[WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS - ตอนที่ 8 แฟนสาวที่ลงเอยด้วยการทดสอบความกล้า ทั้งที่กลัวเจ็ดสิ่งลี้ลับของโรงเรียน
- Home
- [WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS
- ตอนที่ 8 แฟนสาวที่ลงเอยด้วยการทดสอบความกล้า ทั้งที่กลัวเจ็ดสิ่งลี้ลับของโรงเรียน
“ฟู่ว์ วันนี้เล่นไปได้เยอะเลยแฮะ พอกันตรงนี้เลยไหม”
ณ ห้องชมรมวรรณกรรมตามปกติ
เมื่อเกม RPG ที่ผมกับยูซุเล่นด้วยกันมาถึงจุดหนึ่ง ผมก็ได้ยืดแขนพร้อมกับบอกไปแบบนั้น
“อื้ม ตอนนี้เริ่มมืดแล้วด้วยสิ วันนี้พักกันก่อนดีกว่า”
ยูซุซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไปป์ถัดจากผมและถือจอยอยู่ได้เห็นด้วยกับผมพร้อมกับมองดูพระอาทิตย์ตกที่ส่องแสงอยู่ข้างนอกหน้าต่าง
เราสองคนเก็บเครื่องเกมและหยิบกระเป๋าที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะ
“อ๊ะ…ลืมหนังสือคณิตไว้ที่ห้องเรียนซะงั้น เดี๋ยวต้องเอามาใช้ทำการบ้านด้วย…คงต้องไปหาแล้ว”
ในตอนนั้น ยูซุก็ได้บ่นพร้อมกับมองเข้าไปในกระเป๋าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“จะให้ตามไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ก็แค่หนังสือเรียนน่ะ ยามาโตะคุงกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
“ไม่ล่ะ ฉันรอดีกว่า”
ช่วงนี้กลางวันเริ่มสั้นลงแล้ว ถ้าเกิดปล่อยให้ยูซุกลับบ้านไปคนเดียวผมคงรู้สึกผิดแย่
“ขอบคุณนะ”
ยูซุยิ้มอย่างมีความสุขเพราะคำพูดของผม
ผมเขินและมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง จากนั้นดวงอาทิตย์ก็ได้เข้ามาแยงตาผม
“…ว่าไปแล้ว นี่ก็ได้เวลาที่เจ็ดสิ่งลี้ลับของโรงเรียนจะปรากฏออกมาแล้วนี่นะ”
แสงสีแดงของพระอาทิตย์ตกได้ทำให้ผมนึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน
“เจ็ดสิ่งลี้ลับ? เห โรงเรียนเราก็มีกับเขาด้วยงั้นเหรอ”
ยูซุทำท่าแปลกใจเล็กน้อยเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้
“ใช่แล้ว ตึกเรียนของเรามีแค่สี่ชั้นใช่ไหม แต่พอพระอาทิตย์ตกแบบนี้เมื่อไหร่ บันไดที่เต็มไปด้วยสีแดงฉานก็จะปรากฏขึ้นเพื่อพาเราไปสู่ชั้นผีน่ะ แต่ถ้าเกิดเธอเดินขึ้นไปเมื่อไหร่ก็จะไม่มีวันได้กลับมาเลยล่ะ”
“ผะ ผีชั้นห้า?”
