(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 37
ตระกูลเบิร์กลีย์
โรเซตต้ากำลังจนมุม
ปีหนึ่งกำลังจะสิ้นสุดลง แต่คะแนนของเธอแย่มาก
เกรดโดยรวมของเธอถูกทิ้งห่างจากเพื่อนในห้อง
ซึ่งเทียบเฉพาะในหมู่นักเรียนของอาคารเรียนหลังที่หนึ่ง แน่นอนว่ามันต่ำสุด
“ทั้งๆที่ฉันตั้งใจมากขนาดนั้น…”
เธอเรียนจนแทบไม่ได้นอน
แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเธอที่จะตามทัน
ขณะที่เธอเดินผ่านโถงทางเดินด้วยสีหน้าสิ้นหวัง นักเรียนบางคนที่ปกติแล้วคุณจะไม่เห็นในอาคารเรียนหลังที่หนึ่งได้เข้ามาหาเธอ
ที่ศูนย์กลางของกลุ่มห้าคนคือ บารอนของบ้านเบิร์กลีย์-เดอร์ริก
โรเซตต้าหันหลังกลับทันทีและพยายามจะหนี แต่เขาคว้าแขนเธอไว้
“เดี๋ยวก่อนเซ่ คนจนอย่างคุณจะหนีไปไหน”
แม้ว่าโรเซตต้าจะพยายามสะบัดมือที่คว้าเธอไว้ แต่แขนของเดอร์ริกซึ่งดูบอบบางก็แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
เดอร์ริกซึ่งผ่านการเสริมสร้างร่างกายมาหลายครั้งนั้น แข็งแกร่งกว่าโรเซตตาซึ่งได้รับความแข็งแกร่งจากการทำงานหนักและการฝึกฝน
—นั่นคือความเป็นจริงของจักรวาลนี้
“ป-ปล่อยฉันนะ!”
“อย่าพูดจาเย็นชาอย่างนั้นสิ ดยุกผู้ยากไร้ โรเซตต้า”
ผู้ติดตามของเดอร์ริกหัวเราะ
เมื่อเดอร์ริกจ้องมองโรเซตต้า เธอรู้สึกว่าการจ้องมองของเขานั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย
“แม้ว่าคุณจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายเพียงเล็กน้อย แต่ร่างกายของคุณค่อนข้างดีเลยนี่? อย่างที่คิด สำหรับคนยากจนที่ทำได้เพียงขายร่างกาย คุณสมบูรณ์แบบจริงๆ”
หลังจากถูกผลัก โรเซตต้าก็ล้มลง กระเป๋าเธอตกกระจายเต็มพื้นสมุดเกรดของเธอก็ถูกแสดง
เดอร์ริกเห็นเนื้อหาของมัน – และหัวเราะ
“ย-อย่ามองนะ!”
เธอพยายามเอาอุปกรณ์ของเธอคืน แต่มันอยู่ในกำมือของเดอร์ริกแล้ว
“คุณนี่มันน่าสิ้นหวังจริงๆ คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นขุนนางด้วยซ้ำ”
โรเซตต้าพยายามที่จะดึงเอกสารของเธอ เดอร์ริกหัวเราะขณะที่ผลักเธอล้มลงอีกครั้ง
“ว้าย…!”
ผู้ติดตามเดอร์ริกยืนล้อมโรเซตต้า หลังจากเดอร์ริกผลักเธอลง
“–โรเซตต้า ครอบครัวของคุณกำลังมองหายีนของขุนนางที่มีความสามารถไม่ใช่เหรอ?”
เดอร์ริกถอดเข็มขัดออก และมองโรเซตตาขณะที่เลียริมฝีปาก
โรเซตต้ารู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังของเธอขณะที่เธอเหงื่อตก
“ก-แกพูดบ้าอะไร?”
เดอร์ริกทไหน้าจริงจัง
“ขอบคุณฉันซะซี่ บ้านของคุณจะสามารถสืบทอดยีนอันสุดยอดของตระกูลเบิร์กลีย์ได้… โอ้…แต่อย่าได้มีความคิดว่าจะได้รับอะไรจากครอบครัวเบิร์กลีย์ เพราะจะไม่มีใครรู้ว่าเป็นลูกของเรา”
โรเซตต้าพยายามหนีจากเดอร์ริก ผู้ซึ่งเพิ่งพูดเรื่องหยาบคายใส่ แต่เธอทำไม่ได้เพราะลูกน้องของเขาที่อยู่รอบตัวเธอ
“ดัชเชสผู้น่าอับอายควรจะรู้สึกขอบคุณที่ได้รับยีนอันยอดเยี่ยมของท่านเดอร์ริคคนนี้!”
