(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 14
ความกตัญญู
ณ มุมหนึ่งในพระราชวังของเมืองหลวง
ในพื้นที่ขนาดใหญ่เกินกว่าจะกะขนาดถูกว่ามันใหญ่แค่ไหน
สำหรับวังของจักรวรรดินั้นว่ากันว่าใหญ่กว่าเมืองใหญ่บางเมืองซะอีก
สำนักงานนายกรัฐมนตรีตั้งอยู่ในสถานที่ดังกล่าว
ที่นั่น ชายชราผมขาวกำลังนั่งทำงานเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ของเขา ขณะที่ชายอีกคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเขาด้วยความโกรธ
ผู้ชายที่เดินมานั้นคือคลิฟ พ่อของเลียม
“นี่มันหมายความว่ายังไง?! ทำไมท่านจึงไม่อนุญาตให้เราเรียกคืนอาณาเขต!”
เนื่องจากขุนนางส่วนใหญ่มีร่างกายที่อ่อนเยาว์โดยการชะลอกระบวนการแก่ นั่นหมายความว่าขุนนางที่มีอายุคนนี้ต้องอยู่มานานอย่างแท้จริง
คนที่คลิฟกำลังต่อว่า เป็นคนที่รับใช้ราชวงศ์มาหลายชั่วอายุคน และได้รับการกล่าวขานว่ารู้จักจักรวรรดิทั้งหมดเหมือนหลังมือของเขา
“…กระบวนการมอบหมายอาณาเขตได้ลุล่วงไปแล้วและเราไม่เห็นเหตุผลที่จะยกเลิก”
คลิฟได้ละทิ้งมารยาทของขุนนางไปแล้ว และเริ่มที่จะอารมณ์เสีย
“เด็กคนนั้นนำหุ่นยนต์เข้ามาในวัง และทำลายข้อห้ามของสังคมชั้นสูง คุณต้องการให้บ้านเบนฟิลด์ยอมรับความอับอายนี้งั้นเรอะ!”
ขณะที่รัฐมนตรียังคงดำเนินการกับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เขาถอนหายใจออกเล็กน้อย
มือที่กำลังทำงานก็หยุดลง
“คุณกำลังบอกฉันว่าเซอร์เลียม ขุนนางหนุ่มที่เอาชนะกองเรือโจรสลัดที่คุกคามพื้นที่ของเรานั้นน่าอับอายงั้นรึ? อีกอย่างจักรวรรดิไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้แอนดรอยด์อยู่ใกล้ชิดขุนนาง ซึ่งนั่นไม่ใช่อะไรมากไปกว่ากระแสสังคมของพวกขุนนางเอง”
“และฉันกำลังบอกว่าเป็นเพราะกระแสสังคมมันเป็นแบบนั้นนี่แหละทำให้มันเป็นปัญหา! ฯพณฯ โปรดพิจารณาใหม่ด้วยเถอะ!”
นายกฯยิ้มขึ้นต่อหน้าคลิฟ.
คลิฟพลันคิดว่าประเด็นนี้น่าจะตรงจุด ทำให้เขายิ้มตอบ
แต่สีหน้าของเขาก็ซีดทันทีหลังจากนั้น
“เซอร์เลียมได้ทำหน้าที่จ่ายภาษีแทนบ้านแบนฟิลด์ที่ละเลยเรื่องนั้นมาหลายครั้งแล้ว เขาเป็นพลเมืองที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยเหลือจักรวรรดิ ดังนั้นเราจึงคาดหวังกับเขาไว้สูง… คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหม?”
“เอ่อ…ถ้าเรื่องแค่นั้น ทุกอย่างก็ยังโอเค ตราบใดที่เราจ่ายภาษีเมื่อเราถูกคืนสถานะไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อคลิฟถาม รัฐมนตรีก็หัวเราะลั่น
“ แต่ทว่า พวกคุณไม่ได้มีเครดิตในส่วนนั้นเลย ทุกครั้งที่ยื่นภาษี คุณก็บ่ายเบี่ยงตลอด เราไม่สามารถไว้ใจคุณได้ นั่นคือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างคุณกับเด็กคนนั้นตั้งแต่ แรก!
งั้นถามหน่อย คุณคนไหนเป็นประโยชน์ต่อจักรวรรดิมากกว่ากัน? คุณหรือเด็กคนนั้น? แม้แต่คนอย่างคุณก็ควรเข้าใจว่าเราจะเลือกใครใช่ไหม?”
