(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 29
สิ่งที่จอมวายร้ายทำกัน
“มาเพิ่มภาษีกันเถอะ”
“หืม?”
ภายในห้องทำงานของผม
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกกับไวเคานต์แล้ว สิ่งแรกที่ผมอยากทำคือการขึ้นภาษี
“ผมตัดสินใจเดินตามรอยบารอนเอ็กซ์เนอร์ เขาเป็นคนที่ทำให้ผมเห็นตัวอย่างการรีดไถคนในอาณาเขต
แม้แต่ลูกชายของเขาอย่างเคิร์ทเองก็ยังสืบทอดจิตวิญญาณการรีดไถคนของเขา ด้วยการพยายามเรียนรู้วิธีใหม่ๆ ในระหว่างการฝึก”
มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผมต้องดำเนินการขึ้นภาษี
มันจะทำให้ประชาชนของผมเดือดร้อน? เฮอะ?
-ใครสน? ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้ผมลำบากใจซะหน่อย
“ทุกอย่างก็เพื่อช่วงเวลานี้! ในฐานะลอร์ดผู้ชั่วร้าย ได้เวลาขึ้นภาษีครั้งใหญ่แล้ว!”
หลังจากได้ยินความคิดเห็นของผม อามากิก็ประมวลผลซักพักก่อนจะพูดขึ้น
“เวลาในตอนนี้ค่อนข้างเหมาะสม ดิฉันคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาในการทำเช่นนั้น”
“ใช่ไหมล่ะ?! ในที่สุดผมก็จะได้ยินเสียงความทุกข์ทรมานของประชาชนแล้ว!”
บางครั้ง มีคนงี่เง่าที่เข้าใจเจตนาของผมผิดและคิดว่าผมเป็นผู้ปกครองที่มีคุณธรรม
อาจเป็นอิทธิพลของการโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อของเรา?
สื่อนี่มีประโยชน์มาก
“พวกงี่เง่าที่ฝากความหวังไว้กับผมในฐานะผู้ปกครองที่มีคุณธรรม ในที่สุดก็ถึงเวลาแห่งการหักหลังแล้ว”
“นายท่าน แล้วรายละเอียดปลีกย่อยของการเพิ่มภาษีล่ะ?”
“จัดการเอาเลย อะไรก็ได้ แค่รีดพวกเขาให้แห้ง!”
“รับทราบค่ะ”
-วันต่อมา เราประกาศว่าเราจะขึ้นภาษีในปีงบประมาณหน้า
อาณาเขตก็วุ่นวายขึ้นมาในทันใด
ผมรอช่วงเวลานี้แหละ!
◇ ◇ ◇
บ้านที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของบ้านเบนฟิลด์
บ้านเดี่ยวสีขาวพร้อมสวนที่ได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพดี
เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นชายวัยกลางคนที่อ้วนและมีหนวดเล็กน้อย
ระหว่างที่ชายคนนั้นออกไปดูแลสวนของเขา ญาติคนหนึ่งของเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“นี่ นายได้ยินข่าวหรือเปล่า?”
“มีเรื่องอะไรรึ? ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งๆ”
“นี่ ดูนี่สิ!”
สิ่งที่แสดงบนแท็บเล็ตของเขาคือการประกาศเกี่ยวกับการเพิ่มภาษี
มันถูกกำกับด้วยชื่อของลอร์ดเลียม ซึ่งหมายความว่าเป็นคำสั่งบังคับใช้
กล่าวอีกนัยหนึ่งถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับหัวข้อนี้ กองทัพก็จะเข้ามาจับกุมพวกเขา
ขณะที่เขายืนยันเนื้อหาในรายงาน พวกเขาก็ขนลุก
“นี่เรื่องจริงเหรอ?”
“ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล เรากำลังได้รับการขึ้นภาษีครั้งใหญ่!”
พวกเขาขนลุก เนื่องจากความสุข
“ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้เราไปทำงานไกลเกินไป ตอนนี้มีที่ไหนรับสมัครบ้าง?”
“ตอนนี้ทีมที่สามดูเหมือนจะอยู่ใกล้ที่สุด พวกเขากำลังรับสมัครกำลังคนสำหรับแผนพัฒนาที่นั่น แต่ดูเหมือนว่านักวิชาการกับครูจะเป็นเป้าหมายหลัก โดยส่วนตัวผมจะเข้าร่วมทีมที่สี่ ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
“แน่นอน ฉันเอาด้วย! ที่นั่นเราอิสระมากกว่า แถมหางานทำก็ง่ายด้วย”
ทำไมพวกเขาถึงมีความสุขมาก และพวกเขากำลังพูดถึงอะไร?
