[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 33 บทที่ 2 ความทรมานของสีฟ้า - วันเกิดของเธอล่ะ?
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 33 บทที่ 2 ความทรมานของสีฟ้า - วันเกิดของเธอล่ะ?
หลังจากที่สแตเริ่มดูดความรู้เข้าไปในตัวเหมือนฟองน้ำที่แห้งกรอบดูดน้ำเข้าไป เธอก็เก็บหมดเลย ไม่ว่าจะตัวอักษร ภาษา หรือเวทมนตร์
“จะว่าไป สแต วันเกิดของเธอคือวันไหนนะ?”
อยู่ๆ ฉันก็สงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เลยถามสแตดู
“วันเกิดคือ อะไรน่ะ?”
“วันที่เธอเกิดมาไงล่ะ ในเมื่อสแตใกล้จะ 5 ขวบแล้ว ถ้าเธอนับมาตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดให้ได้ 5 ปีเป๊ะๆ จะยังเหลืออีกกี่วันเหรอ?”
“เดี๋ยวนะ”
ท่านโนอะที่กำลังง่วนอยู่กับหนังสือเวทมนตร์สายแสงสว่างอยู่อีกฟากนึงของโต๊ะก็ดูจะสนใจเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ท่านคั่นหนังสือปิดไป ก่อนจะเดินมาทางฝั่งนี้
“สมกับเป็นสแตเลยนะ คงต้องใช้เวลาซักพักเหมือนกันกว่าเธอจะนับวันจากตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้เสร็จ อาระ จริงด้วยสิ คุโระ แล้ววันเกิดเธอล่ะ?”
“มาลองๆ คิดดูแล้วนี่ ฉันก็จำไม่ได้นะคะ”
“ถ้าเกิดเรารู้ว่าพ่อแม่ที่น่าจะขายคุโระไปอยู่ที่ไหนล่ะก็นะ นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ น่ะเหรอ?”
“ถ้าไม่ใช่คนพิเศษแบบสแตหรือท่านโนอะที่จดจำเรื่องราวตั้งแต่ยังแบเบาะได้ ยังไงก็จำไม่ได้หรอกค่ะ ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็ถูกพ่อค้าทาสรับซื้อไปแล้ว”
ฉันจำเรื่องราวในชาติก่อนได้ไม่นานเท่าไหร่ก่อนจะพบกับท่านโนอะเท่านั้นเอง
เพราะตกจากรถม้าแล้วหัวกระแทก ความทรงจำก่อนหน้านั้นก็เลยเบลอไปหมดเลย
“เสร็จแล้ว”
ระหว่างที่ฉันย้อนนึกเรื่องราวอยู่ในใจ ดูเหมือนการประมวลในหัวของสแตจะเสร็จเรียบร้อยพอดีเลย
“สมแล้วจริงๆ เร็วดีนะ”
“อืม”
“แล้ว เป็นวันไหนเหรอ?”
“วันนี้”
“เห วันนี้เหรอเนี่ย”
“วันนี้สินะ งั้นก็―――”
““วันนี้?””
“อืม วันนี้”
สิ่งที่ตามมา คือความเงียบกริบเป็นเป่าสาก
“เออ สุขสันต์วันเกิดนะ”
“ขอบคุณ”
“อายุ 5 ขวบแล้วเหรอ มีอะไรที่เธออยากได้หรือเปล่า?”
“ฮอทเค้ก”
“คุโระ ไว้เดี๋ยวทำฮอทเค้กให้สูงเป็นภูเขาเลยนะ”
“จะทำสุดฝีมือเลยค่ะ”
หลังจากให้สัญญาเรียบร้อย เราทุกคนก็กลับไปนั่งอ่านหนังสือ ศึกษากันต่อ
*ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก*… เสียงนาฬิกาดังก้องไปทั่วห้องสมุดใหญ่
“ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ดูพวกเธอ 2 คนจะเงียบๆ หรือเปล่า?”
