(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 19
เพื่อนของจอมวายร้าย
ผมพบจุดอ่อนของประกายแสง
แน่นอนว่ามันเป็นทักษะดาบที่น่าทึ่ง แต่แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยั้งมือ
มันเป็นทักษะดาบที่ออกแบบมาเพื่อฆ่าคู่ต่อสู้ของคุณโดยเฉพาะ
อาจจะใช้เล่นกับคนที่ฝีมือด้อยกว่าได้นิดหน่อย แต่ถ้าคุณเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวคุณเองแม้เพียงเล็กน้อย คุณก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฆ่า
ประกายแสงเป็นทักษะที่ทรงพลังมาก
จนถึงตอนนี้ ผมไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย เพราะผมเคยใช้สู้แค่โจรสลัดเท่านั้น
เป็นจุดอ่อนจากจุดแข็ง
“มันเป็นทักษะที่ผมใช้จริงไม่ได้ขณะฝึกอบรม”
ผมตั้งเป้าที่จะเป็นลอร์ดที่ชั่วร้าย แต่นั่นเป็นเพียงในอาณาเขตของผมเอง
ขณะที่ผมยังอยู่ในอาณาเขตของผู้อื่น ผมจะพยายามควบคุมความคิดพวกนั้น
ขืนผมอาละวาดในอาณาเขตของไวเคานต์ ผมอาจจะถูกจัดการซะเอง
ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลไม่ได้มีความสำคัญที่นี่
ผมเกลียดการพ่ายแพ้
เพราะแบบนั้น…
“เลียม บ่ายนี้เราต้องไปดูแลสวนด้วยกันนะ”
– เคิร์ทที่เคยทำตัวห่างเหินมาก่อนจู่ๆก็ทำตัวสนิทสนม
เขาเปลี่ยนเป็นชุดทำงานและเตรียมเครื่องมือที่จำเป็น
“-อืม เอาแบบนั้นแหละ”
“อะไรรึ?”
การที่ผมไม่เคยคุยกับรูมเมทของตัวเองมาก่อนนั้นเป็นปัญหา
มันก็โอเคนะ แต่เมื่อเร็วๆนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสาวๆ มองมาที่ผมด้วยสายตาน่ากลัว
ไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายที่มาฝึกที่บ้านไวเคานต์
เด็กผู้หญิงมาที่นี่เพื่อฝึกเช่นกัน พวกเขาถูกส่งมาเพื่อฝึกเป็นเจ้าสาวที่ดีก่อนแต่งงาน
เนื่องจากบ้านราเซลเป็นสถานที่เรียนที่ได้รับความนิยม จึงมีเด็กผู้หญิงจำนวนมาก
แต่สายตาที่พวกเขาจ้องมาหาผมและเคิร์ตก็น่ากลัวมากในช่วงนี้
ผมมักจะได้ยินพวกเขาพึมพำว่า “ดูนั่นสิ เคิร์ตxเลียม” หรือ “ไม่ใช่ๆ เลียมxเคิร์ตต่างหาก” เป็นต้น (*1)
นั่นมันอะไร?
