(WN) หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 35 ครั้งแรกกับเจ้าหญิงน้ำแข็ง――
- Home
- (WN) หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 35 ครั้งแรกกับเจ้าหญิงน้ำแข็ง――
「…อ่า ตื่นเต้นจัง」
ระหว่างทางไปยังสถานีที่นากิอยู่ ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างต่อเนื่อง
หัวใจมันรู้สึกวุ่นวาย สูดลมหายใจเข้าออกกี่ครั้งก็ไม่มีผลอะไรเลย กลับกลายเป็นเหมือนหายใจถี่เกินไปจนปลายนิ้วเริ่มชาหนึบ
“ในที่สุด วันนี้ก็มาถึงสินะ”
พอรู้ตัวว่าหายใจลึกมากเกินไป ผมก็กลับมาหายใจตามปกติในขณะที่เดินต่อไป
สัปดาห์นี้…มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน
“ฉันทำเรื่องไม่ดีไว้กับนากิซะแล้ว”
เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องวันนี้ตลอดเวลา เลยทำให้ผมคุยกับเธอไม่ได้ตามปกติ นากิเองก็คงสังเกตได้ว่าผมเป็นแบบนี้ เลยพูดคุยกับผมน้อยลงกว่าที่เคย
แต่วันนี้…น่าจะโอเคแล้วมั้ง
ยังไงซะ เวลาผมอยู่กับนากิ ความตื่นเต้นมันก็มักจะเบาบางลง อีกอย่าง ผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปสวนสนุกครั้งแรกเหมือนกัน
“เอาล่ะ เร่งหน่อยดีกว่า”
ผมกำมือและแบมือเพื่อเรียกสัมผัสปลายนิ้วกลับคืนมา แล้วรีบเร่งฝีเท้าไปยังสถานี
◆◆◆
“อ๊ะ! สวัสดีตอนเช้าค่ะ โซตะคุง!”
“อ…อา สวัสดีตอนเช้า นากิ”
นากิยังคงดูสดใสร่าเริงเหมือนทุกที…หรือจะบอกว่ามากกว่าปกติก็ว่าได้
เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวเต็มตัวแล้ว เธอเลยใส่เสื้อโค้ท หมวกไหมพรม และเสื้อผ้าที่ดูอบอุ่นมาก
“น่าตื่นเต้นจังเลยนะคะ! สวนสนุกน่ะ!”
“อ่า…ใช่ ตื่นเต้นมากเลยล่ะ เมื่อคืนตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับเลย”
“โซตะคุงก็เหมือนกันเหรอคะ? ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ!”
นากิยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ
แม้จะรู้สึกสงสัยเล็กน้อยกับสิ่งนั้น แต่พวกเราก็นั่งรถไฟมุ่งหน้าไปยังเมืองที่มีสวนสนุกด้วยกัน
◆◆◆
“ว้าว…! กว้างมากเลยค่ะ! ไปเถอะๆ รีบไปกันเถอะค่ะ โซตะคุง!”
“อา ไปกันเถอะ”
สวนสนุกอยู่ใกล้กับสถานีมาก พอเห็นแบบนั้น นากิก็ตื่นเต้นและเร่งผมให้รีบเดิน
ผมกับนากิยืนต่อแถวเข้าทางเข้าไปด้วยกัน
“แต่ฉันแปลกใจนะคะ คิดว่าโซตะคุงน่าจะเคยไปสวนสนุกมาก่อนแล้วซะอีก”
“หืม? …อ้อ ก็บอกไปแล้วนี่ว่า บ้านฉันอยู่แถบชนบทห่างไกลมากเลยล่ะ”
ตอนเด็กๆ เคยไปแค่สวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แต่สวนสนุกนี่ไม่เคยเลย ส่วนเหตุผลก็เพราะว่า…
“เห็นมั้ย สวนสนุกมักจะมีข้อจำกัดเรื่องอายุสำหรับเครื่องเล่นใช่มั้ย? พ่อฉันเคยบอกว่าจะพาไปตอนฉันขึ้นมัธยมต้น แต่พอดีกับช่วงนั้นพ่อยุ่งกับงานมากจนไม่มีเวลา”
“เข้าใจแล้วค่ะ… เป็นแบบนั้นสินะ”
ในขณะที่รอคิว ผมกับนากิก็พูดคุยกันต่อไป
“แล้วนากิเอง… ไม่เคยมาเหมือนกันใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ ตอนเด็กๆ เคยไปสวนสัตว์กับครอบครัวแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง… แต่คุณพ่อกับคุณแม่ก็ค่อนข้างยุ่งเหมือนกันค่ะ”
“เหรอ…”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพ่อแม่ของนากิจะยุ่ง แต่พวกเขาก็เคยหาเวลาพาเธอไปสวนสัตว์ได้ มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ละเลยเธอเสียทีเดียว
“ถ้าอย่างนั้น จากนี้ไป เราไปด้วยกันหลายๆ ที่เลยนะ”
ผมพูดออกมาเมื่อมองหน้านากิ ซึ่งพอได้ยินแบบนั้น ร่างกายของนากิก็ดูจะแข็งเกร็งไปเล็กน้อย… แต่แค่วูบเดียว
“ค่ะ อยากไปหลายที่เลย”
นากิยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูเหมือนจะแฝงอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยสดใสนัก
“มีอะไรหรือเปล่า นากิ?”
