(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 51
ในสถาบันการทหาร มีกฏห้ามติดต่อภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
ยกเว้นคุณได้รับรายงานจากอาณาเขตของคุณ ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกบังคับให้ใช้แค่ในห้องสื่อสารเท่านั้น
ตอนนี้ผมกำลังคุยกับอามากิในห้องสื่อสาร
“…พวกทวงหนี้กำลังกดดันให้เราจ่ายหนี้ทั้งหมดงั้นเหรอ?”
“ค่ะ เนื่องจากฝ่ายนั้นได้รับแจ้งว่าสถานการณ์ทางการเงินของเราไม่ดีและมีเจ้าหนี้หลายฝ่าย
พวกเขาไม่มีความมั่นใจในการชำระของเราว่ามีความสามารถมากพอที่จะจ่ายได้ทุกก้อน
จึงเร่งรัดให้เราจ่ายหนี้ให้เร็วขึ้น”
“สถานการณ์ทางการเงินไม่ดี? ผมเนี่ยนะ?”
ผมไม่เข้าใจ
เกิดอะไรขึ้นในอาณาเขตของผมรึไงกัน?
“มีปัญหาเกิดขึ้นในอาณาเขตงั้นเหรอ?”
“ไม่ค่ะ มันกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาจไม่เร็วเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่มีปัญหาแทรกซ้อนใดๆ
แม้แต่การพัฒนาของดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกก็ยังมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง”
“แล้วทำไม?”
อามากิหยุดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ยังไม่ได้รับการยืนยันนะคะ แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวเบิร์กลีย์จะเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีสายสัมพันธ์มากมายกับบริษัทในอุตสาหกรรมการเงิน”
“ครอบครัวของเดอร์ริกเหรอ?”
มีชายคนหนึ่งหาเรื่องทะเลาะกับผมในตอนที่เรียนอยู่ชั้นประถม
เขาพยายามจะฆ่าผมในระหว่างการแข่งขันอัศวินขับเคลื่อน สุดท้ายผมก็ฆ่าเขาไป
แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ญาติๆ ของเขาโกรธกว่าที่คิด
“ครอบครัวเบิร์กลีย์นั้นมีสายสัมพันธ์มากมายและส่วนใหญ่เป็นพวกตัวปัญหา ถึงแม้พวกเขาอาจมียศแค่บารอน แต่เซเรน่าบอกว่าเราควรระมัดระวังตัวไว้”
“คุณกำลังบอกว่ากลุ่มขุนนางยศบารอนกำลังรวมตัวกันต่อสู้กับเคานต์อย่างผมงั้นเหรอ?”
ขุนนางมักมีลูกมากมาย และสายสัมพันธ์ส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันนัก
แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากฆ่าเดอร์ริก ญาติคนอื่นๆ ในครอบครัวเบิร์กลีย์ก็ตั้งตัวกลายเป็นศัตรูกับผม
เอาจริงๆ ก็ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะมาไกลขนาดนี้…แต่ก็แค่นั้นแหละ
“แต่แค่ชำระหนี้ทั้งหมดก็จบแล้วใช่ไหมล่ะ เราขายโลหะหายากที่เก็บไว้ให้โทมัสได้ไหม?”
มันน่ารำคาญที่ต้องแปลงทุกอย่างเป็นเงินสด แต่ถ้าพวกเขาต้องการให้ผมจ่ายทั้งหมดในคราวเดียว ผมก็ต้องทำ
แต่ผมจะไม่ปล่อยพวกที่ทำแบบนี้กับผมไว้เฉยๆแน่
“ดิฉันได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่สามารถจัดการกับปริมาณทั้งหมดได้
เงินสดของทางนั้นไม่เพียงพอ แต่เหล่าเจ้าหนี้ได้ยื่นข้อเสนอมาว่าพวกเขายินดีที่รับซื้อโลหะหายากในราคาต่ำกว่าราคาตลาดครึ่งหนึ่ง
ดิฉันจึงอยากทราบความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายท่าน”
“พวกเขาบอกว่าจะซื้อทรัพยากรของผมในราคาถูกสินะ?”