เลียมลืมไปว่า บ้านเบนฟิลด์กำลังเริ่มบุกเบิกดาวเคราะห์เพื่อพัฒนา
การพัฒนาดาวหลักของพวกเขาได้คงตัวแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงย้ายไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นภายในอาณาเขต
เป็นการยากที่จะพัฒนาดาวเคราะห์
มีลอร์ดจำนวนไม่มากที่ส่งทรัพยากรมนุษย์และเงินทุนไปเพื่อพัฒนาดาวเคราะห์หลายครั้ง
แต่ทว่าการเพิ่มภาษีครั้งนี้อาจหมายถึง เพื่อนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาเต็มรูปแบบของดาวเคราะห์ที่ถูกบุกเบิกไว้
กล่าวก็คือ จากมุมมองของผู้คน พวกเขาเชื่ออย่างเต็มที่ว่าเลียมกำลังเอาเงินไปลงทุนในอาณานิคมอวกาศแห่งใหม่
ความคิดเห็นของพวกเขาน่ะเหรอ….
“ภาษีเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”
“นิดหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าที่เคยเป็น”
มันไม่ใช่จำนวนที่รับไม่ได้สำหรับคนที่รู้จักครอบครัวแบนฟิลด์ในอดีต
อันที่จริงพวกเขาคิดว่ามันน้อยไปมากจนกระทั้งตอนนี้
แน่นอนว่าจะต้องมีความไม่พอใจบ้าง แต่ก็เป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่คิดจะย้ายถิ่นฐาน
“ตอนนี้ลอร์ดเลียมกลับมาแล้ว ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าเขาต้องการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการตั้งถิ่นฐานใหม่จะเป็นเรื่องจริง”
“คงช้าไม่ได้แล้ว…ไปกันเถอะ”
ทั้งคู่ดื่มเพื่อเชิดชูเลียมหลังเลิกงานในวันนั้น
◇ ◇ ◇
หลังประกาศขึ้นภาษีครั้งใหญ่
ผมกำลังดูข่าวและก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่ามันน่าสนใจมากกว่าที่คิด
นักวิชาการในช่องข่าวพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ความเห็นเชิงสนับสนุนการประกาศของผม
“ที่ปีนี้มีการขึ้นภาษีก็เพื่อสนับสนุนดาวเคราะห์ผู้บุกเบิก-”
ผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนแม่บ้านให้ความเห็นกับนักวิชาการคนนั้น
“ถึงอย่างนั้น ฉันคงจะลำบากใจถ้าจู่ๆ พวกเขาก็ขึ้นภาษี~ ฉันอยากให้พวกเขาใช้ภาษีที่ฉันจ่ายให้ถูกต้องกว่านี้~”
“ผมไม่คิดว่าอย่างนั้น… การลงทุนในดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกเป็นวิธีที่ถูกต้องในการใช้งานแล้ว”
“แต่นั่นจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นเท่านั้น ไม่ใช่เหรอ~?”
การแสดงครั้งนี้ช่างน่าสนุกจริงๆ
จู่ๆก็มีการเพิ่มภาษีครั้งใหญ่ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่พวกเขายอมรับมันไม่ได้
ถ้านี่คือระบอบประชาธิปไตยในชาติก่อนของผม คณะรัฐมนตรีคงโดนโหวตยุบทันที
แต่นี่คือวิธีการทำงานการเมืองของขุนนางไงล่ะ
ตั้งแต่ผมประกาศนโยบายออกไป มันก็กลายเป็นประเด็นร้อน
แม้จะเปลี่ยนหัวข้อไปเกี่ยวกับการที่เราให้เรือประจัญบานกับลอร์ดที่อยู่ใกล้ๆ เธอก็บ่นขึ้นมา
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงซื้อยานประจัญบานเพียงเพื่อให้ดินแดนอื่นยืม! มันถูกซื้อด้วยเงินภาษีของเราไม่ใช่เหรอ~?”
