[WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS - ตอนที่ 1 คู่รักเริ่มแนะนำตัวหลังจากคบกันได้ไม่นาน
“พอมาลองคิดดูแล้ว พวกเราก็ยังไม่ได้รู้เรื่องของกันและกันเลยนะ”
ในวันหนึ่ง ณ ห้องชมรมวรรณกรรม (ที่ไม่ได้รับอนุญาต) ยูซุก็ได้พึมพำบางอย่างราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้
ผมย้อมในระดับที่คุณครูไม่ต่อว่า ใบหน้าดูเรียบร้อยเป็นระเบียบ เธอเป็นสาวสวยที่ทิ้งความประทับใจแรกพบไว้แบบนั้น
“เอาเถอะ ก็ก่อนจะคบกันเราไม่เคยคุยกันเลยนี่นา”
อย่างที่ผมบอก ตอนนี้ผมกับเธอกำลังคบกันอยู่เนื่องจากสถานการณ์บางอย่าง
แต่ทว่าในความเป็นจริงพวกเราไม่ได้รู้เรื่องของกันและกันเลย พวกเราเป็นเพียงคู่รักจอมปลอม
“ก็ใช่น่ะสิ โดยเฉพาะยามาโตะคุง นายไม่ได้คุยกับใครเลย เอาแต่ทำตัวมืดมน จะไปหาข้อมูลจากใครที่ไหนก็ไม่ได้เลย”
“ขอโทษด้วยละกัน”
ถึงมันจะฟังดูแย่ แต่ผมก็ไม่อาจปฏิเสธคำบรรยายถึงตัวผม อิซึมิ ยามาโตะ ได้
“และด้วยเหตุนี้ เรามาเริ่มมุมแนะนำตัวเองกันดีกว่า!”
“มันใช่สิ่งที่ทำหลังคบกันซะเมื่อไหร่…แต่ก็เอาเถอะ”
ผมพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจตามคำแนะนำของยูซุ
เรานั่งหันหน้าเข้าหากันบนโต๊ะ และด้วยเหตุผลบางอย่างจึงตัดสินใจพูดคุยกันในรูปแบบของการสัมภาษณ์
“งั้นเริ่มที่ฉันเลยนะ! ปี1 นานามิเนะ ยูซุ! ความสามารถพิเศษก็คือการเรียน เล่นกีฬา หาเพื่อน แล้วก็เอ่อ…นับไม่ถ้วน! คำพูดอย่างเดียวไม่สามารถอธิบายถึงข้อดีของฉันทั้งหมดได้!”
อย่างที่คุณเห็นจากการแนะนำตัวเองนี้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่หลงตัวเองขั้นสุดยอด ช่างน่าเสียดายที่เธอมีความสามารถตามที่โวไว้จริงๆ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเถียงอะไรกลับไปได้มากมาย
“ถ้ามีอะไรที่อยากจะถามเกี่ยวกับฉันก็ว่ามาได้เลยนะจ๊ะ”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ”
เมื่อผมตอบกลับไปตามที่คิดตรงๆ ยูซุก็ได้ทำแก้มพองด้วยความไม่พอใจ
“อะไรกันเนี่ย~ ให้ความสนใจกับฉันมากกว่านี้หน่อยซี่~”
“ถ้าจะว่างั้นก็…เธอชอบอะไรล่ะ”
“แน่นอนว่าต้องเป็นตัวฉัน!”
ได้คำตอบตามที่หวังแล้วนะ เท่านี้เราคงไม่ต้อง…
“อ๊ะ แล้วก็แน่นอนว่าชอบยามาโตะคุงด้วยนะ”
—การจู่โจมแบบที่คาดไม่ถึง
“…อุ”
ผมหลบตายูซุที่มองมาอย่างเจ้าเล่ห์โดยไม่รู้ตัว
“อ๋า เขินเหรอจ๊ะ~ ยามาโตะคุงนี่น่ารักจังนะ นี่ๆ มีความสุขมั้ย เขินเลยใช่มั้ยที่โดนฉันมาบอกชอบแบบนี้”
“ระ เรื่องนั้น…!”