“อะไรเหรอ คุณหนู?”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ อยู่ๆ ก็?”
“เปล่าหรอก ก็ ไม่ใช่ว่าปกติเด็กๆ ในวัยนี้จะตื่นเต้นกันเวลามาถึงวันเกิดหรอกเหรอ?”
ถึงท่านจะว่าแบบนั้นก็เถอะ
“ฉันใช้ชีวิตผ่านมาโดยไม่เคยได้ฉลองวันเกิดมาก่อนเลยค่ะ…”
“วันเกิด มีฉลองด้วยเหรอ?”
“จ้าๆ จริงด้วยสิ พวกเธอ 2 คนเป็นเด็กแบบนั้นนี่นะ”
ท่านโนอะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปิดหนังสือลงอีกครั้ง ก่อนจะยืนขึ้น
“ทั้ง 2 คน ออกไปข้างนอกกันซักเดี๋ยวสิ”
“จะออกไปไหนงั้นเหรอคะ?”
“ซื้อของ?”
“เอาเถอะ ไปซื้อของ หรือที่จริง ฉันจะซื้อของขวัญวันเกิดให้พวกเธอ 2 คนนั่นแหละ”
ของขวัญ วันเกิด?
ของฉันเหรอ?
“ไม่ต้องหรอกคะ แถมก่อนหน้านั้น ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปนะคะว่าวันเกิดฉันคือวันไหนกันแน่”
“งั้น เอาวันที่เราเจอกันเป็นวันเกิดของเธอก็แล้วกันนะ ดูสิ นี่ก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว คุโระได้สิทธิซื้อ 3 ชิ้นเลย ดีออกนี่”
วันเกิด ของฉัน
―――ไม่รู้สึกอะไรเลยแฮะ
ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ ฉันก็ไม่เคยฉลองงานวันเกิดของตัวเองเลย ไม่เลยซักครั้ง
ขนาดตอนนี้ ที่ฉันถามเรื่อง ‘วันเกิด’ ไปนั่น ก็แค่เพราะว่ามันอยู่ในหนังสือที่ฉันอ่านอยู่พอดีก็เท่านั้นเอง ก็เลยถามเพราะอยากรู้ ไม่ใช่เพราะฉันใส่ใจอะไรมันเป็นพิเศษหรอก
“สำหรับฉันแล้ว การได้พบท่านโนอะ การได้รับใช้ท่าน แล้วก็ได้รับเวทมนตร์สายความมืด นี่ก็ได้ 3 อย่างแล้วค่ะ”
“คุโระ การอุทิศตัวถือเป็นคุณธรรมอันดีเลยก็จริง แต่ในเมื่อเธอเป็นของฉันแล้ว บางทีก็ควรแสดงความโลภออกมาซักหน่อยนะ ยังไงก็เถอะ ออกไปเดินเล่นในเมืองกันแล้วมองหาดีกว่าว่าเราจะเจออะไรบ้าง เร็วเข้า ลุกๆ”
ฉันกับสแตหันมามองหน้ากัน แต่เอาเถอะ ถ้าท่านโนอะต้องการแบบนั้นล่ะก็ พวกเราวางหนังสือลง แล้วก็ลุกขึ้นยืน
พวกเราใช้โอกาสที่ความปลอดภัยหละหลวม ลอบออกไปทางประตูหลัง แล้วก็มุ่งตรงไปที่เมืองกัน
“ถึงอาจจะเป็นการรบเร้าไปบ้าง แต่การมอบของให้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาแบบนี้เป็นครั้งคราวถือเป็นความลับในการบริหารคนเลยนะ เป็นการกุมหัวใจของผู้คนเอาไว้ไงล่ะ”
“ในจุดที่ท่านโนอะไม่ยอมปิดบังอะไรไว้เลยแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้เกลียดอะไรหรอกนะคะ”
ไหนๆ ท่านก็ว่าแบบนั้น แต่ฉันไม่คิดว่ามันเป็นการซื้อใจของคนอื่นเอาไว้หรอก
แถมแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ ทั้งฉันทั้งสแตก็อยู่ภายใต้การควบคุมของท่านอยู่แล้วด้วย
พอพวกเรามาถึงเมือง ก็ถูกสนใจอยู่บ้างนะ แต่ไม่ได้มีใครเดินตรงเข้ามาหาหรือร้องเรียกเราเลย
พวกเหยียดสีผมแบบสุดขั้วในเมืองนี้กีดกันคนแบบพวกเราออกไปตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเลย จะเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก
ทุกคนก็คงอยากเลี่ยงไม่อยากสุงสิงกับคนที่มีสีผมผิดแปลกแบบพวกเรานั่นแหละนะ
“พวกเธอนี่ ไม่มีอะไรที่อยากได้เลยจริงๆ น่ะเหรอ?”
