(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 13
ครอบครัว
หนึ่งเดือนหลังจากการสู้รบสิ้นสุดลง ในที่สุดดินแดนก็เริ่มสงบ
ไม่สิ พวกลูกน้องของผมยังยุ่งอยู่
แต่อย่างน้อยผมก็ได้พักผ่อน
ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์ ผมกำลังพบกับพ่อค้าเอจิโกยะของผม…โทมัส
“โทมัส… ถ้านี่เป็นเรื่องตลกก็ไม่ตลกเลยนะ”
“เอ๊ะ แต่ฉันคิดว่าฉันให้ราคายุติธรรมนะ? ไม่งั้นเหรอ?”
เขากำลังแสดงราคารับซื้อ โลหะมีค่า โบราณวัตถุ และสมบัติอื่น ๆ ที่ผมได้มา
ซึ่งปริมาณมันมากจนน่าขำ
มีตัวเลขหลายหลักแสดงอยู่ที่จอ มันมากกว่าที่ผมเคยเห็นมาชั่วชีวิต
ถ้าเทียบกัน เงินทั้งหมดที่ผมเคยมีมันเป็นเศษเหรียญ ถ้าคุณได้เงิน 1000 บาท กับเศษอีกนิดหน่อย คุณก็จะคิดว่าเศษนั้นมันดูเล็กน้อยจนไม่ได้สนใจ
มันก็ความรู้สึกอะไรแบบนั้น เงินมันจำนวนมากเกินไปจนคาดไม่ถึง
“ไม่มีอะไร ผมแค่อยากลองพูดอะไรแบบนั้นดูน่ะ”
“เข้าใจแล้ว แต่คุณแน่ใจหรือว่าจะขายทุกอย่างเลย”
ผมขายโลหะมีค่าและสมบัติล้ำค่าส่วนใหญ่ที่ผมได้มา
เหตุผลเหรอ? เป็นเพราะผมต้องการเงินน่ะสิ
นั่นจะทำให้เราลดหนี้ลงได้เยอะ
แต่ถึงแม้จะได้มากขนาดนี้ก็ยังจ่ายไม่หมด
– ครอบครัวของผมใช้เงินไปกับอะไรกัน?
“ผมไม่ได้ขายทุกอย่างซะหน่อย ผมยังคงเก็บบางสิ่งไว้เช่นดาบเล่มนี้”
เมื่อผมนำเสนอดาบที่ผมชอบ โทมัสก็ดูประทับใจ
“ดูเหมือนว่าท่านจะได้รับดาบล้ำค่าทีเดียว”
“ใช่ไหมล่ะ”
ตอนแรกผมคิดว่ามันแค่ใช้ฟันได้ดี แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นของดีจริงๆ
“ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นฉันจึงไม่รู้รายละเอียด หากคุณต้องการ ให้ฉันนำผู้เชี่ยวชาญมาประเมินมันไหม?”
“ไม่ต้องหรอก”
“ถ้างั้นก็… รายการที่คุณสั่งจะถูกจัดส่งทันที”
ผมเพิ่งซื้อเครื่องมือแพทย์จากโทมัส
ตลอดเดือนที่ผ่านมา ผมเริ่มจัดการสิ่งต่างๆ
ผมกำลังเตรียมการรักษาให้พร้อมสำหรับคนที่ได้ช่วยชีวิตไว้
“ผมขอฝากการเลือกบุคลากรทางการแพทย์ให้คุณจัดการด้วยได้ไหม?”
“ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความคาดหวังของคุณ”
มันสะดวกจริง ๆ ที่มีพ่อค้าส่วนตัวที่ขึ้นตรงกับผม
เขาสามารถจัดบุคลากรต่าง ๆ ให้ผมได้
เพราะแบบนั้น แน่นอนว่าเขาทำกำไรมหาศาลภายใต้ชื่อของผม
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
โทมัสยังคงพูดต่อไปว่า
“แล้วคุณจะไปเมืองหลวงเมื่อไหร่?”