มีหลายสิ่งที่ผมเกลียด
ในสิ่งเหล่านั้น นักทวงหนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่แย่ที่สุด
ในชีวิตก่อนของผม พวกเขาทรมานผมมากที่สุด
ผมเกลียดพวกทวงหนี้เพราะมีประสบการณ์ที่เลวร้ายกับการจ่ายหนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่หนี้ของผมก็ตาม
แม้แต่ในจักรวาลนี้ พ่อแม่และปู่ย่าตายายของผมก็สร้างหนี้ไว้จำนวนมหาศาล
ครั้งนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อย แต่ถ้าพวกเขาพยายามเก็บมันด้วยกำลัง ผมจะไม่ปล่อยไว้แน่
“มันทำให้ผมรู้สึกพ่ายแพ้ถ้าต้องขายให้พวกเขาในราคานั้น…แบบนั้นผมว่าขายโลหะหายากให้ทางจักรวรรดิดีกว่า”
“แม้ว่าจักรวรรดิจะซื้อพวกมันในราคาที่ต่ำกว่างั้นหรือคะ? คุณแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า?
“มันดีกว่าช่วยคนทวงหนี้หาเงิน”
นอกจากนี้ ผมสามารถเตรียมโลหะหายากได้มากเท่าที่ต้องการ
อย่างแรกเลย ปัญหาทางการเงินทั้งหมดของผมในตอนนี้นั้นมีแค่ในทางเทคนิก
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ‘กล่องเล่นแร่แปรธาตุ’ ที่ไกด์จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่น่าทึ่งที่สามารถสร้างโลหะหายากได้แม้กระทั่งจากเศษขยะ
“ผมจะทำให้รู้เองว่าพวกเขากำลังหาเรื่องกับใคร เราต้องกดดันพวกเบิร์กลีย์กลับบ้าง”
‘มันจะเป็นสงครามเศรษฐกิจ’
“มันจะเป็นชัยชนะของผมอย่างแน่นอน”
เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะแข่งขันกับผม ในขณะที่ฉันมีกล่องเล่นแร่แปรธาตุ
ช่างน่าสงสาร
“ถ้าอย่างนั้น เราจะดำเนินการกดดันในช่วงเวลาที่เหมาะสม… แล้วชีวิตของคุณในสถาบันการทหารเป็นอย่างไรบ้างคะ?
ป่วยหรือบาดเจ็บหรือเปล่าคะ?”
“’เมื่อเทียบกับการฝึกฝนประกายแสงของอาจารย์ สิ่งที่พวกเขาฝึกผมที่นี่ก็ไม่มีอะไร…
ไม่สิ…ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของผมคือที่นี่ไม่มีอะไรให้ผมเรียนรู้อีกแล้ว”
“ไม่มีอะไรให้เรียนรู้หรือคะ?”
“ก่อนหน้านี้ รุ่นพี่คนหนึ่งได้มาท้าสู้กับผมในเกมจำลองการรบ ผมอยากให้อามากิเห็นจริงๆว่าผมชนะเขายังไง”
แม้จะบอกเธอเกี่ยวกับชัยชนะอันยอดเยี่ยมเหนือดอล์ฟ แต่อามากินั้นดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“มีอะไรงั้นรึ?”
“…นายท่าน… เพราะเรื่องนี้ทำให้คุณทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้เหรอคะ?”
“เป็นเรื่องปกติที่ผู้ปกครองที่ชั่วร้ายจะหยิ่งผยองไม่ใช่เหรอ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ว่าผมต้องการจะเอาชนะคนโง่ที่ยึดถือความยุติธรรมแบบเขา
มันทำให้ผมอยากจะหัวเราะเมื่อคิดว่าคนแบบนั้นเป็นอันดับต้นๆของสถาบันการทหาร”
สถาบันการทหารก็ไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้เหมือนกัน
เมื่อเห็นผมยิ้มแบบนั้น อามากิก็มองมาที่ผมอย่างเย็นชา
“มันจะเป็นปัญหา ถ้าคุณพอใจเพียงแค่ชนะนักเรียนในสถาบัน ดิฉันคาดหวังให้ท่านมุ่งมั่นในการศึกษามากกว่านี้ค่ะ”
…วันนี้อามากิไม่อ่อนข้อให้แม้แต่นิดเดียว
“คุณรู้ไหม คุณเป็นคนเดียวที่ผมยอมให้มีทัศนคติแบบนั้นกับผม ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงสั่งตัดหัวพวกเขาไปแล้ว”
“ดิฉันแค่บอกคุณในสิ่งที่คุณต้องฟัง นายท่าน คุณสามารถตัดหัวของดิฉันได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ”
ตัดหัวอามากิ? ต่อให้เป็นเรื่องตลกก็ไม่สมควรพูดแบบนั้น
ผมยกมือยอมแพ้
“โอเคๆ ผมจะพยายามทำตามคำแนะนำ ได้โปรดอย่าโกรธผมเลย”
“ดิฉันไม่ได้โกรธ”
“–ยังไงก็เถอะ อืม… โรเซตต้าเป็นยังไงบ้าง?”