เมื่อเดอร์ริกเอื้อมมือออกไปหาโรเซตต้า เธอพยายามต่อต้านแต่ถูกกดลงอย่างง่ายดาย
“มะ-ไม่ หยุดนะ! ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
นักเรียนและครูที่เดินผ่านโถงทางเดินนั้น เมินหน้าหนี
พวกเขาไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับเดอร์ริคและครอบครัวเบิร์กลีย์
และไม่มีประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้ที่มีสถานะแบบโรเซตต้า
(…ทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้?)
ปากของเธอถูกปิดไว้เพื่อกลบเสียงกรีดร้องของเธอ ดังนั้นสิ่งที่ โรเซตต้าทำได้คือจ้องไปที่พวกเขา
นั่นคือตอนที่ลูกน้องคนหนึ่งปลิวออกไป
“…ฮะ?”
หลังจากเห็นลูกน้องคนหนึ่งของเดอร์ริคปลิวออกไป โรเซตต้าหันหน้ามองไปทิศทางตรงกันข้ามที่เขาปลิว
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเลียมซึ่งมีเคิร์ทและวอลเลซอยู่ข้างๆ
“พวกนี้คือใครละเนี่ย? ผมไม่เคยเห็นหน้าเจ้าพวกนี้ที่นี่มาก่อน”
เพราะคำพูดของเลียม วอลเลซหน้าซีด
“เลียม! นั่นบารอน เบิร์กลีย์!”
เคิร์ทรู้สึกประหลาดใจ
“เขาคือผู้ชนะของทัวร์นาเมนต์ที่แล้วไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นนักเรียนของอาคารเรียนหลังที่สองนี่?”
เคิร์ทดูเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องครอบครัวเบิร์กลีย์มากนัก
เลียมก็เหมือนกัน
“แล้วเขามาที่นี่ทำไมล่ะนั่น? ช่างเหอะ เฮ้ย หลีกทางไปหน่อยซิ”
หลังจากที่เลียมพูดแบบนั้น เดอร์ริกรู้สึกว่าเลือดพุ่งไปที่หัวของเขาและเริ่มตะโกน
“ไอ้เหี้ย มึงคิดว่ากำลังทำน้ำเสียงแบบนี้กับใครวะไอ้สัส! กูชื่อ บารอน เบิร์กลีย์นะเว้–!”
ยังไม่ทันจบประโยคดี เดอร์ริกก็ปลิวออกไปอย่างแรง
เลียมย่นระยะห่างในพริบตา หมัดของเขากระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของเดอร์ริก
“– คุณคิดว่าคุณใช้น้ำเสียงนี้กับใครเหรอ? ผมขอคืนคำนั้นกลับไปให้คุณ ผมเป็นเคานต์”
ลูกน้องคนหนึ่งที่รีบไปหาเดอร์ริคได้รู้ความจริงหลังจากได้ยินคำพูดนั้น
“เคานต์? คุณคือเบนฟิลด์!”
นั่นคือตอนที่ลูกน้องที่เหลือปลิวไป
“อย่ามาเรียกเหมือนเราสนิทกัน ไอ้ขยะ!”
เคิร์ทและวอลเลซกรีดร้องกับการกระทำของเลียม
“เลียม รุนแรงเกินไปแล้ว!”
“อ๊ากกกกก!!! เลียม! ช่วยดูคู่ต่อสู้ของคุณก่อนที่จะสู้เซ่!”
เหล่าลูกน้องหิ้วปีกเดอร์ริกที่หมดสติขึ้นมาแล้วรีบหนีไป
โรเซตต้ามองดูเหตุการณ์ทั้งหมดขณะนั่งอยู่บนพื้น ตอนนี้ชุดที่เธอใส่ดูไม่เรียบร้อยเอาซะเลย
เลียมเข้าไปหาเธอและเอื้อมมือออกไปเพื่อจะดึงเธอขึ้นมา
“เฮ้ คุณโอเคไหม?”
มือนั้นที่ยื่นมาหา…โรเซตต้าตบมันออกไป
“โอ๊ะ?”
เลียมพยายามช่วยเธอ แต่โรเซตต้าก็จ้องมาที่เขา
“อย่ามายุ่งกับฉัน… ฉัน… แม้ว่าฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันก็ยังเป็นลูกสาวของบ้านดยุค!”
