[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 13 บทที่ 1 ความโลภของสีทอง - แม่มดทมิฬ
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 13 บทที่ 1 ความโลภของสีทอง - แม่มดทมิฬ
การยึดครองโลก ความทะเยอทยานที่ตัวร้ายทุกยุค ทุกสมัย แล้วก็ทุกภูมิภาคต้องวางเอาไว้
คนสมัยนี้ก็คงจะบอกว่า ‘นั่นมันความพยายามที่สูญเปล่าชัดๆ ไม่ใช่หรือไง’ หรือไม่ก็ ‘ถ้ายึดครองโลกได้แล้ว หลังจากนั้นจะทำอะไรล่ะ’ ทุกวันนี้ก็เลยแทบจะไม่ได้ยินคำนี้เท่าไหร่แล้ว
คงไม่ใช่แบบนั้นหรอก
“ฉัน อยากจะยึดครองโลกใบนี้ล่ะนะ”
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาได้ยินคำนี้ที่ต่างโลกน่ะ
“ยึดครองโลก เหรอคะ”
“ถูกต้อง ไม่อยากเหรอ? ได้โลกทั้งใบมาอยู่ในกำมือเลยนะ ตัวฉันจะเป็นกฎที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจ แบบนั้นน่ะสุดยอดไปเลยนะว่ามั้ย?”
“ก- ก็คิดว่าไม่เลวนะคะ”
ตามปกติ มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก มันก็แค่ความฝันของเด็กๆ ที่พอมองเห็นก็จะยิ้มๆ ออกมา ถึงยังไง อีกฝ่ายก็เป็นเด็ก 5 ขวบนี่นะ ฉันเองก็เหมือนกัน
แต่ว่า คนคนนี้น่ะมีทั้งแรงดึงดูด ทั้งความสามารถในการทำมันจริงๆ จนน่ากลัวเลยเนี่ยสิ
“แล้วก็ ในห้องนี้ มันก็มีบางอย่างที่จะเป็นการก้าวไปข้างหน้าใหม่อีกก้าวยังไงล่ะ”
“ห้องนี้ น่ะเหรอคะ? แต่นี่มันไม่มีอะไรเลยนะคะ”
“ตัวห้องน่ะมันไม่ได้มีอะไรหรอก นี่ก็แค่ห้องของคนใช้เท่านั้นเอง แต่ว่า ตรงนี้―――”
ท่านโนอะใช้ส้นเท้าแตะที่พื้น โดยที่รอยยิ้มยินดีบนหน้ายังไม่หุบเลย
“คุโระ ใส่พลังเวทของเวทมนตร์สายความมืดลงไปที่พื้นตรงนี้ทีสิ”
“ตรงนี้ เหรอคะ?”
“รู้วิธีทำอยู่แล้วใช่มั้ย?”
“ค่ะ คิดว่านะคะ”
ถึงสติของฉันจะกลับมาแล้ว แต่พลังของฉันก็ไม่ได้หายไปนะ หรือก็คือเวทมนตร์สายความมืดตามที่ท่านโนอะบอกนั่นแหละ
พอได้รับคำสั่งมาแบบนั้น ฉันก็วางมือราบกับพื้น นึกย้อนความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็ปล่อยพลังเวทของตัวเองออกมา
แล้วจากนั้น
จู่ๆ ก็มีอะไรไม่รู้ เหมือนหนวดหมึกสีดำโผล่พรวดออกมาจากพื้น เข้ามาโอบรอบฉันกับท่านโนอะยังกับกรงขังเฉยเลย!
“คิย้าาา!?”
“ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอก ไม่ต้องกลัว ก็แค่ช่องทางการเดินทางเท่านั้นเอง”
แล้วช่องตารางของกรงก็ค่อยๆ หายไป ก่อนที่กรงนี้จะเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นอะไรซักอย่างที่ถ้ามองจากข้างนอกก็คงจะเห็นเป็นทรงกลมที่มีพวกเราอยู่ข้างใน
ระหว่างที่ฉันยืนนิ่งอยู่อีกซักพักโดยที่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากท่านโนอะ เจ้าพาหนะดำอันนี้ก็เริ่มจะเคลื่อนตัวด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคย
มันเหมือนกับ
“กำลังลงไปเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว พูดให้ถูกคือกำลังลงไปชั้นใต้ดินน่ะ”
ใช่ เหมือนกับว่ากำลังลงลิฟต์อยู่ยังงั้นแหละ
“เธอเข้าไปที่นั่นด้วยวิธีปกติไม่ได้หรอกนะ วิธีเดียวที่จะเข้าไปได้ก็คือใส่พลังเวทของเวทมนตร์สายความมืดลงไป ณ ที่ที่กำหนดเอาไว้ เพราะฉันมีเวทมนตร์สายแสงสว่าง ฉันก็เลยเข้าไปไม่ได้ซักทีจนถึงตอนนี้นี่แหละ เพราะแบบนี้ ฉันถึงได้พยายามออกตามหาผู้ใช้เวทมนตร์สายความมืดไงล่ะ”
“คือว่า ฉันสงสัยมาซักพักแล้ว… ท่านโนอะเป็นใครกันแน่คะ? ทำไมท่านถึงรู้เรื่องที่แบบนี้ได้ ทำไมถึงรู้เรื่องเวทมนตร์สายความมืดที่ไม่มีใครรู้จักได้ แล้วถึงฉันจะเป็นคนพูดเองก็เถอะ แต่ลักษณะการพูดของท่านก็ดูไม่สมกับอายุเลยด้วย”
ฉันกลั้นใจ ตัดสินใจถามท่านโนอะ ที่ตอนนี้กำลังเหยียดขาบิดขี้เกียจอยู่ออกไป
“นั่นสิน้า ก่อนจะตอบเธอเรื่องของฉัน ขอฉันเล่านิทานเก่าๆ เรื่องนึงให้ฟังก่อนแล้วกัน ทำไมคนมีผมสีหายากถึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเหยียดหยาม―――หรือก็คือ ทำไมการมีอยู่ของเวทมนตร์หายากถึงได้หายสาบสูญไป”
“ค- ค่ะ”
“ประมาณ 1,000 ปีก่อน ในยุคสมัยที่ผู้ใช้เวทมนตร์หายากยังไม่ได้มีมากมายเท่ากับตอนนี้ ในสงครามขนาดใหญ่ พวกเขาก็จะถูกส่งไปในแนวหน้าอยู่เสมอ มีคนแบบพวกเขาแค่คนเดียวก็เทียบเท่ากับการมีทหารเป็นพันนายเลย หรือเผลอๆ อาจจะมากกว่านั้นซะอีก ถ้าผู้ใช้เวทมนตร์หายากปรากฏขึ้นมาในสมรภูมิแล้ว พวกนักเวทย์ทั่วๆ ไปที่ต้องเผชิญหน้าด้วยน่ะทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
ท่านโนอะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีที่แล้วที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ด้วยท่าทีเหมือนกำลังเล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ฟังยังงั้นแหละ
“แล้ว ในหมู่ผู้ใช้เวทมนตร์หายาก ก็มีผู้หญิงคนนึงที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุด ชื่อของเธอคือ ‘ฮารุ’ ผู้หญิงผมดำ ผู้ใช้เวทมนตร์สายความมืด ผู้ถูกเรียกขานกันอย่างหวาดกลัวว่า [แม่มดทมิฬ] และถึงกับถูกเรียกขานกันว่าเป็นราชันแห่งจอมเวทย์หายากเลยด้วยซ้ำ”
“สายความมืด เหมือนกับฉันเลย…”
“เวทมนตร์สายความมืดน่ะไม่ใช่แค่การมอบความตายให้หรอกนะ พูดให้ถูกต้องคือ มันเป็นเวทมนตร์อันไร้เหตุผลที่ควบคุม [การเสื่อมสลาย] และ [การลบล้าง] ความตายนั้นก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนนึงของ [การลบล้าง] เท่านั้นเอง ฮารุเป็นผู้ควบคุมมัน และร่วมมือกับเหล่าสหายผู้ถือครองเวทมนตร์หายากที่ฉาวโฉ่อีกหลายคน ก่อตั้งอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกขึ้นมา แม้แต่เหล่านักเวทย์ที่ต่อต้านเธอ แค่จะสัมผัสตัวก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พวกเขาทั้งหมดถูกบังคับให้ต้องยอมก้มหัว และตกเป็นบริวารของเธออย่างไร้ทางเลือก”
ถึงจะเป็นเรื่องเมื่อพันปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีแม่มดสุดโกงอยู่ในโลกนี้ด้วยสินะเนี่ย