บางครั้ง แค่เพียงชื่อไหนถูกเรียกก่อนพวกเขาก็เริ่มเถียงกันเอง มันเป็นประเพณีอะไรบางอย่างของบ้านราเซลรึเปล่านะ? – อาณาจักรอวกาศนั้นกว้างเกินกว่าจะเข้าใจจริงๆ
เมื่อคิดถึงสามัญสำนึกโดยทั่วไป มีหลายกรณีของสามัญสำนึกที่คนในท้องถิ่นเท่านั้นที่เข้าใจได้
เพื่อให้รู้ประเพณีที่แตกต่างกัน ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ส่งเด็กไปฝึกกับบ้านหลังอื่น
มีเรื่องราวมากมายไม่สิ้นสุดให้เรียนรู้
“เลียม ถ้าเราไม่รีบ ครูฝึกจะโกรธเราอีกครั้ง”
“คนคนนั้นก็หัวร้อนเกินไป”
เขาค่อนข้างเป็นผู้นำที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว
ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
ตอนนี้มันผ่านมาครึ่งปีแล้ว
◇ ◇ ◇
“คุณก็รู้~ ฉันไม่มีความจำเป็นที่ต้องฝึกฝนอย่างจริงจังเลย~”
ปีเตอร์ที่ถือดาบไม้ขณะนั่งบนเก้าอี้ไม่ได้ขยับตัวแม้จะเป็นช่วงฝึกออกกำลังกาย
“อันที่จริง ฉันมีใบอนุญาตการใช้ดาบจากโรงฝึกอาเรสแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลในการฝึกฝนอีกต่อไป”
หญิงสาวในชุดกีฬาพูดกับปีเตอร์ ผู้ซึ่งแก้ตัวว่าทำไมไม่ขยับ
“ปีเตอร์ คุณต้องขยับร่างกายอย่างถูกต้อง”
ผู้หญิงคนนั้นคือ แคทเทอรีน่า เซรา ราเซล
เธอเป็นลูกสาวของแรนดอล์ฟ และเป็นคนที่เขาผลักดันให้เป็นเจ้าสาวของปีเตอร์
ปีเตอร์ก็ชอบแคทเทอรีน่า สาวสวยที่มีตาสีฟ้าและผมสีบลอนด์มัดเป็นหางม้า
“ริน่า ฉันยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าฉันไม่ได้ฝึก ฉันหมายถึงในดินแดนของฉัน ไม่มีใครเอาชนะฉันได้”
แคทเทอรีน่า-รีน่าหันมามองปีเตอร์ที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงอย่างสงสัย
“งั้นไม่ลองโชว์ทักษะนั่นดูหน่อยละ?”
“คนที่แข็งแกร่ง ต้องไม่โชว์ความแข็งแกร่งพร่ำเพรื่อ จะสู้ก็ต้องเป็นการต่อสู้จริงเท่านั้น”
ริน่ารู้สึกเบื่อที่ปีเตอร์คอยแก้ตัวอยู่ตลอดเวลา
นอกห้องฝึกอบรม บุตรชายและบุตรสาวของขุนนางที่มาที่นี่เพื่อศึกษากำลังดูแลสวน
ปีเตอร์จ้องมองพวกเขาอย่างดูถูก
“ฉันไม่ชอบพวกเขา ขุนนางที่ยากจนควรทำงานเงียบๆ แทนที่จะฝึกอบรม”
ริน่าขมวดคิ้วขณะที่เธอตำหนิเขา
“พวกเขาอาจไม่ใช่ลูกของบ้านที่มีอำนาจ แต่พวกเขาก็ยังดีกว่าคุณ ที่ไม่แม้แต่ขยับตัว”
“เหอะ ถ้าฉันต่อสู้กับพวกเขาอย่างจริงจัง พวกเขาจะต้านรับไม่ได้แม้แต่ดาบเดียว”
บริเวณรอบๆ เหล่าสาวที่มาฝึกซ้อมได้นำผ้าเช็ดตัวและเครื่องดื่มที่เตรียมไว้ล่วงหน้ามาให้สำหรับผู้ชายที่พวกเขาชื่นชอบ
สำหรับพวกเขาแล้ว ห้องโถงฝึกอบรมเป็นสถานที่นัดพบซะมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครแม้แต่จะเหลือบมองไปยังกลุ่มคนที่ดูแลสวนด้านนอก
◇ ◇ ◇
ในขณะที่เลียมรู้สึกไม่สบายใจกับการฝึกฝนที่ง่ายดาย
เทียผู้ซึ่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง วันนี้มีชายคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย
เขาเป็นคนของบ้านราเซล
“คุณคือคริสเตียน่าใช่ไหม? เจ้านายที่คุณรับใช้กำลังศึกษาอยู่ที่บ้านครอบครัวของฉันด้วยนี่”
ทันทีที่พูดถึงสถานการณ์ของเจ้านายของเธอ เทียก็รู้สึกกังวลว่าจะจัดการกับบุคคลที่เข้าหาเธออย่างไร
(ฉันไม่ต้องการโต้ตอบคนจากบ้านราเซล แต่ลอร์ดเลียมเองก็อยู่กับบ้านนั้น ฉันควรสุภาพกับเขาซักหน่อยไหมนะ?)
เขาเป็นผู้ชายที่ดูขี้เล่น
สำหรับชนชั้นสูงที่กำลังศึกษาอยู่ในเมืองหลวง ช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยก็เหมือนกับการเที่ยวเล่น
บางคนจริงจัง แต่หลายคนก็ไม่
ด้วยความรู้สึกอิสระที่เพิ่งค้นพบและปัจจัยอื่นๆ มากมาย มีคนจำนวนมากที่กระโดดเข้าสู่วิถีชีวิตเสเพล
ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในนั้น
“เอ่อ นั่นสินะ คุณเป็นลูกชายของบ้านราเซลใช่ไหม?”
