(WN) หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 34 เจ้าหญิงน้ำแข็งกับรางวัลของการสอบ
- Home
- (WN) หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 34 เจ้าหญิงน้ำแข็งกับรางวัลของการสอบ
“สุดยอดเลย! โซตะ! ฉันได้อันดับที่ดีที่สุดในชีวิตเลย!”
เออิจิพูดขึ้นพร้อมกับตบไหล่ผมป้าบๆ ซึ่งมันเจ็บจริงๆ อยากให้หยุดทำได้แล้ว
“งั้นเหรอ? ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ นายได้อันดับที่ 12 ใช่ไหม?”
“ใช่! ฉันดีใจสุดๆ ไปเลย! นี่เป็นครั้งแรกที่ได้คะแนนขนาดนี้!”
ลำดับอันดับในโรงเรียนถูกแปะประกาศไว้ ตอนที่ผมไปดูเมื่อครู่ก็เห็นเออิจิกระโดดโลดเต้นดีใจจนสังเกตได้จากไกลๆ จึงลองไปตรวจดู
…หลังจากนั้น เออิจิก็มาหาผม แล้วตบไหล่และหลังผมไม่หยุดเพื่อแสดงความดีใจ
“เจ็บนะ หยุดได้แล้วมั้ง”
“โอเคๆ แต่ขอบคุณมากเลยนะ ต้องขอบคุณนายกับแฟนของนายเลย”
“ไม่ใช่แฟน… แต่อย่างน้อย คะแนนนายก็ดีขึ้นก็ดีแล้ว”
เออิจิชอบมารายงานคะแนนของเขาทุกครั้งที่มีการคืนข้อสอบ แม้ว่าผมจะชินแล้วก็เถอะ แต่ดูเหมือนเขาจะดีใจจริงๆ แบบนี้ก็ดี
ผมมองดูเออิจิที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ และหยิบกระดาษที่มีลำดับของตัวเองออกมาดู
【อันดับในโรงเรียน: 1/240 คน】
ครั้งนี้ ผมก็ยังได้อันดับที่หนึ่งเหมือนเดิม
“นายเองก็พุ่งขึ้นมาจากข้างล่างแบบก้าวกระโดดเลยนะ… ฮามาดะจากห้อง 3 ยังบ่นเลย”
“ใคร? ฮามาดะ?”
“อดีตที่หนึ่งน่ะ… นายดูเหมือนจะไม่สนใจคนอื่นเลยเนอะ” [TLN:สนใจอยู่คนเดียวแหละ]
ผมไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็จริง ถ้าผมได้ที่หนึ่ง แปลว่าคนที่เคยได้ที่หนึ่งก็คงหล่นอันดับลง
แต่แล้วคำพูดของเออิจิก็ทำให้ผมตกใจ
“ได้ยินมาว่าฮามาดะตกไปอยู่ประมาณอันดับที่ 30 เลยล่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นกับเขาน่ะ?”
“อ๋อ… เห็นว่ามีแฟนแล้วเลยลอยไปหน่อยน่ะ บางทีก็มีแบบนี้นะ คนที่พอมีแฟนแล้วดันลืมโฟกัสอย่างอื่น… อย่างน้อยเราสองคนก็ไม่ใช่แบบนั้น”
คำพูดของเออิจิทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมา…
…โชคดีที่ผมยังไม่ได้สารภาพกับนากิ ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจว่าจะสำเร็จหรอก แต่ถ้าสำเร็จล่ะก็ คะแนนสอบครั้งนี้อาจจะไม่ดีเหมือนเดิมก็ได้
“ว่าแต่นายเถอะ… ไม่สิ ต้องพูดว่านายทั้งสองคนต่างหาก เมื่อไหร่จะคบกันสักที?”
“หา…!”
เออิจิพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทันที ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ฉันรู้นะ นายเองก็รู้ตัวอยู่ใช่ไหมว่าคิดยังไง?”
