[WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS - ตอนที่ 13 คู่รักกับประสบการณ์อีเวนต์ถูกขังอยู่ในห้องที่โดนล็อก
- Home
- [WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS
- ตอนที่ 13 คู่รักกับประสบการณ์อีเวนต์ถูกขังอยู่ในห้องที่โดนล็อก
“พอมาลองคิดดูแล้ว ทำไมห้องนี้มันถึงถูกปล่อยทิ้งไว้นานขนาดนี้กันนะ”
ณ ห้องชมรมวรรณกรรมตามปกติ
ยูซุได้พึมพำเบาๆ ขณะดื่มกาแฟจากขวดพลาสติกที่เธอซื้อจากตู้ขายของอัตโนมัติ
“ก็นะ ฉันเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้เช็กห้องที่ไม่ได้ใช้ตลอดหรอก ครูเองก็ใช่ว่าจะว่างขนาดนั้น”
ชมรมวรรณกรรมของโรงเรียนเราได้ถูกยุบไปนานแล้ว และเรามักจะแอบบุกรุกเข้ามาที่ชมรมนี้และเล่นเกมที่ศิษย์เก่าทิ้งเอาไว้
“ที่ปรึกษาชมรมวรรณกรรมนี่ ใช่ครูญี่ปุ่น’ใหม่ สุกาวาระ หรือเปล่า”
“อา~ …คนนั้นแหละ”
ยูซุพยักหน้ารับ
คุณครูวิชาญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่ชื่อสุกาวาระ เป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องไม่เก่งเรื่องจัดการข้าวของ
เขาคงไม่ทำอะไรอย่างการเข้ามารื้อห้องชมรมที่ถูกยุบไปแล้วหรอก
“น่า แค่เราอยู่ในนี้อย่างปลอดภัยได้มันก็ดีแล้วนี่”
มันไม่ใช่พื้นที่หวงห้ามอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้นักเรียนจะมาอยู่ในห้องชมรมที่ถูกยุบไปแล้วก็มันก็ไม่มีปัญหา แต่สายตาของชาวโลกคงจะเปลี่ยนไปทันทีหากได้รู้ว่าชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไหนจะเรื่องของเครื่องเกม ต่อให้มันจะไม่ใช่ของพวกเราก็ตาม
ดังนั้นคงจะดีกว่าหากไม่โดนเจอ
——พูดไปแบบนี้จะเป็นการปักธงหรือเปล่านะ
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน
“ยูซุ ทีวี”
“รับทราบ”
เราปิดทีวีอย่างคุ้นเคยและกลั้นหายใจ
ปกติเจ้าของเสียงฝีเท้าจะเดินผ่านไป แต่น่าเสียดายที่วันนี้เสียงฝีเท้าดันมาหยุดกะทันหันที่หน้าห้องชมรมวรรณกรรม
ความตึงเครียดระหว่างผมกับยูซุค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ผมได้ยินเสียงโลหะกุ๊งกิ้งดังมาจากหน้าประตู
น่าจะเป็นเสียงของพวงกุญแจ มาขนาดนี้ก็รู้แล้ว เจ้าของฝีเท้าคือครูที่ถือกุญแจห้องนี้ และกำลังพยายามเข้ามาในนี้…!
“…”
“…”
ผมใช้สายตาสื่อสารกับยูซุให้ซ่อนเครื่องเกมและกระเป๋าเอาไว้ที่ชั้นวางของ
ครูที่อยู่ด้านนอกยังคงดึงกุญแจเข้าออกซ้ำๆ ดูเหมือนว่าเขาจะลำบากเพราะหาลูกกุญแจที่ถูกไม่เจอ
ร่องรอยของพวกเราได้หายไปหมดแล้ว ต้องหาที่ซ่อนตัวเดี๋ยวนี้
แต่ผมก็หาสถานที่ที่จะทำแบบนั้นไม่พบ
“…เอาไงดี จะไปซ่อนที่ไหน”
ยูซุถามออกมาด้วยเสียงกระซิบราวกับว่าเธอทนไม่ไหวแล้ว
และในตอนนั้นผมก็ได้มองเห็นตู้ล็อกเกอร์ที่ไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด
“ช่วยไม่ได้ ตรงนั้น…!”
