(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 0 อารัมภบท
อารัมภบท
ทำไมโลกใบนี้ถึงได้ไร้เหตุผลแบบนี้?
ภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่อยู่ในสภาพทรุดโทรม มันทั้งแคบและมืดมิด…ผมเอามือจับไปบนหน้าอกที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ผมพยายามดิ้นรนรวบรวมเรี่ยวแรงมาที่แขนของตัวเอง
มือที่กำลังกำเสื้อของผมรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและสั่นกว่าที่เคยเป็น
ฟูกนอนที่ผมกำลังนอนอยู่เต็มไปด้วยเลือดของตัวผมเอง
“ทะ…ทำไม?”
ใช่ ผมรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง แต่ผมกลับรู้สึกปวดร้าวและเสียใจยิ่งกว่า
ผมเห็นแสงไฟกำลังหมุนอยู่รอบตัวผม
ถึงผมจะไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองเป็นคนที่น่านับถือ…แต่ผมก็ยังไม่อยากตายในตอนนี้สักหน่อย
ผมไม่เคยก่ออาชญากรรมใดๆ และใช้ชีวิตอย่างจริงจังมากพอที่จะถูกมองในแง่ดีจากคนทั่วไป
ทำงาน เก็บเงิน แต่งงาน ซื้อบ้าน และมีลูก
แต่เป็นเพราะความทะเยอทะยานที่แสนธรรมดาเหล่านั้น…ที่ทำให้ตอนนี้ผมเต็มไปด้วยหนี้สินและปัญหาต่างๆมากมาย
ผมต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรทุกเดือน…แต่กลับไม่สามารถแม้แต่จะได้เห็นหน้าลูกมาหลายปีแล้ว
‘ตอนนี้เธอและลูกมีความสุขและชีวิตที่ดีอยู่กับสามีคนใหม่ของเธออยู่แล้ว’ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมจึงถูกปฏิเสธไม่ให้ไปเยี่ยมลูก
ดังนั้นผมจึงทำได้เพียงแค่จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรจำนวนมากต่อไป แม้ว่าจะไม่สามารถเห็นหน้าลูกได้ก็ตาม
หลังจากนั้นผมก็ถูกไล่ออกจากงานด้วยเหตุผลที่ผมก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร แต่ยังไงก็ตามผมยังคงต้องการรายได้เพื่อดำรงชีวิต ผมจึงต้องหางานพาร์ทไทม์เท่าที่หาได้ทำเพื่อหาเงิน
ในห้องแทบจะว่างเปล่า
ผมไม่สามารถซื้ออะไรได้เพราะตัวเองนั้นยังมีหนี้สินที่ต้องจ่ายและแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลย
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงเป็นหนี้ตั้งแต่แรก
ถึงอย่างนั้น…ก็เป็นความจริงที่ผมเป็นหนี้…และผมต้องชดใช้
ในตอนแรกผมจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรด้วยความเชื่อที่ว่าลูกจะได้ไม่ต้องลำบาก…แต่กว่าจะรู้ตัว น้ำหนักของผมก็ลดลง ร่างกายค่อยๆกลายเป็นอัมพาต…และสุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรได้…ไม่แม้แต่จะสามารถขยับตัวจากบนเตียงของตัวเองได้
“ทำไมกัน?…ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย”
และในวินาทีนั้นผมก็รู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นบางอย่าง
ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อโค้ทยาวจู่ๆก็โผล่มาอยู่ที่ข้างๆเตียงของผม
เขายืนอยู่ที่นั่นก่อนจะวางกระเป๋าหนังลงข้างๆรองเท้าที่เลอะเทอะของเขา
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท้องฟ้ายามราตรีในวันนี้ดูสวยมากเลย…คุณคิดเหมือนกันไหมครับ?”
ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวๆ ถึงผมจะแทบขยับตาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมองเห็นหมวกทรงสูงที่เขากำลังถืออยู่ในมือ กับปากของชายคนนั้น
เขาเป็นชายร่างสูงที่ดูผอมเพรียว แต่ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับตัวเขา
เขาสวมเสื้อโค้ทยาว…ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกับคนที่ชอบแต่งตัวแบบนี้
“คุณ…มารับผม…งั้นเหรอ?”