คลิฟทำหน้าบึ้งและพยายามจะโต้แย้ง แต่รัฐมนตรีไม่อนุญาต
“ตอนนี้ถ้าฉันเป็นคุณฉันจะพยายามทำตัวดีๆ …คุณยังต้องการที่จะมีชีวิตอย่างสงบสุขในเมืองหลวงใช่ไหม?”
ด้วยคำกล่าวนั้น คลิฟจึงรีบออกจากสำนักงานด้วยหน้าตาตื่น จากน้ำเสียงของรัฐมนตรี เขาเข้าใจว่าถ้าเขาทำอะไรกับเลียม พวกเขาก็จะต้องกำจัดเขาอย่างแน่นอน
รัฐมนตรีมองดูคลิฟเดินออกไปและขมวดคิ้ว
“ขุนนางชั้นต่ำก็ยังเป็นขุนนางชั้นต่ำ… ฉันล่ะไม่อยากเชื่อเลยว่าอัจฉริยะแบบนั้นจะเกิดมาจากคนแบบนี้ ”
เลียมเป็นคนที่ได้ฟื้นฟูดินแดนรกร้างขึ้นมาจากศูนย์
นอกจากนั้น เขาสามารถเอาชนะโจรสลัดอวกาศจำนวนมากทั้งที่มีกำลังพลน้อยกว่า
อัจฉริยะด้านการเมืองและการปกครอง เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และสงคราม ตลอดจนเป็นบุคคลที่มีเกียรติและเป็นที่รักในหมู่ประชาชนของเขา
ลอร์ดอัจฉริยะแห่งชายแดนได้ปรากฏตัวขึ้น สิ่งนี้ทำให้รัฐมนตรีกังวลมากกว่ายินดี
เพราะวันหนึ่งเขาอาจหันเขี้ยวที่แหลมคมเหล่านั้นไปทางจักรวรรดิ
เขาไม่คิดว่าพวกเขาจะแพ้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ถ้าเขาเชื่อฟังเรื่องราวมันจะต่างออกไป
ลอร์ดที่จ่ายภาษีอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำสั่ง รัฐมนตรียินดีต้อนรับคนแบบนั้นอย่างยิ่ง
“ไม่มีทางที่เราจะเอาคนไร้ความสามารถแบบนั้นมาแทนที่เขา… ให้เจ้าหนูเลียมนั่นทำงานให้จักรวรรดิคงจะดีที่สุด”
เขานำเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ออกมา
มันเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรางวัลของการปราบปรามโจรสลัด
เลียมปฏิเสธค่าหัวส่วนใหญ่
พูดให้ถูกก็คือ เขาขอเป็นการจ่ายภาษีที่ค้างชำระแทน
ในขณะเดียวกัน รางวัลอื่นๆก็พวกคำขอในการซื้อเรือประจัญบานระดับเรือธงของโรงงานจากจักรวรรดิ
ไม่มีคำขอใดมุ่งร้ายต่อจักรวรรดิ
ซึ่งทั้งคู่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
แทนที่ทางนี้จะต้องจ่ายรางวัลเป็นเงินมหาศาล พวกเขาแค่ส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ของจักรวรรดิบางส่วนเท่านั้น
เป็นข้อเสนอที่ดีซึ่งจะไม่รบกวนระบบการเงินของพวกเขา
“ในขณะที่หุ่นยนต์ทุ่มเททุกอย่างเพื่อสนับสนุนเจ้านายของพวกเขา พ่อแม่ที่แท้จริงกลับละทิ้งลูกของตนเพื่อไล่ตามความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของตัวเอง… ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า…”
รัฐมนตรีบ่นเบาๆก่อนจะกลับมาทำงานต่อ
◇ ◇ ◇
ห้องชุดของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ที่เราพักอยู่ตอนนี้เป็นห้องหรูราคาแพง ผมกำลังนอนบนตักของอามากิบนเตียง
“…ผมเหนื่อย… ผมไม่เข้าใจเลยว่าตกลงปาตี้มันคืออะไรกันแน่? ”
เมื่อผมเข้าร่วมงานปาร์ตี้ทุกวัน ผมต้องพิจารณานิยามใหม่ว่าปาร์ตี้คืออะไร
งานเลี้ยงมากมายก็หลากหลายรูปแบบ
ผมได้กินสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และรู้สึกงุนงงกับความประหลาดใจที่ไม่คาดคิดมาก่อน
สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมากที่สุดคือปาร์ตี้ถัง ไม่ใช่ปาร์ตี้หน้ากาก…ปาร์ตี้ถัง
มันเหนือกว่าสิ่งที่ผมจะจินตนาการได้
ผมล่ะงุนงงกับแนวคิดแบบนั้นจริงๆ
เป็นแค่ถังแท้ๆแต่ผมก็รู้สึกเหมือนเปิดโลกใหม่เลย
หมอนตักรู้สึกดีมาก
แล้วอามากิก็พูดขึ้น
“ในที่สุดคุณก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เป็นเวลากว่าสี่สิบปีแล้วที่ดิฉันรับใช้ท่าน”
“ใช่ ยาวนานขนาดนั้นแต่ผมรู้สึกเหมือนพริบตาเดียวเอง”
เป็นเวลานานมากเมื่อเทียบกับชีวิตก่อนหน้านี้ของผม
แต่กลับรู้สึกสั้นเหลือเกิน
“…นายท่าน ดิฉันไม่คิดว่าดิฉันควรอยู่เคียงข้างคุณอีกต่อไป”
“ทำไม?”
