[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 56.5 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - ตอนคั่น "การระลึกของโอโตฮะและโอรัน"
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 56.5 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - ตอนคั่น "การระลึกของโอโตฮะและโอรัน"
โน้ตจากผู้แต่ง : เราจะตัดข้ามไทม์ไลน์มาที่หลายปีข้างหน้ากันอีกรอบนึงนะ
TN: ตอนนี้จะเกิดขึ้นหลัง [Prologue] และก่อนที่สแตจะกลับมาถึงใน [ตอนคั่น : การระลึกของสแต] นะครับ
“ที่คุณหนูเรียกฉันมานี่ เพื่อให้ปรนนิบัติท่าน เพื่อให้ทำงานเก็บกวาด หรือเพื่อมีอะไรกับฉันกันน้า?”
“อย่าพูดเรื่องเหลวไหลแบบนั้นสิ!”
คุณหนู! คุณหนูเรียกตัวฉันมาด้วย!
คุณหนูผู้เลอโชม! อัจฉริยะ! แข็งแกร่ง! ทรงเสน่ห์! งดงาม! ท่านโนอามารี! ของ! ฉันน่ะ!
“อะแฮ่ม! ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ฉันลามปามมากเกินไปหน่อย แล้วนี่ คุณหนู มีอะไรอยากให้พวกเราทำอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ? หรือท่านเกิดมีอารมณ์อยากกอดฉันขึ้นมา”
“ก็บอกว่าอย่าพูดไม่ใช่รึไง! ต้องขอโทษด้วยครับท่านโนอะ ผมจะเอาตัวเธอออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ!”
“ไม่ต้องหรอก ฉันชินแล้วล่ะ…”
อา วันนี้คุณหนูก็ยังงดงามเหมือนอย่างเคยเลย
อยากจะถูกผมสีทองสลวยนั่นโอบรัดไปทั้งตัวจัง
อยากถูกดวงตาคู่นั้นจับจ้องเอาไว้จัง
อยากถูกหนีบเอาไว้ระหว่างหน้าอกคู่นั้นจัง
การที่มีสิ่งมีชีวิตใดน่าหลงใหลได้ถึงขนาดนี้ได้ถือกำเนิดมีตัวตนอยู่จริงบนโลก ช่างเป็นปาฏิหาริย์อะไรอย่างนี้เนี่ย
“พอแค่นั้นแหละ ฉันมีเรื่องจะให้เธอ 2 คนช่วยหน่อย”
“จะกอด จะจูบ หรือจะอะไรที่ไปไกลกว่านั้นก็แล้วแต่ท่านเลยเจ้าค่ะ!!”
“ขอร้องล่ะ ช่วยเงียบๆ ซักพักนึงทีเถอะ”
“โอโตฮะ ถ้าเธอทำตัวดีๆ เดี๋ยวฉันจะลูบหัวให้เธอสักหน่อยแล้วกันนะ”
ฉันนั่งนิ่งตัวตรง และปิดปากสนิททันทีเลย
“กำลังจะบอกให้เธอเงียบอยู่พอดี แต่ว่าเร็วจริงๆ เลยนะ”
“แล้วนี่ ท่านโนอามารีมีอะไรจะพูดกับพวกเรางั้นเหรอครับ?”
โอรันพยายามทำให้บทสนทนาดำเนินต่อได้
จะว่าไป สแตกับคุณคุโระที่น่าจะรออยู่นี่ไปไหนแล้ว เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ
“โอโตฮะ โอรัน พวกเธอได้หารือกันถึงเรื่องสถานการณ์ของทัพแยกแล้วหรือยัง?”
“ครับ มีกำลังอยู่ประมาณ 500 คน ให้เราวางแผนสกัดพวกนั้นเอาไว้ทันทีที่เคลื่อนมาถึงเลยหรือเปล่าครับ?”
“นั่นคือแผนเดิม แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เพิ่งส่งคุโระกับสแตไปสกัดทัพนั้นเองล่ะ”
“เอ๊ะ? จะดีเหรอครับ? ทั้ง 2 คนเป็นคนคุ้มกันของท่านนี่ครับ?”