“ใช่เลย เจ้านายของคุณกำลังได้รับการดูแลจากพ่อของฉัน ถ้าคุณโอเค เรามาแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกัน เราอาจจะมีเหตุผลมากมายที่จะพูดคุยกันต่อจากนี้”
เทียอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับสิ่งที่เขาพูด
(คุณกำลังพยายามจะจีบอัศวินที่สังกัดบ้านอื่นอยู่งั้นเรอะ? แกเป็นแค่เด็กเหลือขอที่ไม่รู้ความหมายของการกระทำของตนเอง แต่ว่าฉันจะอารมเสียไม่ได้ ไม่งั้นชื่อเสียงของเลียมจะตกอยู่ในความเสี่ยง)
อีกฝ่ายเรียกเธอด้วยเจตนาแอบแฝง
แม้ว่าเธอตั้งใจจะปฏิเสธเขาตั้งแต่แรก แต่เธอก็ยังคิดว่าเขาโง่ที่พยายามใช้บ้านของพวกเขาเป็นข้ออ้างในการสร้างความสัมพันธ์
“ไม่ ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณ”
หลังจากตอบด้วยรอยยิ้ม เทียก็เดินจากไป
(การจัดการกับสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ลำบากมาก)
◇ ◇ ◇
ที่อยู่อาศัยของบ้านราเซล
ผมกำลังคุยกับเคิร์ตในห้องพัก
เนื้อหาของการสนทนาคือ…
“คุณไม่รู้วิธีบริหารอาณาเขตของคุณ?”
“อืม…ประมาณนั้น เป็นเรื่องดีที่เราได้รับอาณาเขตเมื่อไม่นานมานี้ แต่เรื่องการบริหารก็น่าหนักใจอยู่บ้าง”
จู่ๆที่ดินจำนวนหนึ่งก็ถูกผลักเข้าหาพวกเขา
พวกเขารู้สึกขอบคุณ แต่ครอบครัวเอ็กซ์เนอร์ที่ไม่เคยปกครองสิ่งใดมาก่อนทำให้รู้สึกงุนงง
“ฉันแค่ไม่รู้ว่าฉันควรเก็บภาษีเท่าไหร่ และต้องปฏิบัติต่อคนของฉันอย่างไร”
คุณจะจัดการกับประชากรที่แตกต่างกันในประเทศต่างๆจากดาวเคราะห์หนึ่งดวงอย่างไร?
การเรียนรู้สิ่งนี้ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก
ในทางกลับกัน แม้ว่าคุณจะจัดการมันอย่างเหมาะสม พวกเขาก็ย่อมพบบางสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน
มีหลายกรณีที่ผู้คนไม่ยอมรับผู้ปกครองคนใหม่ ก่อให้เกิดเรื่องใหญ่จนตัวจักรวรรดิเองต้องก้าวเข้ามา
แล้วกรณีของผมล่ะ? ถ้าพวกเขาเริ่มบ่น ทั้งหมดที่ผมต้องทำคือส่งกองทัพส่วนตัวไปปราบปรามพวกเขา
ผมเกลียดคนที่ต่อต้าน
ผมใจดีกับผู้ที่เชื่อฟัง แต่โหดร้ายกับศัตรูทุกรูปแบบ
“คุณกำลังคิดมาก แค่บีบสิ่งที่คุณทำได้จากพวกเขา”
“ไม่ แม้ว่าฉันต้องการจะทำอย่างนั้น ฉันก็ทำไม่ได้ พวกเขาถูกบีบจนแห้งหมดแล้ว”
บีบจนแห้ง? พวกเขาบีบคนบนดาวจนแห้งไปแล้วงั้นเหรอ?
ผมคิดว่าเจ้านี่ช่างเลวจริงๆ
ส่วนตัวเลียมอยากทำแบบบ้านบารอนเอ็กซ์เนอร์ เขาอยากเพิ่มภาษี แต่ก็ต้องมีประสิทธิภาพด้วยล่ะนะ
ในฐานะเพื่อนของจอมวายร้าย ผมควรให้คำแนะนำแก่เขาสักหน่อยดีไหม?
