[WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา - ตอนที่ 7
บทที่ 1 ตอนที่ 7 มือใหม่ (ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้อ่อน)
“ฉันชนะอีกแล้วค่ะ”
ว่าไว้แล้ว ต่อให้เป็นอาริสะก็ยังดีใจที่ชนะเกมสินะ
ตอนนี้สีหน้าเย็นชาของเธอเริ่มดูคลายลงนิดหน่อยแล้ว
มุมปากยกขึ้นนิดๆ และตาหรี่ลงเล็กน้อย ทว่านัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นก็ยังคงไม่มีประกายแสง
ยูสุรุรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย แต่เมื่อเขามองเห็นท่าทางน่ารักของอาริสะ เขาก็รู้สึกว่าการแพ้มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่
จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ชอบเธอ แต่ยังไงรอยยิ้มของสาวสวยมันก็ยังนับว่าเป็นอาหารตาที่ดีอยู่ดี
“มีอะไรติดหน้าฉันอยู่หรือเปล่าคะ”
“ปะ เปล่าหรอก… แค่คิดว่าเป็นมือใหม่แท้ๆ แต่เล่นเก่งจังเลยนะน่ะ”
ยูสุรุรีบพูดกลบเกลื่อนอาริสะที่กำลังเอียงคอสงสัย
เขาคงจะพูดออกไปไม่ได้ ว่ากำลังมองสีหน้านั้นอยู่และคิดว่า “น่ารักจัง”
“นี่ไม่เคยเล่นเกมเลยจริงๆ เหรอ ที่บ้านไม่มีเกมเลยเหรอ”
“ไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นหรอกค่ะ… คุณแม่บุญธรรมเขามีอคติกับเกมน่ะ แบบว่าถ้าเกิดเห็นเขาจะโกรธแล้วบอกว่า ‘ไปเรียนซะ’ ”
“…เข้าใจแล้ว”
ก็รู้สึกมาตั้งแต่ตอนดูตัวแล้ว ว่าจุดยืนของอาริสะในบ้านอามากิคงไม่ค่อยจะดี
บางทีที่บ้านอาจจะมีเกมอยู่ แต่คงไม่ได้เล่นกับพวกลูกๆ ของตระกูลอามากิ
เพราะงั้นเธอก็เลยมาขอเล่นเกมที่บ้านของยูสุรุ
“คุณทาคาเซกาวะเนี่ย… แบบว่าเล่นเกมอ่อนสินะคะ”
“ไม่ต้องทำเป็นพูดแบบเกรงๆ ก็ได้”
“อ่อนสุดๆ ไปเลยสินะ”
“อย่าตอกย้ำสิ …ล้อเล่นแบบนั้นเป็นด้วยสินะ”
“นี่คุณคิดว่าฉันพูดล้อเล่นไม่เป็นเลยแม้แต่คำเดียวเหรอคะ”
อาริสะจ้องมองยูสุรุด้วยท่าทางเคืองๆ
พอยูสุรุยักไหล่ อาริสะก็พูดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
“คุณดูเล่นไม่เก่งเลยนะคะ ปกติแล้วไม่ได้เล่นเกมพวกนี้เหรอคะ”
“อืม… ปกติแล้วฉันไม่ใช่พวกเล่นเกมน่ะ”
“ทั้งที่มีมากมายแบบนั้นน่ะนะ”
อาริสะพูดพร้อมกับมองเกมที่เขาเตรียมเอาไว้ให้
รวมๆ ทั้งเก่าและใหม่ก็มีทั้งหมดห้าสิบแผ่น
มองจากคนภายนอกแล้วก็คงเป็นพวกชอบเกมนั่นแหละ
“ฉันเบื่อง่ายน่ะ”
“เป็นประเภทที่ชอบซื้อมาดองจริงๆ ด้วยสินะ”
“จริงๆ ด้วย?”