อามากิยังคงอธิบายต่อไปขณะที่ผมเงยหน้าขึ้นอย่างสับสน
“จักรวรรดิมีความรู้สึกต่อต้านหุ่นยนต์อย่างมาก ชื่อเสียงของนายท่านจะได้รับความเสียหายจากดิฉัน หากคุณต้องการใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างคุณ
มนุษย์ผู้หญิงคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า”
พอถูกบอกอย่างนี้ผมก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
“ล้อกันเล่นใช่ไหม?”
“ดิฉันไม่ได้ล้อเล่น.”
“ฮะ?”
จู่ๆ ผมก็นึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับภรรยาในชาติที่แล้ว
“ดิฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ…นายท่าน”
ผมจำผู้หญิงคนนั้นที่บอกว่าเธอรักผม แต่ก็ยังทิ้งกันไปอย่างง่ายดาย
ผมจำภาพของผู้หญิงคนนั้นกับคนใหม่ของเธอที่หัวเราะเยาะผม และความเกลียดชังที่ผมรู้สึกในตอนนั้นมันรุนแรงพอที่จะบอกว่าผมต้องการฆ่าเธอ
“–คุณก็เลยจะทิ้งผมใช่ไหม จะทิ้งผมจริงๆเหรอ! อยู่เคียงข้างผมมันน่าขยะแขยงขนาดนั้นเลยรึไง! นั่นสินะ แม้แต่หุ่นยนต์ก็ไม่ต้องการคนอย่างผม!”
หลังจากที่ผมยืนขึ้นและเริ่มตะโกน อามากิก็ส่ายหัว
“ไม่จริงเลย ช่วงเวลาที่ดิฉันอยู่กับนายท่านนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดิฉันต้องจากไป ดิฉันจะเตรียมบุคคลที่สามารถทำหน้าที่แทนดิฉันต่อจากนี้ไป-”
แล้วมันเพราะเหตุผลบ้าๆแค่นั้นเองไม่ใช่รึไง!
นี่จะทิ้งผมเพราะเรื่องโง่ๆ แค่นั้นจริงๆ เหรอ!
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี! คุณควรทำตามคำสั่งของผม! ใช่ นี่คือคำสั่ง! อยู่ข้างๆผม! อย่าลืมเป้าหมายของหุ่นยนต์อย่างคุณ!”
อามากิตอบอย่างแผ่วเบา
“…ถ้าเป็นคำสั่งของคุณ ดิฉันจะทำตาม”
“ผม….ผมน่าจะพูดแบบนี้ตั้งแต่แรก คุณ… อย่าทิ้งผมไปเด็ดขาด”
เมื่อผมเริ่มร้องไห้ อามากิก็เข้ามาใกล้ๆและกอดผม
“ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ถ้าคุณลองคิดดู เราอยู่ด้วยกันมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว
เธออยู่กับผมนานกว่าภรรยาของชาติที่แล้วด้วยซ้ำ
“มีแค่ผมกับคุณเท่านั้นเสมอมา”
“…แต่ไบรอันก็อยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”
ไม่… อ่อ…ถึงแม้มันจะจริง… แต่อย่าพูดถึงชื่อไบรอันตอนนี้ได้ไหม
ผมเห็นไบรอันในมุมมองที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เขาเป็นเหมือนคุณปู่หรือพ่อบ้านมากกว่าสำหรับผม
พอมาคิดดูแล้ว ผมคิดว่าผมรู้จักไบรอันมานานที่สุดมากกว่าทุกคน
อามากิยิ้ม
“ดิฉันจะรับใช้คุณให้ดีที่สุด”
“มันต้องแบบนั้น”
–ผมควรจะพูดแบบนี้ตั้งแต่แรก
แต่ทำไมรอยยิ้มของอามากิจึงดูเศร้าเล็กน้อย?