“ถ้าเรื่องคุ้มกัน มีลูเชียสอยู่ที่นี่คอยทำหน้าที่นั้นอยู่แล้วล่ะ แต่ที่ฉันอยากให้พวกเธอ 2 คนไปจัดการน่ะ คือไปทำอะไรซักอย่างกับกลุ่มใหญ่ที่กำลังเข้ามาหาเราตรงๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจนี่เพื่อต่างหาก”
“ท่านจะบอกว่าอีกฝ่ายเล่นใหญ่ถึงขนาดส่งกองกำลังแยกมาถึง 700 คนจากทัพแยกงั้นเหรอครับ? แล้วก็ให้พวกเราไปจัดการกับกลุ่มนั้นด้วย?”
“ถูกต้องแล้ว โอรัน พวกเธอ 2 คนน่าจะจัดการได้เรียบร้อยภายในไม่กี่นาทีใช่มั้ย?”
ด้วยเวทพิษของฉันกับเวทต้านทานของโอรันแล้ว พวกเราไม่มีปัญหาแน่
นี่เราอาจจะกลับมาได้เร็วกว่าทางคุณคุโระกับสแตด้วยซ้ำไปนะ
ทั้ง 2 คนน่ะแข็งแกร่งสุดๆ ไปเลยก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องความสามารถในการกวาดล้างเป็นวงกว้างล่ะก็ ฉันอาจจะเหนือกว่าก็ได้
“ให้เรามุ่งหน้าไปตอนนี้เลยมั้ยครับ?”
“อ้า ทำได้หรือเปล่า?”
“ครับ ได้แน่นอน โอโตฮะเองก็ไม่มีปัญหาใช่มั้ย?”
“…”
“ตอนนี้ เธอพูดได้”
“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ! ฉันจะจัดการฆ่าล้างเจ้าพวกหนอนแมลงของจักรวรรดิที่มันบังอาจมาหันเขี้ยวมาขู่เอาชีวิตของคุณหนูให้หมดด้วยมือของฉันเองเลยเจ้าค่ะ!“
“อาระ ดูพึ่งพาได้เสียจริง”
“ชักกังวลแล้วสิ…”
“ล- แล้วก็ คุณหนูเจ้าคะ! ถ้าฉันทำงานนี้ได้สำเร็จ ฉันขอร- ขอริมฝีปากของคุณหนูจุมพิตที่แก้มฉันหน่อยจะได้หรือเปล่าเจ้าคะ?”
“โอรัน ที่เหลือฉันฝากด้วยนะ”
“ครับ เอ้า ไปกันได้แล้ว”
“ปล่อยฉันนะโอรัน! ฉันยังไม่ได้ฟังคำตอบของคุณหนูเลยนะ! อ๊า! คุณหนูเจ้าค้าาาーーー!!”
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ภารกิจที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีจุมพิตจากคุณหนูเป็นเดิมพันหรือเปล่า
เป็นงานให้ฆ่าคนตั้ง 700 คนเลยนะ บางทีแค่ ‘อาจจะมีจุมพิตเป็นเดิมพันก็ได้’ เนี่ยอาจจะไม่พอก็ได้
“แค่คิดว่าริมฝีปากแสนนุ่มของคุณหนูจะเข้ามาประทับบนตัวฉันแล้วมันก็… *กุอั๊ก*”
“อย่าเพิ่งมากระอักเลือดสิยัยบ้า! เรายังมีงานรออยู่อีกนะ!”
“งานที่ว่านี่ ก็แค่กระจายพิษของฉันเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ เรื่องง่ายๆ น่า”
เฮ้อ แต่ที่สำคัญกว่านั้น วันนี้คุณหนูเองก็งดงามเหมือนเคยเลยน้า
ได้มีคนเช่นนี้มาเป็นเจ้านายของฉัน น่าดีใจจริงๆ เลยนะที่วันนั้นฉันเลือกจะรับใช้ท่านน่ะ
ขนาดผ่านมา 4 ปีแล้ว ฉันก็ยังรู้สึกแบบนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจอยู่เลย
แต่ฉันก็อายุ 15 แล้วนะ อีก 2 ปีก็จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว
แล้วจากนั้นก็
“ที่สำคัญกว่านั้น ปัญหาคือจะทำยังไง คุณหนูถึงจะประทับตราของท่านลงในทะเบียนสมรสกันนะ”
“ทั้งๆ ที่เจอกับการถูกปฏิเสธมาอย่างชัดเจนขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังคิดแง่ดีได้ขนาดนี้เนี่ย…?”