การสร้างความสัมพันธ์มันช่างดีเสียจริง
“ให้ผมบอกคุณว่าอะไรสำคัญ ก่อนที่เราจะบิดผ้า เราควรจะต้องแช่น้ำก่อนไม่ดีกว่าเหรอ? เพราะคุณไม่สามารถบีบอะไรออกจากผ้าขี้ริ้วที่แห้งแล้วได้”
“-แน่นอน…ไม่… เลียม คุณพูดว่ายังไงนะ?”
“ก็เห็นๆกันอยุ่นี่… ก่อนที่คุณจะบีบพวกเขา ช่วยคนของคุณให้เติบโตขึ้นเล็กน้อยก่อน ยิ่งคุณลงทุนกับมันมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะมีเงินมากขึ้น การพัฒนาของดาวก็ยิ่งพัฒนามากขึ้นเท่านั้น
หลังจากนั้นคุณถึงจะสามารถบีบมันออกมาได้ การลงทุนมีความสำคัญมากนะรู้ไหม”
“ถึงฉันจะรู้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำนี่นา”
“แค่ทำมัน! ลดหย่อนภาษีสักนิดแล้วลงทุนกับมัน หากคุณปล่อยพวกเขาไว้ตามลำพัง ในที่สุดพวกเขาก็จะเริ่มพัฒนาสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง อดทนกับชีวิตแบบประหยัดซักหน่อย พอพวกนั้นรวยแล้ว จะบีบคั้นเท่าไหร่ก็ได้! อา แต่อย่าลืมรักษากองทัพของคุณเอาไว้ด้วยล่ะ!”
ขุนนางบางคนกลัวการกบฏจึงไม่พัฒนาอาณาเขตของตนมากเกินไป
พวกเขาอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่เป็นประโยชน์กับพวกเขาเท่านั้นที่ได้รับการศึกษา สภาพสิ่งแวดล้อมบนดาวบางดวงยังเหมือนยุคกลางอยู่เลย
—ครอบครัวของผมก็เป็นแบบนั้น
หากคุณมีหนี้ คุณก็มีเหตุผลมากขึ้นว่าทำไมไม่ควรลงทุนในดินแดน
จะบีบได้ก็ต่อเมื่อในดินแดนสมบูรณ์
“คำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนักมากในฐานะลอร์ดของคุณ…เลียม”
“ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการบีบบังคับคนนะรู้ไหม”
ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ในการเป็นจอมวายร้าย ผมจะให้คำแนะนำเท่าที่คุณต้องการ
ดังนั้นอย่าลืมตอบแทนฉันเมื่อถึงเวลาด้วยล่ะ
◇ ◇ ◇
ขณะที่ฟังเลียม เคิร์ทก็ครุ่นคิด
(ใช่แล้ว สิ่งแรกที่ฉันต้องทำคือทำให้ชีวิตของผู้คนในดินแดนดีขึ้น)
ดินแดนที่พ่อของเคิร์ทได้รับนั้นอยู่ในสภาพย่ำแย่เมื่อได้รับมา
สำหรับบ้านบารอนเอ็กซ์เนอร์ที่ประสบความสำเร็จจากการดำเนินการทางทหารต้องใช้ทรัพยากรในการดูแลกองทัพเป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขาต้องรีดไถจากคนในดินแดน
เรารู้ว่าควรลดภาษี แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย
สำหรับคนที่ถูกขูดรีด พวกเขาทำได้แค่ขอโทษ
“เราต้องใช้เงินเพื่อคงกองกำลังไว้ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำมากกว่านี้ ค่าบำรุงรักษาก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลียมก็เริ่มขมวดคิ้วขณะนอนลงบนเตียง
“ก็ลดจำนวนมันลงสิ สิ่งที่สำคัญคือคุณภาพและทักษะของกองกำลัง แทนที่จะเก็บยานเก่าและล้าสมัยหลายสิบลำ คุณควรพยายามซื้อโมเดลรุ่นใหม่หลายรุ่น”
“จำนวนก็มีความสำคัญ และต้องใช้เงินอีกมาก เราไม่สามารถเอาอะไรไปจากประชาชนได้อีก”
“คุณเลยบีบมันให้แห้งจริงๆ…”
เลียมมีสีหน้าประทับใจในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น
“งั้นก็ยืมเงิน ตราบใดที่คุณจ่ายเงินคืน พวกเขาจะยินดีให้คุณ โอ้ แต่ให้แน่ใจว่าคุณใช้หนี้ตามกำหนดเวลา บ้านของผมก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากตอนเจออะไรแบบนั้น”
เคิร์ทคิดหนักกับสิ่งที่เลียมพูด
“ตอนนี้บ้านฉันเป็นขุนนางหน้าใหม่ไม่ได้มีเครดิตมากพอที่จะยืมเงินจำนวนมาก เราไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นหลักประกันด้วยซ้ำ”
เลียมดีดนิ้ว
“ถ้าเป็นอย่างนั้น… ผมจะลองคุยกับเอจิโกะยะของผมให้”
“อะไรล่ะนั่น?”