◇ ◇ ◇
ในอาณาเขตของบ้านเบนฟิลด์
โรงพยาบาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่เป็นสถานที่ที่มีอุปกรณ์และมีบุคลากรครบครัน
เทียที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล ซึ่งเธอกำลังนอนอยู่บนเตียง
“…ที่นี่คือ?”
สภาพแวดล้อมต่างไปจากที่เธอคุ้นเคย
ร่างกายของเธอก็รู้สึกแปลกเช่นกัน
อ่า… มันให้ความรู้สึกถึงความหลังจริงๆ
เธอสัมผัสได้ถึงแขนขาของเธออีกครั้ง ราวกับว่านี่เป็นความฝัน
ครู่ต่อมาประตูก็เปิดออกอย่างกะทันหัน เธอจึงเกร็ง มีหมอชายสวมเสื้อคลุมสีขาวเดินเข้ามา
—ไม่ใช่คนเลี้ยงสัตว์
“ตื่นแล้วรึ?”
ดวงตาของแพทย์ชายที่มองมาที่เทียไม่ได้แสดงความรังเกียจแต่อย่างใด
“…ที่นี่ที่ไหน? ฉัน-”
เสียงของเธอฟังดูแตกต่างจากปกติ
มันเป็นเสียงที่เคยหายไปของเธอ
ที่เธอเพิ่งพูดไปนั้นเป็นน้ำเสียงของเธอเอง!
พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหลังหมอชายมองมาที่เทีย
เธอหยิบกระจกเงาสะท้อนหันไปทางเทีย
ตอนแรกเทียมองไปทางอื่นเพราะเธอกลัวที่จะเห็นตัวเองในกระจก แต่เมื่อหันไปดูกลับมีบุคคลที่คุ้นเคยปรากฎอยู่ในนั้น
ในแง่ของอายุ เหมือนเธอพึ่งจะเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่
ผมยาวประบ่า.
ปากอมชมพู ผิวขาวใส
ตาสีเขียว… มันเป็นใบหน้าเก่าของเธอ
“หะ? น่ะ…นี่คือ?”
น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างกะทันหันขณะที่เธอจ้องมองไปที่ภาพแห่งความคิดถึงอย่างสับสน
ใบหน้าของเธอไม่สามารถแสดงออกได้มากนัก
แขนและขาของเธอก็ขยับอย่างติดขัด
แต่มันคือ ตัวเธอเอง
คุณหมอดูโล่งใจ
“เราต้องสร้างร่างกายของคุณขึ้นมาใหม่ ดังนั้นมันจึงใช้เวลานานพอสมควร”
เทียยังคงร้องไห้ขณะที่เธอฟังคำอธิบาย
“ร่างกายของฉัน… กลับมาเป็นปกติแล้วเหรอ?”
คุณหมอดูกังวลเล็กน้อย
“เราใช้น้ำยาอีลิกเซอร์เพื่อฟื้นฟูคุณ แต่คุณจะต้องเข้ารับการบำบัดอย่างหนักหากต้องการให้ร่างกายขยับได้เหมือนที่เคยเป็น”
“น้ำยาอีลิกเซอร์? คุณใช้ของมีค่ากับฉันเหรอ?”