“ในดินแดนที่คุณคุโระเคยอาศัยอยู่มาก่อนอย่างญี่ปุ่นน่ะ มีสำนวนอย่าง ‘ยิ่งเกลียดมากก็ยิ่งรักมาก’ ด้วยนะ เป็นคำพูดแสนวิเศษเลยทีเดียว จริงมั้ยล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าเธอเข้าใจผิดกับ ‘ยิ่งเกลียด เกลียดแล้ว เกลียดอีก’ หรือไง?”
“ฉันว่าคนแบบคุณหนูน่าจะเรียกว่า ‘ซึนเดเระ’ แน่เลย จากที่คุณคุโระบอก มันเป็นคำที่ใช้หมายถึงคนที่ทำตัวเย็นชา ซึนๆ แต่ก็แสดงความอ่อนโยน เดเระๆ ออกมาให้เห็นเป็นครั้งคราว นั่นน่ะตรงกับภาพของคุณหนูทุกกระเบียดนิ้วเลยนี่”
“เธออาจจะเข้าใจที่ว่า ‘ซึนๆ’ ผิดไปแล้วนะนั่น“
เป็นผู้ชายจู้จี้น่ารำคาญชะมัดเลยนะ
พี่สาวฝาแฝดที่น่ารักของตัวเองกำลังฝันหวานอยู่แท้ๆ คนเป็นน้องชายก็ควรจะพยักหน้าเห็นด้วย สนับสนุนกันเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่หรือไงกัน
“เอาล่ะ ช่างมันเถอะ ที่สำคัญ พวกมันอยู่นั่นแล้วไง ทัพแยกน่ะ”
“โอ้”
จากตรงนี้ ฉันต้องเปลี่ยนโฟกัสของตัวเองแล้ว
ฉันไม่ได้เก่งถึงขนาดที่จะฝันกลางวันไปด้วยระหว่างเผชิญกับศัตรูตรงหน้าไปด้วยได้หรอก
“ขออภัย พวกคุณช่วยหยุดอยู่ตรงนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“…? พวกแกเป็นใคร?”
ทหารติดอาวุธ 700 นายกำลังตรงมาทางพวกเรา ประดับประดากันด้วยทั้งเกราะทั้งอาวุธกันฟุ่มเฟือยซะเหลือเกิน
ที่ยืนอยู่หน้าสุด เป็นผู้ชายค่อนข้างหนุ่ม มีผมสีน้ำตาลเกาลัดของเขามัดรวมอยู่ข้างหลัง
“ที่นี่มันไม่ใช่สนามเด็กเล่นของพวกอ่อนแอหรอกนะ ออกไปเดี๋ยวนี้”
“อาระ ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งนะเจ้าคะสำหรับน้ำใจนั้น แต่ว่าーーー”
ฉันตอบกลับชายคนนั้นที่ได้พูดบอกเราด้วยน้ำเสียงท่าทีที่ทั้งรุนแรงทั้งมีน้ำใจเลย
“ฉันน่ะ ได้รับงานมาให้ฆ่าพวกทหารสวะจากจักรวรรดิสวะที่บังอาจมาหมายเอาชีวิตเจ้านายที่งดงามที่สุดในโลกของฉันให้หมดทุกคนน่ะสิเจ้าคะ ♡”
“พวกนะ ‘พวก’ ฉันต่างหาก แล้วภาษาที่เธอใช้นั่นก็หยาบคายด้วย”
“โอ๊ะ ขออภัย“
ฉันพยายามจะไกล่เกลี่ยให้เรื่องมันราบรื่นแล้วนะ แต่ดูเหมือนจะทำให้พวกที่อยู่ตรงนั้นหวาดระแวงกันหมดเลยเสียยังงั้น
ต้องระวัง ต้องระวัง
“พวกแก คิดว่าตัวเองเป็นใครน่ะฮะ? กล้าดียังไงถึงได้เหยียบเข้ามาที่นี่ พวกแกที่เป็นแค่ไอ้พวกเส้นผมชั้นต่ำ-…? เดี๋ยวนะ เส้นผมชั้นต่ำ? เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนนะーーー”
โอ๊ะโอ ดูเหมือนพวกเขาจะรู้เรื่องของเราด้วยสินะ
ก็จริงนะที่เมื่อครึ่งปีก่อน ฉันอาจจะฆ่าพวกทหารของจักรวรรดิไปบ้าง ฝังความกลัวให้หยั่งรากลึกใส่พวกมันไปบ้าง แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ?