ผมกลัว…แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว
ผู้ชายคนนั้นก้มลงมามองที่ใบหน้าของผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร
ปากของเขายกขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวราวกับว่าเขากำลังหัวเราะเยาะ
“มารับคุณ? นั่นก็ไม่ผิดซะทีเดียวนะครับ…แต่ก็ไม่ได้ถูกเหมือนกัน ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ…ผมคิดว่าตัวเองเป็น ‘ผู้นำทาง’ ของคุณมากกว่าครับ”
ชายคนนั้นบอกว่าตัวเองเป็น’ผู้นำทาง’ของผม ก่อนจะโบกมือ
และผมก็ต้องเบิกตากว้างต่อสิ่งเหนือธรรมชาติปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา
หัวใจของผมรู้สึกเจ็บปวด
ผมเห็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสูทกับอดีตภรรยาของตัวเองกำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารราคาแพงด้วยกัน
อาหารและเครื่องดื่มที่ดูน่าอร่อย…ผมไม่ได้สัมผัสกับอาหารแบบนั้นมานานหลายปีแล้ว…
อย่างไรก็ตาม ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“คุณไม่เพียงแต่ทำให้สามีเก่าของคุณเป็นหนี้ แต่ยังบังคับให้เขาจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรด้วย? นี่เขาคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของตัวเองจริงๆรึไง?”
“อย่างน้อยก็เป็นลูกของเขาตามกฎหมายล่ะนะ…แล้วผู้ปกครองก็ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เธอพูดว่าอะไรนะ?
ผมไม่สามารถที่จะประมวลผลสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกันได้
อดีตภรรยาของผม…ซึ่งเคยเป็นคนเรียบง่ายและสุภาพเรียบร้อย ณ ตอนนี้กำลังแต่งตัวด้วยชุดที่ดูหรูหรา
“สุดท้ายแล้วผู้หญิงก็มักจะชื่นชอบผู้ที่มียีนที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว และอีกอย่างฉันก็ไม่ค่อยสนใจในตัวเด็กนั่นอยู่แล้ว…ฉันแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นเพราะฉันจำเป็นต้องทำเพื่อใช้เป็นช่องทางดูดเงินสำหรับตัวฉันเอง…เขาก็มีค่าแค่นั้นแหละ”
ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามเธอหัวเราะเล็กน้อย
“เธอนี่เป็นผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ”
“คุณทำให้ฉันเป็นผู้หญิงแบบนี้เองไม่ใช่รึไง?”
เมื่อผมมองดูทั้งสองคนมีความสุข…หัวใจของผมก็โดนบีบรัดด้วยความเจ็บปวด
และยิ่งเป็นในตอนที่ท้องของผมกำลังว่างเปล่า…นั่นยิ่งทำให้รู้สึกสะเทือนใจมากกว่าเดิม
เพราะได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ผมรู้สึกโกรธจนเหมือนกับร่างกายกำลังเดือดพล่านอยู่ภายใน
ชายคนนั้นโบกนิ้วอีกครั้ง ภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมก็หายไป
“อ๊ะ คุณช่วยใจเย็นลงหน่อยดีกว่าไหมครับ?…ที่ผมต้องแสดงฉากนี้ให้คุณเห็น นั่นก็เป็นเพราะผมอยากให้คุณได้รู้ถึงความจริงเท่านั้นเองครับ…อย่าพยายามหลอกตัวเองอีกเลยครับ นี่ไม่ใช่ความฝัน และสิ่งนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงในเวลานี้”
พอผมมาย้อนคิดดูอีกที มันมีเรื่องน่าสงสัยบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆในตอนที่ผมกับอดีตภรรยาแต่งงานกัน
แต่ผมก็บังคับตัวเองให้มองข้ามมันไป…ใช่แล้ว…
ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองแค่คิดมากเกินไป
“คุณเป็นคนดี…คุณต้องอดทนกับการใช้ชีวิตที่ยากลำบาก…คุณชดใช้หนี้แทนอดีตภรรยา และยังคงพยายามหาเงินมาเพื่อจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร…ดังนั้นผมจึงได้เตรียมของขวัญเล็กน้อยให้กับคุณ”
ชายคนนั้นหยิบใบโบรชัวร์ออกมาจากกระเป๋าหนังของเขา ด้วยท่าทางมีความสุข
“เพราะในชีวิตนี้คุณต้องใช้ชีวิตที่น่าสังเวชเช่นนี้ ดังนั้นผมจะทำให้คุณได้มีความสุขในชีวิตหน้าเองครับ…ว่ายังไงครับ? คุณต้องการที่จะไปเกิดใหม่ที่อีกโลกหนึ่งไหมครับ?”