“ใช่…เราใช้ปริมาณที่เจือจางเล็กน้อย…แต่ก็แค่นั้น อย่างที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คุณจะต้องเข้ารับการบำบัดอย่างหนักเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่
มันจะเหมือนกับการสร้างกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของคุณใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น”
นี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? แต่แม้ในจินตนาการของเทีย เธอคิดว่ามันดีเกินกว่าจะเป็นความฝันซะอีก
เมื่อไม่นานนี้ เธอคิดว่าเธอจะรู้สึกถึงความสุขได้เพียงแค่ในฝันเท่านั้น
“ฉันจะทำมัน. ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ! รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่เลย…”
ตอนที่เทียพูดอย่างนั้น หมอก็เริ่มยิ้ม
“นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริง ใช่…ความจริงอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ตามมันก็มีบางสิ่งที่เทียกังวล
เทียเพิ่งผ่านการบำบัดฟื้นฟูร่างกายเต็มรูปแบบ แต่นั่นไม่ใช่การผ่าตัดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ซึ่งแตกต่างจากการสร้างแขนขาขึ้นใหม่ อาการของเทียนั้นต้องการอุปกรณ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะและผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในการรักษา
ต้องบอกว่าเป็นไปได้ในการรักษา แต่โอกาสในการเข้าถึงการรักษานั้นยากมาก
ท้ายที่สุด มีเพียงขุนนางและเศรษฐีเท่านั้นที่สามารถซื้อน้ำยาอีลิกเซอร์ได้
“ใครเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลของฉัน”
แพทย์ตอบเธอขณะใช้งานแท็บเล็ต
ดูเหมือนเขาจะจดบันทึกบางอย่างในเวชระเบียน(*1)ของเธอ
“ลอร์ดเบนฟิลด์เป็นคนจ่ายค่ารักษา หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เขาสร้างโรงพยาบาลนี้และจ้างเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่นี่”
เทียไม่อยากเชื่อเรื่องการสร้างโรงพยาบาล แทนที่จะโยนทิ้งในที่ที่มีอุปกรณ์รักษาพื้นฐาน
หมอถ่ายทอดคำพูดของเลียม
“ท่านเคานต์ฝากให้ฉันบอกคุณว่า ‘ผมช่วยคุณแล้วอย่าลืมชดใช้ด้วยล่ะ’ แต่ตอนนี้ คุณควรให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูของคุณ จำเป็นต้องมีการบำบัดจิตหลายครั้งด้วย”
‘ชดใช้อย่างงั้นเหรอ -‘ เทียคิดถึงเด็กชายคนนั้นหลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว
“งั้นเหรอ…แล้วฉันต้องทำยังไง?”
“เอาล่ะ…มาลองฟังดูก่อนแล้วกัน”
หลังจากที่หมอพูดอย่างนั้น เขาก็เริ่มพูดถึงตารางงานที่กำลังจะมาถึงของเธอ
◇ ◇ ◇
หนึ่งปีผ่านไปแล้วตั้งแต่เราออกจากเมืองหลวง
ในที่สุดเราก็กลับมายังอาณาเขต ผมก็ได้รับรายงานหลายฉบับจากไบรอันในห้องทำงานของคฤหาสน์
ไบรอันกำลังยิ้ม
“ท่านเลียม โรงพยาบาลแจ้งว่าการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี”
“พวกเขากำลังพูดถึงคนที่เคยถูกโกอาสกักขังไว้ใช่รึเปล่า?”
“ครับ ดูเหมือนว่าผู้ที่กำลังรับการรักษาจะหายดีในไม่กี่ปีข้างหน้า ในขณะที่ผู้หายดีแล้วก็สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพื้นที่นี้ได้”
หลายคนสูญเสียบ้านเกิด ดังนั้นพวกเขาจึงย้ายมาอยู่ในอาณาเขตของผม
พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนหน้าตาดี มีทั้งศิลปินและผู้มีทักษะพิเศษอยู่ด้วย
หากในอนาคตพวกเขาได้ให้กำเนิดลูกๆที่หน้าตาดี ผมจะเข้าใกล้ความฝันใน ‘งานเลี้ยงสุดหรู’ อีกก้าว
“นั่นฟังดูวิเศษมาก”
“มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลายคนต้องการแสดงความขอบคุณต่อท่าน ลอร์ดเลียม”
ผมได้ลงทุนโดยคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ในอนาคต ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดี
ตอนนี้ผมกำลังตรวจสอบกล่องทองคำที่อยู่ในมือ
มันเป็นสมบัติที่ผมได้มาจากโกอาส แต่ผมไม่ได้นำมันไปที่เมืองหลวง ผมเก็บมันไว้ในลิ้นชักโต๊ะในห้องทำงาน ผมเลยพึ่งได้ตรวจสอบมันตอนที่กลับมา
ไบรอันยิ้มอย่างอบอุ่นขณะที่เขามองมาที่ผม
“ท่านเลียมรักทองคำอย่างแน่นอน”
“แน่นอน”
“ฉันคิดเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเคยเห็นกล่องนั่นที่ไหนมาก่อน…”
ไบรอันปรบมือทันที
“ฉันจำได้แล้ว!”