“ผมสีชมพูกับสีเขียวเหลือง… จริงสิ จากที่ราบเซรัทเซ”
“อะ อะ อ๊าาาาาา! จำได้แล้ว! [เจ้าหญิงจอมเชือด] กับ [ราชันกำลัง] นี่!”
อ่า อยากให้เลิกใช้ชื่อเล่นพวกนั้นซักทีเถอะ
ฉันน่ะยังไม่เท่าไหร่หรอก แต่คุณคุโระที่โดนเรียกว่า [ยมทูต] น่ะลำบากใจมากๆ เลยนะ
“ราชันกำลังอะไรกัน ผมไม่ได้แข็งแกร่งอะไรแบบนั้นซักหน่อย”
“นายก็แค่ทำให้คนอื่นอ่อนแอลงเพื่อทำให้ตัวเองดูเหมือนแข็งแกร่งกว่าไม่ใช่หรือไง?”
ฉันเองก็ไม่อยากโดนเรียกว่าเจ้าหญิงจอมเชือดเหมือนกันนะ
ถึงเรื่องที่ว่าในศึกครั้งหลังๆ ฉันจะเป็นคนฆ่าศัตรูไปเยอะที่สุดมันจะจริงก็เถอะ
“ผู้ติดตาม 5 คนของโนอามารี เทียไลท์ ที่ทำการสังหารทหารของจักรวรรดิไปมากกว่าหมื่นนายในศึกที่ราบเซรัทเซ… นักเวทย์ที่แม้จะเป็นพวกเส้นผมชั้นต่ำแต่กลับถือครองเวทมนตร์แปลกประหลาดเอาไว้ สัตว์ประหลาดพรรค์นั้นดันมาอยู่ที่นี่เหรอเนี่ย!?”
“อย่าตื่นตระหนกน่า! ยังไงมันก็ต้องเป็นกลปาหี่อยู่แล้ว แม้แต่เด็กก็ยังรู้ด้วยซ้ำนะเฟ้ยว่าพวกเส้นผมชั้นต่ำมันใช้เวทมนตร์ไม่ได้!”
“ต- แต่ยังไง! เราช่างราชันกำลังไปก่อนก็ได้ เจ้าหญิงจอมเชือดน่ะว่ากันว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่งที่สุดในบรรดาคนสนิททั้ง 5 แล้วนะ! การบุ่มบ่ามเข้าไปหาแบบนั้นมัน…”
“เสียมารยาทจริง ทำไมมันถึงได้มีเจ้าข่าวลือโคมลอยแบบนั้นแพร่ออกไปกันนะ?”
“ก็คงเพราะในสงครามครั้งที่แล้ว เธอไล่ฆ่าทหารไปราว 3,000 คนพร้อมกับตะโกนไปด้วยว่า ‘อ๊าาาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! เจ้าพวกเดรัจฉานที่บังอาจกล้ามาหมายตัวคุณหนู พวกแกทุกคนจงตายเพราะเลือดไหลจากบาดแผลทั่วทั้งร่างไปซะเถอะ’!! นั่นแหละ”
“ก็เพราะเจ้าพวกนั้นมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไงเล่า พวกมันคิดว่าชีวิตของคุณหนูจะแลกกับชีวิตของพวกเศษแดนโสโครกยิ่งกว่าหมูแค่ไม่กี่หมื่นได้เนี่ยนะ สิ่งเดียวที่อาจจะมีค่าเทียบเทียมกับคุณค่าของชีวิตคุณหนูได้ก็มีแต่โลกนี้―――ไม่สิ จักรวาลนี้เท่านั้นนั่นแหละ”
ถึงฉันจะเป็นคนพูดเองก็เถอะ แต่ก็พูดได้ไม่เลวเลยนะ
ฮ้า~ อยากกลับไปเจอคุณหนูเร็วๆ แล้วสิ
“แต่ระวังเอาไว้ก่อนจะดีกว่า เราจะบดขยี้พวกมันด้วยกำลังเต็มอัตราศึก! แม้ว่าหน้าที่ของพวกเราจะเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจก็ตาม แต่เราไม่ได้ถูกสั่งห้ามไม่ให้จัดการสังหารโนอามารี เทียไลท์ด้วยเช่นกัน! หน่วยของพวกเรานี่แหละที่จะได้ความดีความชอบในครั้งนี้!”