ถึงมันจะแคบไปหน่อยสำหรับสองคน แต่ก็ไม่มีที่ให้หันหลังกลับ
เราเข้าไปในตู้ล็อกเกอร์อย่างเงียบๆ แบบเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และปิดประตูอย่างเงียบๆ
จังหวะต่อมา ประตูห้องชมรมวรรณกรรมก็ได้เปิดออกมา
เมื่อมองดูผ่านรูล็อกเกอร์ ผมก็มองเห็นคุณครูวัยกลางคนที่มีกล้ามเนื้อ
ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นคุณครูอบรมนักเรียนด้วย ถ้าเกิดถูกพบต้องมีปัญหาแน่
“ก็ว่าได้ยินเสียงมาจากที่นี่นะ… หรือว่าเราจะคิดไปเอง”
ครูอบรมนักเรียนเดินไปรอบๆ ห้องพร้อมกับเอียงหัวอย่างสงสัย
เวรเอ๊ย รีบๆ กลับไปซะ
“ยะ ยามาโตะคุง…! อย่าขยับสิ…!”
ในตอนนั้น เสียงกระซิบของยูซุก็ได้มาเข้าหูของผม
ดูเหมือนเพราะผมพยายามมองออกไปข้างนอกผ่านช่องประตูล็อกเกอร์ ผมจึงลงเอยด้วยการสัมผัสใกล้ชิดกับยูซุซึ่งอยู่ระหว่างประตูกับด้านหน้าของผม
สัมผัสของร่างกายอันอ่อนนุ่ม และลมหายใจของเธอที่มารดต้นคอทำให้ผมตื่นเต้น
“ขะ ขอโทษ”
ผมรีบขยับร่างกายออกจากเธอ บรรยากาศอึดอัดแปลกๆ เริ่มเข้ามา
“…”
“…”
ถึงผมจะปล่อยร่างกายเธอออกไปแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนว่าเรากำลังใกล้ชิดกัน
เราอยู่ใกล้กันซะจนกังวลว่ายูซุจะได้ยินเสียงหัวใจของผม
“คงไม่มีใครจริงๆ นั่นแหละ…”
ในระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังปังและเสียงกุญแจโดนล็อก
ดูเหมือนว่าครูอบรมนักเรียนจะยอมแพ้ไปแล้ว
“ระ รอดแล้ว…”
“อืม…”
เรามองหน้ากันและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เอาเป็นว่ารีบออกไปจากที่อึดอัดแบบนี้ดีกว่า
ผมเปิดประตูล็อกเกอร์ออกอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้ข้างนอกได้ยินเสียง
“…เอ๊ะ”
แต่ประตูกลับไม่ขยับ
“มีอะไรเหรอ ยามาโตะคุง”
ยูซุมองมาด้วยใบหน้างงๆ อย่างไม่เข้าสถานการณ์
“แค่ประตูปิดแน่นกว่าที่คิดไว้น่ะ… รอเดี๋ยวนะ”
ผมคิดว่าครูอบรมนักเรียนคงเดินไปไกลแล้ว ผมจึงเอาฝ่ามือผลักประตูออกไปราวกับว่ากำลังทุบประตู
แต่มันก็ยังเปิดไม่ออกอยู่ดี
“…แย่แล้วสิ สงสัยคงโดนขังแล้วล่ะ”
“เอ๊ะ!?”
จากที่พวกเราลองเช็กดู ดูเหมือนว่าที่ประตูไม่เปิดจะเป็นเพราะตัวล็อกเบี้ยวจากการปิดแรงเกินไป หรือไม่ก็ถูกปล่อยไว้นานเกินจนสนิมกิน
“ทะ ทำไงดี ยามาโตะคุง ขอความช่วยเหลือดีมั้ย”
“นั่นสินะ แต่ถ้าทำแบบนั้นเราคงจะโดนโกรธมากเลยล่ะ… ก็มันเหมือนเป็นการสารภาพเลยว่าพวกเราจงใจซ่อนตัว”
แย่ที่สุดอาจจะโดนห้ามไม่ให้ใช้ห้องชมรมอีกเลย ถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลบหนีด้วยตัวเอง
“เอาเป็นว่าลองหาดูว่าใช้อะไรได้ก่อนดีกว่า…”
ผมยืนอยู่ที่เดิมและหันหน้าไปตรวจสอบของที่ตู้ล็อกเกอร์ จากนั้นผมก็มองเห็นยูซุที่ไม่รู้ทำไมถึงอยู่ไม่สุข
“เป็นอะไรน่ะ”
“คือเอ่อ… จะพูดยังไงดีล่ะ”
ผมถามออกไป แต่ยูซุพูดกลับพูดอึกอักราวกับว่ายากที่จะพูดออกมา
“มีอะไรกันแน่ ถ้าเกิดไม่บอกฉันก็ไม่รู้หรอกนะ”
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเร่งให้เธอพูดออกมา เธอถอนหายใจราวกับเตรียมใจเสร็จ —จากนั้นก็ถอนหายใจและพึมพำออกมาว่า
“……อยากเข้าห้องน้ำ”
อา ก่อนหน้านี้ยัยนี่ดื่มกาแฟเข้าไปนี่นา
“ถ้าเกิดไม่รีบหนีออกไปห้เร็วที่สุดละก็…อาจจะไปไม่ทันก็ได้”
“รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งรีบร้อน! อย่างน้อยก็ยังมีถังอยู่นะ!”