“ถึงจู่ๆ ท่านจะถามแบบนั้นก็เถอะ―――อ๊ะ ไม้กวาดที่ฉันใช้ทำความสะอาดห้องสมุดพังไปอันนึงแล้ว คิดว่าอาจจะเป็นอันนั้นนะคะ”
“เดี๋ยวฉันซื้อเปลี่ยนมันตามปกตินั่นแหละ นึกถึงของที่เธออยากได้จริงๆ เถอะ”
หืม ของที่อยากได้จริงๆ…
…
ไม่ไหว คิดอะไรไม่ออกเลย
เพราะในชาติก่อน เพื่อจะเอาชีวิตรอดให้ได้ มีแต่เวลาที่ต้องใช้ทั้งความยับยั้งชั่งใจ ความเสียสละ และความอดทนเป็นอย่างมากทั้งนั้นเลย จนทำเอาแนวคิดเรื่อง [อยากได้] มันโดนเอาออกไปจากตัวฉันนานแล้วล่ะ
“ท่านโนอะคะ ให้พูดตามตรง ฉันไม่มีความต้องการทางวัตถุอะไรจริงๆ ค่ะ เพราะอย่างนั้นแล้ว สำหรับตอนนี้ ฉันขอผัดผ่อนออกไปก่อนได้มั้ยคะ? หากในอนาคตมีอะไรที่ฉันอยากได้จริงๆ ฉันจะบอกให้ทราบอีกทีนะคะ”
“…ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถ้าเธอว่าแบบนั้น ก็เอาตามนั้นแล้วกัน แล้วสแตล่ะ มีอะไรอยากได้อยู่ในใจหรือเปล่า?”
“ฮอทเค้ก”
“นอกจากฮอทเค้กสิ”
“งั้น แฮมเบิร์ก”
“ตอนนี้ ออกจากอาหารกันก่อนนะ”
สแตดูจะลำบากเหมือนฉันเลยนะ
ถึงเด็กคนนี้จะมีความอยากอาหารมากมาย แต่ความต้องการอื่นๆ นี่ก็ไม่มีเลย
เธออาจจะตาปรือๆ ดูง่วงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะหลับอยู่ตลอดเวลาหรอก
“ถ้างั้น ลองเดินดูรอบๆ นี่ดูก่อนก็แล้วกันนะ บางทีเราอาจจะเจอของอะไรที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นก็ได้”
“อืม”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เราเดินดูในย่านร้านค้าในช่วงเวลาที่เงียบที่สุดของบ่ายวันทำงาน เวลานี้แทบไม่มีใครเดินไปเดินมาเลย
“แต่ว่า ต่อให้จะเป็นเวลาแบบนี้ก็เถอะ นี่มันก็ขาดชีวิตชีวาจังเลยนะ”
“อาจจะเพราะมีท่านโนอะกับฉันอยู่ที่นี่ก็ได้นะคะ โปรดนึกถึงเรื่องทั้งหลายทั้งแหล่ที่เราทำมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมาดูสิคะ”
“จำไม่ได้หรอก ฉันไม่ใช่ผู้ใช้เวทจิตใจซักหน่อย”
“แก้ตัวอะไรของท่านคะเนี่ย”
ฉันจัดการไล่พวกคนที่เข้ามาจะทำร้ายฉันด้วยเวทมนตร์ลึกลับ แล้วก็ส่งพวกนั้นเข้าสถานกักกันได้โดยไม่ถูกตั้งคำถามอะไรเลยแม้แต่ข้อเดียว