เธออยากจะขอบคุณเขา
อย่างไรก็ตาม โรเซตต้าพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ เพราะเป็นเลียมที่ช่วยเธอไว้
เธอรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไป
(…ทำไมฉันถึงทำตัวแบบนี้นะ?)
เธอเกลียดตัวเองที่ไม่มีอำนาจใดๆ
เธอเกลียดคนรอบข้างที่ไม่ได้ช่วยเธอ
และเธอเกลียดเลียมที่สมบูรณ์แบบและมีคุณธรรมที่เธออิจฉามากที่สุด
เธอดีใจในตอนแรก แต่แล้วเธอก็รู้ว่ามันเป็นความสงสารของคนที่ชีวิตดีพร้อม และความรู้สึกของเธอก็กลับกลายเป็นความเกลียดชัง
โรเซตต้าเกลียดชีวิตของเธอที่โรงเรียนประถม
◇ ◇ ◇
ขณะที่ผมมองดูร่างของโรเซตต้าวิ่งหนีไป ผมอดคิดไม่ได้
-เธอดูสบายดีนะ
ผมที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าบ้านยศเคาท์ แต่เธอปฏิเสธที่จะก้มหัวให้ผมเพราะเธอกำลังจะเป็นดัชเชส
เมื่อเธอหายไปจากสายตาของผมในที่สุด วอลเลซก็เรียกผม
“เลียม คุณรู้ใช่ไหมว่านั่นคือใคร”
ผมหันไปยิ้มให้วอลเลซที่กำลังมีสีหน้ากังวล
“โอ้ฉันรู้…ผมชักจะชอบเธอแล้วสิ”
เคิร์ทมองมาที่ผมและเบิกตากว้าง
“เลียม นิสัยแย่ๆ ของคุณกำลังออกมาอีกแล้ว”
วอลเลซดูไม่สบายใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินความคิดเห็นเกี่ยวกับนิสัยแย่ๆ ของผม
แต่เคิร์ทไม่ได้อธิบาย
–มันไม่ใช่เรื่องที่วอลเลซต้องรู้
โดยพื้นฐานแล้ววอลเลซเป็นคนดี
เขาไม่ใช่วายร้ายอย่างเคิร์ทกับผม
“อย่าพูดอย่างนั้น มันเหมือนกับงานอดิเรกของผมมากกว่า”
ผมต้องการให้โรเซตต้าผู้มีความภาคภูมิใจในสายเลือดของเธอ ยอมมอบตัวและหัวใจให้ผมจากก้นบึ้งของหัวใจ
มันน่าสนใจมากที่จะมีผู้หญิงที่เย่อหยิ่งมายอมจำนนต่อผม
ผมชอบผู้หญิงที่ซื่อสัตย์และเชื่อฟัง แต่บางครั้งผู้หญิงที่ดื้อรั้นก็ดีเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นเทียหรือมารีพวกเขาทั้งหมดยอมจำนนต่อผมง่ายดายเกินไป
ผมไม่ได้เกลียดทัศนคติแบบนั้น แต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่มองหาสิ่งเร้าอยู่เสมอ
ผมต้องการเห็นการยอมจำนนของบุคคลที่จองหอง
– เลือดของลอร์ดชั่วร้ายในตัวผมกู่ร้อง
นี่เป็นนิสัยเสียที่เคิร์ทพูดถึงก่อนหน้านี้
โรเซตต้า หนอ โรเซตต้า…เมื่อคุณทำสายตานั่นใส่ผม คุณก็จบสิ้นแล้ว
ผมจะทำลายคุณ
◇ ◇ ◇
เลียมเข้าไปในหอพักนักเรียนพร้อมกับยิ้ม
เคิร์ทมองภาพดังกล่าวพลางถอนหายใจ ตอนนี้มีเพียงวอลเลซเป็นคนเดียวที่อยู่รอบๆ
“เลียมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”
วอลเลซดูกังวล
“เฮ้ เลียมจะไม่เป็นไรเหรอเนี่ย? ฉันไม่ต้องการให้ผู้อุปถัมภ์ของฉันหายไปทันทีหรอกนะ ตอนนี้เขาเปลี่ยนทั้งตระกูลเบิร์กลีย์เป็นศัตรูไปแล้ว”
“ทั้งตระกูล?”
วอลเลซยิ่งกังวล
“คุณไม่รู้เหรอ! พวกเขามีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ‘ขุนนางโจรสลัด’ พวกมันคือขยะของจักรวรรดิ ในแง่ของขนาดพวกเขาสามารถเทียบได้กับบ้านของดยุค!”