“ก็ที่ห้องครัวมีอุปกรณ์อยู่ครบครันเลยนี่คะ …อย่างหม้อเหล็ก แล้วก็หม้อแรงดัน”
ยูสุรุนั้นมีอุปกรณ์ทำอาหารอยู่มากมายทั้งที่เขาทำอาหารไม่เป็น
เพราะงั้นอาริสะก็เลยเดาว่าเขาเป็นคนประเภทที่ “ชอบซื้อแต่ไม่ได้ใช้”
…ปฏิเสธไม่ได้เพราะไม่ผิดเลยสักนิด
“รู้สึกว่าตรงห้องนั่งเล่นก็มีอุปกรณ์ฝึกกล้ามเนื้ออยู่เต็มไปหมดด้วยสินะคะ”
“เอ่อ… ก็มีใช้บ้างเป็นครั้งคราวน่ะ …แบบฝึกกล้ามเนื้อที่บ้านอยู่ บางครั้งก็ไปยิมกับเพื่อนๆ ด้วยน่ะ”
“จริงเหรอ”
“…ไม่โกหกอะไรน่าสมเพชแบบนั้นหรอกน่า จะยืนยันดูไหมล่ะ”
ยูสุรุคว้าเสื้อแล้วพูดว่าถ้าไม่เชื่อจะแสดงหลักฐานให้ดูเลยเอาไหมจนผิวของอาริสะถูกย้อมแดงเข้ม
จากนั้นเธอก็หลบสายตาด้วยความเลิ่กลั่ก
“มะ ไม่ค่ะ… ขอผ่าน”
ช่างไร้ภูมิต้านทานกับผู้ชายจริงๆ
ยูสุรุมั่นใจ ว่าเหตุผลที่เธอโดนบอกว่าน่ารักไม่ใช่แค่เพราะรูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคลิกท่าทางของเธอด้วย
“จริงสิ ยูกิชิโระ ดื่มอะไรหน่อยไหม”
ไอ้น่ารักมันก็น่ารักอยู่หรอก แต่จะให้เขินอายตลอดเวลามันคงจะน่าอึดอัด
ยูสุรุก็เลยขอเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
นี่ก็บ่ายสองครึ่งแล้ว
เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการทานอาหารว่าง
“งั้นก็กรุณาด้วยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว …กาแฟโอเคหรือเปล่า”
ถ้ามีนมกับน้ำตาลก็โอเคค่ะ”
“รับทราบ เดี๋ยวจะไปชงให้”
ถึงจะพูดว่าชง แต่ก็ใช่ว่าจะเอาไปชงผ่านน้ำเดือด
เป็นเพียงแค่การวางแก้วลงไปในเครื่องชงกาแฟตรงครัวแล้วก็กดปุ่ม
ผมถือแก้วด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะกลับไปที่ห้องนั่งเล่นและวางแก้วไว้บนโต๊ะ
อาริสิเลิ่กคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เร็วจังนะคะ”
“มีเครื่องชงกาแฟอยู่น่ะ”
“งี้นี่เอง เสียงนั่นคงมาจากเครื่องชงกาแฟสินะ”
“ตามนั้น …จะไปเอานมกับน้ำตาลมาให้นะ”
ยูสุรุกลับไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบนมกับน้ำตาล
และในขณะเดียวกัน ก็หยิบกล่องเค้กที่ซื้อมาจากในตู้เย็นออกมาพร้อมกัน
“มาแล้ว”
“กลับมาแล้วเหรอคะ …คุณทาคาเซกาวะ อันนั้นมันของร้านมีชื่อในละแวกนี้ใช่ไหมคะ”
เหมือนเธอจะเห็นเค้กที่ยูสุรุนำมาด้วย
แม้ว่าเธอจะรีบเปลี่ยนสีหน้า แต่สายตาของเธอกลับชำเลืองมาที่กล่อง
“อ๊ะ รู้ด้วยเหรอ กินของหวานได้หรือเปล่า”
“ค่ะ ฉันก็ชอบกินของหวานเหมือนกับคนอื่นนั่นแหละ”
ยูสุรุเปิดกล่องด้วยความโล่งอก
ข้างในนั้นมีชอร์ตเค้กและเค้กช็อกโกแลตอยู่อย่างละสองชิ้น
“เอาอันไหนดี”
“เอ๊ะ เอ่อ… ช่วยรอสักครู่ด้วยค่ะ”
อาริสะพูดงึมงำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตาสีมรกตของเธอเคลื่อนที่ซ้ายขวาอยู่หลายครั้ง