“ผมคิดว่าคงจะไปก่อนที่จะถึงวัยผู้ใหญ่ในปีหน้า”
ในจักรวาลนี้ เมื่ออายุครบ 50 ปีจะถือว่าคุณเป็นผู้ใหญ่ แต่หากคุณเป็นชนชั้นสูง สิ่งต่างๆก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากขึ้น
ในที่สุดผมก็ต้องไปเมืองหลวง ที่ซึ่งมีการฝึกสำหรับขุนนางหลายวันรอผมอยู่
กฎหมายกำหนดให้ผมต้องเข้าเรียนในสถาบันที่ดูแลโดยจักรวรรดิ
ลำบากใจจริงๆ
จากนี้ไป ผมคิดว่าจะสามารถทำสิ่งชั่วร้ายได้หลายอย่างในฐานะเจ้าเมืองชั่ว แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่สามารถกลับมายังดินแดนได้ชั่วขณะหนึ่ง
“ฉันจะเข้าร่วมพิธีอย่างแน่นอน ฉันจะเอา ‘ขนมสีเหลือง’ ไปด้วย”
“พ่อค้าเอจิโกยะเป็นที่มาของความชั่วร้ายอย่างแท้จริง!”
ผมล่ะชอบสินบนจริงๆ
◇ ◇ ◇
โรงงานอาวุธที่เจ็ดเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่บนดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรในอดีต
แต่ดาวเคราะห์ดวงนี้แหล่งทรัพยากรได้ถูกขุดออกไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงปรับปรุงมันเพื่อให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกแทน
พวกเขาผลิตอาวุธ แต่พวกเขาก็ทำงานด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
งานวิจัยที่พวกเขาทำ เกี่ยวกับอาวุธของมหาอำนาจต่างแดนเป็นหนึ่งในนั้น
ไนอัสซึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี รู้สึกประทับใจกับจำนวนเรือรบโจรสลัดที่ครอบครัวเบนฟิลด์ส่งมาให้
“ถ้าฉันไม่รู้ว่านี่คือยานรบของพวกโจรสลัดฉันไม่คิดว่ามันเป็นยานรบด้วยซ้ำ การตกแต่งยานดูไร้รสนิยมจริงๆ”
คนงานกำลังตรวจสอบยานที่นำเข้ามา และดูเหมือนพวกเขาจะมีความคิดเห็นแบบเดียวกัน
“พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้ตกแต่งพวกมันให้ฉูดฉาดขนาดนี้? แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เราถือว่าได้รับวัสดุจำนวนมากมาแทน”
ไนอัสถอนหายใจ
“แต่เนื่องจากฉันไปซื้อสิ่งเหล่านี้โดยไม่ได้คำนวนให้ดี งบประมาณของเราติดขัดอีกแล้ว เมื่อไหร่จะคำสั่งซื้อใหญ่ๆเข้ามาอีกนะ”
ไนอัสที่อยากให้เลียมซื้อยานรบเพิ่ม กำลังสงสัยว่าเขาอยากได้แบบไหน อาจจะต้องใส่ชุดที่ดูฉูดฉาดหน่อยล่ะมั้ง?
ลูกน้องของเธอเริ่มหัวเราะ
“คุณคิดอะไรอยู่ ใช่สีชุดชั้นในรึเปล่า?”
“เฮ้ หัวเราะทำไม? ทำไมพวกคุณถึงหัวเราะเยาะฉัน!”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่… เพราะแบบนั้นคุณถึงได้ลูกค้าที่ดีเข้ามา”
โรงงานอาวุธที่เจ็ดมีงบประมาณค่อนข้างน้อย เมื่อพิจารณาจากการสูญเสียอย่างต่อเนื่องในการเสนอราคาให้กองทัพจักรวรรดิ
อย่างไรก็ตาม พวกเขามีเหตุผลที่พวกเขาซื้ออาวุธและวัสดุทั้งหมดจากเลียม
“ครั้งต่อไปเราจะไม่แพ้ หากเราสามารถพัฒนาเรือประจัญบานให้ก้าวไปอีกขั้น เราจะมีโอกาสกลับมายิ่งใหญ่”
“ฉันแค่พยายามต่อไปเรื่อยๆ”
ไนอัสมุ่งมั่นในการทำงาน ขณะที่ลูกน้องมองดูเธอด้วยสายตาที่อบอุ่น
◇ ◇ ◇
ประมาณหนึ่งปีต่อมาในที่สุดผมก็มาถึงเมืองหลวงของจักรพรรดิเพื่อร่วมพิธีมอบรางวัล
ได้ยินมาว่าเมืองหลวงเป็นสถานที่ที่น่าทึ่ง และนั่นคือความจริง
ก่อนอื่น ให้นึกภาพบางสิ่งที่ห่อหุ้มโลกทั้งใบ
ลองนึกภาพว่า ‘บางอย่าง’ ที่ห่อหุ้มโลกนั้นเป็นโลหะทรงกลมขนาดยักษ์
