมจะตายทรมานเพียงใด
“ฉันได้เตรียมเมล็ดพันธุ์แห่งการแก้แค้นไว้เป็นไพ่ตายแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่ายาสึชิจะมาทันหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นประจำที่เรียบร้อยแล้ว”
ผู้หญิงที่ลุกไหม้ด้วยความแค้นต่อเลียม– [ยูลิเซีย]
“อีกไม่นาน ฉันจะให้เธออยู่เคียงข้างเลียม การทำให้เขาถูกผู้หญิงคนนั้นทรยศ เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ”
แผนการณ์หลายอย่างกำลังก่อตัวขึ้นรอบๆเลียม ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปได้
ไกด์รู้สึกถึงความสุขที่อธิบายไม่ได้
“ใช่แล้ว ใช่ ในที่สุด เลียมก็จะถูกต้อนจนมุม!”
เหล่าศัตรูที่ทรงพลังกำลังปรากฎตัวต่อหน้าเลียม
———–
บุรุษแห่งความเจ็บปวด (´;ω;`) “มันเจ็บปวด การได้เห็นท่านเลียมไม่รู้สึกตัวถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น… เป็นเรื่องที่เจ็บปวด”
———-
แปลมึนๆอีกเช่นเคย
สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.
หรือติดตามเพจได้ที่ FB : Avolenn Channel