(WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg - ตอนที่ 6
Tobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita
ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg
Chapter : 6 ฉันไม่ได้…ชะ ชอบหมอนี่ซะหน่อย!
.
.
.
ฉัน โคกะ คุรุมิ มาจากครอบครัวธรรมดาทั่วไป
ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นเพียงครอบครัวธรรมดาสามัญ พ่อแม่รักใคร่กลมเกลียวกันดี และพวกเขาก็รักฉันเช่นกัน——จนกระทั่งถึงมัธยมต้นปีสาม
ในฤดูใบไม้ผลิของมัธยมต้นปีสาม ฉันได้รับนามบัตรและถูกทาบทามไปเป็นนางแบบนิตยสาร หลังจากปรึกษากับพ่อแม่แล้ว ฉันจึงคว้าโอกาสนั้นมา เมื่อฉันเริ่มต้นทำงาน ชีวิตของฉันดำเนินไปอย่างราบรื่น เรียกว่าเป็นไปได้ด้วยดีเกินไปด้วยซ้ำ
ฉันรู้ดีว่าตัวเองมีรูปลักษณ์สวยงามเหมาะสำหรับการเป็นนางแบบ ฉันสามารถจบงานถ่ายได้โดยใช้เวลาไม่นานและมีรูปเสียน้อยมาก บางทีอาจเป็นเพราะฉันมีพรสวรรค์
นั่นจึงทำให้งานหลั่งไหลเข้ามาไม่สิ้นสุด ความนิยมพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างราบรื่นจนฉันรู้สึกกลัว ดังนั้นจึงคิดอยากจะพัก แต่เมื่อได้เห็นพ่อและแม่——โดยเฉพาะแม่มีความสุข ฉันก็พูดอะไรไม่ออก
ในที่สุดก็ได้เข้าสู่มัธยมปลาย แต่เนื่องจากตารางงาน จึงทำให้ฉันสามารถเข้าเรียนได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ทำให้ฉันแปลกแยกในห้องเรียน ได้แต่เพียงอ่านหนังสือในห้องเรียนอย่างโดดเดี่ยว เป็นผลให้ฉันทุ่มเทตัวเองไปกับการทำงานราวกับพยายามวิ่งหนี กระทั่งประสบผลสำเร็จในที่สุด เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายภาคเรียนที่สองของปีหนึ่ง หนทางในการเป็นนักแสดงก็ได้ปรากฎขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง ฉันก็ได้ตระหนักถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
โรงเรียนเริ่มแปลกไป และแม่ของฉันก็หมกมุ่นกับการผลักดันฉัน โดยบอกว่าเหตุผลในการมีชีวิตของฉันก็คือการทำงานและประสบผลสำเร็จ
และจุดแตกหักก็คือการแยกทางของพ่อ
พ่อเป็นคนจริงใจและมีความสามารถ ดังนั้นจึงเข้าใจ ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ครอบครัวจะพังทลายลงในไม่ช้า เขาบอกให้ฉันออกจากบ้านด้วยเช่นกัน และบอกว่าเราสามคนควรออกห่างกันสักระยะ
แม่ของฉันคัดค้าน แต่ฉันออกจากบ้านโดยทิ้งข้อความไว้ว่า “เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันเห็นด้วยกับความคิดของพ่อ ดังนั้นจึงออกจากบ้านพร้อมหยุดงานไปพร้อมๆกัน แม้ว่าจะรู้สึกผิดกับแม่ก็ตาม
แต่ชีวิตที่ฉันเริ่มอยู่คนเดียว กลับนำพามาซึ่งความเหงาเปลี่ยวมากขึ้นเท่านั้น งานที่ฉันทุ่มเทให้กลับหายไป ไม่มีที่อยู่สำหรับฉันที่โรงเรียน ตรงกันข้ามฉันกลับถูกรังแกด้วยซ้ำ ทำไมกันล่ะ ไม่เข้าใจเลย
ไม่มีใครให้ปรึกษาพูดคุย หากฉันไม่พกโทรศัพท์สำหรับทำงาน โทรศัพท์ส่วนตัวก็ไม่แม้แต่จะมีเสียงแจ้งเตือน เมื่อคิดว่านี่คือสังคมเพื่อนของตัวเองแล้ว ฉันก็ไม่สามารถแม้แต่จะร้องไห้ออกมาได้
***
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ฉันพบว่ากำลังเอนตัวพิงใครบางคนที่กำลังหลับใหลอยู่ ฉันรู้สึกสงสัยว่าเสียงลมหายใจขณะหลับที่อยู่ด้านข้างนี้เป็นของใคร คนที่สามารถปล่อยให้ฉันหลับข้างๆได้แบบนี้มีแต่พ่อแม่ของฉัน แต่เสียงนี้ต่างออกไป ฉันยกร่างขึ้นขณะขยี้ตาที่ง่วงนอน พลางยืดตัวตรวจดู——ขณะนั้นเองฉันก็รู้สึกตัวว่าถูกคลุมด้วยผ้าห่มอยู่
มั่นใจได้ว่าเก้าในสิบ คนที่เอาผ้าห่มมาคลุมให้ฉันก็คือเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ ฉันคลุมผ้าห่มไว้บนตักของเขาและลุกขึ้นยืน ด้านหน้ามีกระป๋องเหล้ากระจัดกระจายเกลื่อนอยู่ กี่กระป๋องกันล่ะเนี่ย? คอของฉันรู้สึกแห้งผากราวกับกำลังจะตาย
“น้ำ น้ำ…แล้วทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ได้กันนะ…”
ฉันเทน้ำลงแก้วในครัวและดื่มให้หมดในคราวเดียว
จากนั้น ความทรงจำที่ถูกปลกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบก็หวนกลับมาแม้จะเลือนลาง ฉันถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนและร้องไห้พึ่งพาเขา เขามักจะทำตัวเหมือนคนบ้างี่เง่า แต่เขาก็อยู่เคียงข้างฉันเสมอ
เขาเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวที่จับมือฉันขณะจมดิ่งอยู่ในความวิตกกังวล
ฉันมองดูเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟาด้วยอาการมึนงง ไม่รู้ว่าทำไม ใบหน้าของฉันรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ฉันพาเขากลับมาที่บ้าน อาบน้ำ ดื่ม ดื่ม ดื่ม และดื่มอย่างหนักเพื่อคลายความเครียดที่ถูกสะสมเอาไว้
ก่อนที่จะรู้ตัว ฉันก็เอานิ้วทาบริมฝีปากตัวเอง
จริงสิ เราจูบไปแล้ว
“…หา!? ทะ ทำไมล่ะทำไม!? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!?”