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของความคิดเห็นของแม่บ้านทั้งหมด และแสดงมุมมองของเธอด้วยความไม่พอใจ
สิ่งที่ตามมาคือการโต้วาทีระหว่างนักวิชาการกับผู้หญิง ทั้งสองฝ่ายพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย
“พวกเขาสร้างอารมณ์โกรธได้เหมือนจริงดีนะ”
หลังจากแสดงข้อร้องเรียนเกี่ยวกับตัวผมแล้ว สถานีก็ออกอากาศต่อไปโดยพยายามแสดงความเห็นเข้าข้างผม
—แต่ทุกอย่างที่เกิดในรายการนั้นน่ะ…มันเป็นของปลอมทั้งหมด
แม้แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นแค่นักแสดง
ผู้บรรยายยังแสดงผลงานที่น่าประทับใจซึ่งตอบโต้กับเธอได้เป็นอย่างดี
“ฉันขอพูดให้เข้าใจตรงนี้เลย! แม้ว่าตอนนี้คุณจะบ่นเรื่องค่าใช้จ่าย แต่เราจัดการกับปัญหานั้นไปนานแล้ว! การเช่ายานจากอาณาเขตของเรานั้น มันดีกว่าการส่งกองเรือไปรับความช่วยเหลือพวกเขาทุกๆครั้ง!”
“ถึงอย่างนั้น ก็เป็นปัญหาของดาวดวงอื่นที่ต้องจัดการ~”
“ไม่เข้าใจรึไง! โจรสลัดไม่สนใจหรอกว่าพวกเขาตั้งรกรากอยู่ส่วนไหนในดินแดน! หากโจรสลัดเริ่มสร้างฐานในดินแดนใกล้เคียง ปัญหาก็จะรั่วไหลเข้ามาในอาณาเขตของเราอย่างแน่นอน!”
เป็นการแสดงที่ค่อนข้างทรงพลัง
นักวิชาการคนนี้ก็เป็นนักแสดงใช่มะ? เป็นไปได้
ตำแหน่ง ‘นักวิชาการ’ ที่พวกเขามอบให้อาจเป็นเพียงกลอุบายอีกอย่างที่ทางสถานีจัดเตรียมไว้เพื่อช่วยโน้มน้าวผู้คน
เป็นเรื่องสนุกที่คิดว่าจะมีผู้ชมที่เชื่อเรื่องทั้งหมดนี้แค่ไหน
อามากิเข้ามาหาผมในขณะที่ผมดูข่าวบนจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่
เธอนำชาเข้ามา
“ดูเหมือนคุณกำลังสนุกนะคะนายท่าน”
“ก็ตลกดีนะ แค่คิดว่าจะมีซักกี่คนที่จะตกหลุมพลางโฆษณาชวนเชื่อของ ‘ลอร์ดผู้บริสุทธิ์’ อันนี้”
การควบคุมสื่อและข้อมูลทั้งหมดของผม มันสมบูรณ์แบบ
“แต่เรื่องราวเกี่ยวกับการให้ยืมยานเพื่อช่วยปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยของดินแดนและรายงานการลงทุนบนดาวเคราะห์ผู้บุกเบิกนั้นเป็นความจริงนะคะ”
“หะ…จริงเรอะๆ?”
ทั้งหมดที่ผมอยากทำคือเพิ่มภาษีครั้งใหญ่ ผมไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะเอาเงินไปทำอะไร
มันเป็นเพียงการกระทำพื้นฐานของลอร์ดผู้ชั่วร้าย
ผมแค่อยากรีดไถคนของผมให้ออกดอกออกผล
ถ้าผมมีปัญหาทางการเงินจริงๆ ผมก็มีกล่องเล่นแร่แปรธาตุให้ใช้เพื่อการนั้นอยู่แล้ว
ผมแค่อยากเห็นประชาชนทุกข์ทรมาน
ผมก็เริ่มดื่มชาที่อามากิให้มา
“ได้ดื่มชาในขณะที่เฝ้าดูความทุกข์ยากของผู้คนนี่มันดีจริงๆ”
“นายท่านดูมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็นจริงๆ”
จากนั้นรายการก็เปลี่ยนเป็นเทรนด์แฟชั่นใหม่ล่าสุดในอาณาเขต
“ต่อไป เราขอนำเสนอทรงผมที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่นในช่วงนี้”
“ฉันละประหลาดใจทุกทีสิน่ากับความคิดของคนหนุ่มสาว ไม่มีทางที่ฉันจะเดาได้เลยว่าทรงผมแบบนี้จะเป็นที่นิยม”
พิธีกรรายการก็หัวเราะคิกคัก
ผมสงสัยว่าทรงผมแบบไหนที่พวกเขา-
“นำเสนอ ‘สไตล์ทอร์นาโด’ ที่ใหม่และทันสมัย”
จากนั้นนางแบบก็เข้ามาในเวทีกลางเมื่อพวกเขาพูดจบ
ผมพ่นน้ำชาออกมา พร่วดใหญ่
ทรงผมของพวกเขาดูเหมือนจะม้วนขึ้นเหมือนไอศกรีมนุ่ม ๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมันน่าเกลียดระดับก้อนข**
อามากิเริ่มทำความสะอาดชาที่ผมพ่นออกมา
“เฮ้ อามากิ!!”