‘น่าสังเวช’ ความรู้สึกของผมในตอนนี้นั้นน่าเกลียดยิ่งกว่านั้นมาก ผมรู้สึกเสียใจมากจนคิดว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นบ้า…
หัวใจของผมถูกบีบรัดด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะได้กลิ่นของเลือดภายในปากของตัวเอง
“คุณอดทนทำงานหนักมาจนมาถึงจุดที่ยอมทำลายร่างกายของตัวเอง…แต่พวกเขากลับกำลังนั่งทานอาหารกันอย่างมีความสุข…นั่นคือสิ่งที่คุณไม่สามารถให้อภัยได้ใช่ไหมครับ?”
มือซ้ายของผมกำหมัดแน่น
“แต่ยังไงก็ตาม ผมแนะนำให้คุณเลิกความคิดที่จะแก้แค้นนั่นซะนะครับ…ละทิ้งความเกลียดชังของคุณที่กำลังบอกกับตัวเองว่าไม่สามารถให้อภัยพวกเขาได้นั่นไปซะ”
น้ำตาเริ่มไหลจากดวงตาของผม
ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้?
ผมเป็นคนที่เลวร้ายขนาดนั้นเลยรึยังไง? นี่คือผลกรรมของตัวผมเองยังงั้นหรือ?
น้ำตาของผมไหลออกมา…ด้วยร่างกายที่กำลังเป็นอัมพาตอยู่ในตอนนี้
ในสภาพแบบนี้…เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะสามารถแก้แค้นใครได้
รอยยิ้มครึ่งเสี้ยวของผู้นำทางกว้างขึ้น ในขณะที่เขาหัวเราะออกมา
ผมรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตาย…แต่ถึงอย่างนั้น…ผมก็รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมา
รอยยิ้มหายไปจากปากของผู้นำทาง
“น่าเสียดายที่ชีวิตของคุณกำลังจะจบลง ทั้งหมดที่ผมสามารถทำได้มีเพียงการรับประกันความสุขในชีวิตหน้าของคุณ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลลอะไร…ไม่ว่ายังไง ในตอนนี้คุณก็ไม่มีความสุขอยู่แล้ว…ความสุขเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าที่คุณจะเอื้อมถึง ดังนั้น…ได้โปรดยอมแพ้เรื่องการแก้แค้นไปซะเถอะครับ”
“…ฉันทำไม่ได้”
ผมปฏิเสธเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ผมต้องการให้พวกเขาได้สัมผัสถึงความทุกข์ทุกๆอย่างที่ผมเคยรู้สึกในชีวิตนี้
ผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความคิดนั้นเป็นจริง
ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม!
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำทางก็ส่ายหัว
“สิ่งที่ผมยอมให้คุณทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการเลือกสถานที่ที่คุณจะได้ไปเกิดใหม่…อย่างน้อยที่สุดคุณก็จะได้เกิดใหม่ในโลกที่คุณต้องการ…ชีวิตที่มีความสุขกำลังรอคุณอยู่นะครับ”
น้ำตายังคงไหลจากดวงตาของผม
ผู้นำทางกางใบโบรชัวร์ออกมาจนคล้ายกับไพ่ของนักมายากล เพื่อให้ผมสามารถเลือกได้อย่างสะดวก
หน้าปกของใบโบรชัวร์ใบหนึ่งมีรูปหุ่นยนต์และยานอวกาศอยู่บนนั้น
ผมขยับนิ้วไปที่มัน
“คุณสนใจโลกใบนี้งั้นเหรอ? เลือกได้ดีครับ…มันเป็นโลกแฟนตาซีที่ทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ก้าวหน้าไปไกลกว่าโลกของคุณในตอนนี้มาก เป็นจักรวาลที่น่าสนุกมากเลยล่ะครับ นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างให้คุณสามารถเพลิดเพลินได้ตอนอยู่ที่นั่น…ดังนั้นผมคิดว่าคุณจะต้องสนุกไปกับมันอย่างแน่นอนครับ”
ผมเอื้อมมือออกไปหามันโดยไม่ลังเล
ผมไม่รู้ว่าโลกหน้าจะเป็นอย่างไร
แต่ทั้งหมดที่ผมคิดอยู่ในตอนนี้คือเรื่องของความโง่เขลาของตัวเองที่ทำมาทั้งหมดในชีวิตนี้
ผม…ผู้ที่ดำเนินชีวิตด้วยความจริงจัง
และ…นี่คือผลลัพธ์ของมันงั้นเหรอ?