“มันคืออะไร? มันเป็นสมบัติล้ำค่ารึเปล่า?”
“ไม่ ฉันคิดว่ามันเป็นอย่างอื่น”
“เห…ผมอุตส่าห์คาดหวังนะเนี่ย แล้วคุณจำอะไรเกี่ยวกับมันได้บ้าง?”
“ฉันไม่เคยบอกนายท่านเรื่องนี้มาก่อน แต่ไบรอันผู้นี้เคยเป็นนักผจญภัย”
นักผจญภัยคือผู้ที่สำรวจความเวิ้งว้างของจักรวาล
พวกเขาเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาซากปรักหักพังและค้นคว้าความลับเบื้องหลังอารยธรรมโบราณ
“คุณเป็นนักผจญภัยเหรอ?”
“ใช่ และในตอนนั้น ฉันจำได้ว่าเคยเห็นอะไรแบบนั้นในข้อมูลที่ค้นคว้ามา มันเป็นแบบจำลอง แต่นั่นคือ กล่องแปรธาตุ[Alchemy Box] ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สูญหายไปในสมัยโบราณ”
“กล่องแปรธาตุ?”
“ใช่แล้วครับ อุปกรณ์ในฝันที่สามารถสร้างสมบัติจากขยะ มันสามารถแปลงสสารอะไรก็ได้ยกเว้นสิ่งมีชีวิต หมายความว่ามันมีความสามารถในการสร้างโลหะหายาก เช่น มิธริล โอริฮารุกอน และอดามันเทียม”
“มันสร้างทองได้ไหม?”
“อะ…อ่า ครับ…แน่นอน มันทำได้”
นี่มันของที่สุดยอดไปเลยไม่ใช่เรอะ
“ผมหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณว่า”
“นั่นจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์…ใช่แล้ว หากท่านได้สิ่งนั้นมา ปัญหาทางการเงินทั้งหมดของเราสามารถแก้ไขได้ทันที”
“ถ้าหมดหนี้แล้วจะลองเป็นนักผจญภัยดู ดีไหมนะ”
“ท่านเลียม ปัจจุบันท่านเป็นหัวหน้าของบ้านเบนฟิลด์ น่าเสียดายที่ฉันจะต้องขอให้ท่านละเว้นจากอาชีพของนักผจญภัย”
ผมขมวดคิ้วด้วยความโมโหใส่ไบรอัน
◇ ◇ ◇
ตกกลางคืน
ผมกำลังตรวจสอบกล่องทองคำในห้องของผม
“ผมล่ะหวังว่ามันจะเป็นจริง”
ผมถามไบรอันสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน
อุปกรณ์เวทย์มนตร์ที่สูญหายไปในอดีต เครื่องมือล้ำค่าที่ไม่สามารถทำซ้ำได้เพราะสูญเสียเทคนิคการผลิตไปแล้ว
ผมจะไม่มีปัญหากับหนี้อีกถ้าผมมีมัน
“เช่น ถ้าเปิดฝาแบบนี้…”
ผมเปิดกล่องและหันกล่องไปทางดาบไม้เล่มหนึ่งที่เก็บไว้ใกล้ ๆ
“เห…?”
ผมคิดว่ามันเป็นเพียงแบบจำลอง แต่กล่องก็ตอบสนองและมีการฉายหน้าจอหลายหน้าจอทีละหน้ารอบๆ ตัวผม
“หืมม?!”
ทุกอย่างถูกเขียนด้วยอักษรโบราณ
ผมเรียนรู้เกี่ยวกับภาษานี้ในแคปซูลการศึกษา ดังนั้นผมจึงสามารถถอดรหัสได้
“แปลง? เอ่อ… นี่เหรอ?”
หลังจากที่ผมเลือกไอเท็มที่ต้องการแปรธาตุแล้ว ดาบก็ถูกห่อด้วยอนุภาคสีทองก่อนที่มันจะเปลี่ยนสี
เมื่อหยิบขึ้นมาก็ไม่มีน้ำหนักเท่ากับดาบไม้อีกต่อไป
มันมีน้ำหนักมากขึ้น เป็นน้ำหนักของทองคำ
“นี่มันต้องล้อผมเล่นแน่ๆ! นี่มันของจริงเรอะ!”