“ท้ายที่สุด แม้ว่าหลากหลายประเทศจะจับมือกันร่วมทำสงคราม และพยายามกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะสังหารฮารุลงให้ได้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถฆ่าฮารุได้เลยซักคน แล้วก็นั่นแหละ จอมเวทที่ถือครองเวทมนตร์หายากกว่าครึ่งต่างหลงใหลในตัวฮารุ และพากันเข้ามาเป็นกำลังให้กับเธอกัน
แม้แต่กลุ่มพันธมิตรที่รวบรวมผู้มีอิทธิพลมาจากมากมายหลายประเทศก็ยังถูกกองกำลังของฮารุบดขยี้จนไม่เหลือ ดูราวกับว่ายุคสมัยที่โลกทั้งใบเป็นของฮารุไปแล้วได้มาถึงยังไงยังงั้นเลย”
พอท่านโนอะเห็นสีหน้าของฉันที่ดำดิ่งไปกับเรื่องราวที่เล่านั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“แต่ในระหว่างนั้น ก็มีผู้หญิงคนนึงเข้ามาในประเทศของฮารุตามลำพัง ชื่อของเธอคนนั้นคือรูช เป็นจอมเวทอัจฉริยะผู้ถือครองเวทมนตร์สายแสงสว่างที่ตีคู่เทียบเท่ากับฮารุเลย เธอคนนั้นต่อกรกับทั้งประเทศของฮารุด้วยตัวคนเดียว หลังจากที่ล้มนักเวทย์ลงไปมากมาย ร่วมกับใช้เวทมนตร์รักษาตัวเองไปด้วย เธอก็ฝ่าไปจนถึงตัวของฮารุจนได้”
“ล- แล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ฮารุเห็นว่านอกจากตัวเธอแล้ว ไม่มีใครสามารถล้มรูชได้แน่ เธอจึงเลยเลือกเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยตัวเธอเอง ความสามารถของทั้งสองแทบจะทัดเทียมกัน แล้วเวทมนตร์สายแสงสว่างกับเวทมนตร์สายความมืดก็หักล้างกันเองด้วย จากการต่อสู้ขนาดมหึมา ก็กลับกลายเป็นเหมือนศึกแมวไล่จับหนูยาวนานไป 7 วัน 7 คืน”
“ผ- ผลล่ะคะ?”
“ตามเกาะติดอยู่ตรงเก้าอี้แถวหน้าเลยนะเนี่ย หลังจากที่ผ่านมา 7 วัน การต่อสู้มันก็จบลง รูชเป็นฝ่ายชนะ ฮารุแพ้ไปแบบเฉียดฉิว ก่อนจะหลบหนีออกมาได้ แต่เธอก็เสียชื่อของจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกให้กับรูชไป หลังจากนั้น รูชก็ถูกยกย่องให้เป็นผู้กอบกู้โลกเอาไว้ ส่วนตัวตนของฮารุก็ถูกฝังลึกลงไปในเงามืดของประวัติศาสตร์ ในฐานะอาชญากรระดับโลกที่หาตัวจับยากไป”
“อ๊ะ หรือว่าที่ผมสีดำถูกหวาดกลัวเกินความจำเป็นนี่จะ…”
“ต่อให้เรื่องราวของฮารุจะไม่ถูกเล่ามาจนถึงชนรุ่นหลัง แต่ความทรงจำอันน่ากลัวของเวทมนตร์สายความมืดดูเหมือนจะยังเกาะติดอยู่แน่นไม่หายไปไหนเลย ผลสุดท้าย ก็เหลือแค่ [ภาพของผมสีดำ = สัญลักษณ์ของความชั่วร้าย] ที่ตกทอดลงมาถึงชนรุ่นหลังเท่านั้นเอง”
ปริศนาอย่างนึงถูกคลี่คลายแล้ว
ก็ว่าอยู่ เรื่องที่ว่าผมสีดำจะเอาโชคร้ายมาให้นี่มันมากจากไหนกันแน่ แต่ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองเหรอ
“หลังจากนั้น ก็ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของเหล่านักเวทย์ที่ข้องเกี่ยวกับฮารุ หรือก็คือ เวทมนตร์หายากทั้งหมดนอกเหนือจากเวทมนตร์สายแสงสว่างก็ถูกกล่าวหาตามไปด้วย ผลก็คือ ตำราเวทที่กล่าวถึงเวทมนตร์หายากทั้งหมดถูกเผาทำลาย เพราะงั้น ต่อให้จะมีใครเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางเวทมนตร์หายากก็ตาม พวกเขาก็ไม่รู้วิธีใช้เวทมนตร์ที่ว่าอยู่ดี จนพวกคนที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ว่าต้องโดนดูถูก กลายเป็นพวกเส้นผมชั้นต่ำไป นั่นก็คือเหตุผมที่ว่าทำไมในโลก ผมสีอื่นนอกจากสีบลอนด์ทองและ 4 สีหลักถึงได้โดนดูถูกเหยียดหยามแบบนี้”
“แสดงว่า มีแค่เวทมนตร์สายแสงสว่างที่รูชใช้สินะคะที่สามารถหนีจากภัยพิบัติที่ว่านี่ได้”
“ตามนั้นเลย”
ฉันโน้มตัวเข้ามาฟังตั้งแต่ตอนที่เรื่องเล่ามาถึงกลางทางแล้ว ฉันก็เลยดึงตัวเองกลับมายืนตัวตรง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อดึงความใจเย็นกลับมา
“ตลกดีนะว่ามั้ย?”