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ไว้ใช้ควบคุมโลกทั้งใบ
มันควบคุมสภาพอากาศในขณะที่เป็นกำแพงที่ทรงพลังในการป้องกัน
เมื่อผมเห็นมันครั้งแรก ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าคนที่คิดมันคนแรกนี่ค่อนข้างบ้าใช้ได้
จากท่าจอดยาน เราลงลิฟต์วงโคจรไปที่ระดับพื้นดิน และเมื่อเราไปถึงพื้นในที่สุด เราได้รับการต้อนรับด้วยป่าคอนกรีต – ไม่ใช่สิ เมืองหลวงของจักรวรรดิไม่ได้สร้างด้วยคอนกรีต มันเป็นอาคารสีเทาที่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งไม่ได้สร้างจากซีเมนต์
มันเหมือนกับดาวเคราะห์จักรกล
แต่ถึงยังไง มันก็มีตึกระฟ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งก็ดูเข้าทีสำหรับดาวเคราะห์ที่มีประชากรทั้งหมด หลายแสนล้านคน
เรื่องที่มันน่าทึ่งเป็นเรื่องจริง
แต่ถ้ามีคนมาถามผมว่าอยากอยู่ที่นี่ไหม ผมขอปฏิเสธอย่างแรง
ในวันทำพิธี
ชายหญิงสองคู่เดินเข้ามาหาผม
ทั้งสี่ดูเหมือนคู่รักชายหญิงสองคู่ อายุราวยี่สิบ
ผมยุ่งอยู่กับการตรวจสอบเสื้อผ้าที่ใส่ในห้องแต่งตัว ดังนั้นผมค่อนข้างจะระวังผู้คนที่เข้ามาอย่างกระทันหัน
ผู้ชายคนหนึ่งยิ้มให้ผม
“ไม่เจอกันนานนะเลียม”
“…คุณคือใคร?”
หลังจากที่ผมพูดออกไป ห้องรับรองก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ
ชายคนนั้นพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่เบี้ยวขึ้นเล็กน้อย
“โอ้ ฉันคิดว่ามันสมเหตุสมผล ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว หรือว่าฉันดูแก่ขึ้นรึเปล่า?”
“ไม่…คุณเป็นใคร?”
ผมสงสัยว่านี่เป็นหนึ่งในญาติที่จะปรากฎตัวเมื่อผู้คนมีชื่อเสียง ผมเคยได้ยินเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตก่อนของผม
แต่ในชีวิตที่แล้วผมอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีญาติสนิท
เมื่อคุณตกอับ พวกเขาจะหลีกเลี่ยงคุณเหมือนโรคระบาด หากแต่คุณมีชีวิตที่ดี พวกเขาก็จะรวมตัวกันเหมือนแมลงเม่าเข้ากองไฟ
คนพวกนี้ก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเคยเห็นพวกเขาที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่ผมไม่สามารถจำมันได้
พวกเขาทั้งสี่มีสีหน้าที่ซับซ้อนในขณะที่ผมเอียงคอด้วยความสงสัย
ผมหันไปหาอามากิ
“อามากิ รู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร”
“นายท่าน ที่อยู่ตรงหน้าคือพ่อแม่ของคุณ และข้างหลังพวกเขาคือปู่ย่าตายายของคุณ”
-พ่อแม่ของผม? ผมลืมไปเลยว่ามีพวกเขา
พวกเขาเป็นคนที่น่าสงสารที่ถูกริดรอนจากทั้งสถานะและอาณาเขตของพวก- …ไม่ เดี๋ยวก่อน คนพวกนี้… เป็นคนผลักภาระหนี้สินให้ผมไม่ใช่เรอะ?
ผมรู้สึกได้ว่าความโกรธของผมลุกโชนขึ้น
พ่อของผม– คลิฟ ไอแห้งๆแก้เขิน
“ดูเหมือนว่าในที่สุดคุณจะจำได้ แม้จะไม่ได้เจอหน้ากันมากว่าสี่สิบปี แต่คุณก็จำหน้าเราไม่ได้ ฉันตกใจเล็กน้อยในฐานะพ่อ”
ไม่… มันเป็นเพราะผมจำไม่ได้ว่าคุณทำอะไรเหมือนพ่อคนบ้าง
แม่ของผม– ดาร์ซีเริ่มหัวเราะ
“โอ้ เลียม หยุดล้อเล่นได้แล้ว คุณยังใช้แอนดรอย์ที่ฉันซื้อให้คุณเมื่อหลายปีก่อนอยู่อีกเหรอ? คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณไม่ควรนำ’เจ้าพวกนี้’ เข้าไปในวัง”
…เธอพูดอะไรน่ะ?
