(WN) หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 40 การคืนดี
เมื่อใช้ชีวิตร่วมกับนากิและภรรยาไปเรื่อย ๆ ฉันก็เริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง
ฉันเริ่มรู้สึกถึงความรักที่มีต่อนากิ
เวลาที่นากิได้รางวัลจากการเต้นรำญี่ปุ่น ฉันดีใจราวกับว่าเป็นความสำเร็จของตัวเอง เวลาที่นากิบอกว่าชักเริ่มสนุกกับพิธีชงชาและการจัดดอกไม้ที่ตอนแรกไม่ค่อยชอบ ฉันก็รู้สึกยินดีอย่างมาก
และแล้วฉันก็คิดขึ้นมา
ฉันอยากให้นากิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
อยากให้เธอได้ทำในสิ่งที่รักและสนุกกับชีวิต ไม่อยากผลักดันความฝันและงานของฉันไปให้เธอ
ฉันไม่อยากผูกมัดชีวิตของเธอ โชคดีที่ครอบครัวเรามีเงินมากพอที่จะสนับสนุนสิ่งที่เธอต้องการทำได้ทุกอย่าง
แต่เมื่อฉันรู้สึกแบบนั้น มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
รอยยิ้มของนากิค่อย ๆ หายไปจากใบหน้า ทั้งหมดเพราะสิ่งที่ฉันเคยพูดกับเธอ
ฉันปรึกษากับภรรยา และถึงแม้จะถูกตำหนิหนัก แต่เราก็พยายามหาวิธีที่จะทำให้นากิกลับมาเป็นเหมือนเดิม
――แต่มันก็ไม่สำเร็จ
คำพูดที่พ่อแม่พูดกับลูกในวัยเด็กมักจะฝังลึกอยู่ในความทรงจำ โดยเฉพาะฉันที่เคยพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับนากิ
“นากิ ลูกมีสิ่งอื่นที่อยากทำบ้างไหม?”
“ตอนนี้หนูสนุกกับการเรียนพิเศษค่ะ ก็เลยไม่มีค่ะ”
แม้จะยังเด็ก แต่นากิก็เริ่มแสดงออกอย่างไม่สมกับวัย และระยะห่างระหว่างเราก็เริ่มมากขึ้น
ฉันที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จึงขอร้องภรรยาให้บอกกับนากิว่าเธอสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
――แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง
“แต่ถ้าเป็นแบบนั้น หนูก็จะไม่สามารถเป็นเหมือนคุณพ่อได้ค่ะ”
สำหรับนากิแล้ว ฉันกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเธอมากเกินไป
ถึงแม้ฉันพยายามโน้มน้าวอย่างหนัก แต่นากิก็กลายเป็นคนที่มีนิสัยซ่อนความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว
และเมื่อรู้ตัวอีกที เธอก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
ฉันคิดว่า…เราคงไม่ใช่คำตอบที่ดีสำหรับเธอ
เมื่อนากิขึ้นประถมต้น เธอก็เป็นเหมือนที่เห็นในตอนนี้
――ไม่รู้ใครเป็นคนตั้ง แต่ตอนนั้นเธอเริ่มถูกเรียกว่า “เจ้าหญิงน้ำแข็ง”
แม้จะให้เธอเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนที่มีเด็กนักเรียนที่มาจากครอบครัวดี ๆ ฉันกลับเริ่มเห็นสัญญาณที่ไม่ดี
เธอเริ่มแยกตัวออกจากคนอื่น และอยู่ตัวคนเดียว
ฉันกับภรรยาเลยปรึกษากันว่า ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปโรงเรียนธรรมดา อาจจะมีคนที่ทำให้เธอสนุกกับชีวิตมากขึ้น