อย่ามาล้อเล่นนะ! อย่ามาล้อกันเล่นนะโว้ย!
หากต้องใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ผมก็ควรที่จะมีความสุขมากกว่านี้สิ!
ผมจะไม่สนใจคนอื่นอีกแล้ว…คราวนี้ผมจะโฟกัสเฉพาะความสุขของตัวเองเท่านั้น
ถ้าชีวิตการเป็นคนดีต้องพบจุดจบแบบนี้…ต่อจากนี้…ผมจะใช้ชีวิตตามใจของตัวเองบ้างล่ะนะ
ผมจะเป็นคนเลวให้ดู
“โอ้…น่าสนใจๆ โลกนี้มีระบบขุนนางด้วยงั้นรึ…อารยธรรมมีความก้าวหน้า…แต่สังคมกลับคืนสู่ระบบศักดินา…น่าขบขันจริงๆ”
ผู้นำทางกล่าวต่อไปว่า
“ในชีวิตหน้า…คุณจะได้เกิดในบ้านของขุนนางที่มีอำนาจ…คุณจะได้ในทุกสิ่งที่คุณต้องการ…คุณจะได้เป็นผู้พิชิตโดยกำเนิด”
มันฟังดูน่าสนุก
ผมจะทำให้ดีที่สุดในขณะที่ก้าวข้ามคนอื่นๆ
“ครอบครัวขุนนางที่คุณไปเกิดจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเช่นกันครับ”
เสียงหัวเราะเบาๆหลุดออกมาจากปากของผม
แบบนี้ก็ดีแล้ว
ผมจะได้เป็นขุนนางแล้วงั้นหรือ?…ไม่สิ…ผมจะเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย…
ผมคิดว่ามันน่าจะสร้างความบันเทิงให้ตัวเองได้
“คุณพร้อมรึยัง? ผมหวังว่าคุณจะได้มีชีวิตที่ดีในโอกาสครั้งที่สองนะ”
มาเริ่มกันเถอะ
ขอให้ผมได้สนุกกับชีวิตหน้าของตัวเองอย่างเต็มที่
…ในฐานะขุนนางจอมวายร้าย…
◇ ◇ ◇
ผู้นำทางมองลงไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่พึ่งจะหยุดหายใจไป ก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมา
มีความบ้าคลั่งอยู่ในเสียงหัวเราะนั่น
“ชีวิตที่ไม่มีความสุขงั้นเหรอ? งี่เง่าชะมัด! หมอนี่คิดจริงๆงั้นเหรอว่าตัวเองเป็นคนที่น่าสังเวชเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้?! คิดจริงๆเหรอว่าไม่มีคนอื่นอีกแล้วที่ต้องจมอยู่กับความเศร้าหรือความเสียใจ!”
ผู้นำทางหัวเราะก่อนจะโบกมือของเขาอีกครั้ง และภาพอดีตภรรยากับชายที่เธออยู่ด้วยก็ปรากฏออกมา
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นในขณะที่เขายิ่งหัวเราะดังขึ้นไปอีก
“คงคิดไม่ถึงสินะ…ว่าผมนี่แหละเป็นคนที่สร้างความทุกข์ทั้งหมดให้กับนายตั้งแต่แรก! ผมแค่อยากจะรู้ว่านายจะไปได้ไกลสักแค่ไหนก่อนที่จะล้มลง!”
สิ่งมีชีวิตเช่นผู้นำทาง ไม่ใช่คนจิตใจดีแต่อย่างใด
คงจะเหมาะกว่าถ้าจะบอกว่าเขาเป็นเพียงกลุ่มก้อนความโหดร้ายที่มีชีวิตเท่านั้น
“เอาล่ะ มาจบออร์เดิร์ฟกันดีกว่า…ก่อนที่จะไปต่อที่อาหารจานหลัก!”
ผู้นำทางเอื้อมมือไปแตะที่ภาพในขณะที่มีควันดำเริ่มเล็ดลอดออกมาจากตัวเขา
คนสองคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
ชายคนนั้นยิ้มขึ้นมาก่อนที่จะบอกเลิกกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขา
“ผมคิดว่าคุณคงสนุกมามากพอแล้ว…ดังนั้นขอให้เราจบกันที่นี่เถอะนะ”
“…ฮะ?”