โรเซตต้าเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหาที่บอกว่าเธอจะตามผมมาที่สถาบันการทหารด้วย แต่ตอนนี้เธออยู่ที่คฤหาสน์ใช่ไหม?
เธอเรียกผมอย่างมีความสุขว่า “ที่รัก!” เมื่อเราอยู่ด้วยกัน ทำให้ผมไม่รู้จริงๆว่าควรปฏิบัติต่อเธออย่างไร
ในฐานะผู้เข้าชิงฮาเร็มในอนาคต เธอสวยมาก… แต่รู้สึกผิดแปลกๆเมื่อผมคิดถึงเรื่องนั้น
“ท่านหญิงโรเซตต้ากำลังผ่านการฝึกอย่างเข้มงวดภายใต้การดูแลของหัวหน้าสาวใช้
มีการปรึกษากันว่าจะให้เธอเริ่มเรียนที่บ้านหลังอื่น แต่เรามีปัญหาในการหาบ้านที่จะเข้ารับการฝึกอบรม
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเรากับครอบครัวเบิร์กลีย์”
“ครอบครัวเบิร์กลีย์อีกแล้ว?”
ผมได้ยินชื่อพวกเขาทุกที่เลย
สำหรับจักรวรรดิ มันคงเหมือนคนที่มีนามสกุล ‘ทานากะ’
“อืม… ผมจะปล่อยเรื่องนี้ให้คุณ”
“รับทราบค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉัน”
หลังจากสิ้นสุดการติดต่อ ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืดเส้นยืดสาย
“ถ้าเอาตามที่อามากิบอก… ผมควรเรียนให้จริงจังกว่านี้สินะ”
◇ ◇ ◇
ชั้นเรียนในวันต่อมาสอนพื้นฐานของการทำสงครามกองยาน
ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้แล้วในแคปซูลการศึกษา แต่หลังจากได้ยินบทเรียนของครูฝึก เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมา
ครูฝึกยืนอยู่บนแท่นพูดเกี่ยวกับสงครามสมัยใหม่อย่างเฉยเมย
“ในขณะที่ขนาดของการรบกองเรือเพิ่มขึ้น ระยะเวลาในการทำการรบก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ฝ่ายที่อยู่รอดได้นานกว่าย่อมได้เปรียบ ทำให้กลยุทธ์เชิงรุกเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความสูญเสีย”
ภาพโฮโลแกรมจำลองการต่อสู้ของกองยาน แสดงสถานการณ์ให้เราฟังในลักษณะที่เข้าใจง่าย
“ในขณะที่คุณภาพของยานรบและทักษะของลูกเรือก็เป็นปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณา แต่ความเสี่ยงในการพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามในระดับเดียวกันก็อันตรายอยู่ดี”
อาจารย์กล่าวเสริม
“กลยุทธ์การจู่โจมสมัยใหม่มักใช้ในการไล่ตามกองเรือที่สูญเสียขบวนการรบไปแล้วและกำลังถอยทัพ ฉันขอให้ไม่มีใครในพวกคุณพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างกับฮีโร่น่ะนะ”
นักเรียนนายร้อยในห้องต่างหัวเราะร่วน
แต่ผมไม่
กลยุทธ์การโจมตีถือได้ว่าเป็นลายเซ็นของบ้านเบนฟิลด์
มันใช้งานได้ดีจนถึงตอนนี้ นั่นก็เพราะว่าคู่ต่อสู้คือโจรสลัด
ผมเอ่ยปากถามครูฝึก
“ถ้าอย่างนั้น ต้องการความแตกต่างด้านจำนวนมากแค่ไหนสำหรับกลยุทธ์บุกโจมตี?”