นากิยอมรับข้อเสนอนี้โดยง่าย และเธอก็ย้ายโรงเรียน
――แต่สุดท้าย ฉันก็กลายเป็นตัวถ่วงของเธออีกครั้ง
“พ่อของเธอเป็นคนใหญ่คนโต ถ้าทำอะไรพลาด พ่อแม่อาจจะต้องตกงาน”
ข่าวลือแบบนั้นแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าฉันไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนั้น
แต่ทุกอย่างกลับล้มเหลว… ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด
เมื่อเวลาผ่านไป ฉันเริ่มไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวยังไงกับลูกสาวที่ฉันทำลายชีวิตของเธอเอง การสนทนาในครอบครัวก็เริ่มลดน้อยลง
――ทั้งหมดนี้…เป็นเพราะฉัน
◆◇◆
“เด็กเล็ก ๆ เรียนรู้สามัญสำนึกจากพ่อแม่ แม้แต่เรื่องพื้นฐานแบบนี้ ฉันยังไม่ทันได้ตระหนัก… เวลาผ่านไป นากิก็เติบโตขึ้น ฉันเคยได้ยินว่าช่วงวัยรุ่น เด็กมักจะไม่ชอบพ่อของตัวเอง ฉันจึงคิดว่าไม่ควรพูดคุยกับเธอ――แต่ความจริงแล้ว ฉันแค่หนีปัญหาเท่านั้น”
ใบหน้าของโซอิจิโร่ในตอนนี้ เต็มไปด้วยความทุกข์
“ฉันคิดว่าเดี๋ยวมันคงดีขึ้นเอง คิดว่าปัญหานี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบแก้ ฉันเลยหลบหนีไปพึ่งพางาน ปล่อยให้นากิเป็นหน้าที่ของคนในบ้านดูแล”
――จากนั้น นากิก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่อีกหลายปี
โซอิจิโร่จ้องมองมาที่ผม
“พักนี้นากิมีโอกาสออกไปข้างนอกมากขึ้น ฉันมองว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้พูดคุยกับเธออย่างจริงจัง ฉันคิดไปเองว่าถ้ามีคู่หมั้นที่เหมือนเพื่อนสนิท นากิคงจะสนุกกับชีวิตมากขึ้นและมีความสุข――แต่สุดท้าย ฉันก็แค่บังคับความต้องการของตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าลูกกำลังเปลี่ยนแปลง”
เขามองมาที่ผมอย่างแน่วแน่
“ขอโทษนะ มิโนริคุง ฉันทำให้ทั้งลูกสาวและเธอต้องเจ็บปวด”
เรื่องที่ได้ฟังมาทำให้ผมมีความรู้สึกมากมาย แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมควรพูด
“คุณควรขอโทษนากิ ไม่ใช่ผม และขอให้กลับมาคืนดีกันด้วย นี่คือคำขอของผมครับ”
ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“มันยังไม่สายเกินไป นากิยังรักคุณพ่อคุณแม่ของเธอมากที่สุดเสมอมา”
ถ้าสามารถกลับมาใช้เวลาเหมือนเดิมกับพ่อแม่ได้อีกครั้ง นากิก็คงจะมีความสุข
“ขอให้คุณกลับไปคืนดีกันและดูแลเธอเหมือนในอดีตด้วย… ได้โปรดครับ”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบ――”
โซอิจิโร่กำลังจะลุกขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง
“ฉันได้ยินทุกอย่างแล้วค่ะ คุณพ่อ”
ประตูบานเลื่อนที่เชื่อมไปยังห้องข้าง ๆ ถูกเปิดออก
ในชั่วขณะนั้น ฉันถึงกับกลั้นหายใจ
“……”
นากิในชุดกิโมโนยืนอยู่ตรงนั้น
ผิวของเธอดูขาวกว่าปกติ ซึ่งทำให้ความงดงามของผิวและใบหน้าของเธอโดดเด่นขึ้นไปอีก