อดีตภรรยาทิ้งมีดที่เธอถืออยู่ด้วยความตกตะลึง
“ค-คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ผมบอกว่าว่าคุณสนุกมาพอแล้ว และตอนนี้ผมก็ไม่อยากเล่นสนุกกับคุณอีกต่อไปแล้ว”
ใบหน้าของเขาคล้ายจะบอกว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่กำลังจะกลายมาเป็นอดีตภรรยาของเขาจึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพึ่งบอกเธอไป
เขากำลังยิ้ม
“คุณจะขัดขืนก็ได้นะถ้าต้องการ…แต่อย่าลืมว่าทนายที่ช่วยคุณในเรื่องการหย่าคือเพื่อนของผม ดังนั้น…ถ้าหากคุณเอะอะเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา คุณจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
“แล้วลูกของเราล่ะ!”
“ตามกฎหมายนั่นไม่ใช่ลูกของผมสักหน่อยนี่ ผมก็เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรอะไรนั่น”
ชายคนนั้นวางใบหย่าลงบนโต๊ะเบื้องหน้าเธอ
“กรอกให้เสร็จภายในวันพรุ่งนี้ด้วยล่ะ”
อดีตภรรยาตัวสั่น
“คุณบอกว่าคุณรักฉันไม่ใช่เหรอ!”
“โอ้…ผมเคยรักคุณนะ แต่เรามีความสุขกันมามากพอแล้ว และตอนนี้ผมก็เลิกสนใจในตัวคุณไปแล้ว…มันก็แค่นั้นเอง”
ชายคนนั้นดึงตัวออกห่างหญิงสาวที่กำลังจะกลายเป็นอดีตภรรยาของเขา ก่อนจะเดินออกจากร้านอาหารไป
“อย่ามาแตะต้องตัวผม ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณอีกแล้ว”
“…เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิ!”
ชายคนนั้นหัวเราะขำกับสภาพของเธอ
“ยัยโง่ คิดว่าผมจะยอมแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงที่เต็มใจนอกใจสามีตัวเองไปตลอดจริงๆงั้นเหรอ? เธอต้องโกหกกับสามีตัวเองไปแค่ไหนกันล่ะกับการที่ผมเพียงแค่พูดว่าอยากเจอ?…คุณรู้ไหม…ผมหัวเราะไม่ออกเลยสักนิดตอนที่ได้เห็นว่าคุณทำกับสามีคนแรกของคุณยังไง”
อดีตภรรยาที่กำลังจะหย่าร้างเป็นครั้งที่สองจับมือชายคนนั้น
“คุณบอกให้ฉันทิ้งสามีเพื่อให้ได้มาอยู่กับคุณไม่ใช่รึไง?”
“คุณหมายถึงอดีตสามีของคุณ? คุณคือคนที่เลือกจะทิ้งเขาไปด้วยตัวเองไม่ใช่รึไง ตอนนั้นผมก็อยู่ที่นั่นด้วยและผมก็รู้ว่าคุณสนุกกับมัน อย่าพยายามแสร้งทำเป็นว่าคุณเป็นเหยื่อไปหน่อยเลยน่า”
ผู้นำทางหัวเราะออกมา
เขาสามารถบอกได้ว่าอดีตภรรยากำลังคิดอะไรอยู่
“โอ้…มนุษย์~ น่ากลัวจังเลยแฮะ~ นี่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะฆ่าเขายังไงดีงั้นเหรอ? ผู้หญิงนี่จัดหนักจัดเต็มดีจริงๆ! ฉันหวังว่าคุณจะทำสำเร็จนะ!”
เสียงหัวเราะของผู้นำทางดังยิ่งขึ้นไปอีกในตอนที่เขาเปิดประตูมิติออกมา
“ตอนนี้เธออยากจะคลานกลับมาหาสามีเก่าหรืออยากหาของเล่นชิ้นใหม่กันนะ? ผมนี่อยากรู้ผลลัพธ์จนแทบจะอดใจไม่ไหวเลยล่ะ~”
ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหน ผลลัพธ์ของทั้งสองทางจะนำทางเธอไปสู่นรกอยู่ดี และอารมณ์ด้านลบเหล่านั้นก็จะนำความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้มาให้กับตัวเขา
“แต่ตอนนี้ ผมคงต้องไปนำทางวิญญาณของหมอนี่ไปสู่อีกโลกนึงก่อนล่ะนะ ไปที่อีกโลกที่ชีวิตของผู้คนนั้นถูกทิ้งขว้างราวกับขยะ…ดูเหมือนความบันเทิงสำหรับผมจะมีเยอะขึ้นอีกเรื่องนึงแล้วสินะ~!”