“โอ้ นักเรียนนายร้อยเลียม? น่าประหลาดใจจริงๆ ฉันคิดว่าจะไม่มีอะไรเหลือให้สอนคุณซะแล้ว อืม…ในกรณีนั้น ฉันคิดว่าคุณต้องการกองกำลังมากกว่าศัตรูซักสี่เท่า”
สี่เท่า…
ถ้าเป็นแบบนั้น บ้านเบนฟิลด์จะไม่มีทางชนะถ้าอีกฝ่ายมีมากกว่าหนึ่งหมื่น (ปัจจุบันบ้านเบนฟิลด์มีกองกำลังสามหมื่น)
ยานรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เน้นการโจมตี – และทหารที่ได้รับการฝึกฝนที่เน้นการโจมตี
มันคือความผิดพลาด
“สี่เท่า…สี่เท่างั้นรึ?”
ขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิด วอลเลซก็ร้องทัก
“มีเรื่องอะไรเรอะ?”
“…เปล่าหรอก… แค่คิดที่จะเสริมกองทัพนิดหน่อย”
“ทำไมล่ะ?”
จำเป็นต้องเปลี่ยนนโยบายทางทหารและขยายกองทัพโดยเร็วที่สุด
แม้ว่าผมจะเป็นผู้ปกครองที่ชั่วร้าย แต่ก็รู้สึกวิตกกังวลทันทีเพราะกองทัพของตนเองนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน
ผมต้องการเหยียบย่ำคนอื่นจากตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่ใช่คนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อทำแบบนั้น
“อาวุธยุทโธปกรณ์… ถ้าพูดถึงของพวกนั้นล่ะก็—”
ผมคิดว่าจะต้องติดต่อกับโรงงานอาวุธซะแล้วล่ะ
ผมต้องติดต่อหาอามากิอีกครั้ง
แม้ว่าจะเริ่มตอนนี้ แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์
เมื่อพิจารณาว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่สร้างขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องใช้เวลานานมากขึ้นไปอีก
บัดซบ! – ผมพลาดแล้ว
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการต่อสู้ทั้งหมดที่ผ่านมา ผมนั้นประมาทเกินไป
อย่างตอนที่สู้กับดอล์ฟ ผมก็เกือบแพ้เพราะใช้กลยุทธ์เน้นโจมตี
แต่โชคดีที่ผมสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีถึงเอาชนะมาได้ (TL:เหรอออ)
แต่คิดในแง่ดี ต้องบอกว่าผมโชคดีที่สังเกตเห็นสิ่งนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่อะไรๆมันจะเกิดขึ้น
“ในตอนนี้ ต้องตั้งเป้าเพิ่มกำลังเป็นสองเท่า…หกหมื่นลำ ไม่สิ ผมควรเพิ่มสามเท่าให้รวมเป็นเก้าหมื่น”
เมื่อฟังเสียงพึมพำของผม วอลเลซก็พูดขึ้น “หืม? ต้องการมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ด้วยความประหลาดใจ
ใช่
กองทัพของผมไม่ควรพ่ายแพ้
นั่นเป็นเพราะว่าอำนาจทางการทหารเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้ปกครองที่ชั่วร้าย
ทุกคนจะไม่ปริปากบ่น ตราบเท่าที่คุณมีกองทัพที่แข็งแกร่ง
กองทัพที่แข็งแกร่งเท่ากับอำนาจของผู้ปกครองที่เหนือกว่า
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมจะแพ้ไม่ได้
อ่า… นั่นสินะ
อามากิพูดถูก ผมไม่ควรมาหยิ่งผยองกับเรื่องแบบนั้น!
ตอนนี้ผมไม่มีอำนาจทางทหารกระทั้งจะรับประกันความปลอดภัยของตัวเอง แต่ผมสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
“จู่ๆ ผมก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจขึ้นมา”
เห็นท่าทางจริงจังของผม วอลเลซก็ดูจะสับสน
“อ่อ อย่างงั้นเหรอ? อืม… ฉันเดาว่ามันคงดีสำหรับคุณสินะ? ทำให้ดีที่สุดละกัน”
ใช่แล้ว ผมจะทำให้ดีที่สุด!