ผมของเธอถูกรวบไว้ด้านหลังเหมือนตอนที่เธอเต้น และมีปิ่นประดับสีฟ้า
ส่วนชุดกิโมโนที่ประดับด้วยลวดลายดอกลิลลี่ขาวช่วยขับให้ความบริสุทธิ์ของเธอโดดเด่นยิ่งขึ้น
“――ได้ยินแล้วหรือ นากิ จิเอะ”
“ขอโทษค่ะ ฉันกำลังรอจังหวะที่จะเข้าไป”
การสนทนานั้นดึงสติของฉันให้กลับมา
“ไม่เป็นไร… อย่างไรเสีย ฉันก็คิดจะพูดเรื่องนี้กับนากิอยู่แล้ว ถือว่าไม่เสียเวลา”
โซอิจิโร่พูดและมองไปที่ทั้งสองคน
“มาคุยกันเถอะ นากิ จิเอะ นั่งลงสิ”
ทั้งสองพยักหน้าและนั่งลงข้าง ๆ โซอิจิโร่
“อ้อ จริงด้วย ฉันต้องแนะนำมิโนริคุงให้จิเอะรู้จัก”
“ค่ะ แต่จริง ๆ แล้วเมื่อสักครู่ นากิเล่าเรื่องเกี่ยวกับเขาให้ฟังแล้วค่ะ”
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า “จิเอะ” มาตลอดนี้น่าจะเป็นแม่ของนากิ
เธอมีผมดำยาวรวบไว้แบบหางม้า ใบหน้าที่งดงามของเธอดูเป็นผู้หญิงที่สง่างาม
แม้จะดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ถ้าบอกว่าเธออายุปลายยี่สิบ ฉันก็เชื่อสนิท
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อชิโนโนเมะ จิเอะ เป็นแม่ของนากิ… ขอบคุณที่ดูแลลูกสาวของฉันมาตลอด”
“ม…ไม่เป็นไรครับ นากิเองก็ช่วยผมไว้มากเหมือนกัน เอ่อ… ผมชื่อมิโนริ โซตะครับ”
จิเอะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องเกร็งหรอกค่ะ เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องของเราเถอะ”
จิเอะพูดและหันไปมองโซอิจิโร่อย่างจริงจัง
“――นากิ”
“ค่ะ”
โซอิจิโรมองนากิอย่างแน่วแน่
จากนั้นเขาวางมือลงกับพื้นและก้มศีรษะลง
“พ่อขอโทษสำหรับทุกสิ่ง… ขอโทษจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน พ่อทำลายชีวิตของลูกจนพังยับเยิน”
“คุณพ่อ…”
นากิมองโซอิจิโร่ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“คุณพ่อเงยหน้าขึ้นเถอะค่ะ ฉันรักคุณพ่อกับคุณแม่ที่สุดในโลก ต่อให้ท่านจะเคยมองฉันเป็นแค่เครื่องมือ… ฉันก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยค่ะ”
“นากิ”
จิเอะสวมกอดนากิจากด้านหลัง
“ขอโทษนะ ที่ทำให้ลูกไม่สามารถเอ่ยคำขอใด ๆ ได้เลย”
จิเอะมองนากิด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
“ขอโทษที่ไม่ทันสังเกตเห็น แต่ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่… พวกเราคิดถึงลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตแล้ว… ขอเพียงลูกมีความสุขเท่านั้น”
จิเอะกอดนากิแน่นขึ้น ขณะที่โซอิจิโร่มองเธอด้วยสายตาจริงจัง
“ใช่แล้ว เราสนใจเพียงความสุขของลูก ความสุขของลูกคือความสุขของเรา… เพราะฉะนั้น พ่ออยากถามอีกครั้งหนึ่ง”
โซอิจิโร่มองนากิด้วยดวงตาที่ซื่อตรง
“การหมั้นครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกมีความสุขจริง ๆ ใช่ไหม?”