ฉันสับสนจนแทบจะกรีดร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ ท-ทำไมถึงจูบลงไปล่ะ!? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย! ก-ก็หมอนั่นน่ะทั้งบ้าวิตถารด้วยสิ โรคจิตด้วยสิ จู่ๆก็บอกว่า “มามีเซ็กส์กันเถอะ!” ด้วยสิ มาบอกรักฉันด้วยสิ บอกว่าชอบฉันด้วยสิ มาอยู่ข้างฉันไม่ว่าจะพูดยังไงด้วยสิ คอยอยู่เคียงข้างตอนที่ฉันรู้สึกกังวลด้วยสิ คำนึงถึงฉันเสมอด้วยสิ แล้วก็ทั้งเท่อีกด้วยสิ…เดี๋ยวสิ!?
“ไม่แล้ว ไม่!? มะ ไม่ใช่ความจริงสักหน่อย!”
ฉันกุมศีรษะด้วยมือและหมอบคู้ลง
ไม่จริงหรอกน่า เรื่องพรรค์นั้น ก็หมอนั่นน่ะ ทั้งบ้า ทั้งอ่านบรรยากาศไม่ออกด้วยสิ ชอบเอาแต่พูดเรื่องอนาคตด้วยสิ ถามว่าอยากได้ลูกกี่คนด้วยสิ เผชิญหน้ากับพวกเกเรด้วยสิ ช่วยทำลายบรรยากาศที่กดดันฉันด้วยสิ โกรธมากเพื่อฉันด้วยสิ และยังจับมือฉันอย่างอ่อนโยนด้วยสิ…
“กรอด! มะ ไม่ใช่แบบนั้นสิ…!”
——อ-อันตราย! ยิ่งคิดเรื่องนี้จิตใจฉันเริ่มแย่! อย่าไปนึกถึงมันเชียวนะ!
ฉันกระดกน้ำที่เหลือเข้าปากแล้วกลืนลงไปทันที หลังจากปรับอารมณ์แล้วฉันก็ไปหาเขาที่โซฟา ขณะที่มองไปนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า คงจะไม่มีรถไฟเที่ยวสุดท้ายเหลือแล้ว จึงไม่มีทางเลือกนอกจากให้เขาค้างที่นี่
“เฮ้อ ยุ่งยาก อืม น่ารำคาญ…! ยะ ยุ่งยากจังเลยน้า!”
ฉันก่นด่าหัวใจที่กำลังเต้นระรัว ยุ่งยากจังเลยน้า ต้องให้คนบ้าวิตถารค้างเนี่ย! แถมยังมีกลิ่นแอลกอฮอร์หึ่งอีก! ยังไงก็ให้เขาไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เรื่องติดต่อที่บ้าน——ค่อยหลังจากนั้นแล้วกัน คงเป็นเรื่องประหลาดน่าดูถ้าให้ฉันติดต่อไป
“นี่ ตื่นได้แล้ว”
“…อืม งืมงำงืมงำ…”
“………ฮะ!? ทำไมฉันถึงต้องเอาสมาร์ทโฟนออกมาด้วยล่ะเนี่ย!?”
ฉันนำกลับเข้าไปขณะอยู่ในโหมดกล้อง และเขย่าไหล่ของเขา ครู่หนึ่งเปลือกตาของเขาก็ขยับ และมองมาที่ฉันด้วยสายตามึนงง——จากนั้น
“อ๊ะ คุรุมิซัง! อรุณสวัสดิ์! มาทำกันต่อเถอะ!”
เขายืนขึ้นกอดและจูบฉัน
หัวใจของฉันเต้นเป็นจังหวะรุนแรง ความคิดถูกเคลือบด้วยสีขาวบริสุทธิ์ ความรู้สึกสบายและอบอุ่นราวกับได้แช่น้ำอุ่นๆเข้าปกคลุมร่างกาย หัวของฉันเดือดปุด
—————
ซึนแตกละหนึ่ง( ͡° ͜ʖ ͡°)
ปล.ผมอาจจะไม่ค่อยได้อัพบนเว็บเท่าไหร่ อาจจะลงดองในเพจก่อนแล้วลงทีเดียวแบบครั้งนี้ ถ้าถามว่าทำไม ก็เพราะขี้เกี้ยจลงหลายที่ครับ
คนเหงาและง่วง | Facebook
—————
แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