เมื่อคิดถึงโลกที่เขากำลังจะส่งชายคนนี้ไป ผู้นำทางก็รู้สึกว่าตัวเองหยุดหัวเราะไม่ได้
“มันคงจะสายเกินไปแล้วกว่าหมอนี่จะรู้ตัว ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องสนุกมากอย่างแน่นอน…ความเสียใจ ความเกลียดชัง ความแค้น ความเศร้า ความทุกข์ล้วนเป็นอาหารอันแสนโอชะสำหรับผม!”
ผู้นำทางที่รักในอารมณ์ด้านมืดของผู้คน กางมือออกด้วยความยินดี
“ถึงจะต้องเจอเรื่องแย่ๆในอีกโลกหนึ่งก็อดทนเอาไว้ล่ะ! จงเป็นทุกข์! จงเกลียดชัง! จงแค้นให้มากๆ! หลังจากนี้ไปจะเป็นเวลาแห่งความสนุก!”
ไม่ว่าชายคนนั้นจะล้มลงตอนไหน การพัฒนาของอารมณ์ด้านลบคือสิ่งที่ผู้นำทางกำลังรอคอย
ผู้นำทางรู้สึกมีความสุขมาก
“อ๊ะ ถ้าผมไม่รีบไปคงจะต้องไปเสียเวลาค้นหาวิญญาณของหมอนั่นอีก…แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรมาก…พวกมนุษย์นี่ก็ช่างโง่เขลาดีจริงๆ แค่ได้ยินเริ่องการไปเกิดใหม่ก็รู้สึกมีความสุขกันซะแล้ว…ถูกหลอกอย่างมีความสุขต่อไปเถอะไอ้พวกโง่!”
ผู้นำทางหยิบกระเป๋าของเขาขึ้นมาอย่างร่าเริง และในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านประตูมิติ—
มีไฟดวงเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมห้อง
แสงน้อยๆ ที่แอบดูมาตั้งแต่ต้น
ดวงแสงอยู่ในรูปเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ
มันดูเหมือนกับ…สุนัข
แต่ผู้นำทางไม่ได้สังเกต
“สงสัยจริงๆว่าควรจะสนุกกับเรื่องนี้แบบไหนดีนะ ก่อนอื่น…ต้องคิดให้ดีว่าจะให้เขาไปเกิดที่ไหน…คงจะดีถ้าเขาได้มีครอบครัวที่อบอุ่นก่อนที่ผมจะทำให้เขาสิ้นหวัง เหมือนกับ… ‘อ้า!’ ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่กำลังตกจากที่สูงๆก็ฟังดูน่าสนุกดีนี่”
ฉวยโอกาสในขณะที่ผู้นำทางจมอยู่กับความหลงระเริง แสงเล็กๆลอดผ่านประตูมิติเข้าไป
ผู้นำทางปรบมือของเขา
“ตัดสินใจแล้ว! ตอนที่เขาปีนขึ้นไปเกือบจะถึงจุดสูงสุด ผมจะผลักเขากลับลงไปที่ก้นบึ้งขุมนรกเอง! ผมแน่ใจว่าเขาจะส่งผ่านอารมณ์เชิงลบที่ดีออกมา โอ้…ผมจะรอคอยตอนนั้นอย่างใจจดใจจ่อเลย! อืม…เขาตั้งเป้าที่จะเป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่สินะ…แต่สุดท้ายเขาก็จะลงเอยด้วยการถูกประหาร! ไม่ๆ เอาเป็นถูกทรมานดีกว่า!”
ผู้นำทางกอดตัวเองและบิดไปบิดมา
ความสุขของเขานั้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
“ให้มีอายุที่ยืนยาวและเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก! เพื่อความสุขของผม…จงพยายามทำให้ดีที่สุดล่ะ!”
เมื่อประตูสู่อีกโลกหนึ่งปิดลง ผู้นำทางก็หายไปจากห้อง
เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณของชายที่เพิ่งเสียชีวิตลงไป