นากิมองตรงไปยังโซอิจิโร่
จากนั้น เธอจึงหันมามองฉัน
ในที่สุด เธอก็มองมาที่ฉัน
เธอหันกลับไปมองโซอิจิโร่อีกครั้ง
“คุณพ่อ การหมั้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ฉันปรารถนาจากใจจริงค่ะ ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้” [TLN:ยัง…ยังมึนอีกนะ]
เธอพูดอย่างหนักแน่น ฉันเผลอก้มหน้าและกำหมัดแน่น
“――แต่”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเธอ
“หากเป็นไปได้ ฉันอยากพูดคุยกับคุณโซตะอีกครั้งค่ะ”
เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของเธอก็ดูเจ็บปวดเหลือเกิน
◆◆◆
โซอิจิโร่และคนอื่นๆ ได้ออกไปที่ห้องอื่นแล้ว ตอนนี้ในห้องนี้เหลือเพียงผมกับนากิแค่สองคน
“มีหลายอย่างที่ฉันอยากพูด แต่มีคำถามหนึ่งที่ฉันอยากถามก่อน”
นากิพูดขึ้นมาอย่างเงียบๆ เธอจ้องมองฉันตรงๆ
“――ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?”
“ทำไมงั้นเหรอ?”
ผมทวนคำถามของเธอ และจ้องมองกลับไป
“เพื่อทำให้นากิมีความสุข”
ถ้าจะพูดสั้นๆ ก็คงมีแค่นี้แหละ
เมื่อได้ยินคำพูดของผม นากิก็เบิกตากว้าง… ก่อนจะก้มหน้าลง
“ฉันเคยทำร้ายโซตะคุง”
“เพื่อทำให้ครอบครัวของเธอมีความสุขไง ไม่ใช่เพราะมีเจตนาร้ายอะไร”
“ฉันทรยศต่อโซตะคุง”
“จริงอยู่ที่ฉันเคยเจ็บปวด แต่มันก็ผ่านไปแล้ว――นากิ”
เมื่อผมเรียกเธอ นากิก็หันมามองผม
“…ยังไงก็เถอะ ฉันคิดว่า… คงมีผู้หญิงที่เหมาะสมกับโซตะคุงมากกว่าฉันแน่ๆ”
“ฉันมีความสุขมากกว่าที่จะอยู่กับนากิ มากกว่าคนอื่นที่ฉันยังไม่เคยพบเจอเสียอีก”
สีหน้าของนากิเริ่มบิดเบี้ยวทีละน้อย
“แต่…แต่ฉัน… อาจจะทรยศโซตะคุงอีกก็ได้”
“ไม่มีทาง เธอไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้นอีกแล้ว ครอบครัวของเธอก็เป็นคนดี ทั้งสองคนก็เข้าใจฉันดีแล้ว ทุกอย่างโอเคแล้ว ที่สำคัญ…”
ผมส่งยิ้มให้กับนากิ
“จากเรื่องที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ฉันที่เจ็บปวด แต่หัวใจของนากิเองก็ต้องบอบช้ำด้วย เธอรู้ซึ้งถึงความรู้สึกผิดและการเกลียดตัวเองที่มาพร้อมกับการทรยศ นั่นแหละทำให้นากิจะไม่มีวันทรยศอีก เพราะนากิเป็นคนอ่อนโยนมาก”
นากิก้มหน้าและพึมพำเบาๆ
“…ฉันมันคนโง่”
จากนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองผม
“ไม่ใช่แค่โซตะคุง… แม้กระทั่งพ่อแม่ ฉันเองก็เหมือนจะทรยศพวกเขาเหมือนกัน”
“มันแค่ความเข้าใจผิด ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้เสมอ”
“แล้วฉันก็ปฏิเสธโซตะคุงไปด้วย”