ส่วนท่านโนอะ ท่านก็ก่อเรื่องเอาไว้ในเมืองนี้มากแบบนับไม่หวาดไม่ไหว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนถึงพยายามเลี่ยงๆ พวกเราล่ะนะ
ไม่น่าจะมีใครในเมืองนี้หรอกมั้งที่จะร่าเริงตอนที่ได้เจอพวกเราน―――
“นี่ พวกหนูๆ ตรงนั้นน่ะ”
มีด้วยแฮะ ตอนที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่พอดีเลย
พอหันมองไปตามเสียง ตรงนั้นก็มียายคนนึงที่เคยเห็นมาก่อนกำลังตั้งแผงขายของอยู่ด้วย
เธอเป็นหญิงสูงวัย คลุมผ้าปิดลงมาจนมองเห็นหน้าไม่ชัดเลย
เป็นคนที่ดูเหมือนส่วนผสมระหว่าง [คนน่าสงสัย] กับ [แม่มด] มารวมกันแล้วคูณ 2 เพิ่มเข้าไปยังไงยังงั้นเลย
“หน้าตาไม่คุ้นเลยนะ เป็นแม่ค้าเร่เหรอ?”
“อุฮุฮุฮุ ใช่แล้วจ้ะ พอหนูๆ เดินผ่านมา ผู้คนตรงนั้นก็เงียบกริ๊บกันหมดเลย ฉันเลยคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสทำธุรกิจก็ได้ เลยเรียกหนูๆ ไงล่ะ”
“ยังคิดจะมาทำธุรกิจกับกลุ่ม 3 คนน่าสงสัยแบบนี้เนี่ย จิตวิญญาณคนค้าขายแข็งแกร่งน่าดูเลยนะ ไม่เห็นสีผมของพวกเราหรือไง?”
“ยังเห็นชัดอยู่นั่นแหละ แต่แล้วมันทำไมล่ะ? ไม่ว่าจะผมสีอะไรก็ตาม ตราบใดที่มาซื้อของ ฉันก็ไม่เกี่ยงหรอกจ้ะ”
โห น่าตกใจนะเนี่ย
ในประเทศนี้ จะหาคนที่เข้าหาคนอื่นแบบที่ไม่อคติเรื่องสีผมถึงขนาดนี้น่ะ หายากเลยนะ
“หืม ดีนี่นา คุณยาย มีสินค้าอะไรขายบ้างล่ะ?”
“เอ้า มาลองดูสิ มีของหายากจากทั่วโลกเลยมารวมไว้ที่นี่แล้ว”
“โห งั้นฉันขอด้วย-… นี่อะไรคะเนี่ย?”
“โอ้ คุณหนูนี่ตาถึงนะเนี่ย! มันตกทอดลงมารุ่นสู่รุ่นจากหมู่บ้านอันห่างไกลทางใต้แห่งนึง ว่ากันว่าเป็นหน้ากากที่เมื่อถูกสวมใส่ จะมีพลังลึกลับภายในออกมา เป็นไงบ้าง? ลวดลายการออกแบบที่ราวกับจะสาปแช่งให้ผู้อื่นตายได้ตลอดเวลานี่น่ะดูดีเลยใช่มั้ย?”
“คุโระ อยากได้มั้ย?”
“ไม่เอาหรอกค่ะ”
ได้เห็นใครซักคนที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่มีอคติต่อสีผมแบบนี้ก็ดีอยู่หรอกนะ แต่…
ไม่รู้สิ จะว่ายังไงดีล่ะ แต่ของที่ขายนี่มันออกจะแปลกเกินไปจนฉันไม่อยากจะซื้ออะไรเลยเนี่ยสิ
“ชิ้นนี้คือ?”