เธอเลือกชอร์ตเค้กหลังจากพิจารณาอย่างละเอียด
ส่วนหน้าที่กำจัดเค้กช็อกโกแลตก็กลายเป็นของยูสุรุ
พวกเราวางเค้กลงบนจานแล้วก็เริ่มกินเค้ก
เนื่องจากเป็นร้านที่มีชื่อเสียงรสชาติจึงอร่อยตามที่คาดเอาไว้
หลังจากยืนยันรสชาติของเค้กเสร็จแล้ว ผมก็เปลี่ยนไปตรวจสอบสีหน้าของอาริสะ
ความประทับใจ… ดูเหมือนว่าคงไม่ต้องถามสินะ
(ค่อยยังชั่วหน่อยที่ชอบ)
เธอนำเค้กเข้าปากด้วยสีหน้าผ่อนคลายพร้อมกับแก้มที่แดงนิดๆ
ทันทีที่เค้กเข้าปาก ดวงตาของเธอก็หรี่ลงและยิ้มออกมาเล้กน้อย
ดวงตาของเธอหลุบลงจนรู้สึกเหมือนกับอยู่ในภวังค์ความฝัน
จากนั้นเธอก็เอากาแฟเข้าปากและขมวดคิ้วทันที
ดูเหมือนว่านมกับน้ำตาลจะมีไม่เพียงพอ
“…หัวเราะอะไรคะ”
“เปล่า โทษทีๆ มันก็แค่ตลกดีน่ะ”
“เสียมารยาทจังค่ะ”
เธอขมวดคิ้วแบบดูหงุดหงิด
ประกอบกับการที่ใส่นมกับน้ำตาลก้อนลงไปในกาแฟพร้อมกับพูดไปด้วยมันยิ่งทำให้ดูตลกหน่อยๆ
“โทษทีๆ … แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เธอชอบ”
อาริสะทำหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นยูสุรุพูดพร้อมกับหัวเราะนิดๆ
กระนั้นมือที่ขยับส้อมก็ยังไม่หยุด
และทันทีที่เอาเค้กเข้าปาก สีหน้าของเธอก็ดูนุ่มนวลลง
“เอาเถอะ จะยกโทษให้ค่ะ ว่าแต่ว่าคุณทาคาเซกาวะก็รู้จักร้านแบบนี้ด้วยเหมือนกันสินะคะ”
“ฉันไม่ค่อยรู้จักร้านแบบนี้หรอก …แตไปกับค่อนข้างบ่อยน่ะ กับเพื่อน”
เมื่อยูสุรุพูดแบบนั้นออกไป อาริสะก็ทำท่าตกใจและตาโต
เธอตกใจมากซะจนหยุดขยับส้อมที่อยู่ในมือ
“เฮ้ยๆ ดูยังไงนั่นมันก็ไม่ใช่การแกล้งตกใจเลยนะ”
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ คือที่บอกว่าเพื่อนเนี่ย… หมายถึงเพื่อนร่วมชั้นเหรอคะ”
“ไม่ใช่ ซาตาเกะ โซอิจิโร่ กับเรียวเซนจิ ฮิจิริต่างหาก… รู้จักหรือเปล่า”
“เคยได้ยินชื่อมาก่อนค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าหน้ากับชื่อตรงกับที่รู้จักหรือเปล่า”
โรงเรียนเพิ่งเปิดมาได้ไม่ถึงสองเดือน
แม้ว่าจะจำหน้าคนที่อยู่ในห้องเดียวกันได้ แต่จะจำหน้าของคนที่อยู่คนละห้องไม่ได้มันก็เรื่องปกติ
ดังนั้นแค่บอกว่ารู้ชื่อจึงนับว่าประหลาดใจแล้ว
“อะไรกัน เจ้าพวกนั้นเป็นคนดังเหรอ”
“เวลาสาวๆ ในห้องคุยกัน… บางทีก็มีชื่อของพวกเขาโผล่ออกมาน่ะค่ะ แบบว่าเป็นพวกหน้าตาดีอะไรแบบนั้น”
“ก็เจ้าพวกนั้นหน้าตาดีนี่นะ”
ถึงในฐานะมนุษย์ ยูสุรุจะอดเอียงหัวไม่ได้ว่าเป็นผู้ชายที่ดีหรือเปล่าก็เถอะ
โดยเฉพาะกับโซอิจิโร่
“…ก็ด้วยนั่นแหละ”
อาริสะกระซิบบางอย่าง
มันเบาเกินกว่าที่ผมจะได้ยินเสียง
“ได้พูดอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
ยูสุรุถามกลับไป ทว่าอาริสะกลับตอบมาด้วยสีหน้าเรียบๆ