“อะไรรึคะ? นายท่าน”
“ทรงผมนั้นเป็นที่นิยมจริงดิ?! ไอ้แบบนั้นมันมีอยู่ทั่วในดินแดนของผมเรอะ! นี่โกหกกันใช่ไหม! บอกผมทีว่ามันโกหก!”
เมื่อผมชี้ไปที่จอภาพ อามากิก็เบือนหน้าหนี
“…ก็…ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ดิฉันไม่อนุญาตให้ใช้ทรงผมแบบดังกล่าวภายในคฤหาสน์”
“แต่ผมกำลังพูดถึงนอกคฤหาสน์! ไม่มีทางที่ผมจะยอมรับทรงผมนี้หรอก!”
บัดซบ! มันทำให้ผมปวดท้อง
นี่เป็นการตอบโต้จากประชาชนของผม เพื่อตอบโต้การเพิ่มภาษีงั้นเรอะ?
“ผมไม่ต้องการให้มีทรงผมทรงนี้ในอาณาเขตของผม!”
“อืม… ดิฉันคิดว่านายท่านน่าจะปล่อยเรื่องนี้ไป”
ตอนนี้ผมมีแรงผลักดันมากกว่าตอนที่ขึ้นภาษีซะอีก
“สั่งควบคุมสิ่งนี้ทันที ไม่มีทางที่ผมจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้!”
“ดิฉันไม่คิดว่าการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้…แต่ดิฉันจะติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทันทีค่ะ”
หลังจากนั้นผมก็ออกกฎหมายเพื่อควบคุมทรงผมดังกล่าวทันที
ประเด็นก็คือ แม้ว่าผู้คนจะไม่บ่นเมื่อผมขึ้นภาษี แต่จู่ๆ การประท้วงครั้งใหญ่ก็เริ่มเกิดขึ้น หลังจากที่ผมห้ามไม่ให้ทำทรงผมทรงนั้น
—อาณาเขตของผมมันจบสิ้นแล้ว
◇ ◇ ◇
หัวหน้าสาวใช้กำลังรายงานรัฐมนตรี
“ฉันเข้าใจแล้ว ดังนั้นเขาจึงขึ้นภาษีจำนวนมากเพื่อช่วยพัฒนาการตั้งถิ่นฐาน?”
“ฉันไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไรกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้ซื้ออะไรฟุ่มเฟือยหลังจากขึ้นภาษีหรืออะไรอย่างอื่น… เอาจริงๆแล้ว เขาใช้ชีวิตอย่างประหยัดตั้งแต่เขากลับมา”
“…เอาเถอะ คงจะแย่ถ้าเขาเป็นพวกโลภในเงินทองมากเกินไป”
“มันอาจจะเกินงบประมาณของเขาไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้วิธีใช้เงินอย่างดี”
หัวหน้าสาวใช้กำลังรายงานการเพิ่มภาษีของเลียมและเรื่องอื่นๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอกำลังสอดแนมเลียม
แต่ข้อมูลกังกล่าว ก็ทำงานเพื่อปกป้องเขา
หัวหน้าสาวใช้เชื่อว่ามีการเพิ่มภาษีจำนวนมากเพื่อเป็นทุนสำหรับดาวเคราะห์บุกเบิกที่กำลังพัฒนา
“ฉันกังวลเพราะว่าภายนอกเขาดูดีเกินไป แต่หลังจากได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างประหยัด ก็ตามคาดล่ะนะมันค่อนข้างน่าเบื่อ”
“คำพูดของคุณดูเหมือนคุณผิดหวัง ที่พบว่าเขาเป็นคนดีที่ไม่มีความลับใดๆ”
“ไม่หรอก… ฉันดีใจที่ได้ยินเกี่ยวกับการเกิดของขุนนางที่ดี ดูเหมือนว่ายังมีความหวังเหลืออยู่สำหรับจักรวรรดิ หากเป็นอย่างบ้านพีตัคคงจะแย่”
แม้ว่าบ้านพีตักจะเป็นขุนนางระดับเคานต์ แต่ญาติทั้งหมดปฏิเสธที่จะรับมรดกเพราะสภาพเลวร้าย
ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าปีเตอร์ ผู้ที่ไม่สามารถได้รับยาอายุวัฒนะเพื่อการรักษาได้ทันเวลา จะเป็นเจ้านายคนสุดท้ายของบ้านพีตัค
ขณะที่หนี้ก้อนโตจะถูกผลักเข้าสู่บ้านราเซลไวเคานต์จากการแต่งงาน
“อ่อใช่สิ… พวกเขาได้รับคำขออย่างไม่เป็นทางการจากบารอนเอ็กซ์เนอร์ ให้ลูกสาวของพวกเขามาฝึกกับเราในอนาคตด้วย”
“อืม… บ้าน เบนฟิลด์อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม พวกเขาพร้อมที่จะฝึกสอนผู้อื่นหรือยัง?”