“อ้อ และต่อให้เธอจะจะรู้สึกตัวและพยายามเดินกลับกลางทาง เธอก็จะไม่สามารถไปถึงชั้นแรกได้แบบไม่รู้จบ เพราะแค่เธอเริ่มขึ้นบันไดก็ถือว่าได้ข้ามเข้ามาอีกโลกหนึ่งแล้ว…ประมาณนี้แหละ”
ก็เป็นข่าวลือที่มีอยู่ทุกที่นั่นแหละ
จะว่าไป นี่ก็หมดฤดูเล่าเรื่องผีไปแล้วนี่นะ หยุดพูดเรื่องเจ็ดสิ่งลี้ลับดีกว่าแฮะ
“เดี๋ยวฉันจะรอนะ รีบๆ ไปเอาหนังสือเรียนเถอะ”
“มะ ไม่เอาแล้ว ฉันไปที่ห้องเรียนไม่ได้แล้ว”
ยูซุถอนคำพูดก่อนหน้านี้ทิ้งทันที
“เป็นไรไปน่ะ ยูซุที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อภาพลักษณ์ จู่ๆ ก็จะโดดส่งการบ้านเนี่ยนะ”
“ก็แล้ว! นายจะเอาเรื่องน่ากลัวแบบนั้นมาเล่าให้ฉันฟังก่อนไปห้องเรียนทำไมกันยะ! ฉันไปห้องเรียนคนเดียวไม่ได้แล้ว! ฉันกลัวการกลับบ้านแล้ว เพราะงั้นต้องพาฉันไปส่งที่บ้านด้วยนะคะ!”
หน้าของยูซุที่ผมเห็นดูขาวซีด เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวเจ็ดสิ่งลี้ลับมาก
“โทษๆ ก็ไม่คิดว่าเธอจะกลัวขนาดนี้น่ะ งั้นเดี๋ยวฉันจะเดินไปกับเธอเองนะ โอเคมั้ย?”
“ฮึก… ห้ามทิ้งฉันไปเด็ดขาดเลยนะ”
ยูซุกำชายเสื้อผมแน่น
เราออกจากห้องชมรมวรรณกรรมไปทั้งสภาพนั้นและเดินไปตามทางเดิน
“พระอาทิตย์แดงแปร๊ดเลยอะ… น่ากลัวจังเลยอะ… ทำให้กลับเป็นตอนเช้าทีสิ ยามาโตะคุง”
“ในที่สุดคำขอเธอก็เริ่มเกินมนุษย์มนาแล้วนะ ฉันทำไม่ได้หรอก โทษทีนะที่ฉันเป็นแฟนไร้ความสามารถน่ะ”
ผมเดินช้าๆ เพื่อให้สอดคล้องของฝีเท้าของยูซุที่หวาดกลัว จนในที่สุดเราก็มาถึงบันไดเจ้าปัญหา
“ตะ ต้องก้าวขึ้นไปตรงนี้…”
“ยังไหวไหมน่ะ”
ผมมองใบหน้ายูซุด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเธอก็ได้ส่ายหัว
“ว่าแล้วยังไงก็ไม่ได้จริงๆ ด้วย! เปลี่ยนแผนการ! เริ่มจากขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยเฮลิคอปเตอร์ แล้วก็ห้อยตัวลงมาที่ห้องเรียน!?”
“จะจ้างทีมกู้ภัยเลยเรอะ! ถ้าเกิดจะใช้เงินมากขนาดนั้น สู้เธอไปซื้อหนังสือเรียนมาใหม่เลยดีกว่าไหม!”
จะว่าไป พอลองคิดดูดีๆ เราก็ไม่เห็นต้องพายูซุไปด้วยกันเลยไม่ใช่รึไง
“เอางี้ ถ้าเกิดเธอจะกลัวมากขนาดนั้นก็รออยู่ที่นี่ไหม เดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้เธอเอง”
พอผมแนะนำแบบนั้นออกไป ยูซุก็ได้ทำหน้าเกือบจะร้องไห้ออกมา
“เอ๊ะ…ไม่เอานะ! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวเลยนะ! ช่วยอยู่กับฉันตลอดเถอะนะ! ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มียามาโตะคุงนะ!”
“จู่ๆ อย่ามาพูดเหมือนเป็นผู้หญิงเยอะสิฟะ! เดี๋ยวคนมาได้ยินเข้าก็คิดว่าฉันบอกเลิกเธอหรอก หยุดเลยนะ!?”