ชายและหญิงที่เห็นได้ชัดว่าเป็นปู่ย่าตายายของผมก็เห็นด้วยกับเธอ
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน แต่มันทำให้ฉันเสียใจที่เห็นหลานของฉันนำแอนดรอย์ไปที่วัง คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นคุณควรทิ้งมันไปซะ”
“ใช่ ไม่งั้นคุณจะนำความอับอายมาสู่บ้านเบนฟิลด์”
ปู่ย่าตายายที่ผมเพิ่งพบครั้งแรกดูเหมือนคนอายุยี่สิบ เลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก
แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติในจักรวาลนี้
ในขณะที่เทคโนโลยีต่อต้านวัยก้าวหน้า ผู้คนจำนวนมากสามารถรักษารูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ไว้ได้แม้หลังจากที่พวกเขาแก่ตัวลง
อามากิก้มศีรษะลงและพยายามจะจากไป
“ดิฉันจะแยกตัวไปอยู่อีกห้องหนึ่ง”
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา อยู่ข้างๆผม… เอาล่ะตอนนี้คุณต้องการอะไรจากผม”
พ่อแม่และปู่ย่าตายายของผมเริ่มบอกสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่สนใจท่าทีของผม
“เราได้ยินมาว่าคุณจะได้รับรางวัลมากมายในไม่ช้า และคุณสามารถแบ่งพวกมันได้ไหม? คุณน่าจะรู้ว่าเราก็มีหนี้อยู่นิดหน่อยเหมือนกัน…”
“ชีวิตในเมืองหลวงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หากคุณสามารถจ่ายได้ เราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากคุณสามารถเพิ่มจำนวนเงินที่คุณส่งให้เราทุกปี”
การใช้ชีวิตในเมืองหลวงนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นพวกเขาต้องการให้ผมส่งเงินไปให้พวกเขามากขึ้น
รู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ขอให้พ่อแม่เพิ่มเงินค่าขนม
แต่ว่าตำแหน่งมันกลับกัน
“ฉันได้ซื้อของจากพ่อค้าจำนวนมาก ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะจ่ายเงินให้ด้วย”
“ยายมีความสุขมากที่มีหลานดีๆแบบคุณ”
ปู่กับย่าของผมพูดเสริมด้วยความเห็นแก่ตัว
เมื่อผมคิดถึงสาเหตุที่ทำให้ดินแดนที่ผมดูแลเสื่อมโทรม ผมก็รู้สึกไม่พอใจพวกเขามากขึ้น
มันเป็นเงินของผม
มันเป็นอาณาเขตของผม
มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณซักอย่าง!
“อามากิ เมื่อเรากลับบ้าน เราจะตัดพวกเขาทิ้ง”
“แต่ท่านเลียม นี่คือครอบครัวของคุณ!”
“ผมไม่สนใจ”
คนที่ผมคิดว่าเป็นพ่อแม่ของผม คือพ่อและแม่ในชีวิตที่แล้วเท่านั้น
ผมไม่รู้จักคนเหล่านี้
พวกเขาผิดเองที่พยายามกระตุ้นความรู้สึกของผมเกี่ยวกับ ‘ความรักครอบครัว’
-สำหรับที่นี่ผมเป็นคนชั่ว
ต่อหน้าสาวใช้ในวัง ผมได้ประณามครอบครัวของตนเองอย่างเปิดเผย
ในห้องถูกล้อมด้วยอากาศที่น่าอึดอัดอีกครั้ง ผมหันไปหาอามากิ
“หนี้ของพวกเขา ผมต้องจ่ายให้รึเปล่า?”
“ดิฉันคิดว่าไม่จำเป็น แต่คุณอาจได้รับการมาเยี่ยมจากพ่อค้าหรือคนทวงหนี้ นายท่าน”
“…นี่แม่งโคตรน่ารำคาญ”
คนรอบข้างผมอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น
เห็นแบบนั้นอามากิก็ยื่นข้อเสนอ
“เราจะต้องชำระหนี้ทั้งหมดในปัจจุบัน และทำลายการเชื่อมต่อทั้งหมดโดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกันในอนาคต มิฉะนั้นชื่อของนายท่านจะเสียหาย”
ผมต้องการลบการเชื่อมต่อนี้โดยเร็วที่สุด แต่ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
“เตรียมเอกสารมา ผมจะจ่ายมันให้หมด”
◇ ◇ ◇
นอกสถานที่พิธี.