เมื่อผมคิดดู โกอาสนั้นรวยมากเพราะเขามีโลหะหายากจำนวนมาก หรือนี่คือเหตุผล?
นี่คือที่มาของความมั่งคั่งของเขา!!
“ไกด์บอกว่าผมจะได้สมบัติทั้งหมด เขาหมายถึงเรื่องกล่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
ผมเปิดหน้าต่างห้องและเริ่มหัวเราะ
“นี่มันสุดยอด!บริการหลังการขายสุดยอด! คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ขอบคุณเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ แต่ยังไงก็จะพูดอีกครั้ง! เพราะคุณ ในที่สุดผมก็สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่! ขอบคุณ ขอบคุณมากกกก”
ผมตะโกน “ขอบคุณ” จากก้นบึ้งของหัวใจ
ทุกส่วนในก้นบึ้งของผมรู้สึกขอบคุณเขา และผมอยากให้เขารู้!
“ผมขอโทษนะไกด์ ทีแรกผมคิดว่าคุณเป็นคนน่าสงสัย แต่ตอนนี้ผมมีความสุขจากทุกสิ่งที่คุณทำเพื่อผม! ผมไม่รู้จะพูดอะไร แค่ขอบคุณคงไม่พอ แต่อย่างน้อยผมก็อยากให้คุณได้ยิน ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง!!!”
◇ ◇ ◇
ในอีกด้านหนึ่ง…
ไกด์ถูกเผาไหม้ด้วยความขอบคุณจากใจจริงของเลียมที่มีต่อเขา
มันร้อนมากจริงๆ
เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับว่ามีเหล็กร้อนกำลังตีอะไรบางอย่างบนหน้าอกของเขา
“หยุดนะโว้ย!!!”
ไกด์กำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดที่ไม่สามารถจินตนาการได้โดยใช้มือทั้งสองจับหน้าอกของเขา
เขาเตะขาไปมาขณะที่กลิ้งไปบนพื้นและร้องไห้
ไกด์โยนกระเป๋าเดินทางทิ้ง เขาร้องด้วยความเจ็บปวดจากความกตัญญู
“หมดแล้ว! พลังของฉันมันหายไปแล้ว!”
เขาสูญเสียพลังที่เขาเหลือเพียงน้อยนิดไปจนหมด แทนที่จะฟื้นตัวมากขึ้น
เพราะอย่างนั้น เขาจะไม่สามารถฆ่าเลียมได้ แม้ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จับหน้าอกและกัดฟันแน่น
“กูจะไม่ให้อภัยมึง! เลียมไอ้ชาติหมา! ด้วยมือคู่นี้ กูจะลากมึงลงนรกและเพลิดเพลินไปกับความเจ็บปวดที่มึงจะทนทุกข์ชั่วนิรันดร์ไอ้สัตว์ มึงจะเกลียด โกรธ และเกรงกลัวกูในนรกนั้น ไอ้เหี้ย! ในขณะที่กูยืนขึ้นและหัวเราะเยาะมึงจากที่สูง ไอ้สารเลว” **2
ไกด์ค่อยๆ ลุกขึ้น
บนทุ่งหญ้าที่มีแสงจันทร์ ไกด์สาบานว่าจะแก้แค้นเลียม
“จำไว้เลยนะ! มึงได้เจอกูอีกแน่”
สุนัขตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในทุ่งหญ้าอย่างเงียบๆ คอยดูไกด์ต่อไปด้วยความสนใจ
——–
เชิงอรรถ
*1 เวชระเบียน หมายถึง เอกสารที่รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ป่วย และประวัติสุขภาพรวมถึงประวัติการเจ็บป่วยในอดีต ในปัจจุบันการรักษาจะจดบันทึกไว้โดยแพทย์ผู้ดูแล เวชระเบียนจะต้องบันทึกตามเวลาที่ศึกษาดูแลผู้ป่วย และควรจะต้องมีข้อมูลที่เพียงพอที่จะต้องบอกให้ทราบถึงการพิเคราะห์โรค และการดูแลรักษาโรคได้ และต้องเป็นเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วน
**2 พยายามแปลแบบหยาบคายดูแล้ว ส่วนตัวผู้แปลไม่อยากให้มันเป็นภาษาแบบนี้เลย เอาเป็นว่าจะด่าแบบสุภาพๆกันต่อจากนี้ไปแล้วกันเนอะ