เคิร์ทรู้สึกดีใจที่ได้มาที่บ้านไวเคานต์เพื่อฝึกอบรม
ท้ายที่สุดแล้ว ก็พบเพื่อนที่แปลกแต่ไว้ใจได้ที่นี่
(ถึงแม้เลียมจะปากร้าย โดยบอกว่าเขากำลังรีดไถคนของเขา เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพวกเขาจริงๆ)
การเข้าใจผิดก็ยังดำเนินต่อไป
◇ ◇ ◇
หอการค้าเฮนฟรีย์ ได้รับการติดต่อจากเลียมอย่างกะทันหัน
“อืม… เรื่องนี้น่าเป็นห่วง”
“มีอะไรผิดปกติหรือครับ?”
หลังจากถูกลูกน้องถาม โทมัสตอบว่าเขาเพิ่งได้รับข้อเสนอขอเงินกู้
“บ้านแบนฟิลด์จะขอกู้เงินเราหรือครับ?”
“ไม่ใช่ มันเป็นบ้านบารอนเอ็กซ์เนอร์ บารอนที่พี่งเลื่อนยศ แต่ฉันไม่สามารถปฏิเสธพวกเขาได้เนื่องจากลอร์ดเลียมเป็นคนแนะนำ”
หากเป็นเพียงบ้านเอ็กซ์เนอร์ขอเงินกู้ ไม่มีทางที่เขาจะให้ยืมเงินจำนวนมาก
แต่เมื่อมีชื่อเลียมเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งต่างๆจะต่างออกไป
“ถ้าท่านเคานต์สนับสนุนพวกเขา เราก็ควรให้เขากู้ไม่ใช่หรือครับ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันกังวลเรื่องอื่นน่ะ”
เขาสร้างกำไรมหาศาลภายใต้ชื่อของเลียม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปฎิเสธคนที่เลียมแนะนำได้
นอกจากนี้ เขาเป็นหนี้บุญคุณเลียม ดังนั้นเมื่อถูกร้องขอเขาจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่
“แต่เรื่องแบบนี้จะแพร่กระจายไปในไม่ช้า แม้ว่าฉันไม่ต้องการก็ตาม เหล่าขุนนางก็จะมาขอกู้กับฉันมากขึ้น”
“อ่อ นั่นคือปัญหาจริงๆด้วย”
‘คุณให้บารอนเอ็กซ์เนอร์ยืมเงินได้นี่ หมายความว่าเราก็ยืมเงินคุณได้เหมือนกันใช่ไหม?’
คนที่มีทัศนคติแบบนั้นจะเริ่มก่อกวนพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจจะจ่ายอะไรคืนเลย
หอการค้าเฮนฟรีย์พึ่งมีชื่อเสียง
จากการสนับสนุนของเลียม ทำให้ถูกดูหมิ่นในหมู่ขุนนาง
“แต่ฉันก็ไม่สามารถปฎิเสธผู้ที่ลอร์ดเลียมแนะนำมาได้…ติดต่อบารอนเอ็กซ์เนอร์ทันที”
◇ ◇ ◇
เอจิโกยะผู้ชั่วร้ายของผม ไม่สิ หอการค้าเฮนฟรีย์ของผมกำลังแนะนำตัวกับพ่อแม่ของเคิร์ท
ผมดีใจที่รู้ว่ากลุ่มผู้มีความคิดชั่วร้ายกำลังขยายตัวออกไป
“ถ้าเราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่นี่ เราจะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามจำเป็นได้”
ตอนนี้ผมกำลังจะทิ้งขยะที่มาจากการดูแลสวน
ได้ยินเสียงจากด้านหลังอาคาร
“หืม?”