มีชายคนหนึ่งเดินด้วยท่าทีอ่อนล้าเอามือข้างหนึ่งพิงกำแพง
คนคนนั้นคือไกด์
“ทั้งหมดนี้เป็น ความผิด ของเขา … ทั้งหมดเป็นเพราะเลียม”
เสียงของเขาอ่อนแรง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความแค้นออกมาจากปากของเขา
จากเหตุการณ์โกอาส ไกด์ได้ใช้พลังส่วนใหญ่ของเขาไป ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่การหลบหนีไปยังมิติอื่น
ตอนนี้เขากำลังทุกข์ทรมานจากความกตัญญูของเลียม ซึ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
“เขาเอาชนะโกอาสได้อย่างไร? เขาไม่น่าจะตัดผ่านร่างของโกอาสได้ ทำไมเขาถึงได้เจอดาบเล่มนั้น”
เดิมที เลียมไม่น่าจะได้มันมา
ไกด์เป็นแบบนี้ไม่ใช่แค่เขาใช้พลังมากเกินไป แต่ยังเป็นเพราะความกตัญญูของเลียมนั้นบีบรัดเขาจนแทบจะทนไม่ไหว
“ฉันจะไม่ยกโทษให้เขา ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขา”
ด้วยฟันที่กัดแน่น ไกด์จึงมุ่งหน้าไปยังห้องที่พ่อแม่และปู่ย่าตายายของเลียมอยู่
ไกด์เดินกะโผลกกะเผลกไปทั่ววัง แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
เมื่อเขามาถึงห้องในที่สุด เขาพบว่ามีคนสี่คนทำหน้าบึ้งใส่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์
“ทั้งหมดเป็นเพราะคุณเลี้ยงเขามาไม่ดี!”
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ! มันความผิดของฉันซะที่ไหน!”
เอกสารที่เลียมให้อามากิร่างขึ้นมานั้น ระบุว่าพวกเขาจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเลียมอีกต่อไป หลังจากชำระหนี้ก้อนปัจจุบันจนหมด
ทั้งพ่อแม่และปู่ย่าตายายของเลียมต่างก็คิดเพียงว่าจะรีดไข่ทองคำจากเลียมอย่างไร
พูดให้ชัดเลยก็คือคนเหล่านี้ล้วนเป็นขยะ
ต่อหน้าทั้งสี่คน ไกด์เริ่มยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวด
“…ฉันสามารถใช้สี่คนนี้ได้ ตั้งแต่สมัยโบราณการแย่งชิงอำนาจกันภายในครอบครัวในสังคมเป็นเรื่องปกติ…ไอ้คุณเลียม ครอบครัวของคุณจะกีดกันคุณทุกอย่าง ครอบครัวของคุณจะเป็นความหายนะของคุณ”
ควันดำเล็ดลอดออกมาจากไกด์และห่อหุ้มทั้งสี่
ไกด์ที่ตอนนี้ไม่สามารถแม้แต่ตรวจสอบสถานการณ์ของเลียม เขาจึงมีทางเลือกไม่มากนัก
ตอนนี้เขาอ่อนแอมากขนาดนั้น
ปู่ของเลียมก็สดใสขึ้นทันใด
“แล้วยังไงล่ะ เราก็เพียงยื่นเรื่องขอสถานะลอร์ดคืน แล้วทุกสิ่งที่เลียมสร้างขึ้นจะเป็นของฉัน”
คุณยายปรบมือด้วยความยินดี
“นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม ฉันจะขอความช่วยเหลือจากคนที่ฉันรู้จักในวังเพื่อที่เราจะได้ดำเนินการได้ในทันที”
คลิฟก็ยิ้ม
“งั้นเราก็เตรียมทายาทใหม่กันดีกว่า ตอนนี้เลียมไร้ประโยชน์สำหรับเราแล้ว”
ดาร์ซีมีสีแสดงท่าทางที่ดูจะบอกว่าช่วยไม่ได้
“อืม ถ้ามันจะทำให้เราได้เงินและพื้นที่มากขึ้น ฉันจะให้ความร่วมมือ แล้วเราจะทำอย่างไรกับเลียม?”