ผมมองไปรอบๆ ตัวอย่างลนลาน แต่โชคดีที่ไม่พบนักเรียนคนอื่นเลย
ฮู่ว์…เซฟ
“ปะ ไปกันเลยไหม”
ผมกลัวโดนดึงชายเสื้อตอนขึ้นบันได ผมก็เลยจูงมือยูซุเดินขึ้นบันไดแทน
จากนั้นมืออันเย็นเยียบของยูซุก็กำผมไว้แน่น
“ฮึก… นี่เข้าไปอีกโลกหนึ่งแล้วสินะ พาร์สปอร์ตก็ไม่ได้พกมาด้วย แบบนี้จะกลายเป็นเข้าเมืองผิดกฎหมายรึเปล่านะ”
“ฉันว่าไม่นะ…”
“ถ้ากลับไปไม่ได้ก็หมายความว่าต้องไปอยู่โลกอื่นถาวรงั้นเหรอ…แบบนี้ก็แปลว่าพวกเราเรียนจบแล้วสิ แล้วเราจะหางานทำได้หรือเปล่า ถ้าเกิดว่าความรู้ของโลกอื่นไม่เหมือนกับของเราล่ะ…”
“หาไปเดี๋ยวก็ได้เองแหละ…”
“ฉันไม่คิดงั้นนะ…อ๊ะ แล้วเรื่องการโอนย้ายบัตรประจำตัวผู้พำนักล่ะ…ถ้าเกิดเป็นผู้เยาว์จะหาบ้านเช่ายังไง…”
“นี่เธอกังวลอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วห๊ะ! จริงๆ นี่เธอว่างอยู่ใช่มั้ย!?”
ยูซุหลุดไปยังที่แปลกๆ แล้ว
ในระหว่างนั้นพวกเราก็มาถึงห้องเรียนจนได้
“ดูซะ… นี่มันมืดแล้วนะ เลิกกลัวได้นะ”
“อะ อื้ม”
หลังจากมองส่งยูซุไปที่โต๊ะของตัวเองเสร็จ ผมก็ได้เปลี่ยนไปจ้องที่หน้าต่าง
“ดูนี่ ช่วงเวลาของเจ็ดสิ่งลี้ลับหมดไปแล้วนะ เธอไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดไปอีกโลกอีกต่อไปแล้ว”
“คะ ค่อยยังชั่วหน่อย…”
ยูซุถอนหายใจ พร้อมกับถือหนังสือเรียนอยู่ในมือ
จากนั้นเธอก็เชิดหน้าอกของตัวเอง
“ความจริงฉันก็ไม่ได้เชื่อตั้งแต่แรกอยู่แล้วแหละ! ก็แค่เรื่องไสยศาสตร์น่ะ!’
เฮ้ย กลับกลอกซะเร็วเชียว
“ดูกลัวซะขนาดนั้นยังมีหน้ามาพูดอีกนะ”
ผมอึ้งจนต้องตบมุกออกไป แต่ดูเหมือนยูซุจะไม่ยี่หระอะไรเลย
“เปล่ากลัวสักหน่อย ฉันก็แค่จะแสดงให้ยามาโตะคุงเห็นว่าฉันตอนกลัวน่ารักขนาดไหนต่างหาก! เป็นไงบ้างคะ? สัญชาตญาณการอยากปกป้องถูกปลุกขึ้นมาเลยใช่มั้ยล่ะคะ?”
คงไม่มีใบหน้าไหนที่ดูเหนือกว่าไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
เนื่องจากผมรู้สึกรำคาญนิดหน่อย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจตัดไพ่ใบหนึ่งที่คว่ำอยู่ขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างที่สุด
“แอคเก่งจังนะ ถ้าอย่างนั้นต่อให้ฉันเล่าเจ็ดสิ่งลี้ลับที่เกี่ยวกับห้องเรียนตอนกลางคืนที่อุบเงียบไว้ ยูซุก็คงไม่กลัวสินะ”
“อะ อะไรนะ…!?”
คงเพราะโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ยูซุจึงได้ทำท่ากลัวอย่างโจ่งแจ้งออกมา
ทว่าผมก็ได้หามีความเมตตาไม่ และรีบเล่าเรื่องออกไปก่อนที่ยูซุจะปรับอารมณ์ได้
“ที่โรงเรียนแห่งนี้ หากค่ำแล้วยังมีนักเรียนไม่ยอมกลับบ้านละก็…”
“ดะ เดี๋ยวว~~”
ในระหว่างที่ยูซุกำลังกลัวและพยายามเข้ามาแทรก
ประตูที่ปิดอยู่ก็ได้บังเอิญเปิดออกมาดังปัง
“แหงะ”
ประตูถูกเปิดออกมาแบบประจวบเหมาะพอดี จนผมส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เอ๊ะ ยังมีนักเรียนเหลืออยู่ด้วยเหรอครับ”
ทันทีที่ผมหันหลังกลับไป ผมก็ได้มองเห็นยามที่เหมือนกับกำลังเดินตรวจตรา
“ขอโทษด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับแล้วละครับ”
“ครับ มืดแล้วกลับบ้านระวังตัวด้วยนะครับ”
ยามทักทายเราอย่างเป็นมิตร และรีบไปยังห้องเรียนถัดไปเพื่อตรวจตรา
“ว่าแต่…”
ผมหันสายตาออกจากประตู และกลับไปดูแฟนสุดที่รักของตัวเอง
เธอไม่ตอบกลับอะไรเลย สงสัยว่าคงจะตกใจมากเกินไป
“นั่งลงไปแบบนั้นเป็นอะไรน่ะ”
“มะ ไม่ขึ้น…”
เมื่อผมถาม ยูซุก็ตอบกลับมาด้วยเสียงแหบๆ ดูเหมือนว่าเธอคงจะลุกไม่ขึ้นแล้วล่ะ
“อ๊ะ ต่อจากที่เล่าเมื่อกี้นะ เขาว่ากันว่าถ้าเกิดมีนักเรียนอยู่ในห้องเรียนตอนมืด ผู้หญิงที่เปื้อนเลือดจะเข้ามาจากทางประตูหลัง และพาพวกเขาไปยังโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกนี้”
“ทำไมเอามาเล่าในเวลาแบบนี้กันยะ!?”
ยูซุน้ำตาคลอ และต่อว่าผมเสมือนกับเป็นยักษ์มาร
“ทำไมล่ะ ก็เห็นเธอว่าไม่กลัวนี่ เอ้า รีบกลับบ้านกันได้แล้ว ถ้าเกิดยูซุไม่ลุก ฉันจะทิ้งเธอไว้ตรงนี้นะ”
“เดี๋ยวสิยะ!? นายก็เห็นว่าฉันยังกลัวอยู่เลยนะ! ช่วยรอก่อนได้ไหม!”
“ฮ่าๆๆ พูดเรื่องอะไรกัน ยูซุผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องเจ็ดสิ่งลี้ลับตั้งแต่แรก จะไปกลัวเข่าอ่อนซะจนนั่งไม่ได้แบบนั้นได้ยังไง”
“ขออภัยสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ค่ะ! ฉันตอแหลค่ะ! ความจริงแล้วฉันกลัวมากๆ เลยค่ะ!”
เมื่อเห็นยูซุถอนคำพูดก่อนหน้านี้ทิ้งทันที ผมก็ได้ยิ้มกว้างที่สุดออกมาอีกครั้งนึง
“หวายๆ นี่จะตอแหลให้ฉันเข้าไปปกป้องเธออีกรอบงั้นเหรอ ไม่ทางที่ฉันจะถูกหลอกซ้ำซ้อนหรอก”
“นี่มันเด็กเลี้ยงแกะ!”
“ถ้าเกิดจะโกหกหน้าซื่อเก่งขนาดนั้น…อยู่คนเดียวไปก็คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ งั้นฉันกลับก่อนนะ”
ผมเดินออกไปจากประตู และทิ้งยูซุไว้อยู่คนเดียว
“รอเดี๋ยวก่อนได้มั้ย!? ฉันผิดเอง! ขอโทษจากก้นบึ้งของหัวใจเลย! เพราะงั้นได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไปเลย!”
“บุยส์~”
“ยามาโตะคูงงงงง!?”
ส่วนเรื่องที่หลังจากปล่อยให้ยูซุสำนึกผิดจนพอใจ ผมก็เดินกลับไปและรับเธอมาพร้อมกันจะเป็นอีกเรื่องนึง