ผมอดไม่ได้ที่จะถามออกไป… ด้วยความเป็นห่วงจริงๆ
เธออาจกำลังฝืนอะไรบางอย่าง หรือร่างกายอาจไม่สบาย
นากิเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา
“มีเรื่องที่กระทบจิตใจนิดหน่อยค่ะ… แต่ถ้าได้มาเล่นกับโซตะคุง ฉันคิดว่าคงจะลืมมันไปได้ค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“งั้นเหรอ…”
ถ้าเธอไม่พูด แปลว่าเธอไม่อยากเล่า
ในกรณีนั้น สิ่งที่ผมควรทำมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ถ้างั้น… มาสนุกกันเถอะ”
ผมแตะมือของเธอเบาๆ และนากิก็แตะกลับมา… ผมตัดสินใจว่าเธอน่าจะโอเค เลยจับมือเธอไว้ แล้วนากิก็ยิ้มตอบพลางจับมือตอบกลับผม
“ฉันจะสนุกให้เต็มที่เลยค่ะ!”
จากนั้น นากิก็ขยับเข้ามาใกล้ผมด้วยท่าทางดีใจและพึ่งพาได้อย่างมาก
◆◆◆
สถานที่แรกที่ผมกับนากิมุ่งหน้าไปหลังจากเข้าสวนสนุกก็คือ… เขาวงกต
“อืม… ที่แท้ทางนี้กลับมาที่เดิมสินะคะ”
“แปลว่าทางตรงข้ามน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องสินะ”
ถึงจะแอบสงสัยว่าทำไมนากิถึงเลือกมาเขาวงกตเป็นที่แรก แต่เขาวงกตนี้ดูเหมือนจะสร้างมาอย่างจริงจังมาก และนากิดูจะตื่นเต้นกับมันไม่น้อย
และที่น่าแปลกคือ ผมเองก็รู้สึกสนุกไปกับมันด้วย
นอกจากจะเป็นการลับสมองแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…
“อืมๆ ถ้างั้นก็แปลว่าภาพรวมเริ่มชัดขึ้นมาแล้วสินะคะ”
การได้เห็นนากิครุ่นคิดด้วยสีหน้าจริงจัง
เธอจับคางพลางมองกำแพงเขาวงกตเหมือนไม่ได้โฟกัสอะไรอย่างเจาะจง… และโดยไม่รู้ตัว เธอก็กำมือคลายมือไปมาข้างลำตัว
ท่าทางแบบนั้นน่ารักเกินไป จนฉันมองไม่เบื่อเลย แถมยัง…
“……?”
นากิหันมาเจอสายตาที่ผมมองเธอ และยิ้มกลับมาให้
เธอน่ารักเกินไปจริงๆ จนฉันเผลอถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“งั้นกลับไปทางเมื่อกี้กันเถอะค่ะ”
“อ่า เข้าใจแล้ว”
มือของผมถูกนากิจับจูง พาเดินไปตามเขาวงกต
และในที่สุด เราก็สามารถผ่านเขาวงกตไปจนถึงทางออกได้สำเร็จ
◆◆◆
คราวนี้กลับเป็นผมที่จูงมือนากิเดินไปแทน
เหตุผลก็เพราะว่า…
“นากิ ไหวไหม? ถ้ามันน่ากลัวเกินไป จะยอมแพ้แล้วออกไปก็ได้นะ…”
ผมถามพลางมองไปที่นากิในห้องที่มืดมากจนแทบจะมองเห็นเธอได้เพียงรางๆ แต่เธอกลับส่ายหน้ารัวๆ
“ม…ไม่ค่ะ! ฉันเป็นคนเสนอเอง ฉันจะไม่ยอมแพ้!”