“ภายในสิบปี พวกเราก็น่าจะทำมันได้”
“ฉันสบายใจเมื่อรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น อย่าลืมทำให้ดีที่สุดเพื่อบ้านเบนฟิลด์”
“ไม่ต้องห่วง ฉันวางแผนไว้แล้ว… อันที่จริง ในต้นปีหน้าเราก็จะเริ่มรับเด็กจากบ้านขุนนางเล็กๆก่อน”
“ฉันต้องการให้พวกเขาสามารถรับเด็กจากบ้านที่อยู่เหนือยศบารอนได้เช่นกัน การฝึกของเด็กๆก็ไม่ได้ง่ายล่ะนะ”
หลังจากนั้นการติดต่อก็สิ้นสุด
◇ ◇ ◇
ในปีถัดมา
เป็นครั้งแรกที่ บ้านเบนฟิลด์กำลังจะรับลูกหลานของตระกูลขุนนางมาเพื่อฝึกสอน
อย่างไรก็ตาม เด็กทั้งหมดมาจากขุนนางเล็กๆหรือเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งต่ำกว่าระดับบารอน
แม้จะบอกว่าเป็นดินแดนใกล้เคียง แต่ก็ยังเป็นระยะทางพอสมควรสำหรับเด็กที่จะเดินทาง
พวกเขาไม่สามารถเรียนต่างแดนในจักรวรรดิต่างจากผม
ความจริงก็คือพวกเขาไม่มีเงินเพียงพอสำหรับสถานที่ที่ใหญ่กว่า ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่บ้านที่ใหญ่กว่า ใกล้ๆแทน
จนเมื่อไม่นานมานี้บ้านเบนฟิลด์ไม่น่าเชื่อถือและปฏิเสธที่จะรับเด็กมาฝึกอบรม ทำให้ขุนนางบริเวณใกล้เคียงไม่มีสถานที่ฝึกอบรม
คนส่วนใหญ่ในห้องนั้นแก่กว่าผมซะอีก
เมื่อไบรอันและอามากิพาผมไปที่ห้องเรียน หัวหน้าสาวใช้ก็ออกมาต้อนรับ
“ท่านเลียม นี่คือคนที่จะอยู่กับเราต่อจากนี้ไป”
เมื่อผมมาถึง ทุกคนเริ่มทักทาย ยกเว้นคนหนึ่งที่เคี้ยวหมากฝรั่งเสียงดัง
เขามองอามากิขณะยิ้ม
“ยัยตุ๊กตานี่มาทำไมล่ะนั่น?”
หัวหน้าสาวใช้ขมวดคิ้วเข้าหาชายหนุ่มและตบเขา
เสียงแหบแห้งดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
“ระวังปากของคุณด้วย”
แต่เขาไม่หยุด
“หมอนี่เป็นแค่เด็กเหลือขอที่อายุน้อยกว่าฉันไม่ใช่เหรอ? แล้วฉันพูดอะไรผิดล่ะ?”
-บางครั้งคนเหล่านี้ก็ปรากฏตัวขึ้น
คนโง่ที่ไม่เข้าใจจุดยืนของตัวเอง เพราะพวกเขาเติบโตขึ้นมาโดยไม่รู้โลกภายนอก
ผมดันหัวหน้าสาวใช้ออกไปและต่อยเขา
ชายคนนั้นกระเด็นจนชนกำแพงและไปออกมา
“แค่ก…ไอ้เด็กนี่–!”