“…”
ผมพยักหน้าเบาๆ ตอบสายตาแหลมคมของเออิจิ
“ว่าแต่นายรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็รู้อยู่ลางๆ มาตลอด แต่เริ่มแน่ใจจริงๆ ก็ตอนที่มีงานแสดงนั่นแหละ ตอนนั้นฉันคิดว่าพูดอะไรคงไม่เหมาะ เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป… หรือว่านายพูดไปแล้ว?”
“…ยังเลย พอดีมีสอบน่ะ”
“อ๋อ เข้าใจละ งั้นก็ถือว่าเป็นจังหวะดีเลยสินะ”
เออิจิยิ้มล้อผมจนอยากจะชกเข้าให้ ผมถอนหายใจเพื่อสงบสติ แล้วถามเขา
“ถามไว้เป็นแนวทางหน่อยสิ นายกับคิริกะเริ่มคบกันยังไงเหรอ?”
“เราเหรอ? ก็ไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลย ตอนม.ต้นที่กลับบ้านด้วยกันบ่อยๆ ฉันก็สารภาพในระหว่างทางกลับบ้านนั่นแหละ”
โอ้… แบบนี้ดูเป็นเออิจิจริงๆ
“หลังจากนั้น คิริกะก็บ่นหลายอย่างนะ บอกว่าอยากให้มันโรแมนติกกว่านี้ แต่ตอนแรกก็ร้องไห้ด้วยความดีใจแท้ๆ พอฉันพูดไปก็โดนต่อยเลย”
“…นายสองคนช่างเป็นตัวของตัวเองจริงๆ”
ผมตอบกลับไป เออิจิหัวเราะแล้วตบหลังฉันอีกครั้ง
“แต่นั่นแหละ เรื่องของฉันกับคิริกะ แต่นายไม่ต้องทำอะไรพิเศษก็ได้หรอก แค่เป็นตัวของตัวเองก็น่าจะโอเคแล้ว”
“…ขอบใจนะ”
คำพูดของเออิจิทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจ ผมพับกระดาษที่มีลำดับของตัวเองเก็บใส่กระเป๋าไป…
“สุดยอดเลยค่ะ! โซตะคุง! ได้ที่หนึ่งอีกแล้ว!”
“นากิเองก็ได้ที่หนึ่งเหมือนกันนี่นา… แถมภาษาอังกฤษยังได้เต็มอีก เก่งมากเลย”
ถ้าฉันได้ที่หนึ่ง แน่นอนว่า… เอาจริงๆ มันก็ไม่แน่หรอก แต่นากิก็มีโอกาสสูงที่จะได้ที่หนึ่งเหมือนกัน
“ฟุฟุ เป็นเพราะโซตะคุงช่วยสอนฉันเยอะเลยค่ะ”
“…ถึงอย่างนั้น คนที่พยายามก็คือนากินะ เก่งมากจริงๆ”
เมื่อฉันพูดตอบไปแบบนั้น นากิก็ยิ้มสดใสพร้อมหัวเราะ “เอเฮะเฮะ” จนผมอดยิ้มตามไม่ได้
“อ๊ะ งั้นก็ถึงเวลาให้รางวัลแล้วสินะคะ! ขอรางวัลของโซตะคุงคืออะไรเหรอคะ?”
“อา… ของฉันมันไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ทันทีหรอก เพราะงั้นบอกของนากิก่อนดีกว่า”
นากิทำหน้าดูสงสัยอยู่สักพัก แต่ก็พยักหน้าตอบรับ
“เข้าใจแล้วค่ะ… เอ่อ ฉันคิดหลายอย่างเลยค่ะ แต่…”
หลังจากเกริ่นนำแบบนั้น นากิก็มองตรงมาที่ผม ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงจางๆ ดูเหมือนจะเขินอาย
“ฉะ… ฉันอยากให้โซตะคุง… กอดค่ะ” [TLN:เพื่อนที่ไหนเขากอดกัน]
ไม่คาดคิด… หรืออันที่จริง ผมก็เคยคิดไว้นิดหน่อยว่าอาจจะเป็นแบบนี้ แต่พอได้ยินจริงๆ ก็ถึงกับนิ่งค้าง
นากิดูอึกอักเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“เอ่อ คือ… การกอดมันช่วยลดความเครียดได้ แล้วก็ช่วยให้รู้สึกมั่นคงทางจิตใจด้วยค่ะ แต่ก็… เอ่อ…”
แล้วนากิก็ก้มหน้าลง
“มะ… ไม่จริงค่ะ… จริงๆ แล้ว…”
เธอพูดเบาๆ ก่อนจะแอบเหลือบมองผมเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ฉันแค่อยากให้โซตะคุง… กอดฉันเท่านั้นเองค่ะ”
…
“โซตะคุง?”