นากิพูดแบบนั้นพร้อมกับกอดแขนผมแน่น
มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเหมาะสมสำหรับผมจะมารู้สึกแบบนี้ แต่ฉันเองก็ไม่มีเวลาคิดอะไรแบบนั้นมากนัก
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีอะไรเย็นๆ แตะเข้าที่แก้มของผมจนฉันสะดุ้งโหยง
“โซตะคุง!? เกิดอะไรขึ้นคะ!?”
“ม…ไม่มีอะไร แค่เหมือนมีอะไรบางอย่างแตะที่แก้มฉัน…”
ผมหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย ในขณะเดียวกัน ผมกลับรู้สึกถึงแรงกดที่แขน และไออุ่นที่มาจากไหล่ของผม
เมื่อหันไปมอง ก็พบว่านากิกอดแขนผมแน่นขึ้น และกดแก้มของเธอลงมาบนไหล่ของผม
“อืม…อือ…ไปกันเถอะค่ะ โซตะคุง!”
“อย่าฝืนมากเกินไปล่ะ”
“ม…ไม่เป็นไรค่ะ! ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ ฉันเชื่อว่าโซตะคุงจะต้องปกป้องฉันได้แน่นอนค่ะ!”
เธอพูดออกมาราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ ผมหันไปมองเธอ นากิยังคงกดแก้มลงบนไหล่ของผมแต่พยายามจะเดินไปข้างหน้า
พอเห็นแบบนั้น ผมก็อดรู้สึกอบอุ่นใจไม่ได้ แม้ในสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม
แต่ในจังหวะนั้นเอง ก็มีบางอย่างมาคว้าขาของผมเข้าอย่างจัง ทำให้พวกเราสองคนรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต!
◆◆◆
นากินั่งบนม้านั่ง เอามือวางบนหน้าอกก่อนจะถอนหายใจยาว
“เฮ้อ… ช่วงเวลาที่ผ่านมาช่างเข้มข้นจริงๆ นะคะ”
“นั่นสินะ ไม่คิดเลยว่าพอขึ้นมัธยมปลาย จะโดนผู้ใหญ่ดุครั้งแรก เพราะคนในบ้านผีสิง…”
เพราะในบ้านผีสิงห้ามวิ่ง เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ พอพวกเราออกมา ก็เลยโดนเจ้าหน้าที่ตักเตือน
นากิยิ้มเจื่อนเล็กน้อยกับคำพูดของผม ก่อนจะหยิบห่ออาหารสองชิ้นออกมาจากกระเป๋าที่วางอยู่บนตัก
“ถ้างั้น มากินข้าวกลางวันกันเถอะค่ะ”
“อ่า ขอบคุณนะ”
พื้นที่ที่เรานั่งอยู่นี้เป็นโซนสำหรับทานอาหารกลางวันโดยเฉพาะ สวนสนุกแห่งนี้อนุญาตให้นำอาหารเข้ามาได้ และยังมีสวนเล็กๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมาปิกนิกอีกด้วย
“คิดดูแล้ว… ถึงฉันจะเคยทำข้าวกล่องให้โซตะคุงหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เราได้กินข้าวกล่องด้วยกัน”
“พูดแบบนั้นก็จริงสินะ”
เนื่องจากเรียนคนละโรงเรียน จึงไม่เคยมีโอกาสแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย
“วันนี้ฉันใส่แต่ของโปรดของโซตะคุงไว้เยอะเลย กินให้อิ่มไปเลยนะคะ!”
“อา ขอบคุณมากนะ”
ผมขอบคุณนากิแล้วเปิดฝากล่องข้าว พอเห็นของข้างใน ก็อดอุทานออกมาไม่ได้
“ว้าว…!”
ในกล่องมีแฮมเบิร์ก ไก่คาราอาเกะ ผัดผักรสหวานเผ็ด และข้าวสวย
ทั้งหมดล้วนเป็นของโปรดของผมทั้งนั้น
เมื่อมองไปที่นากิ เธอก็เปิดกล่องข้าวของตัวเองพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมมองผม
ฉันพนมมือก่อนเริ่มกิน นากิก็ทำตาม
“「ทานให้อร่อยนะ」”
พวกเราพูดพร้อมกันก่อนจะเริ่มลงมือกิน แน่นอนว่ารสชาติ…
“อร่อยมาก อร่อยสุดๆ เลยล่ะ นากิ”
“ดีจังค่ะ ที่โซตะคุงชอบ”
นากิกินข้าวของตัวเองอย่างมีความสุขพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “อร่อยมากเลยค่ะ!” เธอพูดพลางแก้มเปื้อนยิ้ม
หลังจากนั้น พวกเราก็คุยเล่นกันต่อ พร้อมกับทานข้าวกล่องจนหมดอย่างรวดเร็ว ทั้งที่คิดว่าแต่ละกล่องดูจะเยอะพอสมควรเลยทีเดียว
◆◆◆
“รถไฟเหาะนี่ สนุกกว่าที่คิดไว้อีกนะคะ!”