“ผมไม่ต้องการคนที่ดื้อรั้น ไบรอัน ส่งผู้ชายคนนี้กลับไป”
“ท่านเลียม กรุณารอสักครู่ นี่พึ่งวันแรกเท่านั้น”
“แล้วไง?เขาดูถูกอามากิก็เหมือนดูถูกผม! นี่เป็นความผิดของพ่อแม่ที่ไม่ให้การศึกษาอย่างถูกต้อง มันทำให้เห็นว่าพวกเขาไม่คู่ควรที่จะมาฝึกที่นี่”
ผมใจดีกับพรรคพวกตัวเองแต่เข้มงวดกับคนนอก
รอบๆ เงียบสงัด และเด็กชายก็ดูเหมือนมีใบหน้าที่บอกว่าเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“อามากิ ส่งเขากลับไปซะ”
เธอพยักหน้า “ดิฉันจะเริ่มเตรียมการทันที”
◇ ◇ ◇
ไม่กี่วันต่อมา
ลอร์ดของบ้านเล็กๆคนหนึ่งได้ยินเหตุการณ์เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้น เขามาหาฉันเพื่อขอโทษ
เขาตัดชายหนุ่มคนนั้นออกจากการเป็นผู้สืบทอด โดยหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองบ้านของเราจะยังคงเหมือนเดิม
และแน่นอน ผมยินดีรับข้อเสนอนี้!
ผมชอบคนที่เข้ามาประจบประแจง
“แน่นอนว่าการมีอำนาจนั้นสุดยอด แม้ว่าผมจะเป็นเพียงขุนนางอีกคนในจักรวรรดิ ผมจะเป็นราชาเมื่อกลับมาอาณาเขต รู้สึกดีมากที่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้”
“ผมรู้สึกประทับใจหัวหน้าสาวใช้และการกระทำของเธอ แต่เธอก็ดูเคร่งเครียดไปหน่อย แบบนั้นอาจจะทำให้เด็กมาฝึกอบรมกับเราน้อยลงก็ได้”
ไบรอันทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะตำหนิผมเบาๆ
“ความประทับใจแรกพบก็สำคัญนะครับ…”
มันแค่เรื่องเล็กน้อย ในชาติก่อนของผมก็เจออะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว
แต่สำหรับตอนนี้ ใครกล้าใช้ทัศนคติแบบผู้ชายคนนั้นกับผม มันต้องตาย!
“ดูเหมือนว่าเด็กคนอื่นๆ จะมีมารยาทที่ดีขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้น”
“ก็ดีที่ได้ยิน”
ไบรอันถามผมว่ามีใครที่ผมประทับใจบ้างไหม
“บรรดาขุนนางสาวๆ มีคนไหนที่ดึงดูดสายตาคุณบ้างไหม?”
“ขุนนางสาว? โอ้ใช่พวกเขาสินะ ผมไม่ค่อยสนใจพวกเขาเท่าไหร่”
ไบรอันดูผิดหวังกับคำตอบของผม
“เป็นเช่นนั้น? ฉันคิดว่าอาจมีผู้สมัครเป็นภรรยาในหมู่พวกเขา แต่ฉันคงคิดผิดสินะ”
“ฮะ? อะไรละนั่น?”
“พวกเธอเป็นกลุ่มหญิงสาวที่ฝึกอบรมที่บ้านของเราซึ่งยังไม่เคยหมั้นหมายกับใครเลย มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? ฉันคิดว่ามีหลายคนในหมู่พวกเขามุ่งหมายจะจับคุณด้วยซ้ำ แน่นอน ฉันจะเป็นทุกข์ถ้าคุณคลั่งไคล้เรื่องเพศ แต่การไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ เลยก็เป็นปัญหาเหมือนกัน…”
“นั่แต่ก็…ไม่มีใครดึงดูดใจผมเป็นพิเศษอ่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องไปบอกหัวหน้าสาวใช้ว่าไม่มีใครที่คุณสนใจ”
ดูเหมือนไบรอันจะยอมแพ้ในขณะที่พึมพัม “คราวหน้าหวังว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป”
อืม…หรือว่าจะเป็นลูกสาวของบารอนเอ็กซ์เนอร์
มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะเธอจะมาที่นี่ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างจากขุนนางสาวคนอื่นๆ
———————————————–
ไบรอัน (´;ω;`) “มันเจ็บปวด… มันเจ็บปวดที่ลอร์ดเลียมไม่สนใจผู้หญิงที่มาเลยซักนิด”
———————————————
พอบทพูดเยอะๆแล้วก็ขี้เกียจอ่ะ ….