“ค่ะ มากเลย”
“เอาล่ะ จำเรื่องนั้นเอาไว้ แล้วกลับมาที่หัวข้อของพวกเรากันดีกว่า เรื่องที่ว่าฉันเป็นใครสินะ”
จริงด้วย ทั้งๆ ที่ฮารุควรจะโดนลบหายไปจากประวัติศาสตร์แล้วแท้ๆ แล้วทำไมท่านโนอะถึงรู้เรื่องตัวตนที่แท้จริงของฮารุได้ล่ะ
หรือว่า ในบ้านหลังนี้จะมีหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ที่สูญหายไปหลงเหลืออยู่ด้วยกันนะ?
“นิทานเรื่องนี้มีตอนต่อด้วยนะ หรือไม่ก็สปินออฟ หรือจะอะไรก็ช่างเถอะ 2-3 ปีหลังจากที่ฮารุแพ้ให้กับรูช ร่างกายของฮารุที่ถูกกัดกินจากเวทมนตร์สายแสงสว่างก็มาถึงขีดจำกัด และเริ่มทรุดลง แต่เมื่อความตายใกล้เข้ามา เธอก็ใช้พลังเวททั้งหมดที่เหลืออยู่ ใช้งานเวทมนตร์สายความมืดบทนึง
ตามปกติแล้ว เวลาสิ่งมีชีวิตตายไป ก็จะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ก่อนจะเข้าสู่วัฏจักร และไปเกิดที่ร่างกายร่างใหม่ แต่ว่า เวทมนตร์สายความมืดที่มีพลังในการบิดเบือนเหตุและผลได้ ในจุดสูงสุดของมัน เวทมนตร์สายความมืดน่ะสามารถมีพลังเพียงพอจะบิดเบือนได้แม้แต่วงจรการเกิดของธรรมชาติ รวมทั้งการเกิดใหม่โดยยังรักษาความทรงจำเอาไว้อยู่ได้ด้วย ฮารุก็ได้ใช้พลังนั้น เพื่อกลับมาเกิดใหม่ในอีกพันปีหลังจากที่เธอตาย”
“แบบนี้เอง อีกพันปีล-… อีกพันปี? ก- ก็คือตอนนี้นี่คะ!”
“ถูกต้อง”
“งั้นก็แปลว่า แม่มดสุดโกงคนนั้นก็อยู่ที่ไหนซักที่ในโลกนี้แล้วด้วยสิคะ!?”
“เป็นแบบนั้นแหละ”
“อยู่ที่ไหนกันน-… ท่านโนอะ ทำไมท่านถึงรู้เรื่องพวกนี้ที่ไม่มีใครคนอื่นรู้เลยได้ล่ะคะ?”
ท่านโนอะไม่ตอบคำถามอะไร ท่านแค่จ้องมาที่ฉันเท่านั้นเอง
ไม่จริงน่า
ม- ไม่สิ แบบนี้มัน
“ท- ท่านโนอะคะ ฉันขอยืนยันอะไรซักอย่างได้หรือเปล่าคะ?”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“คือ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ก็อย่างน้อย! อย่างน้อยก็ช่วยฟังหน่อยนะคะ”
“เชิญเลย”
“คือ เป็นไปได้มั้ยว่า ฮารุคนนั้น… กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันหรือเปล่าคะ?”
ท่านโนอะยืนขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างที่สุดในวันนี้เลย
แล้ว
“นั่นสินะ เธอเข้าใจถูกแล้วล่ะ”
ท่านก็เอามือวางทาบอกของตัวเอง
“โนอามารี เทียไลท์ หรือในชาติก่อนก็คือ [แม่มดทมิฬ] ฮารุ ราชันแห่งจอมเวทย์หายากที่เขย่าโลกทั้งใบมาแล้วเมื่อพันปีก่อน ตัวร้ายในนิทานที่ฉันเพิ่งเล่าให้เธอฟัง ก็คือฉันเองแหละ”
TN: ว้าว! ตอนนี้มี backstory สำคัญ ร่วมกับ world setting ของเรื่องนี้เลยนะครับ ^^
ทีนี้ ก็ช่วยตอบคำถามที่เราสงสัยได้นิดนึงแล้วนะ ไม่มีไฟก็ไม่มีควัน ทุกอย่างจะเกิดขึ้นมาได้ ก็ต้องมีร่องรอยให้สืบต้นตอได้สิ