“อืม ฉันก็สนุกเหมือนกัน”
หลังจากนั้น เราสองคนก็สนุกไปกับเครื่องเล่นต่างๆ อีกมากมาย… เวลาค่อยๆ ผ่านไป จนมาถึงจุดที่เหลือเวลาแค่พอสำหรับอีกหนึ่งเครื่องเล่นสุดท้าย
ผมจ้องมองไปที่นากิ
“นากิ มีเครื่องเล่นที่ฉันอยากลองนั่งเป็นอันสุดท้าย… เธอจะไปด้วยกันไหม?”
“บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันเองก็มีเครื่องเล่นที่อยากนั่งกับโซตะคุงเหมือนกัน… คิดว่าคงเป็นอันเดียวกันแน่เลยค่ะ”
ว่าแล้วเราก็จับมือกันเดินไปยังสถานที่นั้น
จุดหมายคือ… ชิงช้าสวรรค์
“ชิงช้าสวรรค์นี่ ฉันอยากลองนั่งมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ”
“…ฉันก็เหมือนกัน”
หัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาทำให้ผมรู้สึกกลัว… กลัวว่านากิจะรู้ แต่ถึงตอนนี้แล้ว จะถอยหลังคงไม่ได้
เราต่อแถวกันอยู่ด้วยความเงียบแปลกๆ ระหว่างเรา
อ่า… ผมไม่กล้ามองหน้านากิเลย แล้วมือผมจะเปียกเหงื่อจนเธอรู้หรือเปล่านะ…
แม้ว่าเวลารอจะประมาณ 30 นาที แต่จนถึงตอนที่เราเดินมาถึงจุดขึ้นเครื่องเล่น เราทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย
“กรุณาระวังอย่าหกล้มตอนขึ้นนะคะ”
“ขอบคุณครับ…”
นากิขึ้นไปก่อน จากนั้นผมก็ขึ้นตามไป
ด้านในเป็นห้องเล็กๆ ที่น่าจะนั่งได้ประมาณสี่คน
ผมนั่งเคียงข้างนากิ พยายามเรียบเรียงความคิดในหัวว่าจะพูดตอนไหนดี… คงต้องเป็นตอนที่เราขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแน่ๆ
แต่ในระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น ผมรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
มันอธิบายเป็นคำพูดยาก แต่นากิ… บรรยากาศรอบตัวเธอดูเปลี่ยนไป
“นากิ?”
ในที่สุด ผมก็เงยหน้ามองเธอเป็นครั้งแรกในรอบ 30 นาที
――และนากิ…
เธอกำลังจ้องมองฉันด้วยสายตาที่จริงจังมาก
“โซตะคุงคะ ฉันมีเรื่องสำคัญมากๆ อยากจะบอก…”
สีหน้าของเธอและน้ำเสียงที่เธอใช้ ทำให้เหมือนมีน้ำเย็นราดลงมาบนหัวของผม
พร้อมกันนั้น ความรู้สึกแย่บางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
นากิจ้องตรงมาที่ผม… ดวงตาของเธอสั่นไหว
“โซตะคุง คือว่า…”
ทำไมกันนะ? ผมไม่อยากฟังคำพูดที่กำลังจะออกมาจากปากของเธอ
ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเธอจะพูดอะไร…
ผมไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้…
แม้ในใจอยากพูดแทรกออกไป แต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่ควรทำแบบนั้น
――แล้วลางสังหรณ์ของผมก็…
…กลายเป็นความจริงที่เลวร้ายที่สุด
“หลังจากวันนี้ ฉันจะไม่ได้เจอกับโซตะคุงอีกแล้วค่ะ”
คำพูดนั้นดังขึ้นมาอย่างชัดเจน… ราวกับโลกทั้งใบของผมหยุดหมุนลงในทันที [TLN:จุกดิขนาดคนแปลยังจุกแทน]