ผมถอนหายใจลึกๆ หนึ่งครั้งก่อนจะยกมือวางลงบนไหล่ของนากิ นากิสั่นเล็กน้อย… แต่ในดวงตาของเธอไม่มีความกลัวหรือหวาดหวั่น
เมื่อมั่นใจแล้ว ฉันจึงค่อยๆ โอบร่างบางของเธอเข้าไว้ในอ้อมแขน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเธอลอยเข้ามากระทบจมูก
ผมไม่อาจห้ามใจได้เลย
“อ๊ะ…”
เสียงเล็กๆ ที่น่ารักดังขึ้นใกล้ๆ หู และไม่นานนัก มือของนากิก็เอื้อมมาวางลงบนหลังของฉัน
หัวใจเต้นตุบตับอย่างแรง… หรือเธอจะได้ยินมัน? เสียงหัวเราะเบาๆ ของนากิดังขึ้น
“โซตะคุง หัวใจเต้นแรงมากเลยค่ะ”
“…ก็ไม่เคยกอดใครนอกจากคนในครอบครัวเลยนี่นา”
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ… หัวใจฉันก็เต้นแรงเหมือนกันนะคะ มากเลยล่ะ”
เมื่อเธอพูดแบบนั้น ผมก็หลับตาลงและเงี่ยหูฟัง… เสียงหัวใจของเธอที่เต้นตุบตับเบาๆ ก้องประสานกับเสียงหัวใจของผม
“เหมือนตอนนั้นเลยนะคะ… ตอนอยู่ในรถไฟ”
“อืม ใช่แล้วล่ะ”
ตอนที่รถไฟโคลงจนเราตัวติดกันแบบนี้ แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุก็ตาม
ร่างของนากินั้นดูบอบบาง… ผมกลัวว่าถ้าออกแรงมากไปเธออาจจะเจ็บได้
“นากิ… กินข้าวบ้างหรือเปล่า?”
“ฟุฟุ กินสิคะ เพราะฉันต้องเต้นรำเลยต้องคุมเรื่องน้ำหนักด้วย”
“อย่างนี้นี่เอง”
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็เข้าใจ เพราะถ้าน้ำหนักเปลี่ยน การเคลื่อนไหวในการเต้นก็อาจเปลี่ยนไปด้วย
“เอ… หรือว่าโซตะคุงชอบผู้หญิงที่ดูมีน้ำมีนวลมากกว่าคะ?”
คำพูดที่แฝงรอยยิ้มแหย่เล่นของเธอทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนโจมตี
“ไม่หรอก… นากิแบบไหนฉันก็ไม่รังเกียจ แค่สุขภาพดีเท่านั้นก็พอ”
เมื่อผมพูดแบบนั้น อ้อมกอดของนากิก็แน่นขึ้นเล็กน้อย
“ฟุฟุ จริงด้วยนะคะ เราคงคิดเหมือนกัน… ฉันเคยคิดมาก่อนแล้วว่าโซตะคุงนี่ดูเป็นผู้ชายจริงๆ ตัวใหญ่ แข็งแรง พอถูกกอดแล้วรู้สึกปลอดภัยจังเลยค่ะ”
แล้วเธอก็กอดผมแน่นขึ้นอีก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บ
…ทว่า ฉันกลับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่นุ่มนิ่ม ซึ่งทำให้ฉันเสียสมาธิอย่างมาก
พยายามใจเย็น… ใจเย็นไว้…
“นากิ? เอ่อ… อีกนานไหมกว่าจะเสร็จ?”