ในตระกูลเบิร์กลีย์ เมื่อใดก็ตามที่เด็กเกิดมา พวกเขาจะพิชิตดินแดนและทำให้เด็กคนนั้นกลายเป็นบารอน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้การจัดการโดยบารอน พ่อของเดอร์ริค
พวกเขาอยู่ในยศแค่บารอน เพื่อลดการมีส่วนร่วมที่พวกเขาต้องปฏิบัติตามจักรวรรดิ
เป็นผลมาจากการหาความมั่งคั่งมากกว่าสถานะทางสังคม
ด้วยเหตุนี้ บ้านเบิร์กลีย์ จึงถูกเรียกว่าตระกูลเบิร์กลีย์ซึ่งเป็นกลุ่มของยักษ์ใหญ่ที่เกี่ยวพันกัน
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นโจรสลัดตั้งแต่รากเหง้า แต่พวกเขาเป็นส่วนสำคัญในการผลิตและจัดหาน้ำอมฤตให้จักรวรรดิ
“…พวกเขาเป็นโจรสลัด? อ่อ…แบบนี้นี่เอง”
“พวกมันอันตรายมาก เราต้องขอโทษทันที”
เคิร์ทส่ายหัวกับความคิดเห็นของวอลเลซ
“นั่นเป็นไปไม่ได้… เลียมจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้โจรสลัด”
“แต่คู่ต่อสู้เป็นทั้งตระกูลเชียวนะ!”
“ถึงอย่างนั้น เลียมก็มองพวกนั้นไม่ต่างอะไรจากอาชญากร ถ้าพวกเขาเข้ามาหาเรื่องกับเขา เบัยมจะทำลายกองยานของพวกเขาเหมือนที่เกิดกับบ้านพีตัค”
กรามของวอลเลซลดลงอย่างประหลาดใจ
“บ้านพีตัค… มาลองคิดดูแล้ว คุณบอกว่าคุณทั้งคู่ฝึกมาจากบ้านของอดีตไวเคานต์ราเซลก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่าพวกคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่นงั้นหรอ!”
แท่งที่หว่างขาขอปีเตอร์ของบ้านพีตัคได้ระเบิดขึ้น ดังนั้นการลงทะเบียนเข้าเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาของเขาจึงถูกเลื่อนออกไปสำหรับการพักฟื้น
“ต-แต่ตระกูลเบิร์กลีย์มันแย่กว่านั้นมาก! เลียมไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้! ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขายังมีโจรสลัดเป็นพันธ์มิตร!”
เคิร์ทส่ายหัวแม้จะได้ยินอย่างนั้น
“ถึงจะพูดแบบนั้น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เลียมจะเปลี่ยนใจ เลียมไม่เคยปรานีต่อโจรสลัด”
วอลเลซทรุดตัวลงกับพื้นและเอามือกุมหน้า
“อิสรภาพของฉันสิ้นสุดลงแล้ว มันจบแล้ว…”
วอลเลซตกอยู่ในความกลัวเมื่อคิดถึงการตอบโต้ของบ้านเบิร์กลีย์
◇ ◇ ◇
หอพักนักเรียนของอาคารเรียนหลังที่สอง
เดอร์ริกพันผ้าพันแผลบนใบหน้าของเขา
“…ฉันจะฆ่าไอ้เวรเลียมนั่นซะ!”