“มันไม่ใช่ความจริงใจ เธอแค่จำเป็นต้องทำแบบนั้นในตอนนั้น… ฉันมองเห็นได้จากสีหน้าของเธอในวันนั้น”
“ฉันเป็นคนที่ครึ่งๆ กลางๆ ไม่เคยจริงจังกับอะไรเลย อาจทำร้ายโซตะคุงอีกก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้น เราก็มารักษามันด้วยกัน ฉันสัญญาว่าจะไม่ห่างจากเธอ ไม่ว่าเธอจะทำร้ายฉันอีกกี่ครั้ง”
“…ฉันไม่อยากทำร้ายโซตะคุงอีก”
“ฉันรู้ นั่นแหละคือเหตุผลที่เธอจะเปลี่ยนแปลงได้ เธอจะเติบโตได้ เธอทำได้มาแล้ว เช่น ตอนที่สอบภาษาอังกฤษไง ตอนแรกเธอก็ไม่ถนัด แต่สุดท้ายก็ได้คะแนนเต็ม”
สีหน้าของนากิเริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้น
“ฉัน… ฉัน…”
น้ำตาไหลลงมาจากแก้มของเธอ
“ฉันแบบนี้… มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ผมมองตรงเข้าไปในตาของนากิ เพื่อให้เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูด
“ไม่ต้องขออนุญาตจากใคร เพราะฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง”
จากนั้น ผมลุกขึ้นและเดินไปยืนข้างเธอ
นากิร้องไห้อย่างหนัก แต่ก็เงยหน้ามองผม
“นากิ”
“…ค่ะ”
ผมยื่นมือไปตรงหน้านากิ
“ช่วยคบกับฉัน โดยมีการแต่งงานเป็นเป้าหมายได้ไหม?”
นากิจ้องมองฉันทั้งน้ำตา และตอบรับ
“――ค่ะ”
เธอยื่นมือมาจับมือผม
ผมดึงตัวเธอให้ลุกขึ้น และโอบกอดเธอไว้
“…ขอโทษ ขอโทษจริงๆ โซตะคุง ฉันทำให้คุณเจ็บปวดมากมาย”
“…อืม มันไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ฉันมีความสุขมากเลย”
ความอบอุ่นจากร่างกายของนากิแผ่ซ่านไปทั่วตัวผม
“…และ ขอบคุณค่ะ ที่ยังคงรักฉัน”
แม้น้ำตาจะไหล นากิก็ยิ้มให้ผม
“ไม่เป็นไรเลย”
มือเล็กๆ ของนากิ โอบกอดหลังของฉันแน่น
“――ฉันรักคุณมากค่ะ โซตะคุง ฉันรักคุณมากกว่าทุกคน”
“ฉันก็รักเธอ… รักมาก”
นากิถอยออกมาเล็กน้อย และมองผมตรงๆ
ผมค่อยๆ เข้าไปใกล้เธอ…
ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน
“…”
“…”
เรามองหน้ากันเงียบๆ ใบหน้าที่งดงามของเธออยู่ใกล้จนฉันมองเห็นชัดเจน…
ครั้งนี้ เธอเป็นฝ่ายเริ่มจูบฉัน
“…โซตะคุง”
“อะไรเหรอ?”
ดวงตาสีฟ้าลึกดั่งทะเลของนากิ มองมาที่ฉันอย่างอ่อนโยน
“ฉันสัญญาว่าจะทำให้คุณมีความสุข――ฉันจะไม่ทรยศคุณอีกแล้ว”
“…อืม”
ผมพยักหน้าให้กับคำสัญญาของเธอ และจูบเธออีกครั้ง
“เราจะมีความสุขด้วยกัน”
“…ตอนนี้ฉันก็มีความสุขมากอยู่แล้วนะคะ”
“เราจะมีความสุขมากกว่านี้อีก ในอนาคต”
ผมยิ้มให้เธอ และกอดเธอแน่นขึ้น แต่แล้ว…
จู่ๆ ความง่วงก็บังเกิด และฉันก็หลับไป…