ผมคว้าถังออกมาอย่างรีบร้อน เมื่อรู้สึกถึงลางสังหรณ์ของภัยพิบัติ
“ไม่เอาน้า~! จุดจบแบบหมดสิ้นศักดิ์ศรีแบบนั้นฉันไม่เอาด้วยหรอก! หาทางทำให้ฉันหนีไปให้ได้เลยนะ ยามาโตะคุง!”
ยูซุเริ่มทุบประตูปั้งๆ อย่างถึงขีดจำกัด
“ว้าก! อย่าอาละวาดนะ! ถ้าเกิดมาอาละวาดในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ละก็…!”
ผมลนลานและพยายามเข้าไปหยุด แต่ดูเหมือนมันจะสายเกินไปหน่อย
ผลจากการอาละวาดอย่างรุนแรงในที่แคบ ทำให้ผมเห็นขาของตู้ล็อกเกอร์ลอยขึ้น
“เอ๊ะ… กรี๊ด!?”
“แย่แล้ว…!”
ผมหันตาไปรอบๆ ——โครม
แรงกระแทกของตู้ล็อกเกอร์ที่ตกลงมาทำให้ผมหลับตาไปครู่นึง
“อูย… เฮ้ย ยูซุ เป็นไรมั้ย”
“อะ อื้ม… ฉันรุนแรงไปหน่อย ขอโทษ”
ดูเหมือนว่าเราทั้งคู่จะไม่เป็นไร
เนื่องจากความมืด ความสมดุลของพวกเราจึงถูกรบกวนบ้าง แต่ในที่สุดพวกเราก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองได้
“เอ๊ะ…”
“อ๊ะ…”
ก่อนจะรู้ตัว ผมได้ผลักยูซุให้ล้มลงไป
ร่างกายอันบอบบางพอดีกับอ้อมแขนของผม อาจเป็นเพราะอาละวาดทำให้มองเห็นท้ายทอยอย่างชัดเจนนิดหน่อย
ผมสบตากับยูซุ
“หวา มะ ไม่ได้นะ ตอนนี้มันอันตรายเกินไป…”
ยูซุหน้าแดงเพราะความเข้าใจผิดบางอย่าง
“ไม่ๆๆ! มันเป็นแค่อุบัติเหตุเฟ้ย! ยิ่งไปกว่านั้นเราต้องรีบออกไปก่อนเวลาจะหมดนะ”
ตอนที่ผมล้มลง ผมได้ผลักประตูเข้าไปจากด้านข้างลึกกว่าเดิม
จากนั้นประตูก็ได้ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย บางทีแล้วแรงกระแทกของผมคงจะทำได้ให้ตัวล็อกหายเบี้ยว
“เอ๊ะ… ปะ เปิดแล้ว! นายทำได้แล้วยามาโตะคุง!”
“อะ อา ดีแล้ว รีบไปปเข้าห้องน้ำซะ”
“อื้ม!”
ยูซุผละตัวออกจากใต้ร่างของผมและวิ่งออกไปนอกห้อง
ผมซึ่งถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้ค่อยๆ ย่องออกจากตู้ล็อกเกอร์และหายใจเข้าลึกๆ
“อันตรายชะมัด…”
ภาพของยูซุที่อยู่ใต้ร่างกายของผมได้แวบเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
บางทีคงเป็นเพราะสถานการณ์ หุ่นของเธอมันจึงดูเร้าอารมณ์แปลกๆ
“…ไม่ๆ มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น”
ผมส่ายหัวตัวเองและพึมพำแบบไม่รู้ว่าพูดอยู่กับใคร
“เอ้า อึ้บ…”
ผมยกตู้ล็อกเกอร์กลับไปวางที่เดิม จากนั้นก็จัดข้าวของข้างในเพื่อขจัดสิ่งรบกวนจิตใจ
และในตอนนั้นผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากทางโถงทางเดิน
บางทียูซุคงจะกลับมาแล้ว
“เหมือนเสียงจะมาจากที่นี่สินะ…”
ทว่าเสียงที่ผมได้ยินจากข้างนอกกลับเป็นเสียงของครูอบรมนักเรียน
เขาคงกลับมาเพราะได้ยินเสียงตู้ล็อกเกอร์ล้ม
“เวรแล้ว…!”