บ้าเอ๊ย หูของเรามันแดงไปหมดแล้ว
“ถ้างั้นก็ถึงตาของยามาโตะคุงแล้วนะ เชิญแนะนำตัวได้เลยนะจ๊ะ”
“…ปี 1 อิซุมิ ยามาโตะ ความสามารถพิเศษก็คงเป็น…เล่นบาสแล้วก็พับกระดาษ”
หลังจากแนะนำตัวโดยอิงจากยูซุ แฟนสาวที่อยู่ตรงหน้าของผมก็ได้ยกมือขึ้น
“ค่า ฉันมีคำถามจะถามหน่อยค่า! มีสิ่งที่ชอบบ้างหรือเปล่าคะ”
“อืม ก็คงเป็นเกม RPG น่ะ ที่เป็นเกมสวมบทบาท”
นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นงานอดิเรกที่ใหญ่ที่สุดและเพียงอย่างเดียวของผมก็ว่าได้ เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง ชีวิตประจำวันในฐานะเด็กผู้ชายของผมก็จะถูกอุทิศให้กับเกม RPG
“อ๊า โทษที ไม่ค่อยได้ยินเลย”
…ทั้งที่เป็นคนถามออกมาเอง แต่ดูเหมือนยูซุจะไม่ทันได้ฟัง
ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดอีกรอบ
“ก็บอกว่าสิ่งที่ฉันชอบคือ RPG…”
“ม่ายด้ายยินเลย~”
“…สิ่งที่ชอบอันดับหนึ่งก็คือยูซุจัง ส่วนอันดับสองก็คือ RPG ครับ”
“ไม่เอาซี่! จู่ๆ ก็สารภาพรักแบบนี้ฉันอายนะ! ชอบฉันขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ? ชอบฉันที่ตรงไหนกันเหรอจ๊ะ?”
ฮะๆ ช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายอะไรขนาดนี้
“ตรงที่รับฟังสิ่งที่คนอื่นพูด ตรงที่ไม่ขัดจังหวะการพูดของชาวบ้าน ตรงที่ยอมรับความเห็นที่ตัวเองไม่อยากฟัง”
“นายก็ว่างั้นสินะ ช่างเป็นกลุ่มก้อนของความพิเศษจริงๆ เลยนะตัวฉัน”
ยูซุใช้มือจับแก้มแล้วก็กระมิดกระเมี้ยน ดูเหมือนว่าการแซะของผมจะไปไม่ถึงเธอสักนิด
“นอกจากนี้ฉันยังชื่นชมเธอที่มีความหน้าหนา…”
“ก็ถ้าฉันไม่ได้ขนาดนั้น ก็คงเป็นแฟนกับยามาโตะคุงไม่ได้หรอกนะ!”