ตรงนั้นมีแคทเทอรีน่าลูกสาวของบ้านไวเคานต์กำลังซ่อนตัวอยู่ในเงาของอาคาร
เธอกำลังจู๋จี๋กับผู้ชายคนหนึ่ง
“ไม่เอาน่า… ถ้ามีคนพบเราล่ะ”
“ไม่เป็นไร… ตราบใดที่เราเงียบ”
มีข่าวลือว่าแคทเทอรีน่าจะแต่งงานกับปีเตอร์ที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล
อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นไม่ใช่ปีเตอร์
หัวใจของผมเย็นชาเมื่อเห็น
เธอกำลังนอกใจ…เช่นเดียวกับภรรยาของผมในชาติที่แล้ว
ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับปีเตอร์ที่จะแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้
ผมไม่ได้ติดต่อกับปีเตอร์ ผมพยายามหลีกเลี่ยงเขา เพราะไม่อยากสร้างความสัมพันธ์กับบ้านของเขา
ได้ยินมาว่าปีเตอร์มาจากครอบครัวที่ชอบธรรม ซึ่งปกครองประชากรของตนด้วยหลักคุณธรรม
ไม่มีทางที่ผมจะเข้ากับคนแบบนี้ได้
ในฐานะขั้วตรงข้ามกับผม ผมต้องหลีกเลี่ยงเขา
“เฮ้อ… ปีเตอร์ผู้น่าสงสาร”
ในเวลาเดียวกัน ผมก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเกี่ยวกับ นังสารเลวแคทเทอรีน่า
ผมยังมีงานต้องทำ ผมเลยออกจากที่นั่นและแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลย
(ผมรู้ซึ้งเลย ว่าการใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรมนั้นไม่มีประโยชน์ แม้แต่คนจริงจังอย่างปีเตอร์ก็ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเขา)
———————————
ไบรอัน (´;ω;`) “มันเจ็บปวด ความเข้าใจผิดของลอร์ดเลียมนั้นเจ็บปวด ลอร์ดเลียม คุณกำลังถูกหลอก! ปีเตอร์ไม่ใช่คนจริงจังเลย!”
อามากิ ( ・∀・) “นายท่านเป็นแบบนี้เสมอ”
———————————
เชิงอรรถ
*1 Seme และ Uke [รุกxรับ]
คำที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ เมื่อพูดถึงการ์ตูนวาย ก็คือ เซะเมะ และ อุเคะ สองคำนี้มีหน้าที่บ่งบอกบทบาทในความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสอง โดยคำว่า เซะเมะ หรือที่เรียกกันว่า เสะ, เมะ นั้น มาจาก เซเมรุ (攻める Semeru) ที่แปลว่าโจมตี หมายถึงตัวละครที่เป็นฝ่ายรุก ส่วน อุเคะ หรือ เคะ นั้นมาจาก อุเครุ (受ける Ukeru) ซึ่งหมายถึงการถูกโจมตี จึงใช้เป็นคำเรียกฝ่ายรับ
โดยปกติสาววายจะเรียกชื่อฝ่ายที่เป็นเมะนำหน้าฝ่ายเคะเสมอ เช่น เลียมxเคิร์ท ก็จะหมายถึงเลียมเป็นฝ่ายรุก เคิร์ทเป็นฝ่ายรับ โดยตัวละครบางคู่ก็อาจจะมีแฟนคลับ 2 กลุ่ม ซึ่งชื่นชอบบทบาทเคะและเมะสลับกัน
เคะและเมะไม่ได้มีความหมายแค่ในเรื่องเพศเสมอไป แต่ยังอาจจะหมายถึงบทบาทในฐานะผู้ที่เป็นฝ่ายเข้าหาในความสัมพันธ์นั้นๆ หรือแม้แต่ใช้จำแนกบุคลิกของตัวละครในลักษณะเหมารวม เช่น เมะมักจะดูเป็นผู้ใหญ่ ร่างใหญ่ สุขุม ขณะที่เคะมักจะดูอ้อนแอ้น อ่อนแอ แต่ในปัจจุบันก็มีการพัฒนาตัวละครทั้ง 2 ประเภทให้มีลักษณะหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงแนวคิดเปิดกว้างทางความสัมพันธ์ซึ่งเริ่มแพร่หลายในปัจจุบัน ทำให้ผู้อ่านหลายคนมองข้ามความเป็นเคะหรือเมะของตัวละครไปแล้ว
สาระจัดๆ ( ・∀・)