คลิฟยิ้มเหี้ยม
“เมื่อเรามีเงินแล้ว เราจะเริ่มจ้างนักฆ่าและอื่นๆ แต่เราไม่ควรทำทันทีหลังพิธี ปล่อยไปสักพักก่อน พอเรายึดตำแหน่งคืนได้ก็ค่อยจัดการ”
เมื่อฟังการสนทนาของทั้งสี่ ไกด์ก็พอใจ
แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปจากห้อง
ที่มุมห้อง มีแสงไฟดวงเล็กๆดวงหนึ่งอยู่ตรงนั้น
◇ ◇ ◇
อามากิยืนอยู่ในห้องแยกต่างหากขณะที่เลียมเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล
จักรวรรดิเป็นประเทศที่อคติต่อหุ่นยนต์
อามากิเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเข้าร่วมพิธีและรออยู่ในห้องแยกอีกห้องหนึ่ง
ตอนนั้นเองที่เธอเห็นอะไรแปลกๆ
“อะไรน่ะ?”
มีแสงดวงเล็กๆ ลอยอยู่หน้าประตู
แสงหายไปทางประตูขณะที่อามากิเดินเข้าไปหา
เมื่อสแกนภายในห้อง เธอสามารถตรวจพบปฏิกิริยาทางชีววิทยาสี่จุด
เป็นพ่อแม่และปู่ย่าตายายของเลียม
เธอแตะประตูและฟังการสนทนาของพวกเขา
“เราควรเอาอะไรเป็นเหตุผลในการยึดตำแหน่งเขา?”
“มันไม่สำคัญหรอก การมีหุ่นยนต์อยู่เคียงข้างเขานั้นไม่เหมาะสำหรับขุนนางของจักรวรรดิ ทันทีที่เบื้องบนได้ยินเรื่องนี้ พระราชวังคงดำเนินการทันที”
“ส่วนเรื่องการลอบสังหาร ก็ได้เตรียม-”
“ช่วงเวลาต้องพอดี ซึ่งน่าจะเป็น-”
อามากิที่ฟังการสนทนาของทั้งสี่คนก็ออกจากบริเวณพระราชวังทันที
ในความคิดของเธอ
(มันคงจะดีที่สุดถ้าฉันจากนายท่านไป)
ชื่อเสียงของเลียมจะเสียหาย เพราะเธออยู่เคียงข้างเขา
นั่นคือสิ่งที่อามากิคิด…เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง
◇ ◇ ◇
สถานที่จัดพิธีอยู่ด้านนอกอาคาร
แสงแดดสดใส ท้องฟ้าสีคราม อากาศอันอบอุ่น
ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดเป็นของเทียม
และภายใต้สภาพอากาศและอุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบนี้ ผมกำลังคุกเข่าต่อหน้าจักรพรรดิ
จักรพรรดิยืนอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล และผมก็ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
โชคดีที่ทุกสิ่งที่จักรพรรดิพูดนั้นถ่ายทอดผ่านสเตอริโอขนาดใหญ่ที่ฉายอยู่กลางท้องฟ้า
เป็นพิธีที่ยาวนานมาก พวกเขาถามผมถึงหลายสิ่ง และหลังจากตอบทุกข้อแล้ว ผมก็ได้รับเหรียญตรา โดยมีขุนนางจำนวนมากอยู่ในบริเวณโดยรอบ
มากแบบมากจนนับไม่ถ้วน!
ผมอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามีมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
พิธีก็ดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึม ในที่สุดก็จบลงด้วยการกล่าวขอบคุณ
สิ่งที่ผมรอหลังจบพิธีคืองานปาตี้หลังจากนี้
จากที่ได้ยินมา ดูเหมือนจะมีงานเลี้ยงใหญ่ๆจัดขึ้นแทบทุกวัน
…ในฐานะจอมวายร้าย หน้าที่ของผมคือต้องเล่นสนุกไปรอบๆใช่ไหมล่ะ? ผมเลยคิดว่าจะมีส่วนร่วมให้มากที่สุด
ตราบใดที่พวกเขาเชิญผมเป็นแขก ผมก็ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าเข้าร่วมงาน
ผมใช้เวลาทั้งวันวุ่นวายอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่ว่าอามากิจะดูเหมือนยุ่งอยู่กับบางสิ่งอยู่เสมอ และไม่สามารถมาด้วยกันกับผมได้
เธอไม่ได้บอกว่าเธอกำลังทำอะไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถาม เธอก็จะตอบไปว่า “อย่าได้กังวลไป ได้โปรดล่วงหน้าไปก่อนและขอให้ท่านสนุก”
ตราบใดที่เธอบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างก็ควรจะโอเค พอคิดอย่างนั้น วันนี้ผมก็ไปงานเลี้ยงอีกงานหนึ่ง