“แจกันไงล่ะ เป็นผลงานที่ผู้สร้างสรรค์พยายามสร้างขึ้นให้สมบูรณ์แบบ แต่ในท้ายที่สุด มันกลับเสียรูใส่ดอกไม้ไปซะได้”
“แล้ว อันนี้ล่ะ?”
“ชิ้นนั้นน่ะเหรอ มันเป็นต่างหูที่กักเก็บเวทมนตร์ดึกดำบรรพ์เอาไว้ แค่ใส่มัน ก็ทำให้สามารถใช้เวทมนตร์สายอัคคีได้แม้ว่าในตัวจะมีคุณสมบัติธาตุอื่นก็ตาม เพียงแต่ว่า มันมาพร้อมกับระบบที่จะระเบิดออกโดยอัตโนมัติทันทีหากพลังเวทภายในเกินขีดระดับหนึ่งไป สุดท้าย ก็เลยไม่มีใครกล้าใช้มันเลย”
“ปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นนั่นแหละค่ะดีแล้ว”
เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมยายคนนี้ไม่เลือกลูกค้าเลย
คนที่จะมาซื้อน้อยมากขนาดนี้ ไม่ใช่สถานการณ์ที่ยายจะเลือกอะไรได้หรอก
“ไม่ไหว ก็จริงอยู่นะคะที่ว่าสินค้าพวกนี้มีแต่ของหายากทั้งนั้นเลย แต่มันก็เฉพาะกลุ่มไปหน่อย ยายไม่ตุนของธรรมดาๆ เอาไว้ให้มากกว่านี้ซักหน่อยล่ะคะ?”
“ขายของที่มันธรรมดาๆ แล้วมันจะไปสนุกอะไรล่ะ?”
“หืม ว่าแบบนั้นก็มีประเด็นอยู่นะ”
“อย่าไปเออออตามในจุดพิลึกพิลั่นแบบนั้นสิคะ ท่านโนอะ”
ถึงยายจะเป็นคนน่าสนใจดี มองออกไปไกลๆ ในวันข้างหน้ามันก็ไม่เป็นไรก็เถอะ แต่ว่า มาซื้อของอะไรพวกนี้ไปเนี่ย จะว่ายังไงดี มันเหมือนกับเอาเงินไปเททิ้งเพื่อซื้อขยะอะไรซักอย่างกลับมาเลย
“ท่านโนอะคะ ไปกันเถอะค่ะ ที่นี่ไม่มีอะไรดูน่าซื้อเลย”
“เอาเถอะ นั่นสินะ งั้น คุณยาย ไว้ถ้าเกิดวันข้างหน้าไปเจอของอะไรหายากแล้วดูมีประโยชน์ล่ะก็ บอกให้เรารู้ด้วยก็แล้วกันนะ”
“อ๊ะ รอเดี๋ยวสิจ๊ะ!”
“มีอะไร ถ้าจะมายัดเหยียดให้ซื้อล่ะก็ เราไม่สนหรอกนะ”
“เปล่าๆ ไม่ใช่ยังงั้น”
คุณยายชี้ไปทางนึง ฉันก็มองตามนิ้วนั่นไป
แล้วตรงนั้น ฉันก็เจอ
“เพื่อนพวกเธอ ดูจะสนใจอะไรด้วยนะ”
“สแต?”
สแตกำลังชูตุ๊กตาแปลกๆ ที่มีหน้าตาแปลกไม่ซ้ำใครตัวนึงขึ้นมาสุดแขน พร้อมกับสีหน้าที่เป็นประกายเลย
TN: ก็จริงนะ สภาพความเป็นอยู่ของคุโระทั้งชาติก่อน ชาตินี้ จะแบบไหนก็ไม่น่าจะทำให้น้องจำวันเกิดตัวเองได้เลยนะ แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ ก็คงเต็มกลืนแล้ว