ในขณะที่เขายังคงโกรธจากการถูกต่อย ไม่มีใครในบริเวณโดยรอบของเขาแย้งคำพูดของเขาที่จะฆ่าเลียม
สำหรับเดอร์ริกแล้ว แม้แต่ความตายก็ยังไม่พอ
“ฉันจะทำลายอาณาเขตทั้งหมดของเขา ฉันจะพรากทุกอย่างที่เขารัก ก่อนที่ฉันจะทรมานและฆ่าเขาซะ”
ถ้าไกด์ฟังอยู่ เขาคงดีใจมาก
แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น
“เฮ้ย แกไปรู้อะไรเกี่ยวกับเขามา”
“ครับ! นี่คือสิ่งที่เรารวบรวมมาได้ในตอนนี้”
ข้อมูลที่รวบรวมถูกฉายขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ เดอร์ริกจึงได้เรียนรู้ว่าดาวหลักของเลียมมีกองทัพจำนวนมาก
“–มีดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกซะด้วย”
เขาสังเกตเห็นว่ามีดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
“มียานทางทหารประมาณพันลำประจำการอยู่ที่นั่นด้วย”
เดอร์ริคยิ้มทั้งที่เขาไม่มีฟันหน้า
“ส่งกองยานส่วนตัวของฉันออกไป ติดต่อบ้านพ่อแม่ของฉันด้วย รวบรวมโจรสลัด เราจะใช้ ‘สิ่งนั้น’ ในบ้านของเขาและเอาทุกสิ่งมา บีบทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้จากเขา”
เดอร์ริกแทบไม่มีอำนาจภายในครอบครัวของเขา
แต่เขายังคงมีกองยานอยู่สามพันลำภายใต้การควบคุมของเขา
ถ้าเขารวบรวมกองกำลังอื่น จำนวนจะเพิ่มเป็นสองเท่า
เขาคิดว่ามันง่ายที่จะเผาทุกอย่างถ้ามันเป็นเพียงดาวเคราะห์ผู้บุกเบิก
“ฮ่าฮ่าฮ่า เลียม… ฉันจะทำให้คุณเสียใจที่ทำให้ฉันโกรธ”
เดอร์ริกตัดสินใจโจมตีอาณาเขตของบ้านเบนฟิลด์
◇ ◇ ◇
ที่ดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกของบ้านเบนฟิลด์
เกิดความโกลาหลขึ้นที่ฐานป้องกันที่ประจำการอยู่ที่นั่น
“ท่านผู้บัญชาการ! มีกองยานจำนวนหกพันลำกำลังใกล้เข้ามา!”
“อะไรนะ?!”
ผู้บัญชาการที่ได้รับมอบหมายให้ประจำฐานป้องกันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นกองยานข้าศึกฉายบนจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่
“มีหกพันลำจริงๆเหรอ?”
“ใช่ครับ ยืนยันแล้ว”
จำนวนหน่วยป้องกันที่พวกเขาประจำการอยู่ที่นั่นเพิ่งเพิ่มขึ้นเป็นพันสองร้อย
พวกเขาน้อยกว่าในเรื่องจำนวน แต่…
“…พวกเขาโง่หรือบ้า? ยังมีโจรสลัดที่เต็มใจจะต่อสู้กับบ้านเบนฟิลด์อีกรึเนี่ย?”
กองยานโจรสลัดกำลังบุกรุกอาณาเขตของเลียม ซึ่งเป็นที่เกรงกลัวของโจรสลัดอย่างมาก
พวกเขามาเพื่อโจมตีดาวเคราะห์ผู้บุกเบิก แต่ผู้บังคับบัญชาไม่กลัวเลย
เพราะว่า-
“–รีบไปอพยพผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ ฐานป้องกันจะช่วยในการสกัดกั้น”
ยานขนาดใหญ่พิเศษระดับป้อมปราการ ซึ่งเลียมตัดสินใจซื้อหลังจากได้เห็นชุดกีฬาของไนอัสที่ตอนนี้เป็นฐานทัพชั่วคราวสำหรับฐานป้องกัน
ประสิทธิภาพของมันสูงมาก
เหมาะสมกับชื่อยานระดับป้อมปราการ เป็นยานขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเหมือนป้อมปราการที่เข้มแข็ง
เจ้าหน้าที่รีบออกคำสั่ง
ผู้บัญชาการมองไปที่กองยานศัตรูอย่างไม่เชื่อ
“ทำไมกองยานโจรสลัดถึงเข้าต่อสู้กับเราด้วยยานเพียงหกพันลำ”
กองยานของบ้านเบนฟิลด์ ซึ่งมีระดับป้อมปราการเป็นเรือธง ได้ทำลายล้างข้าศึกอย่างต่อเนื่องเพื่อรอกองกำลังหลัก
โจรสลัดร้องขอชีวิต แต่คำวิงวอนของพวกเขาถูกเพิกเฉยและพวกเขาก็ถูกสังหาร
ขณะที่ทีมป้องกันกำลังตามล่าศัตรูเพียงลำพัง ศัตรูพยายามวิ่งหนี แต่แล้วพันธมิตรก็มาถึง
ศัตรูไม่มีเวลาในการถอนตัวและไม่มีที่จะหลบหนี
“พวกเขาพยายามจะทำอะไรกันแน่?”
ผู้บัญชาการหน่วยป้องกันเอียงคอ
กองยานที่เดอร์ริกรวบรวมไว้ ไม่สามารถเข้าถึงดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกของบ้านเบนฟิลด์ได้ด้วยซ้ำ
————————–
ไบรอัน (´・ω・`) “ช่วงนี้ฉันไม่สามารถติดต่อกับลอร์ดเลียมหรือเพื่อนของเขาได้เลย ไบรอันคนนี้เป็นห่วงจริงๆ”