◇ ◇ ◇
หลังจากได้ยินรายงานในสำนักงานของเขาซิการ์ก็หลุดจากปากของแคชมิโร่
“ว่ายังไงนะ”
ลูกชายที่รายงานผ่านเครื่องสื่อสารไม่ได้พยายามซ่อนว่าเขาอารมณ์เสียแค่ไหน
“บ้านแบนฟิลด์ขายโลหะหายากทั้งหมดที่พวกเขาเก็บไว้ให้กับจักรวรรดิ และหลังจากขายทอดตลาด พวกเขาก็ชำระหนี้เต็มจำนวนด้วยเงินสด”
แผนการของพวกเขาในการตัดอำนาจของบ้านแบนฟิลด์จบลงด้วยการที่บริษัทหน้าฉากของพวกเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือ
“ยังไงก็ตาม กดดันมันต่อไป! ถ้าเราปล่อยให้เด็กเหลือขอแบบนั้นไปง่ายๆ ครอบครัวเบิร์กลีย์จะถูกดูหมิ่นแน่!”
“ รับทราบครับ”
เมื่อวางสาย แคชมิโร่ก็กุมหัว
“แม่งต้องล้อเล่นแน่ๆ มันเป็นแค่บ้านขุนนางที่ยากจนไม่ใช่เรอะ?”
เขาไม่คิดว่าพวกนั้นมีทุนมากพอที่จะเคลื่อนไหวในเชิงเศรษฐกิจ
(การเลือกที่จะเป็นหนี้ทั้งๆ ที่มีเงินทุนเพียงพอในการชำระหนี้… พวกเขาไปได้แห่งเงินทุนมาจากไหนกัน?
ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงคนที่เพิ่งเริ่มต้นพัฒนาจากชายแดน แต่กลับสร้างปัญหาให้น่าประหลาดใจ)
เมื่อสิ่งต่าง ๆ มาไกลถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดสินกันจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้
ถ้าแคชมิโร่ถอยออกมาก่อน คนอื่นๆ จะเริ่มตั้งคำถามกับอำนาจของตระกูลเบิร์กลีย์
ไม่มีประประโยชน์ถ้าคุณเริ่มสงครามแล้วไม่ชนะ
ใช่– เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ความขัดแย้งระหว่างขุนนางนั้นไม่จบลงง่ายๆ
“เรามีน้ำยาอีลิกเซอร์ ด้วยสิ่งนี้ เราสามารถสร้างรายได้มหาศาล แม้ว่าพวกเขาจะมีโลหะหายากมากมาย แต่บ้านของเบนฟิลด์ก็จะพ่ายแพ้”
แม้ว่าจะมีข้อเสียที่พวกเขาต้องทำลายดาวเคราะห์เพื่อสร้างมันขึ้นมา แต่น้ำยาอีลิกเซอร์เป็นที่ต้องการสูงเสมอ
แคชมิโร่คิดว่า หากสู้ในระยาวเลียมจะพ่ายแพ้ในที่สุด
“แต่ว่า…สงครามเศรษฐกิจครั้งนี้เราพลาด… เราได้รับความเสียหายมากเกินไป”
บริษัทหน้าฉากของพวกเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ
เพราะความจริงที่ว่าร้านพวกนั้นมีตระกูลเบิร์กลีย์อยู่เบื้องหลังถูกเปิดเผย
ถ้าเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาคงจะเริ่มการต่อสู้ด้วยวิธีที่ต่างไปจากเดิม
“…เราไม่สามารถจะแพ้เด็กคนนั้นได้อีกต่อไป”
การต่อสู้ของพวกเขาจะรุนแรงขึ้น – คงจะแบบนั้น
————
ไบรอัน (´・ω・) “ท่านเลียมมักจะพูดว่าเขาจะ ‘สร้างฮาเร็ม’ ถ้าเขาจะสร้างจริงๆข้าราชบริพารทุกคนก็หวังว่าเขาจะรีบสร้างมันขึ้นมาได้แล้ว
แล้วเราก็จะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป แม้ว่าอามากิจะเป็นกรณีพิเศษ แต่ก็เจ็บปวดที่เขายังไม่ได้ทำอะไรกับท่านหญิงโรเซตต้าเลย ท่านเลียมโกหกเราตลอดเวลาว่าเขาจะสร้างฮาเร็ม… เจ็บปวดจริงๆ”
————
สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.