ผมตื่นตระหนกและเข้าไปในตู้ล็อกเกอร์ที่ผมเพิ่งยกไปไว้ที่เดิม
ในเวลาเดียวกัน ประตูห้องชมรมวรรณกรรมก็เปิดออกมา
“อืม… ก่อนหน้านี้เราลืมล็อกประตูเหรอ มีอะไรแปลกๆ นะ”
เสียงสงสัยและฝีเท้าของครูอบรมนักเรียนได้ดังมาถึงตู้ล็อกเกอร์ที่ผมอยู่
ยูซุโว้ย… ถึงจะอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแค่ไหนก็อย่าลืมล็อกประตูได้มั้ย
เพราะแบบนี้เขาก็เลยสงสัยสินะ
“คงคิดไปเองมั้ง…”
หลังจากรอสักพัก ในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องชมรมถูกปิดและเสียงล็อกกุญแจราวกับว่าเขาเลิกสงสัยแล้ว
“ฟู่… ไปแล้วเหรอ”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยายามเปิดประตูล็อกเกอร์โดยไม่ให้มีเสียง
“อะ เอ๊ะ”
ทว่าประตูซึ่งควรจะเปิดได้ตอนที่ผมล้มลงไปก่อนหน้านี้กลับถูกปิดตายอีกครั้ง และไม่ขยับเขยื้อนแม้ว่าผมจะใช้แรงแขนทั้งหมด
“เฮ้ย จริงจังใช่มั้ย…!?”
ถึงผมจะใช้มือทั้งสองข้างผลักออกมันก็ยังไม่เปิด
ถ้าเกิดผมพยายามล้มลงไปอีกรอบ ครั้งต่อไปที่ครูอบรมนักเรียนได้ยินเสียงเขาจะต้องรู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่แน่
“ใช่ๆ งั้นก็ให้ยูซุเปิดเอาจากข้างนอกก็ได้นี่นา…!”
อย่างแย่ก็คือยูซุเปิดไม่ได้ ทว่ายัยนั่นก็สามารถหาคนมาช่วยได้
เมื่อคิดอย่างนั้น ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องชมรมอีกครั้ง
คราวนี้คงเป็นยูซุแล้วล่ะ
“เอ๊ะ”
ทว่าเธอกลับพึมพำแปลกๆ อยู่หน้าห้อง
ในขณะที่ผมกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ข้อความจากเธอก็ได้ส่งมายังโทรศัพท์ของผม
『 นี่ ห้องชมรมมันล็อกน่ะ เปิดให้หน่อยสิ ฉันทิ้งกุญแจเอาไว้ในห้องน่ะ』
“เฮ้ย… คงไม่ได้โกหกใช่มั้ย”
เอ๊ะ อะไรฟะ เราคง…ไม่ต้องหาทางออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเองหรอกใช่มั้ย
『 ฉันอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตอนตู้ล็อกเกอร์อีกแล้ว』
เมื่อผมตอบกลับไป สัญญาณการเคลื่อนไหวของยูซุที่อยู่อีกฟากของประตูก็ได้หยุดลง
『…มีถังฉุกเฉินอยู่ เพราะงั้นสู้ระยะยาวได้』
『ช่วยฉันออกมาให้เร็วที่สุดเดี๋ยวนี้!』
『ฉันจะไปเอากุญแจสำรองมาจากห้องพักครูให้ ช่วยรอแป๊บ』
『ช่วยฉันออกมาให้เร็วที่สุดเดี๋ยวนี้!』
『ขอจริงๆ นะ ขอร้องล่ะ』
ผมส่งคำวิงวอนไปยังฝีเท้าที่ไกลออกไป
『อ๊ะ แต่ถ้าเกิดโดนจับได้ฉันจะถอนตัวนะ』
『ยัยเลือดเย็น!』
หลังจากสามสิบนาทีต่อมา ผมก็หนีออกจากห้องชมรมมาได้ด้วยการช่วยเหลือของยูซุ