ยูซุดูไม่มีท่าทางสะทกสะท้านสักนิด
“นั่นสิ…คนที่จะเป็นแฟนกับเธอได้ก็ต้องมีจิตใจกล้าแกร่งขนาดนั้นแหละ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงหาแฟนในอนาคตไม่ได้หรอก”
“นี่ หยุดพูดเหมือนว่าจะเลิกกับฉันสักทีได้ไหมยะ”
ยูซุบ่นพร้อมกับเม้มปากเมื่อได้ยินคำพูดพึมพำของผม
ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนไปยังหัวข้อถัดไป
“เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็ได้รู้ถึงข้อดีกับสิ่งที่ชอบกันไปแล้ว งั้นต่อไปเรามาพูดถึงข้อเสียกันบ้างไหม”
“ข้อเสียของฉันเหรอ? ไม่มีหรอก! เพราะว่าฉันเป็นยอดมนุษย์สมบูรณ์แบบไร้จุดอ่อน”
ยูซุเชิดหน้าอกของเธออย่างภาคภูมิใจ ช่างเป็นคนที่ไร้ซึ่งความละอายได้อย่างแกร่งกล้าจริงๆ
“จริงเหรอ? ตามปกติคนเราก็ต้องมีเรื่องที่ไม่เก่งสักเรื่องสองเรื่องนั่นแหละ”
“ที่ฉันพิเศษก็เพราะไม่มีสิ่งนั้นค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ยามาโตะคุงล่ะมีอะไรที่ไม่เก่งบ้างหรือเปล่า”
“มี…แต่ฉันไม่อยากบอกเธอ ถ้าบอกไปต้องโดนเอามาแกล้งแน่เลย”
เมื่อผมทำหน้าบูดบึ้งปฏิเสธออกไป ยูซุก็ได้ทำหน้าไม่พอใจ
“อะไรคือการที่หยิบหัวข้อนี้มาพูดเองแล้วปฏิเสธน่ะ แต่ไม่ต้องบอกฉันก็รู้อยู่แล้ว ว่าจุดอ่อนของยามาโตะคุงคือการสื่อสารกับผู้อื่น และไม่รักษาความสัมพันธ์กับมนุษย์”
“แล้วแต่จะคิด”
เมื่อถูกชี้ไปยังจุดอ่อนที่ไม่อาจเถียงได้ ผมก็ไม่มีแม้แต่คำพูดที่จะต่อต้าน
“ยามาโตะคุงควรปรับปรุงตัวนะรู้มั้ย การสื่อสารน่ะคืออาวุธนะ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก ถ้าเกิดเป็นยูซุฉันจะดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้วล่ะ”
ยังไงซะยัยนี่ก็เป็นพาร์ตเนอร์ที่ขาดไปไม่ได้สำหรับเป้าหมายของผม
ผมจะให้คุณค่ากับความสัมพันธ์เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ดังนั้นผมจึงไม่สนใจเท่าไหร่ต่อให้ไม่ค่อยมีเพื่อน
ที่ผมพูดไปมีความหมายว่าแบบนั้น
“หวะ? นะ นั่นสินะ นายจะดูแลฉันเป็นอย่างดีเลยสินะ หืม…”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หน้าของยูซุจึงได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสด
“อะไรน่ะยูซุ เขินอยู่เหรอ”
“ไม่ได้เขินซะหน่อย! ก็แค่นิดหน่อยน่ะ!”
เมื่อผมทักเรื่องนั้นออกไป หน้าของยูซุก็ได้แดงขึ้นกว่าเดิม มันแดงลามไปจนถึงใบหูเลย
คิดไปคิดมา คำพูดนั้นมันอาจทำให้เข้าใจผิดก็ได้นี่นา ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดเลยนะ ว่าการโจมตีเพียงครั้งเดียวจะทำให้เกิดความเสียหายได้ขนาดนี้
“นะ หน้านั่นมันอะไรกันยะ”
“ก็เปล่านี่? ก็แค่ความน่ารักของยูซุจังมันทำให้ฉันยิ้มได้น่ะ”
“ที่ฉันรู้สึกมันไม่ใช่อย่างนั้นย่ะ!”
ในขณะที่ผมกำลังยิ้ม ยูซุก็ได้ชกเบาๆ มาที่ท้องของผม
“ฉันไม่ได้มีอะไรแอบแฝงจริงๆ ก็ยูซุจังไม่มีจุดอ่อนนี่นา เกราะของเธอคงไม่ได้บางเป็นกระดาษที่แค่โดนชมนิดหน่อยก็เขินหรอกใช่ไหมล่ะ”
“หนวกหูค่ะ!”
เสียงปุอันปวกเปียกได้ประทับเข้าที่ร่างของผมอีกครั้ง
ทั้งที่เป็นคนหลงตัวเองแท้ๆ แต่ยูซุกลับมีจุดอ่อนที่คาดไม่ถึงอย่างการถูกชมอย่างกะทันหัน