“อีกนิดเดียวค่ะ ขออีกนิดนะคะ”
ผมพยักหน้าตอบพลางกอดตอบกลับไป… แค่ “อีกนิดเดียว” คงไม่เป็นไร
เสียงหัวเราะของนากิดูมีความสุขและฟังสบายหู… แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เพิ่มขึ้นตรงคอ
“นากิ!?”
“ตรงนี้อบอุ่นดีค่ะ… กลิ่นของโซตะคุงก็หอมมาก ทำให้ฉันรู้สึกสงบค่ะ”
“นั่นมัน… ออกจะน่าอายไปหน่อยนะ…”
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ”
เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้จะดูเสียดายเล็กน้อย
…เอาเถอะ ไม่มีทางเลือก
“ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ”
“…จริงเหรอคะ!?”
“ก็… มันน่าอาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร”
โอ้… หน้าผมต้องแดงไปหมดแน่ๆ
เมื่อพูดไปแบบนั้น นางิก็ยิ้มอย่างมีความสุข…
ผมจึงค่อยๆ วางคางลงบนไหล่ของเธออย่างว่าง่าย และอยู่แบบนั้นจนเธอพอใจ…
“ขะ… ขอโทษค่ะ พอดีว่าฉันตื่นเต้นเกินไปนิดหน่อย… แต่ก็สนุกมากเลยค่ะ”
“ถ้านากิสนุกก็ดีแล้วล่ะ”
ผมพูดกับนากิที่ดูเหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย… พลางเบือนสายตาหนี
“เอ่อ… ฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร… คือ… สนุกเหมือนกัน”
พอเปลี่ยนคำพูดกลางคัน นากิก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ฟุฟุ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วค่ะ!”
แม้จะพยายามเบือนสายตาหนี แต่ก็ทำแบบนั้นตลอดไม่ได้ ผมจึงหันกลับไปมอง และสิ่งที่เห็นคือนากิที่กำลังยิ้มแย้มอย่างสดใส
เธอยังคงยิ้มพลางเอียงคออย่างน่ารัก
“ว่าแต่ว่า… รางวัลของโซตะคุงคืออะไรเหรอคะ? จะขออะไรบอกมาเลยนะคะ!”
“เอ่อ… นั่นสินะ คราวนี้ถึงตาฉันแล้วนี่นา”
ผมหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบใจที่ยังเต้นแรง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สิ่งที่เห็นคือใบหน้าของนากิที่ดูเหมือนจะประหม่าเล็กน้อย
“อาทิตย์หน้า… ไปสวนสนุกกับฉันสองคนได้ไหม?”
เมื่อพูดออกไป นากิก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย
“เอ๊ะ… เอ่อ โซตะคุง? แบบนี้ก็ได้เหรอคะ?”
“อืม… จริงๆ แล้วฉันยังไม่เคยไปสวนสนุกจริงๆ เลย… ก็เลยคิดว่าถ้าจะไปครั้งแรก อยากไปกับนากิน่ะ”
นากิจ้องมองฉันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขมาก
“ได้เลยค่ะ! ฉันเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เพราะงั้นขอไปเป็นเพื่อนนะคะ! ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ ครั้งหน้า หรือครั้งไหนก็ได้ค่ะ!”
ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกยินดี
…ดีจริงๆ ที่เธอยอมรับ
ผมหลับตาลงอีกครั้ง…
อาทิตย์หน้า… ผมจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้!
[TLN:ตอนต่อไปมาวันพน.เตรียมรับแรงกระแทกได้เลย]
….ปล.เล่ม2 เหลืออีก 7ตอน น่าจะแปลจบภายในพนใเลยถ้าไม่ขก.555555