“ฮ- เฮ้ย! เจ้าบ้าเอ้ย!”
“““โโโโโโโโโโโโโโโโอ้!!”””
พวกทหารของจักรวรรดิพากันวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเรา
“เฮ่! ใจเย็นๆ ก่อนนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! มาตอนนี้จะร้องขอความเมตตารึไง!”
“ผมไม่ได้พูดกับพวกแก! นี่ โอโตฮะ ขอร้องล่ะ ใจเย็นๆ ก่อนนะ”
จะฆ่า คุณหนูเหรอ?
หาาาาาาาาาาาาาาา?
“ยามใดที่ปศุสัตว์หมดสิ้นซึ่งคุณค่า ก็ได้เวลากำจัดทิ้งในทันทีสินะเจ้าคะ ♡”
“ซ- ซวยแล้ว!”
“{แอซิดเรน (หยาดพิรุณกรดแก่)}”
“จะบ้าหรือไง!? อย่าลืมสิว่าผมเองก็อยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกันนะ!”
“เธอทนได้ด้วยเวทมนตร์สายต้านทานอยู่แล้วนี่ โอรัน อีกอย่าง ฉันก็ทำให้มั่นใจแล้วด้วยว่าฝ่ายเราจะไม่ตกเป็นเป้าจากผลของของเวทมนตร์น่ะ”
“น้ำฝนมันกระเซ็นมาถึงนี่เลยนะ! ดูสิ! กางเกงเป็นรูไปหมดเลยเนี่ย!”
อารมณ์เสียชะมัดเลย
จะฆ่าคุณหนูเหรอ? ไอ้พวกระยำพวกนั้นน่ะเหรอ?
“เอาล่ะ กลับกันเถอะ แล้ววันนี้ ในที่สุดฉันก็จะได้ริมฝีปากของคุณหนูเสียที!”
“เฮ่! กลับมาขอโทษเรื่องกางเกงก่อนสิ! นี่!”
เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยจริงๆ เลยนะ น้องชายฝาแฝดของฉันเนี่ย
เพราะแบบนี้ไงถึงได้เนื้อไม่หอมน่ะ
“แต่เวทมนตร์ของเธอนี่ ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเอาซะเลยนะ…”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันกำหนดเอาไว้ให้มันสลายตัวเป็นกลางเองได้หลังจากตกลงมาภายในเวลา 2-3 นาที เพราะฉะนั้น นอกจากพวกต้นไม้ที่โดนฝนกรดเข้าตรงๆ แล้ว ก็ไม่มีผลกระทบอะไรแน่นอน”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”
โอรันบ่นงึมงำๆ ไปในขณะที่มองดูร่างที่เหลวเละของพวกทหารจักรวรรดิที่ต่างถูกกรดกัดเนื้อหนังลึกลงไปถึงกระดูก
“เฮ้อ งั้นก็ช่างมัน กลับกันเถอะ”
“ใช่! ฉันต้องไปขอคำชมจากคุณหนูแล้วที่ปิดงานได้ในพริบตาแบบนี้!”
พวกเราก็ออกเดินกลับกัน
ตอนนี้ กลับไปอยู่ข้างกายคุณหนูโลด!
โน้ตจากผู้แต่ง: โอโตฮะ นี่เธอเป็นตัวละครฝ่ายดีแน่นะ?
TN: พวกนางก็ไม่ใช่ตัวละครฝ่ายดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับอาจารย์?